บทที่ 40 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (3)
บทที่ 40 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (3)
”
"นั่นถูกแล้วชิน"
ราวกับว่าโรเล็ตต้ากำลังรอคำถามของฉัน โรเล็ตต้าได้หยักหน้ารับ
"ประตูที่มีเครื่องหมายระดับอย่างชัดเจมันได้ใช้มาตราฐานเดียวกับผู้ใช้พลังบนโลก เครื่องหมาย A ที่ทำไว้มันหมายถึงเป็นระดับที่ผู้ใช้พลังระดับ A จะสามารถจัดการได้"
"ถ้างั้นมันก็เป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่ว่าฉันจะไม่ถามมันในตอนนี้"
"แม้ว่าถ้านายถาม ฉันก็ไม่สามารถจะให้คำตอบนายไปได้ แต่ฉันก็สามารถจะบอกนายได้อย่างนึงคือสถานที่นั่นคือดันเจี้ยน แต่ก็ไม่ใช่ดันเจี้ยน ถ้ามันมีอะไรที่ผิดพพลาด..."
เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของโรเล็ตต้า ฉันได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
"ฉันรู้ว่ามันอันตราย แต่ว่าฉันก็มั่นใจ แถมฉันก็มีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งอีกด้วย ขอบคุณนะสำหรับการกังวลแทนฉัน"
"ฮ่าห์ ฉันก็ยังมีข้อสงสัยอยู่... แต่ว่าฉันไม่สามารถจะไปกับนายได้ ฟู่"
"ตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เธอมีหน้ากากขายปะ? อะไรก็ได้ที่สามารถจะซ่อนรูปลักษณ์ของฉันได้อย่างสมบูรณ์"
"มีอยู่ หน้ากากที่ป้องกันไม่ให้คนอื่นอ่านข้อมูลของนายและแม้กระทั่งสามารถเปลื่ยนแปลงส่วนสูง โครงสร้าง และผมของนายได้ มันเรียกว่า 'เลนส์แห่งความลับ' ไอเทมชิ้นนี้มันเป็นไอเทมเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์มีมีราคาเพียวแค่ 50000 ทอง"
"50000"
นี่มันเกินกว่า 100 ล้านวอนซะอีก! อืม...มันอาจจะมีประโยชน์มากกว่านี้อีกในภายหลังก็ได้ มันจะช่วยให้ฉันสามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้ใช้พลังได้ในขณะที่ซ่อนใบหน้าจริงได้ เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์การจู่โจมขึ้น ฉันก็สามารถจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตน ด้วยสิ่งนี้มันก็สามารถจะยอมรับได้
ฉันได้ซื้อหน้ากากด้วยน้ำตา ฉันได้ส่งข้อความไปหาพ่อด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเราก็ได้เพิ่มกันและกันเข้ามาในเมนูเพื่อนแล้ว
"พ่อฉันได้ซื้อเลนส์แห่งความลับมาจากชั้นซื้อขาย"
[หืม? มันคืออะไรล่ะนั่น?]
"มันเป็นหน้ากาก พ่อต้องการจะเปิดเผยใบหน้าของพ่อมั๊ย?"
[อืมม ฉันกะว่าจะบอกแกทีหลัง แต่ว่าฉันได้ไปลงทะเบียนผู้ใช้พลังแล้วในวันนี้]
"พ่อรีบเกินไปแล้ว!"
