บทที่ 50 - เฮอร์มีส (5)
บทที่ 50 - เฮอร์มีส (5)
”
"ความสำเร็จในครั้งแรกของชั้นที่ 30 และ 35 ก็ได้ถูกทำให้เสร็จสิ้นไปแล้วเหมือนกับโดยฮีโร่จากเมื่อ 1500 ปีก่อน"
"โชคร้ายหน่อยนะชิน แต่ก็มีโชคดีอยู่ที่ชั้นต่อไป...อุปส์"
สำหรับของมูลที่มีคูลค่า 50000 ทองนี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรเลยนอกไปเสียจากความว่างเปล่า อย่างไรก็ตามจากการที่โรเล็ตต้า 'บังเอิญ' หลุดปากออกมามันดูเหมือนว่าครั้งแรกของบอสชั้นที่ 40 จะยังไม่ได้ถูกจัดการไป นั่นก็เพียงพอแล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้ฉันได้งดเว้นการผจญภัยและมุ่งเน้นไปที่การได้รับฉายา 'ผู้พิฆาต' แต่หลังจากนี้ฉันก็สามารถจะได้รับฉายา 'ผู้เชี่ยวชาญ' ของบอสประจำชั้นที่ 40 ได้แล้ว
ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่รอการแก้ไขอยู่ก็คือการเจาะผ่านชั้นที่ 25 และไปเข้าร่วมกับเอลลอสและเพลรูเดีย
ชั้นที่ 25 นี้ก็เหมือนกับในชั้นที่ 24 ที่เป็นการผสมระหว่างซอมบี้และกูล ฉันสามารถจะผ่านมันไปได้ง่ายๆอย่างไรก็ตามมันยังคงมีห้องของบอสอยู่ ฉันเลยไม่สามารถที่จะได้รับฉายาจากการเคลียร์ทัรได้ เมื่อฉันได้มาถึงที่หน้าห้องบอส ฉันก็หยุดลงและติดต่อไปหาเอลลอส
"เอลลอสนายอยู่ที่ชั้นที่ 25 ใช่มั๊ย?"
[อืมม ใช่แล้ว ฉันใกล้จะจบแล้ว ฉันจะไปถึงที่ประตูอีกซักพักนึงนะ ทำไมหรอ? หรือว่านายสามารถที่จะมาที่นี่ได้จริงๆนะ? พวกเราสามารถจัดปาตี้กันได้นะถ้าต้องการ]
"ฉันอยู่ที่หน้าประตูชั้นที่ 25 แล้ว"
[...จริงดิ?]
"จริง"
เอลลอสได้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นเขาก็หัวเราออกมาอย่างต่อเนื่อง
[เข้าใจแล้ว นายนี่มันเป็น 'ฮีโร่' จริงๆเลยนะ ฉันจะรีบๆไปเดี๋ยวไว้เจอกัน]
"โอเค"
จากนั้นฉันก็ติดต่อไปหาเพลรูเดีย
"เพลรูเดีย ฉันคัง ชินนะ"
[อะไร? ฉันบอกนายไปว่าอย่าติดต่อมาหาฉันก่อนที่จะถึงชั้นที่ 25 ไง]
ถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่เธอก็ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็วราวกับว่าเธอกำลังรอคอยอยู่ ฉันไม่ต้องการที่จะปะทะคารมณ์กับเธอฉันเลยพูดไปเพียงแค่สิ่งที่ฉันต้องการจะพูด
"ฉันอยู่ที่ชั้นที่ 25 แล้ว"
[จริง?]
"ฉันไม่โกหกหรอกน่า"
[...โอเคทำได้ดีมาก ฮุฮุ ชินะเธอโกหก อย่างที่ฉันคิดมากกว่าเธอ เขาชอบ...]
"หืม?"
ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะได้ยินชื่อที่คุ้นเคย อย่างไรก็ตามเพลรูเดียก็บอกว่าไม่มีอะไร
[ฉันก็อยู่ที่ชั้นที่ 25 แล้วตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน! แต่ว่าฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับสงครามในโลกของฉัน มันเลยบังเอิญ บังเอิญจริงๆที่ฉันไม่สามารถจะเข้ามาในดันเจี้ยนได้พักหนึ่ง ดังนั้นมันจะเป็นการท้าทายบอสประจำชั้นในครั้งแรกด้วยกันกับนาย นายควรจะคิดว่ามันเป็นเกียรตินะ!]
