บทที่ 56 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (3)
บทที่ 56 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (3)
”
ฉันไม่ได้คาดหวังในชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ว่าอย่างน้อยฉันก็คาดหวังให้พวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะพิจารณาให้ได้ว่าเป็นพวกระดับสูงได้ ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นเพียงแข็งแกร่งกว่านักสำรวจปกติเล็กน้อยเท่านั้น มีเพียงเอลลอสเพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นระดับสูง ชูน่านั้นมีป้องกันและรุ่มร้อน แต่เธอก็ขาดในด้านอื่นๆทั้งหมด และเพลรูเดีย...อืม ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะตัดสินความสามารถของนักบวชยังไง
อย่างไรก็ตามนักสำรวจจากทวีปไพลอส นักรบเรเปียจากทวีปลูก้่ และพอที่ตายไปพวกเขาบกพร่องเป็นอย่างมาก พวกเขาทำตัวเหมือนกับกำลังเล่นเกม รอคอยเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีและถอยกลับไปเพื่อหลบหลีกอันตราย
มันอาจจะทำให้เขารอดได้มาจนถึงตอนนี้ แต่ด้วยการที่สมาชิกในปาตี้ทำแบบนี้ถึง 30% มันก็ทำให้บอสประจำชั้นเห็นและใช้ช่องว่างนี้ที่พวกเขาสร้างขึ้น มันเลยเป็นผลทำให้พวกเขาทั้งหมดตาย
ถ้าฉันจำได้อย่างถูกต้อง พวกเขาไม่ได้บอกเอาไว้ว่ากำลังต่อสู้กับปีศาจหรือผู้บุกรุกในทวีปของเขาหรอ? พวกเขาจะเต็มไปด้วยความสบายอย่างนี้ได้ยังไง? ทำไมพวกเขาถึงไม่หมดหวังที่จะอยู่รอด? ไม่ต้องพูดไปถึงพวกเขาเป็นนักสำรวจของดันเจี้ยนที่หนึ่ง ไม่ใช่สามหรือสี่ พวกเขาควรจะเป็นคนที่มีศักยภาพที่ดีทีสุดในทวีป! ฉันไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยจริงๆ
มันเรื่องนึงในด้านบกพร่องทางความสามารถ แต่พวกเขาก็ยังบกพร่องในด้านความคิดอีกด้วย อย่างน้อยพอลก็ยังโจมตีรุนแรงขึ้น แม้ว่าเขาจะตายแต่มันก็มาจากการโจมตี เขายังดีกว่าคนที่โจมตีเป็นครั้งคราวหรือพวกที่ใช้พวกแค่ทักษะเมื่อมีมานาเท่านั้น
สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุดเลยก็คือทุกคนคาดหวังว่าจะก่อนที่พวกเราจะได้ต่อสู้กับบอสซะอีก อย่างไรก็ตามฉันก็ปล่อยมันไว้ก่อน สิ่งสำคัญที่จะทำให้ฉันระบายความรู้สึกรำคาญและไม่พอใจก็คือด้วยการกระทำของฉันในตอนนี้
นี่มันคือสิ่งที่นักรบที่แท้จริงจะทำ!
"ไพก้าเปิดทางให้ฉันที!"
[โอเคนายท่าน! ย้า!]
มานาเกือบ 20% ของฉันได้ถูกดูดออกไปในทันที ไพก้าได้แบมือออกมาและตะโกนอย่างน่ารัก ทันทีหลังจากนั้นสายฟ้าที่เหมือนกับเลเซอร์ที่หนากว่าร่างกายของเธอเองได้ยิงไปทางกูล มันได้ทำลายซอมบี้ทั้งหมดในเส้นทาง ข้อความที่ว่าฉันได้รับทองได้ดังกระหึ่มขึ้นมา แต่ฉันก็เมินมัน
"ฉันเปิดทางให้แล้ว ดังนั้นทุกคนจัดการกันเองด้วย ไพก้าเธอมากับฉัน!"
[โอเค!]
"พวกเราจะทำตามคำสั่งของชิน ชูน่าไปกันเถอะ"
"ตะ แต่ถ้าพวกเราปล่อยทุกๆอย่างให้เจ้าชาย มันจะไม่ใช่การจู่โจมแล้วนะ!"
