บทที่ 54 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (1)
บทที่ 54 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (1)
”
เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ? เมื่อฉันได้สังเกตุเห็นถึงข้อความของเอลลอสว่าเขาได้มาถึงหน้าประดูแล้ว เหงื่อของฉันก็ได้หยดออกมา
[ขอบใจที่รอนะพวก]
"น่า ฉันไม่ได้รอนานขนาดนั้นหรอ"
[ฉันจะสร้างปาตี้เลยนะ]
เมื่อฉันได้พบปาตี้ของเอลลอสที่สร้างขึ้นและแตะไปที่นั่น ทัศนียภาพก็บิดเบี้ยวไป ด้านหน้าของฉันก็คือเอลลอสซึ่งครั้งนี้มันเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาในรอบ 4 ปี
"เอลลอส!"
"...นายเป็นใคร?"
เอลลอสได้โตขึ้นมากตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ตอนนี้ร่างกายที่อ่อนแอของเขาได้มีกล้ามเนื้อขึ้นมาและหน้าตาของเด็กหนุ่มก็ได้โตขึ้นมาก ถ้าฉันพาเขาไปที่โลก เขาก็สามารถที่จะไปเดบิวต์เป็นดาราได้เลย
อย่างไรก็ตามเอลลอสกำลังเอียงหัวขณะที่จ้องมองมาที่ฉัน
"ขอโทษนะ แต่ว่าปาตี้ของฉันเต็มแล้ว นายช่วยไปหาปาตี้อื่นได้มั๊ย...?"
"ฉันคัง ชินไง นายกำลังพูดอะไรอยู่?"
"ฮ่าๆๆ นายพะ....เอ๊ะ เสียงของนายเหมือนกัน!"
ท่าทางการแสดงออกของเอลลอสได้แข็งขึ้น มีนักรับใช้โล่คนหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังของเขา ฉันเชื่อว่าเขาน่าจะชื่อว่าพอล เขาได้ก้าวมาข้างหน้า
"ไม่มีทาง มอนสเตอร์จากตอนนี้นได้กลายมาเป็นหล่อขนาดนี้? นายได้อะไรและกินอะไรมา?"
"เอาล่ะฉันได้เลือกบางสิ่งและกินบางอย่างมา แต่ว่า..."
หล่อ? เขาประจบฉันมากเกินไป มันเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ที่ได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ฉันได้เอานิ้วเท้าของโกเล็มเนื้อออกมาจากช่องเก็บของ ฉันได้วางมันไว้ในมือของเอลลอสและพูดออกมา
"นี่คือของขวัญที่ได้พบกันเอลลอส"
"อึก? นี้มันอะไรกัน นิ้วเท้าหรอ? เอ๊ะ มันเป็นไอเทมติดตั้งหรอ? น่าขนลุกอะไรแบบนี้
ฉันได้เห็นปฏิกิริยาที่ฉันต้องการและพอใจ จากนั้นฉันก็มองไปที่เพื่อนของเอลลอส พอลที่ฉันพบที่ชั้นที่ 5 และผู้หญิงที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าหากฉันจำไม่ผิดมันควรจะมีผู้ชายคนนึงที่ชื่อเคลทีน...เอ๊ะ? เขาไม่ได้อยู่ที่นี่?
"เกิดอะไรขึ้นกับเคลทีนหรอ?"
"เขาตายแล้ว มันเป็นการตายอย่างวีรบุรุษในสนามรบที่ต่อสู้กับผู้บุกรุกนับสิบคน"
"..."
