Chapter 124 – Kariharan Frostplains (3) [22-02-2020]
Chapter 124 – Kariharan Frostplains (3)
”
ฟรานซ์ อิลลิช และคนอื่นๆได้มาถึงที่พระราชวังน้ำแข็ง เสาหลักทั้งสองต้นภายในนั้นได้กลายมาเป็นโกเลมน้ำแข็งจำนวนสองตัวและเข้ามาโ๗มตีนักล่า
แต่ว่าฟรานซ์และอิลลิชได้แสดงความกล้าหาญออกมาและเข้าไปต่อสู้กับพวกมัน มันเป็นเหมือนกับแม่มดน้ำแข็ง
เวทมนตร์ของเธอมันทรงพลังและกำแพงน้ำแข็งมันก็น่ารำคาญ หมอกที่เธอปล่อยออกมาจากคทาก็อันตรายมากเช่นกัน แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถจะต้านทานนักล่าทั้งสองคนที่แข็งแกร่งได้ เพียงแค่เมื่อ
"ฉันอยู่ในอัน..."
นักล่าได้ถูกแช่แข็.โดยหมอกของเธอ แต่ว่าอิลลิชก็ได้พุ่งเข้ามาเหมือนกับสายฟ้า
"โล่แห่งความเชื่อมั่น"
เขาได้ถือโล่ของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีและผลักเธอออกไป ฟรานซ์ก็ได้เข้ามาร่วมการต่อสู้ เขาได้หวี่ยงดาบสองมือออกไปเพื่อที่จะยิงใบมีดลม
"ลมตัด"
แม่มดน้ำแข็งได้ยกกำแพงน้ำแข็งขึ้นป้องกันการโจมตีของฟรานซ์ในขณะที่เธอถอยห่างออกไป
ใบมีดลมของฟรานซ์ได้แยกกำแพงออกเป็นสองซีกและดังนั้นดิลลิชและคนอื่นๆจึงวิ่งไล่ตามไปได้ยังอีกฝากของกำแพง
ที่น่าแปลกก็คือหมอกของแม่มดที่แช่แข็งนักล่าเอาไว้ พวกนักล่าจะกลับไปกลายเป็นปกติอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาทำคัวให้อุ่น
หลังจากสามนีทีและการปะทะหลายครั้งได้ผ่านไป
"ก๊าซซซ"
เธอก็ได้ตายไปพร้อมกองเลือด ขวานของอิลลิชได้ปักอยู่ที่หน้าอกของเธอ
[บอสมอนสเตอร์แม่มดน้ำแข็งโอเลียได้ถูกกำจัด]
นักล่าได้แสดงความยินดีหลังจากที่โอเปอเรเตอร์พูดจบ
"ทำได้ดีมากทุกคน"
"นายทั้งสองคนสุดยอดจริงๆเลย อิลลิชกับฟรานซ์"
ฟรานซ์ได้เหลือบมองไปที่อิลลิช
เขาพูดเพียงแค่เรื่องในตอนที่สู้เพียงอย่างเดียว และเขาก็มีการพูดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ฟรานซ์จึงไม่สามารถจะตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ แต่ว่าความจำที่ว่าอิลลิชได้ช่วยสมาชิกจากความตายได้ประทับอยู่ในจิตใจของเขา
ฟรานซ์นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
'ชายคนนี้...เขาเข้าถึงยากเล็กน้อย...แต่ว่าเขานั้นเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยม'
แต่ว่าความสามารถในการเป็นผู้นำและความสามารถพิเศษส่วนตัวที่สูงของอิลลิชมันสูงมากจนทำให้ฟรานซ์กังวลว่าเขาอาจจะไม่เต็มใจที่จะฟังเค
กลุ่มผู้ถูกเลือกนั้นได้ถูกออกแบบมาไว้สำหรับการทำงานร่วมกันกับเคเป็นแกนหลัก เริ่มต้นจากการที่เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ 3-4 เท่าและพลังของเขาก็จะกระจายแบ่งไปแก่คนอื่นๆ
และต้องขอบคุณในแหล่งข้อมูลบางอย่างจากเขา เขาได้ให้รายระเอียดเกี่ยวกับการจู่โจมก่อนที่มันจะเริ่ม มันจึงเป็นที่น่าสงสัยว่าถ้าหากเครับอิลลิชเข้ามาแล้วจะเป็นเช่นไร ในขณะที่ฟรานซ์กำลังคิดเช่นนี้
"แปะ แปะ"
อิลลิชได้ปรบมือสองครั้งเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน
"ทุกคนทำได้ดีมาก ในตอนนี้เราไปหาเป้าหมายถัดไปกันเถอะ การฆ่าบอสไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายเดียวของเราถูกไหม?"
นักล่าที่กำลังฉลองกันได้กลับมาตั้งตัวตามคำพูดของอิลลิช ความสมบูรณ์แบบของอิลลิชมันได้สยบพวกเขาเอาไว้แล้ว
"ในนี้มีใครที่มีฉายานักล่าสมบัติบ้าง?"
ไม่มีใครยกมือออกมา แต่ฟรานซ์ได้ก้าวไปข้างหน้า
"อ่า...ฉันไม่มีฉายานักล่าสมบัติ...แต่ฉันรู้ว่าบอสลับมันอยู่ที่ไหน"
ฟรานซ์นั้นคงจะต้องขอบคุณมื้อเช้าที่เขาได้ไปมา
"...แล้วมัน?"
ชายคนนั้นได้จ้องมาที่ฟรานซ์ด้วยสายตาที่แหลมคมมันดูเหมือนกับว่าเขาจะสงสัยว่าฟรานซ์นั้นได้ข้อมูลนี้มายังไง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แคร์มันอีกต่อไป
"ถ้างั้น....เนื่องจากว่าฉันมีฉายานักล่าสมบัติอยู่ ฉันจะใช้มันเพื่อค้นหาชิ้นส่วนละ"
'โอ้...'
เขามีแม้แต่ฉายานักล่าสมบัติ ประโยชน์ของฉายานี้มันดีเป็นอย่างมากมันจะช่วยลดเวลาในการค้นหายบอลลับหรือชิ้นส่วนลับไปได้
พวกคนทุกคนได้เริ่มตระหนักรู้ว่าผลงานมันมีความสำคัญ แต่ว่าการได้รับไอเทมที่มีประโยชน์นั้นมันดีกว่ามาก
'ผู้เลือกสรร' สุดยอดนักล่าเคก็ได้สวมแหนวนในทุกนิ้วของเขาและไอเทมทุกๆชิ้นของเขาก็ดูน่าประทับใจ
อิลลิชได้หันไปพูดกับลูกบาศก์
"โอเปอเรเตอร์ใช้ทักษะนักล่าสมบัติ บอกฉันทีว่าสมบัติลับมันอยู่ที่ไหน"
โอเปอเรเตอร์ได้ให้คำใบ้ออกมา
[ดาวโดดเดียวในท้องฟ้าอันมืดมิด]
[ในใจกลางฤดูหนาว...]
จู่ๆอิลลิชก็เงยหน้าขึ้นในขณะฟังอยู่และพูดออกมา
"ไปที่เพดาน ฉันจำได้ว่าเห็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกับดาวหกแฉก"
****
ซังจินได้ถือดาวหกแฉกเอาไว้
เรเที่ยน - ดาวแห่งฤดูหนาว
วัตถุระดับตำนาน
ดาวอันโดดเดี่ยวลำพัง แต่ว่ามันจะให้แสงสว่างที่มากกว่าดวงอื่นๆ
"นี่มันคือ.."
เขาไม่สามารถจะเข้าใจความสามารถของมันได้จากคำอธิบายไอเทมเพียงสองบรรทัด มันไม่มีคำอื่นใดอีกเลยที่ติดมาด้วย
'เอาหละ...,มันถูกระบุว่าเป็นวัตถุดังนั้นคากอตก็ควรจะรู้เกี่ยวกับมัน'
ซังจินได้เก็บมันลงไปในลูกบาศก์สำหรับในตอนนี้ ต้องขอบคุณบอลไฟที่เขาได้ขว้างออกไปโดยไม่คิดที่ทำให้เขาได้รับชิ้นส่วนลับมาในทันที
'ถ้างั้นอย่างต่อไปก็...'