"นี่มันไม่ใช่การจู่โจมชูน่า"
เอลลอสได้พูดออกมาด้วยความขมขื่น
"มันเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของทวีปของพวกเรา"
หลังจากที่ไพก้าเข้าไปในหอกดินดำของฉัน หอกก็ได้เปล่งประกายสายฟ้าออกมา ฉันไม่สนใขพวกซอมบี้ที่เข้ามาหาฉันเลยเพราะพวกมันไม่ได้ขัดขวางอะไรฉันซักนิด
"ก๊าซซซ..."
"เฮ้กูลยักษ์ มันเป็นวันดีที่แกควรจะตายว่ามั๊ย?"
เมื่อฉันได้หยุดกูลยักษ์จากการไล่ล่าเอลลอสกับคนอื่นๆ มันก็จ้องกลับมาที่ฉันราวกับว่ามันรำคาญอย่างมาก อย่างไรก็ตามมันไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิด ในขณะที่ฉันจัดการกับพวกซอมบี้ฉันก็ได้เรียนรู้รูปแบบการเคลื่อนไหวของมันแล้ว
"ฉันจะเริ่มล่ะนะ"
ฉันไม่ได้มีแผนที่จะใช้ธาเลเรียเลย ฉันไม่ต้องการที่จะใช้มัน ด้วยหอกในมือของฉันกับไพก้ามันก็เพียงพอแล้ว
"ก๊าซซซ"
"ฮีบบ!"
ฉันได้กระโดดไม่ข้างหน้าและหลบกรงเล็บของมันอย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันฉันก็แทงออกกลับไปที่หลังมือของมันอีกด้วย มันแตกต่างจากกูลโดยปกติ พลังป้องกันของมันมากกว่าปกติมาก หอกของฉันสามารถจะเจาะเข้าไปในผิวมันได้เล็กน้อยเท่านั้น มันยังอยู่ในความคาดหมายของฉัน ฉันได้แทงหอกออกไปอีกสองครั้งซึ่งนั้นเป็นผลให้หอกแทงทะลุเข้าไปสำเร็จและทำให้เลือดของมันไหลออกมา
"ก๊าซซซซซ!"
"ฮ่าห์! มันก็แค่มดกดเองนะ!"
ในความเป็นจริงแลัวการแทงต่อเนื่องติดๆกันมันทำได้ยากมาก ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่นๆ แต่การแทงของฉันมันจะทำให้ร่างกายของฉันไปรวมกันในจุดหนึ่งและแทงออกไป ถ้าหากเป็นคนปกติการแทงอย่างต่อเนื่องแบบนี้กล้ามเนื้อและกระดูกของพวกจะต้องแตกสลายแน่นอน
อย่างไรก็ตามเรื่องราวแบบนี้จะแตกต่างออกไปสำหรับนักสำรวจดันเจี้ยนแบบฉัน ผู้ซึ่งร่างกายสามารถจะเติบโตได้อย่างไม่สิ้นสุด เราสามารถจะปกป้องและเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายได้ด้วยพลังมานา แม้แต่ในหมู่นักสำรวจด้วยกัน ฉันก็เป็นเพียงไม่กี่คนที่บีบอัดกระดูก กล้ามเนื้อ และผิวหนัง ซึ่งมันทำให้ฉันสามารถจะแทงหอกได้อย่างสมบูรณ์อย่างง่ายๆ ฉันสามารถจะทำมันได้แม้แต่ในขณะที่กินหมูปิ้งไปได้ด้วยซ้ำ
นี่คือสิ่งที่หมายถึงความแข็งแรงอย่างแท้จริง มันไม่ได้เทคนิคเหมือนอย่าทุกที เพียงแค่มีความแข็งแรงและความคล่องที่เพียงพอก็จะสามารถใช้เทคนิคนี้ได้
"ก๊าซซซซ!"