"นั่นมันทำให้ฉันนึกถึงในครั้งแรกที่เราต่อสู้กับออร์คลอร์ด"
[อย่าได้พูดถึงมัน! นั่นมันเป็นเวลานานมาแล้ว! ฉันไม่ใช่เด็กอีกแล้ว!]
ถ้าจะให้ฉันมองรวมๆไปถึงข้อควมที่เธอส่งมา จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นเด็กเอาแต่ใจเหมือนเดิม แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป
"เอลลอสได้บอกว่าเขาจะมาถึงที่นี่อีกซักพัก เราต้องรอเขาก่อนและจากนั้นก็เข้าไปท้าท้ายบอสประจำชั้นพร้อมๆกัน"
[โอเค เฮ้ ฉันได้ยินมาว่านายอยู่ที่ชั้นที่ 5 มานานกว่า 5 ปี นายแน่ใจนะว่าทักษะของนายมันไม่ได้ขึ้นสนิมนะ? เพราะว่านายจะอยู่ปาตตี้ของฉัน ฉันไม่อนุญาติให้คนโง่ที่เหมือนกับออร์คเข้ามาหรอกนะ]
"ฉันก็ยังปีนขึ้นมาที่ชั้นที่ 25 ภายในหนึ่งปีนะ เพลรูเดีย เธอเคยได้ยินชื่อเล่นเจ้าชายรัชทายาทของฉันมั๊ย?"
[ฟุ]
เพลรูเดียได้เปล่งเสียงออกมาทางจมูก ในช่วงเวลานั้นฉันรู้สึกว่าเลือดของฉันเดือดขึ้นมา
"อย่าขำนะ! มันไม่ตลก!"
[อะ ออร์ค เจ้าชายรัชทายาทของออร์ค..ฟุ ฟุ]
"เห้ยยย! ฉันไม่ได้เป็นออร์คอีกต่อไปแล้วนะเจ้าเด็กน้อย"
[ฉันก็ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนกัน! บูๆ! ฉันจะตัดสินว่านายยังเป็นออร์คอยู่มั๊ยหลังจากที่ได้พบกัน]
"ดี! ฉันก็จะตัดสินว่าเธอยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่หรือไม่เหมือนกัน! ฮึ่ม!"
ในตอนท้ายพวกเราก็จบลงด้วยการโต้เถียงกันเล็กน้อย อา ฉันลืมถามไปเลยว่าทำไมเธอถึงต้องการที่จะปาตี้กับฉันหลังจากที่ผ่านไปนาน
เธอสมกับที่เป็นเจ้าหญิงที่คาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ เธอได้เริ่มโต้เถียงตั้งแต่เมื่อตอนที่เราพบกันในครั้งแรก จากนั้นตอนต่อสู้กับบอสเธอก็พุ่งเข้าไปใส่ออร์คลอร์ดเพียงลำพังด้วยคทาของเธอเพราะว่าเพื่อนถูกฆ่า และหลังจากจบการต่อสู้เธอก็เพิ่มฉันแม้ว่าเธอจะเกลียดฉัน
ตอนนี้ฉันก็เหลือแค่รอพวกเราแล้ว แต่ในระหว่างนั้นฉันควรจะทำอะไรรอดี
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว มันก็คือการใช้ตั๋วเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยนที่ฉันได้รับมาจากชั้นที่ 24และเคลียร์ดันเจี้ยนนั้น
[ตั๋วเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยน: การโจมตีของซอมบี้ยักษ์
นี่คือตั๋วเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยน ถ้าฉักมันออกครึ่งหนึ่งมันก็จะทำให้สามารถเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้สองคน เลเวลที่แนะนำ: 25-30]
เมื่อมองไปที่คำอธิบายนี้ฉันก็รู้สึกถึงควมขัดแย้ง ฉันควรจะติดต่อเพลรูเดียอีกครั้งดีมั๊ย? ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะทำไมฉันจะไม่เข้าไปในดันเจี้ยนพร้อมกับเด็กที่น่าลำคาญด้วย? ด้วยสิ่งนี้ฉันก็ได้ลบความคิดที่เข้ามาในหัวของฉันออกไป ตอนนี้ฉันมีทางเลือกอื่นอะไรบ้างนะ? เอลลอสยังคงพยายามทะลวงชั้นมาถึงห้องบอสอยู่..แล้วชินะล่ะ? ไม่ได้สินะชินะไม่น่าจะอยู่ที่ชั้นที่ 20 เลยด้วยซ้ำ
ในสุดท้ายนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวเลือกเดียวที่ฉันมีอยู่ เขาคนนั้นเป็นคนที่ฉันสามารถไว้ใจได้มากที่สุด
"พ่อ"
[มีอะไรหรอลูกชาย]
"พ่ออยู่ชั้นที่เท่าไหร่แล้ว?"