ท่าทางของเอลลอสสงบนิ่งในขณะที่พูดถึงการตายของเพื่อนทำให้ฉันรู้สึกหนาวสั่น จากนั้นเอลลอสก็ได้แสดงรอยยิ้มที่ขมขื่นและตบไหล่ฉันเบาๆ
"อย่าไปกังวลกับมัน ในวินาทีที่พวกเรากลายเป็นนักรบ พวกเราก็เตรียมพร้อมที่จะตายแล้ว เขาได้ใช้ชีวิตเพื่อที่จะปกป้องทุกคนแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในใจของเรา ฉันได้ตัดสินใจที่จะให้เกียรติกับความตายของเขาโดยการไล่ล่าผู้บุรุกให้ออกไปจากทวีปของเรา"
"ถ้านายโอเคกับมัน ฉันก็จะไม่ขอพูดอะไรละกัน"
"ใช่แล้ว ขอบใจนะ ยังไงก็ตามยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะชิน ออร่าที่ออกมาจากตัวของนายได้ทำให้ฉันประหลาดใจ ฉันเคยได้ยินข่าวลือมาก่อน แต่ว่านายคือฮีโร่จริงๆ"
"ขอโทษนะ แต่ว่าฉันไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องฮีโร่อะไรนั่น แต่ว่าฉันก็เคยได้ยินมันมามากเหมือนกัน"
ฉันได้จับมือกับพอล จากนั้นก็หันหน้าไปหน้าผู้หญิงที่ยืนข้างหลังเอลลอส มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเธอ เธํอเป็นหญิงสาวที่สวยที่มีผมสีม่วงเข้มซึ่งมัดไว้อยู่ และดวงตาที่สงบที่กลมกลืนไปกับผมสีผมของเธอ เธอได้ส่วนชุดคลุมบางๆที่ทำให้เคลื่อนไหวได้ง่าย และมีธนูขนาดใหญ่อยู่ในมือข้างหนึ่งของเธอ พร้อมกับแหวนสีเงินแปลกๆที่ดูโดดเด่นในนิ้วของเธอ
ฉันได้มองไปที่เอลลอส เขาก็ยังสวมแหวนแบบนั้นในมือของเขาเช่นกัน
"นี่เป็นคู่หมั้นของนายสินะ!"
"โอ้ ฉันไม่คิดว่านายจะเดาได้เลยนะ ใช่แล้วนี่คือคู่หมั้นของฉัน บาเรียล่า อทูน่า เธอสวยมั๊ยล่ะ?"
"สวัสดี ฉันบาเรียล่า อทูน่า ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมาจากเอลลอสมากมายเลยล่ะ"
บารูล่าได้เอามือมาไว้ตรงหน้าอกและโค้งคำนับเล็กน้อย เมื่อเธอได้ทักทายมาอย่างเป็นทางการ ฉันช่วยไม่ได้ได้แต่ทักทายกลับไปในทำนองเดียวกัน
"พวกเราทั้งคู่มาจากกองทัพต่อต้าน"
"ทำได้ดีเอลลอส นายสามารถที่จะคว้าหญิงงามแบบเธอได้...."
ด้วยคำพูดนี้ของฉัน เอลลอสก็ได้ทำท่าทางตกตะลึง
"นายก็เหมือนกัน นายได้มีความสนใจอย่างมากต่อเจ้าหญิงผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากแม้แต่ในดันเจี้ยนที่หนึ่ง"
"ถ้านายพูดถึงเกี่ยวกับเพลรูเดีย ฉันก็สามารถจะทำได้เพียงที่จะผิดหวังในสายตาของคน..."
ในตอนนั้นเองพื้นที่ที่ว่างเปล่าได้มีนักสำรวจดันเจี้ยนทั้งสี่คนปรากฏตัวขึ้นมา อาสองคนเป็นใบหน้าที่ฉันเคยเห็นมาก่อน หนึ่งคือผู้หญิงหูยาวผู้ซึ่งฉันรู้ว่าเธอเป็นเอลฟ์ เธอได้ถือธนูที่เหมือนกับบาเรียล่า และอีกคนหนึ่งเป็นนักรบใช้เรเปียผู้ที่บอกว่าฉันมีใบหน้าที่น่ารัก แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งคู่ก็มีใบหน้าที่เหมือนเดิม ฉันรู้ว่าเอลฟ์มีอายุที่ยืนยาว แต่ฉันก็ยังตกใจมากที่พวกเธอไม่ได้เปลื่ยนแปลงไปเลย
อย่างไรก็ตามฉันไม่เคยเห็นอีกสองคนมาก่อนเลย พวกเธอทั้งคู่เป็นคนที่สวยมากๆ หนึ่งในนั้นใช้โล่ยาวที่พอจะปกคลุมร่างกายทั้งหมดของเธอได้เลยแม้ว่าเธอจะมีส่วนสูงอยู่ประมาณ 175 เซนติเมตร
เธอมีผมสีชมพูที่โค้งงอลงมาที่ไหล่ของเธอและมีดวงตาสีชมพูที่มีเสน่ห์แปลกตา อย่างไรก็ตามวิธีที่เธอถือโล่หรืออาการสั่นๆของเธอมันเหมือนกับลูกกวางมากกว่าที่จะเหมือนกับผู้ใหญ่ ด้วยทั้งสองสิ่งนี้มันทำให้ฉันคุ้นเคย
ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนนะ...? อา!