กูลยักษ์บ้าคลั่งที่ได้ประสบความล้มเหลวในการเตะฉัน จากนั้นมันก็เหวี่ยงกรงเล็บมาที่ฉัน การโจมตีจากบนลงล่างและยังมีช่วงระยะที่กว้างมันทำให้หลบได้ยาก อย่างไรก็ตามนี่มันก็ยังเป็นโอกาสดีอีกด้วย มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับฉันในการที่จะเจาะทะลวงอกของมัน
เพราะว่าการเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างของมันทำให้ใบหน้าและหน้าอกของมันเปิดกว้างและลดต่ำลงถึงในจุดที่ฉันสามารถจะเอื้อมถึงโดยไม่กระโดด
"ฮ่าห์"
ฉันได้ใช้การแทงอย่าต่อเนื่องอีกครั้งโดยใช้โอกาสก่อนที่กรงเล็บของมันจะโดนฉัน ฉันได้แทงไปที่ใบหน้าของมันหลายต่อหลายครั้ง ทุกๆครั้งที่หอกของฉันปะทะกับใบหน้าของมัน มันก็จะถูกเผาด้วยสายฟ้าจากสปิริตออร่าของฉัน หลังจากที่มันได้รับความเสียหายอย่างมาก กูลยักษ์ก็ได้กลายเป็นตกใจและกระโดดถอยหลังไปพร้อมกับพยายามที่จะเหยียบฉัน
"ก๊าซซซซ"
"ฉันยังทำไม่เสร็จเลย!"
ฉันรวบรวมมานาไปที่หอกดินดำของฉัน กระแสมานาได้ไหลไปตามเส้นทางของวงจรเพรูต้า นอกจากนี้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของฉันก็ยังไหลมาด้วย มันได้มารวมที่ปลายหอกของฉัน พวกมันทั้งสองอย่างได้รวมกันอย่างเข้มข้นในจุดๆเดียว ขั้นตอนนี้มันใช่เวลาไม่นานนัก มันถูกทำให้สำเร็จในชั่วระยะเวลาหนึ่งราวกับว่าพลังของเทพเจ้าได้นำทางมัน
และเชช่นเคยแสงสีขาวก็ได้เปล่งประกายออกมาพร้อมๆกับสปิริตออร่า มันได้กลายเป็นเกลียวสายฟ้าสีขาว หอกดินดำของฉันมันมีรูปแบบเหมือนกับสายฟ้าของซุสเลยล่ะ ในขณะที่มันได้ปล่อยแสงสีขาวกระจายออกมา กูลยักษ์ก็รู้สึกอึดอัดไปอย่างเห็นได้ชัด มอนสเตร์อันเดตนั้นอ่อนแอต่อแสงโดยธรมชาติ มันต้องการที่จะเหยียบและฆ่าฉันในทันที แต่ว่าฮีโรอิค สไตรค์มันได้สมบูรณ์แล้ว
"ฮีโรอิค สไตรค์!"
"ก๊าซซซซ!"
ฉันได้ปาหอกออกไปด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของฉัน มันได้เจาะเข้าไปในใบหน้าที่ฉันได้โจมตีในก่อนหน้านี้ ในเวลาเดียวกันการเคลื่อนไหวของมันก็ได้หยุดลง ซอมบี้ทั้งหมดก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน ในทันทีความเงียบสงบได้เข้ามาในสุสาน
"มันตายแล้วหรอ?"
เอลลอสได้กระซิบเบาๆ ฉันเชื่อว่ามันตายไปแล้ว แต่คำพูดของเอลลอสได้ทำให้ฉันตั้งการ์ดขึ้นมา ราวกับว่ามันจะตอบข้อสงสัยของฉันกูลยักษ์ได้ลุกขึ้นออกมาหลังจากสงเสียง 'ตึกๆ' ออกมา มันเป็นเสียงการเต้นของหัวใจที่ดังขี้นจากที่ๆฉันไม่สามารถจะบอกได้ ในวินาทีต่อมาอาการบาดเจ็บตรงใบหน้าและส่วนอื่นๆของมันก็ได้หายไป มันราวกับว่าเวลาได้ไหลย้อนกลับไป
[กูลยักษ์ได้ใช้ทักษะ 'ไม่ยอมตาย' เขาได้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บทั้งหมดและฟื้นฟูพลังชีวิตสูงสุด 50%]
"ก๊าซซซซซ"
"เสียงของแกมันน่าตื่นเต้นดีนะ"
"เว้ยเอ้ย ฉันคิดว่าเราชนะแล้วซะอีก!"