[พ่ออยู่ชั้นที่ 25 ทำไมหรอ แกต้องการจะปาตี้กับพ่อหรอ? ขอปฏิเสธนะ ถ้าหากว่าปาตี้กับแกผลงานของฉันก็จะต่ำแน่นอน]
เพราะว่าสิ่งที่พ่อพูดออกมามันม่ใช่อะไรอื่นนอกเสียไปจากการยกย่องแบบอ้อมๆ ฉันเลยรู้สึกเขินเล็กน้อย จากนั้นก็เกาหัวและพูดต่อออกไป
"ผมมีตั๋วเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยนะ"
[ให้ไวเลย รีบๆชวนฉันเข้าปาตี้เลย]
ทัศนคติของพ่อฉันได้เปลื่ยนไปในทันที มันได้การเป็นความกระตือรือร้น ความมุ่งมั่นและความโลภ แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการยอมรับแต่ว่าจริงๆแล้วฉันก็ได้นิสัยแบบนี้มาจากพ่อด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ตอบรับคำขอแล้ว พ่อก็ได้โผล่ขึ้นมา พ่ออยู่ในชุดเดียวกับตอนที่ไปเหตุการณ์ดันเจี้ยนที่โลก แต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ก็คือกำไรข้อมือ
"โอ้หอกที่ยอดเยี่ยม! ลูกไปได้รับมันมาจากไหน?"
"อา อืมม มันดรอปมาจากมอนสเตอร์มีชื่อนะ"
ฉันไม่คิดว่าพ่อจะถามออกมาในทันที! ดวงตาของพ่อได้เป็นประกายเมื่อได้ยินคำว่ามอนสเตอร์มีชื่อ
"มอนสเตอร์มีชื่อ ฉันชอบพวกมัน ฉันหวังว่าจะให้พวกมันปรากฏตัวบ่อยยิ่งขึ้น พวกมันนั้นให้ความรู้สึกที่ดีมาเมื่อฉันตีพวกมัน"
"พ่อจะต้องเป็นคนเดียวที่อยากจะเจอพวกมันเพียงเพราะว่าอยากจะตีพวกมันแน่ๆ ยังไงก็ตามตอนนี้พ่อพร้อมหรือยัง?"
"ใช่แล้ว รู้ลูกมั๊ย พ่อได้เคลียร์ชั้นที่ 24 มาอย่างรวดเร็วสวยงามและได้รับฉายา 'หนึ่งเดียวผู้ทะลวงผ่านสุสาน' มา มันจะช่วยเพิ่มความเสียหายที่สร้างกับพวกอันเดตขึ้น 20% มันน่าทึ่งมากเลยไม่ใช่หรอ?"
"โอ้ พ่อนั้นมัน!"
ฉันไม่ได้พ่อความจริงที่ฉันก็ได้รับฉายามาเหมือนกัน แถมยังเป็นฉายาของเทพเจ้าอีกด้วย ฉันรู้วิธีที่จะรักษาความภาคภูมิใจของพ่อเอาไว้ ฉันเป็นลูกชายที่ดี
หลังจากที่ยืนยันว่าเราอยู่ในปาตี้เดียวกันแล้ว ฉันก็ได้ฉีกตั๋วเพื่อที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน ทันใดนั้นพื้นที่รอบๆก็ได้เปลื่ยนไป ในที่สุดสภาพแวดล้อมก็หยุดการแปรปรวนและเราก็พบว่าจังเราเองอยู่บนที่ราบที่มีธนูตกลงมาอยู่
"อุก"
"นี่มันอะไร?"
พวกเราได้รีบปัดลูกธนูและหลบออกไปจากพื้นที่นี้อย่างรวดเร็ว ที่แห่งนี้มันเป็นสนามรบ มีทหารสวมชุดก็ที่แตกต่างกันแลกดาบกันอยู่ ในขณะที่นักธนูและนักเวทย์ก็โจมตีจากระยะไกล มันเป็นสถานที่แห่งการสังหารหมู่ของมนุษย์ เมื่อฉันตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ฉันก็มีอาการเวียนหัวจะอ้วกและหายใจลำบาก
'อึก คัง ชิน! อย่าได้ปล่อยให้เรื่องแบบนี้ทำให้กลัว! นายจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ยังไงถ้ายังจะอ่อนแออย่างนี้'
ไม่ว่าฉันจะพยายามฟื้นคืนความสงบแค่ไหน แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจเข้าใจได้ มันไม่ใช่ว่าฉันควรจะอยู่ในเหตุการณ์ดันเจี้ยนหรอกหรอ?