"อา ชูน่าใช่มั๊ย! เธอได้กลายมาเป็นสวยมากเลยนะ!"
"สะ สวัสดีเจ้าชาย! ปะ เป็นเกียรติมาก เจ้าชายหล่อมากจริงๆเลย... อูวว ฉันจะทำยังไงดี ฉันพูดคุยกับเขาแล้ว รูเดีย ฉันได้คุยกับเจ้าชายรัชทายาทแล้ว!"
"ทำไมนายจำได้แค่ชูน่า!? ฉันก็เป็นเพื่อนของนายเหมือนกันนะ!"
เมื่อฉันได้ทักทายชูน่า เพลรูเดียที่ยืนอยู่ถัดไปจากชูน่าก็ได้ตีฉัน แต่เพราะด้วยมันอยู่ในความคาดหมายของฉัน ฉันเลยได้ยกแขนขึ้นมากันเธอ เมื่อเห็นเพลรูเดียกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ฉันก็รู้สึกพอใจมากๆ
แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครในตอนแรก แต่ฉันก็ตระหนักได้ว่าเธอเป็นใครเมื่อฉันเห็นสองคนแรก ถ้ามีสี่คนที่มาจากทวีปลูก้าอยู่ที่นี่ เพลรูเดียและชูน่าก็จะต้องอยู่ท่ามกลางพวกเขาอย่างแน่นอน ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยที่เจอหน้าธอ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันทำแบบนั้น
เพลรูเดียได้ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำตา เธอนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก 4 ปีก่อน เธอเป็นเด็กน้อยที่ยังสูงไม่ถึง 140 ซม. เลยแต่ตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นสาวที่สูง 170 ซม.
ผมของเธอก็เป็นสีบลอนด์ที่ไว้ทวินเทลในตอนเด็กได้สยายลงมารอบเอวของเธอสว่างสไวเป็นประกายสีทอง ดวงตาไพลินของเธอดูลุ่มลึกเหมือนกับผ่านปีมานับไม่ถ้วน นอกจากนี้ผิวขาวของเธอดูเรียบเนียนจนหยดน้ำไหลผ่านได้สวยงาม เธอมีจมูกที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไปซึ่งมันดูเหมือนเป็นปประติมากรรม ในท้ายที่สุดก็คือริมฝีปากที่ชุ่มชื่นที่ส่องสว่างด้วยสีชมพูอ่อนเหมือนลูกพีช
รูปร่างหน้าตาของเธอดูสวยงามจนน่าสะพรึงกลัวมันไปจนถึงจุดที่เมื่อมีใครมองไปที่เธอก็จะไม่สามารถจะละสายตาไปได้ มันเป็นความความที่ไม่มีใครมาเทียบได้เลย ถ้าใครที่หัวใจอ่อนแอได้มองเธออยู่หัวใจของเขาก็จะหยุดเต้นจากความงามที่น่าทึ่งนี้ เธอกินอะไรไปใน 4 ปีกันถึงเติบโตมาได้จนขนาดนี้? ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาของฉันเลย
เดี๋ยวก่อนนะ ไม่สิ ฉันจำได้ว่าชินะเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่มาจากทวีปลูก้านั้นจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากในช่วงหนึ่ง แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องนี้มาก่อน แต่ชูน่าและเพลรูเดียทั้งคู่ก็มาจากทวีปลูก้าเหมือนกัน ฉันไม่อยากจะเชื่อในความโง่ของฉันเลย นั่นสินะเลยเป็นเหตุผลที่เพลรูเดียวบอกว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป
อย่างที่พูด มันไม่สำคัญว่าเธอจะบอกว่าเธอเติบโตอย่างเต็มที่ ในขณะที่เสื้อคลุมของเธอติดอยู่กับเรือนร่างของเธอมันทำให้รู้ว่าเธอมีหน้าอกมากน้อยแค่ไหน หรือว่ามันยังไม่โตเต็มที่นะ? หรือว่านี้มันก็คือการโตเต็มที่แล้วนะ? ถ้าจะให้ฉันตัดสินใจอย่างเร่งด่วนก็คือ เธอเหมือนกับยุย
แน่นอนแม้ว่าจะไม่มีหน้าอกมากนะ แต่ว่าแขนและขาของเธอมันเป็นเส้นโค้งที่สง่างามก็ทำให้เธอมีเสน่ห์มาก อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาดังๆ
"อะฮ่าๆๆๆ เธอโตขึ้นมาเลยนะ ในด้านความสูง"
"ทำไมนี้มันถึงเป็นสิ่งแรกที่นายพูด นาย อะ...ออร์...ออร์ค?"