"แม้งแต่ด้วยกันกับเจ้าชายรัชทายาท มันก็ยังไกลที่พวกเราจะ..."
"กึก แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ใครจะไปนึกล่ะมาพวกเราจะมาได้ไกลขนาดนี้ในครั้งแรก?"
"การได้รู้ว่ามันมีทักษะนี้มันเป็นประโยชน์อย่างมาก เราจะต้องหาวิธีที่จะหยุดการใช้งานของมันในครั้งต่อไป"
สมาชิกในปาตี้ได้เริ่มพูดอย่างหมดหนทางอีกครั้ง มันทำให้ฉันหดหู่ไปเลยเพียงแค่ได้ฟังเสียงพวกเขา อย่างไรก็ตามฉันก็ได้เคลื่อนไหวถอยมา ฉันไม่ได้วางแผนที่จะยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว
"เพลรูเดียเธอมีเวทย์ที่ใช้โจมตีมั๊ย?"
"ฉะ ฉันมี! ออร์ค...นายจะให้ฉันทำมันเลยมั๊ย?"
"อย่าเรียกฉันว่าออร์ค"
ฉันได้ตอบกลับเธอไปอย่างฉันพลัน จากนั้นฉันก็สัมผัสไปที่อกของฉันที่ๆมีนาฬิกาพกพาแขวนอยู่เสมอ
"เธอเคยเห็นออร์คที่แข็งแกร่งและเจ๋งแบบนี้งั้นหรอ?"
ถึงมันจะน่าอาย แต่ว่าฉันก็จะต้องพูดให้มันเกินความคาดหมายของพวกเขาเพื่อที่จะทำให้อารฒณ์เศร้าและรู้สึกพ่ายแพ้หายไป เมื่อได้ยืนยันว่าระยะคูลดาวล์ของโพชั่นหมดลง ฉันก็ได้ดื่มมันลงไปอีกครั้ง ตอนนี้หอกของฉันที่โยนออกไปมันได้ไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้แต่ว่าในตอนนี้ฉันไม่จำเป็นจะต้องใช้มัน
"เพลรูเดียโจมตีมีเท่าที่เธอจะทำได้! นักธนูอีกสองคนก็ด้วยนะ! คนสร้างความเสียหายระยะประชิดถอยกลับมาและป้องกันพวกเธอ
ด้วยคำสั่งของฉันเพลรูเดียได้หยักหน้ารับและเริ่มร่ายเวทขึ้นมา บาเรียร่าและเอลฟ์นักธนูทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะใช้ทักษะในขณะที่พึมพัมอะไรบางอย่างและเล็งธนูไปที่กูลยักษ์ ในเวลาเดียวกันนั้นกูลยักษ์ที่ฟื้นตัวมาแล้วก็พุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความโกรธแค้น น่ารำคาญอะไรอย่างนี้ถ้าหากมันตัวเล็กนะ ฉันจะตบมันซักฉาดเลย มันน่าเสียดายจริงๆเลย
"อย่าคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่มีทักษะนะ"
'ฉันจะจบมันด้วยหอกนั้นแล้ว แต่ว่าแกทำลายแผนของฉันด้วยทักษะที่โกงของแก! ฉันจะไม่ให้อภัยแกสำหรับสิ่งนั้น!'
ฉันสามารถจะใช้หอกอีกอันได้เหมือนกัน แต่ว่าฉันต้องการที่จะให้กูลเข้าใจถึงห่อเหี่ยวของฉัน ด้วยการสูดหายใจลึกฉันได้ตะโกนออกมา
"อว๊ากกกกก!!!"
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
"อะ อะไรนะ?"
"นี้มันวอร์คลายของออร์คลอร์ด!"
"ฉันได้ยินมันมาก่อนเรื่องที่ว่าเจ้าชายรัชทายาทสามารถจะใช้ทักษะของบอสประจำชั้นได้..."
"ก๊าซซซซซ!!!"
