บทที่ 51 - เฮอร์มีส (6)
บทที่ 51 - เฮอร์มีส (6)
”
หลังจากนั้นสองชั่วโมงสถานการณฺ์ก็ได้เปลื่ยนไป ในเวลาเดียวกันนั้นฉันกับพ่อก็กำลังนั่งย่างหมูกันอยู่ แม้ว่าทหารในสนามรบที่ดูเหมือนมนุษย์ แต่ว่าหลังจากที่เราตระหนักว่าพวกเขาเป็นมอนสเตอร์ที่สร้างจากดันเจี้ยน พวกเราก็ไม่สนใจว่าพวกเขาจะฆ่ากันอีกต่อไป
"พ่อทำไมพ่อถึงเก็บหมูไว้ในช่องเก็บของล่ะ? งั่มๆ"
"อึก ลูกไม่รู้หรอ? หากว่าใส่เนื่อสัตว์ไว้ในช่องเก็บของมันจะสดใหม่ยิ่งกว่าการเก็บเอาไว้ในตู้เย็นที่ไฮเทคที่สุดซะอีก! มันเหมือนกับเป็นหมูสดๆเลยล่ะ!"
"อา ผมก็เคยลองมันมาก่อน"
ฉันได้ใช้หลักการเดียวกันนี้เมื่อฉันซื้อแฮมเบอเกอร์ไปให้ยุย ฉันเข้าใจแล้วนี่ก็ก็เลยเป็นเหตุผลที่พ่อเก็บเนื้อลงไปในช่องเก็บของของเขา! แม้ว่าฉันจะกินอาหารในดันเจี้ยนบ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยนำเนื้อมาด้วยเลย ตามที่คาดหวังไว้เลยจากนักสำรวจดันเจี้ยนถึง 27 ปี! ดังนั้นพ่อจึงไม่ได้ทำแค่เพียงล่าออร์คใน 20 ปีเท่านั้น
"นี่ ดื่ม"
"โอ้ ผมเป็นคนเดียวที่เติมแก้วให้พ่อจริงๆ"
หลังจากชนแก้วโซจูกันแล้ว พวกเราก็คุยเรื่องตลกกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างมองมาที่ฉัน
"พ่อ พ่อสังเหตเห็นมันมั๊ย?"
"เอ๊ะ? สังเกตุเห็นอะไร?"
ฉันได้สังเกตุถึงเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ว่าสัมผัสของพ่ออ่อนแอกว่าฉันจริงๆ ฉันได้ถามไพก้าที่นั่งดื่มโซจูจากถ้วยธาตุขนาดเล็กบนหัวของฉัน
"ไพก้า เธอช่วยไปเซอร์เวย์ตรงนั้นได้มั๊ย?"
[หืม? นายท่านเซอร์เวย์คืออะไรหยอ?]
"อา..."
ฉันได้ตระหนักว่าไพก้าอ่อนต่อแอลกอฮอล์มาก มันเป็นความผิดพลาดของฉันเองที่ไปยอมให้กับคำขอที่น่ารักของไพก้า
ในขณะที่ฉันฟุ้งซ่านไปกับอาการเมาของไพก้า การจ้องมองมาที่ฉันก็หายไป มันดูเหมือนกับว่าในที่สุดพ่อก็ได้สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างในขณะที่ฉันมองไปรอบๆ แต่ว่ามันก็สายเกินไป
"หืม มันเป็นผีดิบหรอ?"
"บางทีมันอาจจะเป็นพวกสัตว์ป่าที่ต้องการเนื้อ"
[นายท่านนนน! เซอร์เวย์คืออะไรหรอ?]