แม้ว่าความสวยงามของเธอมันจะทำให้ฉันยากที่จะมองไปที่เธอ แต่ฉันก็จำได้ว่าเพลรูเดียจาก 4 ปีก่อนกับฉันแทบไม่เคยสบสายตากันมาก่อน ในเวลาเดียวกันเพลรูเดียที่มองมาที่ฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าได้แสดงออกด้วยท่าทางที่ว่างเปล่า
"ปะ เป็นนายจริงๆหรอนายออร์ค?"
"ไม่ ฉันไม่ใช่ออร์ค แต่ฉันคือคัง ชิน เธอยังคงพูดจาหยาบคายได้ง่ายๆเหมือนเดิมเลยนะ"
"...มะ มันเป็นายจริงๆ"
เพลรูเดียตัวแข็งทื่อกับที่เหมือนกับถูกยิงด้วยเวทย์น้ำแข็ง ด้วยเหตุผลบางอย่างชูน่าที่อยู่ข้างๆเธอก็ได้ซ่อนใบหน้าเธอเอาไว้ด้วยโล่ ฉันได้หันหน้าไปหานักรบเรเปียและถามออกมา
"พวกเขากินอะไรแปลกๆไปในขณะที่เติบโตขึ้นงั้นหรอ?"
"อะฮ่าๆ เจ้าชายนายนี่เป็นคนที่แย่คนหนึ่งเลยนะ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวมา แต่ว่ามันมีบางสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นายเปลื่ยนเป็นแบบ...อืม ดีอะไรอย่างนี้ สายตาของฉันไม่ได้ผิดพลาด ว้าวดูหน้าอกที่กระชับนั่นสิ"
"อืม เธอช่วยอย่ามาเข้าใกล้ฉันได้มั๊ย? นอกจากนี้หยุดที่จะสัมผัสฉันแบบนั้น"
เมื่อฉันถามเธอขณะที่ฉันค่อยๆถอยห่างออกไป นักธนูเอลฟ์ก็ได้ดึงหูของนักรบเรเปียและดึงเธอออกไป อบ่างที่ฉันคิดเลยเอลฟ์ทั้งหมดยกเว้นโรเล็ตต้าเป็นคนที่มีมารยาท
"ดะ เดี๋ยวก่อน นายจะไม่พูดอะไรหน่อยนะ? กับฉันนะ!?"
หลังจากที่เธอเลิกตัวแข็งทื่อแล้ว เพลรูเดียก็ได้ถามฉัน ดูเหมือนว่าเธอจะเติบโตขึ้นมาแต่วิธีการพูดจาของเธอไม่ได้เปลื่ยนแปลงไปแม้แต่นิดเดียวเลย ถ้าเธอไม่ได้เปิดปากออกมาเธอก็จะเหมือนกับเจ้าหญิงในเทพนิยายเลยล่ะ โชคร้ายอะไรแบบนี้
มองไปที่เธอ ฉันได้เอียงหัวอย่างงุนงง
"อืมม...เช่นอะไรล่ะ?"