"เจ้าเป็นใคร!?"
ฉันได้เห็นทหารคนหนึ่งเข้ามาโจมตีฉันและถามถึงตัวตนของฉัน ฉันที่ไม่ต้องการจะฆ่ามนุษย์เลยจำเป็นจะต้องใช้หอกฟาดและส่งเค้าลอยออกไป ฉันได้เข้ามาในเหตุการณ์ดันเจี้ยน ฉันไม่ต้องการที่จะเป็นฆาตกร
"พ่อ ตอนนี้พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน เราจะถูกเล็งเป้าถ้ายังอยู่ที่นี่"
"พ่อเห็นด้วย"
พวกทหารจากทั้งสองฝั่งได้เข้ามาหาพวกเราเหมือนกับมด พวกเราได้ส่งพวกเขาลอยออกไปในขณะที่วิ่งออกไปด้วยซึ่งสิ่งนี้มันได้ทำให้คนอื่นๆในสนามรบได้สังเกตุเห็นพวกเรา
"พวกนั้นเป็นใคร!?"
"ฆ่าพวกมันก่อน!"
"โจมตี! โจมตี!"
แม้ว่าถ้าพวกทหารโจมตีฉัน พวกเขาก็ไม่สามารถจะสร้างบาดแผลอะไรให้กับฉันได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกนักเวทย์นั้นต่างออกไป พวกเขาก็คือเหตุผลที่ทำให้ฉันรีบหนีไปจากสนามรบ
"ที่ตั๋วมันไม่ได้เขียนว่า 'การโจมตีของซอมบี้ยักษ์' หรอ?"
"ใช่แล้ว มันบอกแบบนั้น"
"ถ้างั้นนี้มันคืออะไร? คนเหล่านี้เป็นคนจริงๆหรอ?"
"อย่าได้มาถามฉันไอลูกชาย พ่อของนายไม่ได้ฉลาดนักหรอกนะ"
เพราะว่าฉันรู้สึกว่าฉันจะโง่มากขึ้นไปอีกถ้าคุยกับพ่อต่อไป ฉันจึงหยุดคิดเกี่ยวกันสิ่งนี้ ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันน่าจะถามโรเล็ตต้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ดันเจี้ยน ค่าสติปัญญาของชั้นยังไม่ได้อัพเดทหรอ? เพียงเพราะฉันไม่ค่อยได้ใช้สมอง...อา บอลเพลิง!
"พ่อ หลบ!"
"อึก!"
พ่อได้เหวี่ยงหอกเบาๆและยิงคลื่นกระแทกออกไป บอลเพลิงมันได้ปะทะเข้ากับคลื่นกระแทกและระเบิดออกไปก่อน มันได้ฆ่าทหารที่อยู่ใกล้เคียงไป
แม้ว่าจะมีคนมากมายตายไปในสนามรบแห่งนี้ แต่ว่าฉันก็ยังหงุดหงิดหลังจากที่เห็นว่ามีคนเสียชีวิตจากการปะทะกันของบอลเพลิงกับคลื่นกระแทกของพ่อ
ในขณะนั้นเองข้อความก็ดังขึ้น
[คุณได้รับทอง 70]
"...พ่อพวกเขาเหล่านี้เป็นมอนสเตอร์"
"พ่อก็ได้ยินเหมือนกัน"
อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยรู้จักมนุษย์คนใดที่จะให้ทองเมื่อพวกเขาตาย แม้ว่าฉันจะเคยเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่คล้ายกับมนุษย์มาก่อน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่าดันเจี้ยนจะส่งมนุษย์มาเป็นมอนสเตอร์จริงๆ ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ดันเจี้บนเป็นอะไรที่น่าสยอง
"ไอลูกชาย พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาเมื่อพวกเราเข้ามาในเหตุการณ์ดันเจี้ยน พวกเขาไม่ใช่มนุษย์จริงๆ ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกเสียใจ"
"พ่อก็ไม่จำเป็นจะต้องมากังวลเรื่องสุขภาพจิตใจของผมหรอก พ่อ ผมรู้ดีว่าพวกเขาเป็นอะไร ผมเพียงแค่ไม่ชอบความจริงที่ว่าผมจะต้องฆ่าพวกเขาที่เหมือนกับมนุษย์มากเช่นนี้"
"แล้วถ้านั้นแกต้องการที่จะหนีไปก่อนหรอ? ตามชื่อของมันซอมบี้ยักษ์เมื่อมันปรากฏตัวก็ควรจะเห็นได้ง่าย"