ฉันจำได้ว่าพ่อได้คุยกับวอร์คเกอร์เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าฉันจะคิดว่าพ่อจะใจเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันดูเหมือนว่าพ่อจะถูกกระตุ้นโดยวอร์คเกอร์ เขาเป็นพ่อของฉัน แต่ว่าเขาก็เข้าใจง่ายจริงๆ
[ความสามารถของพ่อได้เติบโตขึ้นมาด้วยในตอนนี้ พ่อไม่สามารถจะซ่อนมันไว้ได้ตลอดไป ดังนั้นพ่อเลยไปลงทะเบียนเป็นผู้ใช้พลังและปฏิเสธการเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรี ฮุฮุ พ่อได้เป็นผู้ใช้พลังระดับ A แล้วในตอนนี้]
"ขอแสดงความยินดีด้วยกับการเป็นระดับ A แต่ว่าพ่อก็สามารถจะลงทะเบียนด้วยการซ่อนตัวตนที่แท้จริงได้นะ"
มันเป็นเรื่องจริง มีคนหลายคนที่ไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับทั้งสองกลุ่มนั้นเมื่อพวกเขาไปลงทะเบียนพวกเขาจะปลอมตัวกันไป สิ่งที่สำคัญนั้นคือพลังไม่ใช่ใบหน้า
อย่างที่พูดมาเมื่อเทียบกับผู้พิทักษ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลหรือองค์กรปีกแห่งเสรีที่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกนั้น พวกผู้ใช้พลังที่ไร้สังกัดจะมีความน่าเชื่อถือที่น้ออยกว่ามาก แถมพวกเขายังไม่สามารถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆที่ผู้ใช้พลังจะสามารถได้รับได้ เช่นการลดภาษี หรือเข้าสิทธิพิเศษในการเข้าถึงข้อมูลและสถานที่บางแห่ง
แต่มันก็เพียงเท่านั้นแหละ เพราะว่าฉันไม่ได้สนใจมัน
[เอ๊ะ? จริงดิ? ชั่งเถอะ มันสายเกินไปแล้ว]
"ฟู่ เอาล่ะ ฉันจะไปต่อสู้ในวันพรุ่งนี้แบบตัวเปล่า และก็อย่าทำอะไรที่มันแสดงว่าเราเป็นพ่อลูกกันนะ"
[ลูกแกไม่ควรที่จะใช้โอกาสนี้ในการลงทะเบียนผู้ใช้พลังงั้นหรอ?]
"ผมจะทำด้วยหน้ากากอันนี้ ผมยังไม่มั่นใจในพลังของตัวเองมากนัก ดังนั้นผมจึงยังไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง"
[ลูกผู้ชายไม่ควรจะใจเสาะแบบนี้นะ]
"มันเป็นการระมัดระวังตัว"
[ลูกโง่ๆของฉันโตขึ้นมาก...]
อย่างที่คิดตัวสเตตัสสติปัญญาของพ่อไม่ได้สูงมากนัก จากนั้นฉันก็ซื้อเลนส์แห่งความลับมา มันเป็นสีดำ หน้ากากเหล็กนั่นมันได้ปกคลุมหน้าผาก ดวงตา และแม้แต่ฉมูกของฉันอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามฉันรู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์แบบ
"ฉันจะไม่ถูกพบงั้นหรอ? มันไม่ได้ซ่อนปากหรือขากรรไกรฉันเลยนะ"
"อย่างที่ฉันบอกไป มันสามารถจะเปลื่ยนแปลงของสร้างของนายได้ ลองใส่มันก่อนสิชิน"
เมื่อฉันได้ใส่หน้ากากไปและจินตนาการว่าตัวเองผอมยิ่งขึ้น ร่ายกายของฉันก็ได้ผอมลงไป นอกจากนี้ส่วนสูงของฉันซึ่งได้ลดลงไป 190 เซนติเมตรด้วยอิลิกเซอร์ที่ฉันกินไป ก็ได้ลดลงไปอีกจนเหลือ 185 เซนติเมตร จากนั้นผมของฉันก็ได้ยาวขึ้นเล็กน้อยและเปลื่ยนเป็นสีเทา รูปลักษณ์ของฉันได้เปลื่ยนไปตามที่ฉันจินตนาการเลยจริงๆ
โรเล็ตต้าที่กำลังมองฉันอยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาทันที ฉันไม่ชอบสายตาของเธอแบบนี้เลย
"ชินนี่มันเป็นรูปลักษณ์ที่นายจินตนาการออกมา?"
"อุก!? มะ ไม่! ที่ฉันเปลื่ยนสีผมเป็นสีเทาเพราะว่าฉันเปลื่ยนเอกลัษณ์ของฉันไม่ให้มันถูกเปิดเผยไป!"