"ยะ เยอะแยะ! อย่างเช่นทำไมฉันถึงต้องการที่จะเจอนาย หรือทำไมฉันถึงสวยขนาดนี้"
"อืม? ฉันก็สงสัยนะในบางครั้งนะ และก็ฉันคิดว่าเธอสวยมากขึ้น แต่แล้วทำไมล่ะ?"
"...."
เพลรูเดียได้กลายเป็นเงียบไป ใบหน้าของเธอได้แดงขึ้นจนฉันกลัวว่าเธอจะระเบิดอารมณ์ออกมา ฉันควรจะทำยังไงดีกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้? ฉันควรจะทำอะไรดีให้เธอไม่หงุดหงิดอีกครั้ง?
จากนั้นฉันก็จำได้ในทันที ผ้าคาดหัวแห่งปัญญาที่ฉันได้รับมาจากมอนสเตอร์มีชื่อที่ชั้นที่ 19! ฉันได้วางแผนที่จะมอบมันให้กับเพลรูเดีย โดยที่หวังว่ามันจะบรรเทาความโกรธของเธอ ฉันได้หยิบเอาผ้าคาดหัวแห่งปัญญาออกมาจากช่องเก็บของ เมื่อเธอเห็นมัน ดวงตาของเธอก็ได้กว้างขึ้นในขณะที่ถามออกมา
"นะ นั่นมันอะไร?"
"อุปกรณ์เสริม ฉันได้รับมันมานะ ฉันคิดว่ามันเหมาะกับเธอดี นี่มันเป็นของขวัญ เธอรู้ไหมว่านี้เป็นของขวัญที่ได้พบกันอีกครั้ง
"ขะ ของขวัญ?"
ใบหน้าของเพลรูเดียได้กลายเป็นสีแดงมากกว่าผ้าคาดหัวแห่งปัญญา ฉันทำอะไรผิดพลาดอีกแล้วหรอ!? เธอเกลียดผ้าคาดหัวหรอ? ฉันคิดว่ามันเหมาะกับระดับของเธอนะ เพราะว่ามันเพิ่มทั้งพลังเวทย์และสติปัญญา ฉันไม่เข้าใจว่าฉันทำผิดพลาดตรงไหน
ถึงอย่างนั้นเมื่อฉันวางผ้าคาดหัวลงไปบนมือของเธอ เธอก็ได้ค่อยๆหยิบมันไปและใส่ลงใบบนหัวของเธออย่างช้าๆ อืม มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เกลียดมันมากนัก เมื่อฉันยิ้มด้วยความพึงพอใจ เพลรูเดียก็ปิดหน้าด้วยมือของเธอ
"อู นะ นายเพิ่งจะ ออร์ค...!"
"เอลลอส เขา..."
"อย่าได้พูดมันพอล อย่าได้พูด...."
เอ๊ะ..? นี่มันแตกต่างจากการกลับมาพบกันที่ฉันจิตนาการ...มองไปที่เอลลอสและพอล พวกเขาได้ส่ายมือของเขาในขณะที่มองมาที่ฉันและเพลรูเดียอย่างเงียบๆ เพลรูเดียยังคงมองลงมาในขณะที่ปกปิดใบหน้าสีแดงของเธอเอาไว้ ใจของฉันมันได้ตกลงไปในความสับสนวุ่นวาน ฉันจำเป็นจะต้องใช้วอร์คลายมั๊ย? เมื่อเห็นว่าบาเรียล่าดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร ฉันก็ได้ไปและพูดคุบกับเธอ แต่เธอเพียงแค่ปิดปากของเธอด้วยมือของเธอขณะที่เธอขำ หลังจาากที่ฉันได้ยินสิ่งที่ฉันพูดแล้ว คนอื่นๆในปาตี้ก็มองฉันก็มองมาที่ฉันดวยสายตาที่เย็นชาและแต่ละคนก็พูดคนนั้นออกมา
"โง่"
"งี่เง่า"
"เจ้าชายโง่ที่สุด"
"อู...นายมันออร์คโง่"
'เฮ้ ฉันไม่ได้โง่อีกแล้วนะ! สติปัญญาของฉันมันอยู่เหนือกว่า 20 แล้วในตอนนี้! ฉันไม่ใช่ออร์คอีกแล้วด้วย!'