แน่นอนฉันไม่คิดว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน แม้อย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถจะทำได้ในตอนนี้ นอกจากกินเนื้้อต่อไป อย่างนั้นฉันก็ได้ตัดสินใจให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ไพก้าก็ยังไม่รู้จักคำว่าเซอร์เวย์
และแล้วตอนเย็นก็ได้ผ่านไปและกวางคืนก็มาถึง
พ่อเป็นคนแรกที่หลับไปและฉันก็เป็นคนเฝ้า หลังจากนั้นสามชั่วโมงพ่อก็ลุกขึ้นและฉันก็หลับไป เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกทีหลังจากสามชั่วโมง มันก็ยังคงเป็นช่วงกลางคืนอยู่ ภายใต้ความมืดที่ไร้ดวงดาวมีเพียงแค่ดวงจันทร์ซีดจางๆทำให้โลกสว่างขึ้น
ดูเหมือนว่าพวกทหารนั้นไม่ต้องการที่จะสู้กันในตอนกลางคืนทั้งสองฝ่ายได้กลับไปที่ค่ายของพวกเขา อย่างไรก็ตามซากศพของทหารที่ตายไปแล้วก็ยังอยู่ในสนามรบ กลิ่นเหม็นของเลือดได้แทรกซึมเข้ามาถึงจมูกของฉัน
"ดูเหมือนว่าพวกศพนั้นจะเพิ่มมากขึ้น"
"แน่นอน ซอมบี้ซอมบี้จะมาจากไหนล่ะ?"
มองต่อไปที่สนามรบที่โหดเหี้ยม พวกเราได้แกะราเม็งกินกัน ฉันได้ตระหนักว่าการมาปาตี้กับพ่อจะทำให้ฉันกินสิ่งต่างมามาย โดยปกติแล้วคนจะกินน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น แตต่พ่อเขามักจะมีอาหารอยู่ในปากเสมอ พ่อบอกว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จะต้องกินดีอยู่ดี ด้วยเหตุนี้พ่อเลยเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยช่องเก็บของที่เต็มไปด้วยอาหาร
เมื่อฉันเริ่มมุ่งความสนใจไปที่ดันเจี้ยน ฉันจะไม่ชอบที่จะกินอะไรก่อนที่จะเคลียร์ชั้น เพราะอย่างนี้มันจึงฉันจึงปรับเข้าสไตล์เข้ากับพ่อยากเล็กน้อย แต่ว่าไพก้านั้นตรงกันข้าม เธอดูเหมือนจะชอบก๋วยเตี๋ยวราเม็ง เธอได้ราเม็งอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน
[นี้มันของอร่อย มันไม่มีของแบบนี้ในอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ]
"กินเยอะๆนะ"
[นายท่าน ฉันรักคุณ!]
เมื่อฉันลูบหัวของไพก้าในชณะที่เธอดูดราเม็งอยู่ พ่อก็ได้ขัดจังหวัด
"ลูกคุยกับใครนะตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว?"
"ผมจะบอกว่าผมได้กลายเป็นผู้ใช้ธาตุ"
"พ่อสามารถรับเอาไปด้วยได้มั๊ย?"
"ธาตุไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ"
"พวกมันลุกขึ้น"
"อะไรนะ?"
ฉันได้หันหน้าไปทางสนามรบ ภายใต้แสงจันทร์นี้คนที่ตายได้ลุกขึ้น พวกเราสามารถสังเกตเห็นได้จากความสูงที่สูงกว่า มันใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหาแคมป์พบ
พ่อก็ได้ถามออกมา "ลูกต้องการจะทำอะไร?"
"ล่าพวกมัน แน่นอนว่าผมเกี่ยวการแทงข้างหลัง...ดังนั้น!"
ฉันได้พ่อของฉันไปและปาหอกเข้าไปในความมืด ฉันไม่มีเวลาที่มากพอจะใช้สปิริตออร่า แต่ว่ามันจะมีเวลาใช้ฮีโรอิค สไตรค์อยู่ ด้วยแสงสีขาวสว่างสไวมันได้พุ่งผ่านอากาศไปเหมือนสายฟ้า มันเร็วกว่าที่เคยมาก ฉันรู้สึกประหลาดใจในขณะที่ไม่รู้ว่าความเร็ซ 15% ก็ใช้กับอาวุธขว้างด้วย
"กึ๊ก"
[คุณได้รับ 1500 ทอง]
"เบลดอนตายแล้ว!"