ซังจินได้มองไปรอบๆ ที่ๆบอสลับอยู่มันไม่ได้อยู่ไกลนัก และต้องขอบคุณพายุหิมะที่หายไปมันได้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ซังจินได้จ้องไปบนท้องฟ้าหน้าหนาวอย่างๆเงียบๆและก็คิดว่า
'อา...ฉันควรจะลองมันที่นี่'
เขาได้เอี่ยมมือไปลูกบาศก์เพื่อที่จะหยิบไข่ของราร์ออกมา เขาได้โยนมันไปบนอากาศ
"ออกมาราร์"
ครู่หนึ่งกริฟฟินจักพรรดิก็ได้ปรากฏตัวออกมา นี่จะต้องเป็นครั้งแรกแน่ที่เขาจะได้เห็นหิมะ
"แกว๊ก แกว๊ก"
ราร์ได้ร้องออกมาในขณะที่เขาก้าวเดินไปรอบๆหิมะ
'เขามีขนาดตัวที่ใหม่มา...แต่ว่าเขาก็ยังคงมีจิตใจที่เป็นเด็กฦ'
ซังจินได้เข้าไปหาราร์ในขณะที่คิด
"ราร์ ฉันรู้ว่านายกำลังสนุก แต่ว่านายช่วยให้ฉันขี่ได้ไหม?"
"แกว๊ก"
ราร์ได้ค่อยๆย่อตัวของตัวเองเพื่อที่จะให้ซังจินสามารถจะขึ้นไปได้ ซังจินได้ขึ้นไปบนหลังของราร์ในทันที
"ไปกันเถอะ เป้าหมายคือ.... ชั่งเถอะ ไปบินกันบนท้องฟ้ากันก่อนดีกว่า"
ราร์ได้บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับซังจิน ซังจินได้มองสำรวจไปรอบๆพื้นที่
'มันไม่ไกล..'
วิสัยทัศน์วิญญาณของเบสโกโร่รวมไปกับพื้นที่หิมะที่ค่อยข้างจะเรียบมันได้ทำให้ซังจินสามารถจะมองออกไปได้ไกลสุดสายตา เขาได้พูดกัยราร์
"ราร์นายสามารถหมุนไปรอบๆช้าๆได้ไหม?"
ด้วยคำพูดนี้ราร์ได้กระพือปีกของเขาแล้วค่อยๆหันไปรอบๆ แม้ว่าราร์จะพึ่งสามารถบินได้ แต่ว่าเขาก็ได้พยายามอย่างขยันขันแข็งและทำตามคำขอของซังจิน เมื่อราร์หมุนได้ประมาณ 120 องศา
"หยุด"
ซังจินก็มองเห็นกลุ่มคนในระยะไกล พวกเขาได้ได้ขยับไปไหน พวกเขาทำเพียงแค่ยืนกับที ซังจินก็ได้กระซิบกับราร์
"ที่นั้นแหละ นายเห็นไหม?"
"แกว๊กก"
ราร์ได้ร้องออกมา
"นายเข้าใจไหม?"
หลังจากได้ยืนยันคำถาม ราร์ก็ได้ตอบกลับมาด้วยการบินไปด้วยความเร็วสูงไปยังทีด้านล่างที่ๆซังจินได้ชี้ไป
'เขาตาดี'
ราร์ได้บินไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยความเร็วที่มากเช่นนี้ ซังจินจะไม่ต้องการพรมไปอีกต่อไป
'ฉันควรจะเอามันไปขายในตลาดประมูลหรืออะไรสักแห่ง'
ขณะที่เขากำลังคิดเช่นนี้ ราร์ก็ได้พาซังจินมายังกลุ่มคน พวกเขาทั้งหมดนั้นถูกแช่แข็.
ประมาณยี่สิบสามสิบคนได้ที่ถูกแช่แข็งอยู่ที่นีและไม่สามารถจะขยับไปไหนได้ คนที่อยู่ทางด้านหน้าเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมแดง
'หืมม...ฉันจะต้องละลายน้ำแข็งของเขาแบบไหน..'
เขาไม่รู้สึกว่าการใช้มานาจะแก้ได้
'เอาสหละ ฉันเดาว่ามันเป็นบอสลับ...'
ซังจินได้อัญเชิญซาดาเมียร์ออกมา
"ท่านเรียกข้าหรือนายท่าน?"
"ใช่แล้วช่วยละลายน้ำแข็งคนนี้ที ด้วยเวทมนตร์
"มือการเผาไหม้ เบิร์นนิ่งทัช"
ขณะที่ซาดาเมียร์กำลังละลายน้ำแข็งให้กับคนอื่นๆ ซังจินก็ได้หยิบเอาอาเทอร์มิโอและมูฯสเปคออกมา ตอนนี้เขามีดาบอยู่ 4 เล่ม ดังนนั้นเขาจึงจะต้องเลือกใช้ดาบให้มันเหมาะสมกับสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน
"อัก..."