"ใช่แล้ว พวกเรา...ขอบคุณพ่อ"
"ไม่ต้องพูดแบบนั้น มันทำให้ฉันขนลุกนะ"
"จริงๆ ผมก็มีอากาศขนลุกจากสิ่งนี้เหมือนกัน"
จากนั้นพวกเราก็รีบออกไปจากสนามรบ แม้ว่าจะมีทหารไล่ตามพวกเรามาเหมือนกับพวกแมลงวัน พวกเขาก็จัดการพวกเขาไปเบาๆในขณะที่หนีออกไป
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่ๆเสียงตะโกนของสนามรบได้เปลื่ยนเป็นเสียงของลม มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราตระหนักว่าสนามรบมันกว้างใหญ่แค่ไหน จากเนินเขาพวกเราสามารถจะเห็นสนามได้จนสุดขอบฟ้า
ในพื้นที่ราบนี้ไม่มีแม้แต่ส่วนเดียวที่เป็นสีเขียวขจี ศพของทหารกำลังซ้อนกันขึ้นและมีเลือดไหลนองออกมาเหมือนกับหนองน้ำ แม้ว่าฉันจะเคยได้เห็นซากของมอนสเตอร์มามากมาย แต่ว่าความโหดร้ายของมันก็ไม่สามารถจะเทียบได้กับสถานการณ์นี้ได้เลย แม้ว่าพวกเราจะหนีออกมาจากสนามรบแล้วแต่ว่าการต่อสู้มันยังคงดำเนินต่อไป มันดูเหมือนว่ามันจะไม่สิ้นสุดจนกว่าอีกฝ่ายจะถูกกำจัดออกไปจนหมด แต่ว่ามันจะมีกี่คนกันล่ะที่จะตายไป? 100000? 200000?
"หลังจากที่มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นบนโลกลูกคิดว่าความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆมันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง?"
ในระหว่างที่ฉันกำลังมองไปที่ฉากเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่า พ่อก็ได้ถามฉันออกมา ฉันได้คิดเกี่ยวกับมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
"มันไม่ได้จะลดลงหรอกหรอ? หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้ทุกๆประเทศจะต้องร่วมมือกันต่อสู้กับมอนสเตอร์"
"มันเพิ่มขึ้นต่างหาก ประเทศที่มีพรมแดนร่วมกันจะเริ่มต่อสู้กันจากการที่อ้างว่าประเทศฝ่ายตรงข้ามควรจะเป็นคนรับผิดชอบในการกวาดล้างมอนสเตอร์ที่อยู่บนเขตพรมแดนของพวกเขา ประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางทหารที่ต่ำ แต่มีมอนสเตอร์ที่มีมูลค่าสูง ก็จะเกิดพวกผู้บุกรุกจากประเทศอื่นๆที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะแย่งชิงผลประโยชน์และผู้ใช้พลังที่อ่อนแอของประเทศนั้นก็จะเข้ามาต่อสู้กับพวกผู้บุกรุก แม้ว่ามันจะไม่ได้นำไปสู่สงความเต็มรูปแบบ แต่ว่ามันก็มีเหตุการณ์ความขัดแย้งเล็กๆนี้เกิดมากขึ้นไปทั่ว
"...."
พ่อได้เงียบไปพักหนึ่งแล้วก็พูดต่อ
"ความโลภของมนุษ์นั้นไม่ได้เปลื่ยนแปลงไปเลยซักนิด พ่อจะไม่บอกให้ลูกทำอะไรโง่ๆอย่างการพยายามที่จะหยุดยั้งมัน แต่จะบอกให้ลูกจงแข็งแกร่งขึ้นซะ ไม่เช่นนั้นลูกก็จะถูดกวาดล้างออกไปโดยความโลภของมนุษย์ในซักวันหนึ่ง
"แน่นอน ผมวางแผนที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก"
"พ่อของลูกก็จะยังคงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเหมือนกัน"
"มันจะต้องเป็นผม"
ที่นั่นเราได้มีการเถียงกันอีกเล็กน้อย