กูลยักษ์ได้คำรามออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับฉัน จากนั้นนั้นมันก็เหวี่ยงกรงเล็บเข้ามาใส่ฉัน ฉันเลยตะโกนขึ้นก่อนที่มันจะมาถึงฉัน
"ผิวมังกร!"
"ก๊า!"
กูลยักษ์ได้โหยหวนออกมา กรงเล็บที่มันโ๗มตีใส่อกของงฉันได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตามที่คาดเอาไว้เลยผิวมังกรมันสามารถจะใช้งานได้แม้แต่กับบอสประจำชั้น! ฉันได้ยกมือขึ้นอย่างเชื่องช้าเพราะว่าผลของผิวมังกรและจับไปที่แขนของกูลเอาไว้แน่น ในตอนนี้มันได้อยู่ในการจับของฉันแล้ว ฉันจะไม่มีทางปล่อยมันไปไหนแน่
"ก๊าซซซซ!"
"แกได้ตายไปแล้วนะ! ทุกคนมันขยับไม่ได้แล้วดังนั้นโจมตีเลย"
"อะ โอ มิทารัส! ใช้ร่างกายของคุณเป็นตัวนำและค้อนเหล็กแห่งแสงลงมาลงทัณศัตรูที่ขัดขวางความยุติธรรมของโลก"
"สไนเปอร์ ช็อต!"
"ธนูระเบิด!"
การโจมตีของหญิงสาวทั้งสามคนได้โหมกระหน่ำเข้าใส่กูลยักษ์ แม้ว่ามันจะส่ายตัวเพื่อที่พยายามจะหลบ แต่ความพยายามของมันก็ได้สูญเปล่าเมื่อฉันจะไปที่กรงเล็บข้างหนึ่งและทำลายมันไป ทันทีหลังจากนั้นค้อนเงินก็ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ลูกธนูที่แหลมคมและลูกธนูที่ปกคลุมด้วยออร่าสีดดำได้พุ่งมาทางกูลยักษ์ และอาวุธสังหารทั้งสามก็ได้โจมตีที่กูลยักษ์ ลูกธนูสีดำมันได้ระเบิดขึ้นมาในทันทีที่สัมผัสกับมันซึ่งมันได้ทึ้งรอยดำไว้บนใบหน้าของกูลยักษ์
กูลยักษ์มันได้กรีดร้องออกมาแล้วใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระกรีดไปตามพื้นด้านล่าง ฉันตระหนักได้ว่ามันกำลังจะมองหาซอมบี้เพื่อที่จะกิน เอลลอสก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นเช่นกัน
"ฆ่าซอมบี้ที่อยู่ใกล้กับมือมัน!"
"เข้าใจแล้ว!"
เอลฟ์นักธนูและบาเรียล่าได้ยิงลูกธนูออกไปอย่างฉับพลันตามคำพูดของเอลลอส ซอมบี้ที่ลุกมาจากพื้นได้ล้มลงไปในทันที เมื่อมันไม่สามารถจะฟื้นฟูบาดแผลได้ กูลยักษ์มันก็ได้คำรามออกมาด้วยความโกธ
"ก๊าซซซซซซซซซซซซ!"
"อย่างที่เคย คนที่โจมตีปิดฉากในตอนท้ายก็คือฉัน!"
ฉันได้กระโดดขึ้นไปบนแขนของมันไปทันที
"หว๋า"
ฉันช้าอย่างมากเลยจากผลของผิวมังกร ถึงอย่างนั้นฉันก็จับตัวมันไว้แน่นๆ และค่อยๆปีนไปที่ใบหน้าของมัน แม้ว่าฉันจะคิดว่ามันไม่น่าดูนัก แต่ฉันก็ไม่สนใจอะไร
หลังจากนั้นไม่นานนัก ฉันก็ได้มายืนอยู่บนไหล่ของกูลยักษ์ แม้ว่ามันจะพยายามสะบัดตัวเพื่อให้ฉันหลุด ฉันก็ได้จับหูของมันเอาไว้แน่น จากนั้นฉันก็ตะโกนออกมา
"ระเบิดสายฟ้าทมิฬ!"