"ใช่แล้ว ฉันเชื่อนาย ว้าว เท่มากเลย ฉันอาจจะตกหลุมรักนายเลยนะ"
"อย่าพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาอย่างนั้นสิ"
ฉันได้สาบานกับตัวเองว่าจะต้องแก้แค้นเธอคืนในสักวันหนึ่ง
"แล้ววันนี้เราจะไม่ได้สู้กับบอสงั้นหรอ?"
เร็นได้ถามออกมาหลังจากที่ดูโรเล็ตต้าแกล้งฉันอย่างเงียบๆ หลังจากที่ได้ต่อสู้กับมาสองสัปดาห์ เร็นได้พุ่งเข้าไปหาหางขออัศวินลิซาร์ดแมนน้อยกว่าแต่ก่อน ฉันก็ยังสามารถรวบรวมเซ็ตทั้งหมดของอัศวินลิซาร์ดแมนครบแล้วอีกด้วย จะขาดก็แค่อิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อเท่านั้น
ด้วยเซ็ตเกราะเหล็กของอัศวินลิซาร์ดแมนมันให้ผลที่ดีกว่าเกราะหนัก มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานขึ้น 10 และช่วยให้สามารถใช้ทักษะ 'ผิวมังกร' ได้ ซึ่งมันเป็นทักษะการ้องกันที่ดีที่สุดซึ่งจะลดความเสียหายทางกายภาพและเวทมนตร์ลง 90%
แน่นอนว่ามันไม่ได้มีผลอย่างสมบูรณ์แบบกับการต่อต้านการโจมตีจากศัตรูที่มีเลเวลห่างกันเกินไป นอกจากนี้มันจะยังลดความเร็วในการเคลื่อนที่อีก 50% อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นทักษะที่น่าทึ่งอยู่ดี การถึกยิ่งขึ้นมันก็หมายความว่าการโจมตีของฉันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ฉันได้เก็บทักษะนี้ไว้ที่เลข 4 นาฬิกาของนาฬิกาพกพา
"อืม ฉันชอบถุงมือเหล็กมากกว่าถุงมือหนังจริงๆเลย"
"เฮ้เจ้าชาย ฉันถามว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องไปลุยกันอีกใช่มั๊ย?"
"แน่นอนว่าไม่ พวกเรายังเหลือการจู่โจมที่จะต้องทำ"
"กั๊ก หลังของฉันเจ็บเหลือเกิน"
"นี่พวกเรารู้นะว่านายจะกลายไปเป็นบ้าคลั่งเมื่อเข้าการจู่โจม"
หลังจากที่ให้เร็นเงียบไป ฉันก็ได้ตรวจสอบตัวเองครั้งสุดท้าย เกราะเหล็กและหน้ากาก แม้ว่าพวกนี้จะไม่ใช่ชุดสวยงาม แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก ฉันจะไปสำรวจดันเจี้ยนไม่ใช่จะไปเดินแฟชั่นโชว์
"โรเล็ตต้า ช่วยอวยพรฉันทีเพื่อที่ฉันจะได้กลับมาอย่างปลอดภัย"
"...ถ้ามันเป็นชิน ฉันเชื่อว่านายสามารถจะคลานขี้นมาได้แม้จะเป็นส่วนลึกสุดของนรก"
"เฮ้า เธอไม่สามารถจะพูดว่า 'กลับมาอย่างปลอดภัย' ได้งั้นหรอ? เธอไม่ต้องพูดเกินจริงนักก็ได้"
"อุก! กลับมาอย่างปลอดภัยนะ ฉันจะไม่ให้อภัยนายถ้านายกลับมาแบบบาดเจ็บ! ขอให้โชคดีนะ!?"
เธอได้พูดออกมาอย่างจริงใจ
วันรุ่งขึ้น ฉันได้ตัดสินใจที่จะออกไปตั้งแต่เช้า ฉันได้สวมใส่เลนส์แห่งความลับและชุดที่ดูเป็นทางการที่สุดที่ฉันมี ซึ่งคือเซ็ตของราชินีวิญญาณ เมื่อฉันได้มองดูตัวเองในกระจก ฉันก็จะต้องยอมรับว่าฉันดูดีเลยทีเดียว แม้ว่าฉันจะรวบสู้ขอบคุณที่ผอมลงมาด้วยอิลิกเซอร์ต่างๆที่กินไป แต่ฉันก็อยากที่จะผอมยิ่งกว่านี้ให้เหมือนกับฉันในตอนนี้ เมื่ออนที่ฉันอายุ 16 ฉันนั้นมีกล้ามเนื้อที่จะเรียกว่าพี่ชายใหญ่ได้เลย ดังนั้นฉันจึงปรารถนาที่จะกลายเป็นคนที่ผอมเพรียว
เมื่อฉันได้ออกไปที่ห้องรับแขก ยุยที่กำลังดื่มนมอยู่ก็เห็นฉันและเอียงหัว
"พี่ชายทำไมพี่ถึงใส่หน้ากากแบบนั้น?"