"พวกนั้นหาเขาพบ!"
"ฆ่าพวกมันก่อที่มันจะฆ่าพวกเรา!"
ทันทีหลังจากนั้นฉันก็ได้ชี้มือไปทางที่มาของเสียงและสั่งไพก้า
"มันสายเกินไปแล้วล่ะ! ไพก้า!"
[ระเบิดสายฟ้า]
หลังงจากที่กลืนเส้นราเม็งลงไป ไพก้าก็ได้ตะโกนออกมาในขณะที่ส่องแสงสีทองออกมา สายฟ้าที่หนาพอๆกับแขนได้ถูกยิงออกจากร่างของเธอ มันเป็สายฟ้าท่ามกลางความืดมิด
"โล่!"
"กึก เวทมนตร์มันพังโล่!"
"ธาตุ? พวกมันเป็นใคร!?"
ทันทีหลังจากที่ฉันเรียกไพก้า ฉันก็คว้าหอกเงินจากช่องเก็บของและพุ่งไปข้างหน้า ต้องขอบคุณทักษะพุ่งความเร็วของฉันได้เร็วมากกว่าแต่ก่อน จุดมุ่งหมายของฉันก็คือกลุ่มคนที่ฉันสงสัยว่าจะเป็นคนที่สร้างซอมบี้
พ่อและฉันพวกเราได้สังเกตุเห็นพวกเขาในเวลาเดียวกันกับที่พวกเราสังเกตุเห็นซอมบี้ มีอยู่ห้าคน... ไม่สิ เหลือแค่สี่แล้ว พวกนั้นทั้งหมดสวมชุดคลุมสีดำปิดหัวและถือคทาขนาดเล็กมันเป็นขชองที่นักเวทย์จะพกพามันเอาไว้ ด้วยคำใบ้นี้มันทำให้ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นนักเวทย์ดำ
"ละ โล่ไม่เพียงพอที่จะหยุดเขา!"
"เวรเอ้ย วะ วิ่ง"
"พวกเราควรจะอยู่ภายใต้เวทย์ซ่อนตัวนะ"
พวกเขาอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกเราได้ถ้าพวกเขาใช้เวทมนตร์ในทันที แต่ว่าพวกเขากลับตื่นตระหนกและลังเลแทน มันอาจจะเป็นไปได้ว่าบทร่ายของพวกเรามันยาวหรือไม่ก็พวกเขาไม่มีวัสดุในการใช้เวทย์ อย่างไรก็ตามเรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับฉัน
"ดะ เดี๋ยวก่อน! แม้ว่านายจะฆ่าเราไปนายก็ไม่สามารถจะหหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นได้!"
หนึ่งในพวกนั้นได้ตะโกนออกมาด้วยเสียงแหลมสูง มันแสดงว่าเธอเป็นผู้ญิง อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ฉันได้ตัดสินใจที่จะฆ่าพวกเขาแล้วเพศก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ พวกเขาเป็นมอนสเตอร์ พวกเขาเป็นมอนสเตอร์
ใช่แล้ว พวกเขาเป็นมอนสเตอร์
"ถ้าพวกเราไม่ฆ่าพวกนาย แล้วพวกนายจะทำอะไรกับพวกเรา?"
"แน่นอนพวกเราจะฆ่า....."
"พายุธาตุ!"
[คุุคุคุค เจ้าของอำนาจที่พรงพลังได้เรียกฉัน]
[การทำลายล้าง เลือดหลั่งไหลท่ากลางเสียงกรีดร้อง นั่นก็คือสิ่งที่ฉันต้องการ]
[เขากำลังจะแยกนักเวทย์ดำ เขาเป็นคนประเภทเดียวกับฉัน]
เพราะสถานที่ๆฉันเข้ามานี้ทำให้มีแต่พวกธาตุมืดที่เข้ามาช่วยฉัน ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่อ่อนแอลงเพราะอย่างนี้นะ หอกของฉันได้ส่องแสงสีดำจากธาตุเหล่านี้ และฉันก็ได้แทงหอกออกไปหน้าหน้าทำให้เกิดพายุสีดำฉีกกระชากพื้นที่ทั้งหมด
"ศรความมืด! เคี๊ยกกกก!"