ฉันไม่สามารถจะคิดออกได้เลยว่าฉันทำอะไรผิดพลาดไป จิตใจของฉันได้ตกลงไปในความว้าวุ่นอีกครั้ง
ทวีปอีเดียส ทวีปลูก้า แล้วอีกสองจากทวิปไพลอส ทั้งหมด 10 คนได้รวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตู่ชั้นที่ 25 นอกเหนือจากบาเรียล่าผู้ที่มาแทนที่เคลทีนแล้ว ทั้ง 9 คนคือสมาชิกจาก 4 ปีก่อนทุกคน มันไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปเลย เอลลอสดูเหมือนจะคิดเช่นเดียวกัน ในขณะนั้นเองเขาก็ได้พูดสั้นๆในฐานะหัวหน้าปาตี้
"อย่าคิดว่ามันจะง่ายเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฉันแน่ใจว่าพวกนายทุกคนมีประสบการณ์ที่มากพอในขณะที่ปีนขึ้นมาชั้นที่ 25 แต่ว่าการต่อสู้กับบอสประจำชั้นมันก็จะยากมากขึ้นตามไปด้วย นี่มันเป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบอสประจำชั้นของชั้นที่ 20 อัศวินลิซาร์ดแมน อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าด้วยสมาชิกในปาตี้นี้มันจะต้องเป็นไปเต็มที่จะเอาชนะบอสประจำชั้นได้ภายใน 5 ครั้งอย่างแน่นอน"
เขากำลังพูดถึงเรื่องแปลกๆบางอย่าง
"พยายาม 5 ครั้งอะไร? มันจะไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จในห้าครั้งแม้ว่าพวกเราจะรู้กลยุทธ์อยู่ก่อน
นักรบที่ถือขวานจากทวีปไพลอสได้กล่าวด้วยรอยยิ้มขม แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนิทกับฉัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ติดต่อด้วยกันกับเอลลอส มันเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้อยู่ในวันนี้ อย่างไรก็ตามเขาได้พูดสิ่งที่ประหลาดกว่าเอลลอสซะอีก
"ฮ่าๆ แต่ว่าคราวนี้พวกเรามีเจ้าชายรัชทายาท!"
"อา ใช่แล้วเจ้าชาย"
"ถ้าเราเคลียร์มันได้ในการพยายาม 5 ครั้ง พวกเราก็สามารถจะกระโดดแซงหน้าคนอื่นๆไปได้จริงๆ"
"ฮุฮุ พวกเรานี่มันแย่จริงๆ"
คนอื่นๆในปาตี้ได้เริ่มพูดคุยกันมากมาย แต่ว่าทุกคนพูดด้วยความรู้สึกว่าเราจะพ่ายแพ้เท่านั้น ฉันได้คิดว่านี้มันเป็นอะไรที่แปลกๆ แต่ความรู้สึกไม่มีมีความสุขนี้คืออะไร!?
"เอลลอสบอสประจำชั้นที่ 25 มันยากหรอ?"
"ฉันได้ยินว่ามันเป็นกูลยักษ์"
"ดังนถ้างั้นี้คือที่ๆมันจะปรากฏตัวขึ้น"
มันจะปรากฏตัวด้วยความโกรธที่มันไม่สามารถจะปรากฏตัวได้ในเหตุการณ์ดันเจี้ยนงั้นหรอ? ด้วยเสียงตะโกนของฉัน สมาชิกคนอื่นๆได้เอียงหัวงุนงง ฉันคิดว่าฉันคงจะได้รับความอิจฉาถ้าฉันบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ดันเจี้ยน ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ทำอะไร
"อย่างที่พวกนายได้ประสบมาตั้งแต่ชั้นที่ 21 ซอมบี้จะนวนมากจะปรากฏตัวขึ้น แต่เพราะว่าเรามีเพลรูเดีย มิทารัสที่เป็นนักบวช อยู่ที่นี่ พวกเราเลยไม่ต้องกังวลกับการติดเชื้อ แต่ทำให้แน่ใจด้วยว่ามีน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์บางอย่าง นอกจากนี้ซอมบี้มันยังเป็นที่รู้จักกันดีในการกระทำที่ไร้รูปแบบที่ตายตัวดังนั้นพวกเราจะต้องป้องกันตัวเองและช่วยคนอื่นๆเสมอ พอล ชูน่า ฉันสามารถจะไว้ใจ้ให้พวกนายสองคนแท้งกูลยักษ์ได้มั๊ย?"