"อืมม พี่กำลังจะไปลงทะเบียนเป็นผู้ใช้พลังน่ะในวันนี้"
"จริงหรอ?"
ยุยได้ทำตาเป็นประกายในคำพูดของฉัน
"ถ้างั้นหนูก็สามารถจะโม้เรื่อวของพี่ชายฉันกับเพื่อนๆหนูได้ใช่มั๊ย?"
"เอ๊ะ? อืมม...อย่างที่น้องได้เห็นจากหน้ากากที่พี่ใส่อยู่ พี่จะไปลงทะเบียนภายใต้ชื่อปลอม โทษทีนะแต่ว่าน้องช่วยรอสักหน่อยได้มั๊ย?W
"เอ...โอเค หนูต้องการจะโม้เกี่ยวกับพี่"
เมื่อเห็นยุยที่ว่านอนสอนง่าย ฉันก็ได้ลูบหัวของเธอ เธอได้ให้กำลังใจฉันเมื่อเห็นฉันออกไป ถ้าเธอรู้ว่าฉันกำลังจะไปเคลียร์ดันเจี้ยนที่ปรากฏขึ้นบนโลก เธออาจจะร้องไห้และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะหยุดฉันอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้บอกเธอไป
ในขณะที่ฉันกำลังเดินตามทาง ฉันก็สามารถจะรู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากคนที่ผ่านไป ด้วยชุดที่ค่อนข้างแฟนซีและหน้ากาเหล็กที่คลุมตาและจมูก แถมด้วยผมสีเทา ฉันก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้ที่พวกเขาจะมองมาที่ฉันเหมือนคนบ้า อึก มันเจ็บปวด เพราะอะไรฉันถึงไม่รีบไปสมัครล่ะ!? ฉันได้รีบไปที่สำนักงานดวงจันทร์แห่งใหม่ทันที มันเป็นที่สำหรับใช้ลงทะเบียนผู้ใช้พลังและรับงายที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้พลัง
"คุณยวน ฮวาวู คุณมาที่นี่เพื่อที่จะมาลงทะเบียนผู้ใช้พลังใช่มั๊ย? ด้วยหน้ากากนั่น?"
"ใช่แล้ว เพียงเท่านี้ล่ะ"
"ตามผมมา คุณจะต้องแสดงพลังของคุณให้พวกเราดู"
พนักงานได้พาฉันไปที่ห้องที่มีอยู่หลายห้องอย่าสุ่มๆ ฉันเห็นกองหินขนาดใหญ่ที่มีเป็นพันๆก้อนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และมีอาวุธเช่นดาบหรือหอกอยู่อีกด้วย
"ถ้าคุณต้องการที่จะใช้อุปกรณ์เพื่อที่จะใช้ความสามารถก็บอกกับเรา"
"ไม่ มันไม่เป็นไร"
ฉันได้ขอให้ไพก๊าเช้าไปข้างในถุงมือของฉัน
เมื่อสายฟ้าได้เริ่มออกมาจากถุงมือที่ฉันใส่อยู่ พนักงานก็ได้ตกใจและกระโดดถอยกลับไป
"มะ มันเป็นสายฟ้าหรอ? พลังประเภทธรรมชาติมันหายา..."
"ฟู่...ฮ้า!"