"ละ โล่! กึ๊ก!"
พายุธาตุเป็นทักษะที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากแม้แต่กับบอสประจำชั้น นักเวทย์พวกนี้ไม่สามารถจะป้องกันมันได้อย่างแน่นอน พวกเขาได้ล้มเหลวในการป้องกันพายุธาตุและถูกฉีกเป็นชิ้นๆในทันที แม้ว่ามันจะเป็นเพียงครู่หนึ่ง แต่ดวงดวงของฉันก็ได้เห็นภาพที่น่ากลัวมากๆ
เวยเอ้ย ฉันได้ใช้พายุธาตุเพื่อฆ่าพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่ฉันก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าดูแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่มอนสเตอร์ที่เสียชีวิตในดันเจี้ยนจะหายตัวไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงของรางวัลและไม่มีซากศพ
"แค่กๆ! ฮา ฮ่าา... เว้ยเอ้ย แข็งแกร่งอะไรแบบนี้..!"
โดยบังเอิญนักเวทย์ดำคนหนึ่งที่พูดคุยตะกี้ได้หนีรอดมาได้จากระยะของพายุธาตุ มันเหมือนกับว่าเธอได้ล้มเลิกความพายามที่จะป้องกันและแทนที่ด้วยการวิ่งที่เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่อย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถจะหลบมันได้หมด กระโปรงของเธอฉีกขาดและหลังของเธอก็ได้รับบาดเจ็บ เธอได้ไอเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นก็เปิดปากออกมาด้วยความยากลำบาก
"แค่กๆ ความใฝ่ฝันของปีกอีกาพิศวงจะไม่สิ้นสุดลงในที่แห่งนี้...!"
"ปีกอีกาพิศวง?"
"ถะ ถูกแล้ว จากสงครามครั้งนี้พวกเราจะทำให้โลกได้รู้ถึงการมีอยู่ของเรา..."
"อา โอเค ถ้างั้นก็ลาก่อน"
ฉันได้ตัดหัวของเธอด้วยหอกของฉัน ฉันจะต้องเอาชนะเหตุการณ์ดันเจี้ยน ฉันก็เลยไม่ได้สนใจในรายละเอียดของตำนาน ราวกับว่าจะพิสูจน์ว่าเธอเป็นมอนสเตอร์ที่สร้างขึ้นโดยดันเจี้ยน เธอได้กลายเป็นอนุภาคแสงและกระจายหายไปในอากาศ
[คุณได้รับ 2000 ทอง]
[คุณได้รับสารจากปีกอีกาพิศวง]
[คุณได้ประสบความสำเร็จในการกำจัดผู้บงการ!คะแนนของคุณจะเพิ่มลงไปในคะแนนตอนเคลียร์]
ฉันได้หยิบเอาหอกดินดำของฉันที่ปาไปกลับมา สิ่งนี้มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ
"ฉันรู้สึกรังเกียจสิ่งนี้"
"นั่นมันปกติ พวกเขาพูดคุยเหมือนกับมนุษย์มากเกินไป"
"แต่พวกเขาเป็นมอนสเตอร์ ใช่มั๊ย?"