ชายคนนั้นได้คว้าไปที่หัวของเขาและเริ่มกรีดร้อง
"หัว...หัวของข้า"
ซังจินนั้นไม่รู้ว่าเขาคนนั้นถูกแช่แข็งอยู่นานแค่ไหน แต่ว่าเขาก็เข้าใจได้ว่าทำไมชายคนนั้นถึงปวดหัว เขาได้จ้องไปที่ชายคนนั้น ถ้าหากว่าเขาโจมตีไปในตอนนี้ เขาก็สามารถจะจบมันลงไปได้แล้ว แต่ว่าการทำเช่นนี้มันอาจจะทำให้เกิดข้อความบางอย่าง
'ถ้าคุณได้โจมตีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตร...'
ดังนั้นซังจินจึงยั้งมือเอาไว้ ภายในการจู่โจมแบบ 5 คน ไม่ว่าบอสหรือบอสลับก็ไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้
"ทำไมฉัน..."
ชายคนนั้นได้มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่ไร้แวว และเขาก็เห็นคนที่อยู่ด้านหลัง
"ผะ...ผู้ติดตามของฉัน...ถูกแช่แข็ง? ฉัน..."
เขายังคงพูดกับตัวเองอย่างสับสน จากนั้นทันใดนั้นเขาก็พูดออกมา
"ใช่แล้ว แม่มด พวกเรา...ต้อง...ฆ่าแม่มด"
เขาได้สะบัดแขนครั้งนึงและพูดออกมา
"จงลุกขึ้นนักรบแห่งสีโตสีชาด"
จากนั้นคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็เริ่มที่จะแตกออกมาจากสถานะแช่แข็งและขยับตัว พวกเขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมาและยังไม่ได้อยู่ในสถานะปกติ
แต่ละคนได้จับหัวของตนเองและมองไปรอบๆอย่ามึนงง ผู้นำของเขาที่สวมชุดคลุมแดงได้มองไปที่พวกเขาและประกาศออกมา
"ทำตามคำสั่งของราชา วัตถุประสงค์ของเราคือ....แม่มด...."
เขาได้จับไปที่หัวของเขาอีกครั้งราวกับว่าเขาได้ปวดหัวอย่างรนแรง
"ไม่สิ...เพื่อฆ่า...แม่มด? ฆ่า?"
และตาของเขาก็ได้เปลื่ยนไปเป็นสีน้ำเงิน
"ใช่แล้วเพื่อฆ่า ฆ่าพวกมัน ฆ่า"
เขาได้ตะโกนออกไปอย่างฉับพลัน อย่างบ้าคลั่ง และด้วยคำพูดนี้ทุกคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็ได้คล้าอาวุธและตะโกนออกมา
"พวกเราอัศวินแห่งสิงโตสีชาดจะทำตามคำสั่งของราชา"
ดวงตาของพวกเขาก็ได้เปลื่ยนไปเป็นสีฟ้าเช่นกัน
'อืมม...ฉันเดาว่าพวกเขาเป็นผีดิบชนิดหนึ่ง'
ในขณะที่ซังจินคิดเช่นนั้น ผู้บัญชาการก็ได้ยกดาบขึ้นและตะโกนออกมา
"แด่องค์ราชา แด่เมฆสีทอง"
"แด่องค์ราชา
จากนั้นเองในที่สุดโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศออกมา
[เตือนบอสลับ]
[ผู้บัญชาการอัศวินสิงโจสีชาดและอัศวินปรากฏตัว]
ซังจินได้พูดกับซาดาเมียร์หลังจากที่เห็นพวกเขา
""ไปยุติความลำบากกันเถอะ"
"รับทราบ นายท่าน"
แต่ราร์ก็ยังได้ผลักดันไปทางซังจิน
"แกว๊กก"
"อะไรราร์ นายต้องการที่จะต่อสู้ด้วย?"
ในขณะเดียวกันอัศวินก็เริ่มที่จะก้าวเข้ามาหาทางซังจิน ก่อนที่ซังจินจะทันได้ตอบสนองอะไร
"ฟุบ"
ราร์ได้พุ่งไปด้านหน้าเหมือนกับสายฟ้าแลบและกัดไปที่หัวของอัศวิน จากนั้นเขาก็บินบนอากาศกว่าสิบเมตรและทิ้งตัวลงมา อัศวินที่น่าสงสารได้หลังและตายลงทันทีหลังจากฟื้นตัวขึ้นมา
"การฟ้าที่อันตราย..."
ซาดาเมียร์ได้เริ่มร่ายเวทย์ ซังจินก็ได้เตรียมดาบของเขาและพุ่งเข้าไปต่อสู้