เนื่องจากว่ามีเป้าหมายที่ดูอยู่ข้างหน้าฉัน ฉันจึงต่อยหมัดออกไปด้วยสายฟ้าได้พุ่งไปทางก้อนหินใหญ่ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้ฮีโรอิค สไตรค์ ฉันก็คุ้นเคยกับการรวบพลังในจุดๆเดียวอยู่แล้ว ฉันจึงสามารถที่จะเพิ่มพลังไปที่พลังการทำลายของหมัดฉันได้ อย่างที่คาดไว้ก้อนหินได้ถูกทำให้กลายเป็นฝุ่นและพังลง
"นี้มัน...ฉันจะต้องตรวจสอบโดยละเอียดอีก แต่อย่างน้อยก็ระดับ B+ การที่ได้รับคะแนนที่สูงในการประเมินครั้งแรกมันน่าทึ่งมาก"
"ฮ่าๆ ขอบคุณ"
ไม่สิ ไม่ใช่ B+! พ่อจะล้อเลียนฉันถ้ามันเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องเป็น A! เวรเอ้ย ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้น ฉันก็จะใช้หอกของฉัน
ถึงแม้ว่าฉันจะตอบกลับไปอย่างมีความสุข แต่ว่าภายในของฉันมันรู้สึกแย่มากในขณะที่ฉันเดินออกไปจากห้องประเมิน พนักงานก็ยังไม่ออกมาครู่หนึ่งจขากนั้นก็กลับมาพร้อมก็ข้อมูลประมานมานและพลังของฉัน
"ผลลัพธ์มันออกมาแล้ว แค่ดูไปที่มานาของคุณยวน ฮวาวูมันก็จะเป็นระดับ B+ แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อคำนึงถึงพลังเฉพาะตัวแล้ว ด้วยร่างกายของผู้ใช้พลังและการควบคุม มันก็ออกมาเป็นระดับ A มีเพียงแค่ 12% ของผู้ใช้พลังทั่วโลกเท่านั้นที่เป็นระดับ A คุณยวน ฮวาวูได้เริ่มต้นจากจุดนี้ หน่วยงานดวงจันทร์แห่งใหม่ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอกับคนที่มีศักยภาพเช่นนี้ ถ้าคุณต้องการที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษฺที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากรัฐบาลโดยตรงแล้ว ถ้างั้น---"
"ไม่ นั่นมันไม่เป็นไร ในตอนนี้ฉันต้องการที่จะได้รับใบอนุญาต"
"ใช่แล้ว ตามผมมา หลังจากที่ถ่ายรูปแล้ว คุณก็จะต้องทำเพียงแค่จ่ายค่าธรรมเนียมใบอณุญาติเท่านั้น
ฉันได้รับใบอนุญาติมาและออกมาจากสำนักงานในทันที เมื่อฉันได้ดูเวลา มันเป็นเวลาบ่ายโมงแล้วเหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียว ฉันก็จะต้องเข้าไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนแล้ว...ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันได้มีอาการกระวนกระวายออกมา แต่ว่าฉันก็รู้สึกสนุกกับมัน ดันเจี้ยนมันเป็นสิ่งที่ดีเป็นสถานที่ๆศิลปะการต่อสู้จะส่องประกายออกมา และมันจะยิ่งส่องประกายยิ่งขึ้นเมื่อได้ฝึกในสถานที่ๆอันตราย
เมื่อเวลาประมาณ 1.50 น. ฉันก็ได้ไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้าจิบกาแฟเย็นๆไปพร้อมกับชุดอัศวินลิซาร์ดแมนและใส่เลนส์แห่งความลับไว้ด้วย การจ้องมองที่ฉันได้รับมามันไม่ใช่เรื่องตลกเลย
"นั่นใครน่ะ?"
"เขาเป็นผู้ใช้พลังใช่มั๊ย?"
"ทำไมผู้ใช้พลังที่ใส่เกราะเต็มรูปแบบถึงได้มานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่นี่?"
"อา มันต้องเป็นสิ่งนั้นแน่ๆ ที่เกตส์นั่นน่ะ"
ที่ทางเข้าเหตุการณ์ดันเจี้ยนมันมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าเกตส์ ฉันได้นั่งดื่มกาแฟของฉันอยู่เงียบๆต่อไปแม้จะเป็นอย่างนี้
และคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามของฉันก็คือพ่อของฉันเอง พ่อดูมีความสุขอย่างมาในขณะที่จิบค็อกเทล พ่อเขาได้ใส่ชุดเกราะหนังและมีหอกเงินอยู่ข้างๆ ทุกๆครั้งที่พ่อขยับตัวกล้ามเนื้อของพ่อก็จะพองขึ้นมาอย่างไม่น่ามอง
"อืมม? มีอะไรหรอ ยวน ฮวาวู!?"
"ไม่มีอะไร"
ทำไมพวกเราสองคนถึงได้มาที่นี่เป็นคนแรก? เพราะว่าพวกเราไม่สามารถจะทำตัวเหมือนพ่อลูกได้ ดังนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันนี้มันจึงค่อนข้างจะน่าอึดอัดอย่างมาก ฉันก็แค่อยากจะเข้าไปในดันเจี้ยนเร็วๆเท่านั้น ทำไมมันถึงเกิดเหตุการแบบนี้? ให้ฉันเข้าไปในดันเจี้ยนได้แล้ว! ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปคนเดียวก็ได้! ฉันก็แค่ต้องการที่จะต่อสู้!
"หืมม ลูก...ฉันหมายถึงคนหนุ่มแบบนายทำไมถึงได้ตัดสินใจที่จะทำอะไรที่มันอันตรายแบบนี้?"
พ่อสามารถจะส่งข้อความมาให้ฉันได้ตลอดเวลา แต่มันดูเหมือนว่าพ่อต้องการจะถามซึ่งๆหน้ามากกว่า
"อาจารณ์และพ่อของฉันได้บอกฉันว่าศิลปะการต่อสู้จะพัฒนายิ่งขึ้นด้วยการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน"
"โฮ่ พ่อของนายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันอยากจะได้พบกับเขาจังเลย"
พ่อของฉันได้ยกย่องตัวเองอย่างน่าอับอายแตะตอบกลับด้วยคำว่าแต่
"แต่ว่าเมื่อมันอยู่ในสถานการณ์จริงที่ความเป็นและความตายมาถึง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำคำพูดไปสู่การกระทำ ฉันสงสัยว่านายทำใจได้ง่ายอย่างนี้ได้ยังไงในการที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน"
"นายจะบอกว่าฉันยอมรับในคำขอของมัสติฟอร์ดโดยไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรี่องนี้สินะ"
"ถูกแล้ว"
ดวงตาของพ่อดูเหมือนจะลึกซึ้งขึ้น อา ดวงตานี้ของเขามันเหมือนกับตอนที่เขาเริ่มพาฉันเข้าสู่อันตรายในตอน 10 ขวบ หรือก็คือฉันไม่สามารถจะไว้ใจพ่อได้ในตอนนี้
"ฉันรู้ถึงความยากลำบากของเหตุการณ์ดันเจี้ยนและมีพรรคพวกที่น่าเชื่อถือที่จะช่วยฉันได้ นอกจากนี้เยียงดงพูมันยังอยู่ใกล้กับที่ๆฉันอาศัยอยู่ ดังนั้นมันไม่เพียงแค่จะโง่ที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปมันจะยังเป็นการทำลายเกียรติยศของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้อีกด้วย"
"แทนที่จะพูดให้มันสวยงาม ฉันต้องการที่จะได้ยินเหตุผลที่แท้จริงมากกว่า"
พ่อได้รู้ในทันที ด้วยการยักไหล่ของฉัน ฉันก็ตอบกลับไป
"แม้ว่าตอนนี้ผู้ใช้พลังทั้งหมดจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ด้วยความเสี่ยง แม้ว่าเป้าหมายนั้นมันจะเพื่อเงิน พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยในการต่อสู้ที่แลกด้วยเลือด ฉันนั้นแตกต่างออกไปฉันได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างสบายๆในดันเจี้ยนที่เมื่อไหร่ที่แขนขาของฉันถูกตัดมันก็จะงอกกลับคืนมาเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อไหร่ที่ฉันถูกฆ่าฉันก็จะไม่มีทางตาย ถ้าฉันยังคงก้าวไปในเส้นทางนี้แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ฉันก็ยังคงจะรู้สึกว่าฉันขาดความดุดันอย่างที่นักรบพึงมี
"หืม..."
ความจริงที่ว่าคนอื่นก้าวหน้าไปโดยที่ฉันไม่สามารถจะทำได้ ฉันยังต้องการความดุดัน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่ฉันจะต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ฉันอาจจะกลายเป็นคนขี้ขลาดที่พยายามจะวิ่งหนีเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันจะทิ้งชีวิตของฉันไป แต่ฉันไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสที่ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงเพราะว่ามันอันตราย"
"...มันใช่มั๊ยล่ะ?"
"ใช่แล้ว แน่นอน"
นั่นมันคือความจริง ดันเจี้ยนเป็นที่ๆน่าตื่นเต้นและน่าหวาดเสียว มันเต็มไปด้วยอันตรายและมันก็ยังเจ็บปวดอย่างมากเมื่อถูกศัตรูแทงด้วยมีด ความสุขที่ฉันได้รับมาจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ การปะทะที่จะต้องเอาชีวิตของตนเองเข้าแลก และในที่สุดการแทงหอกเข้าไปในหัวใจของมันก็เป็นความจริง
ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็เป็นของปลอม ฉันรู้ว่าฉันจะไม่เสียชีวิตไปแม้ว่าถ้าฉันถูกฆ่าในดันเจี้ยน ฉันรู้ว่าฉันจะยังมีโอกาสอยู่อีกเสมอ แน่นอนถ้ามอนสเตอร์มันไม่ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นบนโลก นั่นมันก็คงจะไม่มีปัญหา
แต่นั่นมันไม่ใช่สำหรับในตอนนี้ ดวงจันทร์ได้กลายมามีสองดวงและโลกได้กลายเป็นสถานที่ๆมันจะไม่แปลกเลยที่จะมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาตลอดเวลา เหตุการณ์ดันเจี้ยนมันก็ได้ปรากฏออกมาเช่นกัน สมมติว่าสถานการณ์ที่ที่ฉันจะต้องต่อสู้กับมนอสเตอร์บนโลกได้มาถึง ถ้าฉันต่อสู้กับมันด้วยความคิดเดียวกับที่ฉันมีในดันเจี้ยน ถ้าฉันสู้โดยไม่ได้รู้ถึงความโหดร้ายของชีวิตที่มีความเสียง คมมีดอันนั้นมันก็จะเจาะเข้าไปในหัวใจของฉันในเวลาที่ฉันประมาทและจบชีวิตของฉันลงไป
มันจะมีอะไรที่โง่เง่าไปกว่านี้อีกหรือ? ฉันไม่อยากจะเป็นนักรบที่น่าสมเพชแบบนั้น ฉันไม่ต้องการจะเป็นนักรบที่มาจากในเกมส์ที่การตายเป็นสิ่งที่ยอมรับ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ฉันก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้มีความคิดแบบนั้นในการสู้รบ
ชีวิตของคนเรามันไม่ได้อยู่ในโหมดง่ายที่สามารถจะลองได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก มันอยู่ในโหมดนรกตลอดเวลา
"ด้วยวิธีนี้ฉันคิดว่าฉันสามารถที่จะกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้ กลายเป็น...แข็งแกร่งที่สุด พะ...คุณคัง ยงอู"
มันเป็นชื่อของพ่อ ซึ่งมันค่อนข้างน่าอายที่จะพูด
"ฮ่าๆ ฉัยชอบในความซื่อตรงของนาย! แต่แย่หน่อยนะ ฉันจะเป็นคนที่คว้าชื่อที่ว่าแข็งแกร่งที่สุดมา!"
"ฮ่าๆ นายน่ะเด็กๆ มันจะเป็นฉันต่างหาก"
"ฮ่าๆ ฉันไม่ได้เป็นเด็กๆหรอกนะ มันจะเป็นฉัน!"
"อืมม"
"อืมมมม"
พวกเราเริ่มที่จะจ้องมองไปที่กันและกัน ในเวลเดียวกันพ่อก็ได้คว้าไปที่หอก สายฟ้าก็เริ่มที่จะออกมาจากมือของฉัน เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเพื่อตัดสินว่าใครที่แกร่งกว่า พวกเขาก็ได้ถูกขัดจังหวะ
"ว้าว พวกนายทำมันได้ดีเลยทีเดียว"