"ใช่แล้ว พวกเขาเป็นมอนสเตอร์ ดังนั้นอย่าได้กังวลเรื่องนี้ไอลูกชาย"
ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเมื่อได้รับความมั่นใจมาจากพ่อ แม้ว่าฉันจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากพ่อก่อนที่จะเข้าดันเจี้ยน ฉันก็ยังรู้สึกขอบคุณที่ว่าพ่ออยู่ที่นี่ในดันเจี้ยน พ่อเป็นคนที่เชื่อถือได้อย่างแท้จริง
ฉันยังตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่สำคัญ เหตุการณ์ดันเจี้ยนมันจะถูกเคลียร์เมื่อบอสถูกฆ่า อย่างไรก็ตามเราได้รับข้อความเพียงแค่ว่าจะเพิ่มคะแนนไปในคะแนนสุดท้ายของเรา หรือก็คือมันยังมีเหตุการณ์สำคัญที่จะต้องเคลียเหตุการดันเจี้ยนอยู่อีก
ฉันสงสัยว่ามันจะยิ่งมากขึ้นมั๊ยถ้าพวกเราเข้าไปในสนามรบ อย่างไรก็ตามฉันก็ได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากว่ามันสายเกินไป
จากนั้นฉันก็ได้เปิดสารปีกอีกาพิศวงออกมา มันได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเกลียดชังประเทศของตนมากแค่ไหนสิ่งที่พวกเขาได้ทำและสิ่งที่พวกเขาวางแผนที่จะทำในอนาคต ฉันได้มองผ่านข้อมูลส่วยใหญ่และมองหาส่วนที่ช่วยอธิบายสถานการณ์ในปัจจุบัน ด้วยความโชคดีฉันคิดว่าฉันอาจจะหาทางเพิ่มคะแนนในตอนท้ายได้มากที่สุด
ใช่แล้วมันมีอยู่ที่สารนี้
"ถ้างั้นมันก็มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ให้ทำ อึก!"
ในเวลาเดียวกันฉันพยายามที่จะเปลื่ยนเรื่องเพื่อที่จะบรรเทาอารมณ์ที่ผิดปกติ ฉันได้หันไปที่สนามรบและมันช่วยไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเห็นซอมบี้ค่อยๆลุกขึ้นมาทีละตัว ทั้งสองกองทัพก็ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ว่าจำนวนของซอมบี้มันได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปที่พวกเขาจะสามารถตอบสนองได้อย่างถูกต้อง ในตอนท้ายผู้บัญชาการกองทัพทั้งสองก็ได้นำทหารเข้าสู่สนามรบในยามค่ำคืน
"พวกชั่วนี้มันใช่เวทมตร์ดำกับพรรคพวกของเรา"
"ฆ่าพวกมัน! ไปช่วยปลดปล่อยให้สหายของเราได้พักอย่างสงบ"
"เฮฮฮฮฮฮ!"
"โอ้ไม่นะ มันสายไปแล้ว"
นักเวทย์ได้กำจัดซอมบี้ด้วยเวทย์ขนาดใหญ่และทหารก็ได้เข้ามาต่อสู้หลังจากนั้น พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่? พวกเขาไม่เหมือนฉันหรือพ่อ พวกเขาจะกลายไปเป็ฯซอมบี้ถ้าหากโดนทำให้เกิดบาดแผลแม้แต่นิดเดียวจากซอมบี้! ผู้บัญชาการของพวกเขาทำไมถึงส่งทหารออกมาสู้รบในสถานการณ์ที่เหมือนจะไร้เหตุผลแบบนี้?
และแล้วฉันก็ได้รู้ผู้บัญชาการทหารนั้นจริงๆแล้วไม่มีสติ
หลังจากที่ฉันได้อ่านสารอีกแล้วนิดหน่อย ฉันก็พบว่านักเวทย์ดำไม่ได้ใช้เวทย์กับศพเพียงอย่างเดียว พวกเขายังไปจัดการกับผู้บัญชาการอีกด้วย ความสามารถที่จะทำให้เกิดผลกระทบแบบนี้นั่นหมายความว่ามีสายลับที่แทรกซึมเข้าไปอยู่ในสองฝั่ง น่าแปลกใจมากที่องค์กรปีกอีกาพิศวิงนี้น่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่
แน่นอนว่าฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆ ฉันเพียงแค่สงสัยว่าถ้าหากหยุดแผนการของพวกนี้มันจะทำให้ฉันได้คะแนนเคลียร์ดันเจี้ยนในตอนสุดท้ายมากขึ้นมั๊ย แต่มันดูเหมือนว่าจะสายเกินไปแล้ว
ทหารกำลังต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามและซอมบี้ก็มาเข้ามาขัดจัดหวะพร้อมกับกัดพวกเขา จำนวนของซอมบี้ได้เพิ่มมากขึ้นไปอย่างช้าๆ ฉันได้ยินเสียงสั่นสะเทือนในระหว่างที่ฉันกำลังมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบอยู่ สิ่งนี้มันทำให้ฉันรู้สึกกลัว อย่างไรก็ตามเสียงนั่นก็ใกล้เขามาสู่หูฉัน
"ถึงเวลาที่ซอมบี้ยักษ์ปรากฏตัวแล้วหรอ?"