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!"
"ได้เลย การป้องกันมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจ!"
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับพอ แต่มันดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่มั่นใจเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนี้เธอได้หยักหน้าอย่างมั่นใจมากพร้อมกับร่างกายเพรียวและผมชมพูหยิกของเธอ ฉันรู้สึกอยากจะสัมผัสมันค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามดวงตาของเธอก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ดี... อา เมื่อเธอได้สบตากับฉัน ใบหน้าของเธอก็ได้กลายเป็นสีแดงและเธอก็ก้มหัวของเธอลงไป มันค่อนข้างที่จะเจ็บใจนะ
ฉันคิดว่าฉันไม่ได้น่ากลัวที่จะทำให้ใครหวาดกลัวแล้วนะ...แล้วนี่มันคืออะไร? ใบหน้าของฉันหรอ? แต่แม่ได้บอกว่าใบหน้าของฉันได้เปลื่ยนเป็นหล่อมากขึ้นแล้วนะ...
"ชิน นาย"
"ฉันจะจัดการพวกลูกน้อง ฉันไม่ต้องการการสนับสนุนดังนั้นพวกนายมุ่งความสนใจไปที่กูลยักษ์ก็พอ"
"มะ มั่นใจอะไรอย่างนี้"
เอลลอสดูเหมือนจะถอยหลังไปกับความมั่นใจของฉัน คนอื่นๆก็ได้แสดงอากาศวิตกกังวลออกมา แต่เพลรูเดียนั้นเงียบไม่เหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน แทนที่จะบ่นฉัน แต่มันดูเหมือนเธอจะเคารพในชื่อเสียงที่ฉันสร้างขึ้นมา
"มันจะต้องมีเหตุผลที่นายถูกเรียกว่าเจ้าชายรัชทายาท นายจะต้องทำให้ดีกว่าที่นายพูดนะ"
"เธอก็รักษาคนอื่นให้ดีเช่นกัน"
"ฮึ่ม! ฉันจะมุ่งเน้นไปที่แท้ง ดังนั้นนายจะต้องไม่ได้รับบาดเจ็บในขณะที่ฟุ้งซ่าน!"
"เพลรูเดีย น่ารักอะไรแบบนี้ ฮุฮุ"
"ฉันเห็นด้วย น่ารักอะไรแบบนี้ คุคุ"
"อะ อะไร! ทำไมทุกคนต้องหัวเราะ!? เงียบเดี๋ยวนี้นะ!"
อะไรของเพลรูเดียกันที่น่ารัก? ฉันรู้สึกแค่ความไม่พอใจของเธอแค่นั้นเอง... คนเหล่านี้ ฉันคิดว่าพวกเขาทุกคนเป็นคนที่แปลกๆนะ!
"วันนี้พวกเราจะเน้นไปที่การลักษณะนิสัยและทักษะของกูลยักษ์กัน พวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยงการตายที่ไม่ได้รับอะไร ไปทำให้ดีที่สุดกัน ฉันเชื่อว่าทุกๆคนมีทักษะที่จะช่วยให้พวกเราปีนขึ้นไปที่ชั้นที่ 25 ได้"
ด้วยเหตุนี้เอลลอสก็ได้มองมาที่ฉัน ในการตอบสนองฉันได้หยักหน้าอย่างมั่นใจ ฉันหมายควมว่าฉันสามรารถที่จะฆ่ามันได้ด้วยตัวคนเดียว ทำไมฉันจะไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยคนถึง 9 คนล่ะ?
"ถ้างั้นก็เข้าไปกันเถอะ!"
เอลลอสได้เปิดประตูไปหาบอสประจำชั้น สิ่งที่้ต้อนรับพวกเราก็คือสุสานขนาดใหญ่