"พ่อ ผมเคารพในด้านี้ของพ่อจริงๆเลย"
พ่อได้เหยียดขาราวกับเขาไม่มีความสุขที่เขาเสียโอกาสในการต่อสู้กับนักเวทย์ดำ พ่อเกือบจะเหมือนลูกสุนัขที่กำลังรอคอยใครสักคนที่จะพูดว่า 'รับนะ!' ความเครียดของฉันมันก็ได้ตายไปเลยพร้อมๆกัน
"ว้าว พวกนั้นคืออะไร แมลงสาบหรอ? พวกมันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"
"พวกมันดูน่าขนลุกมาก ฉันรู้สึกเหมือนมีแมลงคลานไปทั่วตัวเลยล่ะ"
ในพริบตาเดียวซอมบี้จำนวนมหาศาลได้โผล่ออกมา อัศวินที่รู้วิธีใช้มานาและจอมเวทย์ดูเหมือนจะสังเกตุเห็นความผิดปกติ พวกเขาจึงได้หลบหนีไปจากสนามรบมานานและหรือไม่ก็กลับไปบ่นกับพวกคนตาย อย่างไรก็ตามซอมบี้มันก็เพิ่มขึ้นจากค่ายของพวกเขาเช่นกัน
อัศวินและจอมเวทย์ได้ผลาญมานาและทำลายพวกซอมบี้จำนวนมาก แต่ปัญหาก็คือมีซอมบี้ที่มากเกินไป ในตอนท้าบพวกเขาส่วนใหญ่ได้วิ่งหนีไปหลังจากที่ตระหนักว่าไม่สามารถจะต่อสู้อีกต่อไปได้ สถานการณ์ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ทหารธรรมดาเท่านั้นที่อยู่ในสนามรบ พวกเขาเป็นได้เพียงแค่อาหารสำหรับซอมบี้เท่านั้น ตอนนี้มันมีจำนวนมากกว่า 100000 แล้ว เมื่อฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับจำนวนที่แท้จริงของพวกมันพ่อก็พูดขึ้น
"มาดูกันว่าทุกๆสองตัวหรือมากกว่านั้นมันจะดรอปทองอยู่เฉลี่ยที่ 70 ดังนั้นก็เท่ากับ 35 ทองต่อตัว เนื่องจากว่าพวกเรามีกันสองคน เราก็จะต้องหารสอง....ซึ่งหมายถึง 17 ทองต่อตัว ดังนั้นถ้าฉันฆ่าพวกมันทั้งหมดนั่นก็เท่ากับ 1.7 ล้านทอง นั่นมันเป็น 340 ล้านวอน! นั่นมันเพียงพอสำหรับราคาสร้อยคอของภรรยาและแม้กระทั่งเงินแต่งงานของยุย โอ้วววว ลูกชาย! สถานที่แห่งนี้มันเหมือนกับเหมืองทองเลยนะ!"
"นั่นคือสิ่งที่พ่อคิดในสถานการณ์นี้งั้นหรอพ่อ?"
ฉันขอถอนคำพูดในตอนที่ฉันพูดว่าเขาน่าเชื่อใจ! คนนี้ไม่ได้มีคุณธรรมแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว!