ตอนที่แล้วChapter 120 – Black Market Tenth Shopping (9) [15-02-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 122 – Kariharan Frostplains [19-02-2020]

Chapter 121 – Black Market Tenth Shopping (10) [17-02-2020]


Chapter 121 – Black Market Tenth Shopping (10)

หน้าต่างแรกของคนแรกที่ได้โผล่ออกมาก็คือฟรานซ์ เขาดูเหมือนกับว่ายังไม่ได้นอนหลับเลย เขาได้ตอบกลับมาในชณะกระพิบตา

"หืมมม? เคหรอ? นายทำได้ยังไง..."

"สิ่งนี้ นายยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม?"

"ฉันเพิ่งจะเตรียมตัวกินข้าวเอง"

"มาเถอะ มากินอาหารเช้าด้วยกัน"

"แต่ว่านายทำได้ยังไง..."

"ฉันมีไอเทมใหม่"

จากนั้นอีกด้านหน้าของจอ ลูกบาศก์ก็ได้ถามกับฟรานซ์

[ผู้เลือกสรรได้ร้องขอการอัญเชิญคุณ คุณจะยอมรับไหม?]

เขาได้มองไปที่ลูกบาศก์ก่อนที่จะตอบกลับมา

"ฉันจะไปหลังจากที่ล้างหน้าของฉัน"

"แน่นอน"

คนที่สองที่ได้โผล่ออกมาก็คือเซริน

"อะไร...หือ...โอปป้า?"

เธอกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารของโรงแรม เธอได้สวมอุปกรณ์รบเต็มรูปแบบของเธอและเธออาจจะทำการเตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมเสร็จแล้ว

"มันเป็นไอเทมใหม่นะ...เธอกินข้าวเช้ามาหรือยัง?"

"ไม่ ฉันกำลังจะสั่ง..."

"ถ้างั้นมาที่นี่และกินมันด้วยกัน"

"โอเค ฉันจะไปโอปป้า"

ทั้งสองคนได้มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆกับซังจิน พวกเขาได้มองไปรอบๆโณงแรม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มามิติอื่น

แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลยย นอกเหลือไปจากตะเกียงและยักษ์สีฟ้า ซังจินได้พูดกับพวกเขา

"นั่ง"

ทั้งสองคนได้นั่งลงไปบนเก้าอี้ที่ใกล้ตัวที่สุด และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มมองไปที่กันและกัน ซังจินอย่างจะแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน แต่ว่านาดายังไม่ได้มา

'มันจะถ้าหากว่าแนะนำตัวกันแค่ครั้งเดียว...'

แต่ว่าฟรานซ์ก็ได้ทักทายเซรินก่อน

"ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันฟรานซ์ โฮเซนฟิล"

"สวัสดี ฉันเซริน ฮาน"

แต่ว่ามันยังคงไม่มีการตอบสนองจากนาดา

'นี่มันอะไรกัน...มันทำงานผิดพลาดงั้นหรอ?'

ซังจินกำลังตรวจสอบคทาของเขาเมื่อนั้นเองในที่สุดหน้าต่างของนาดาก็ได้ปรากฏออกมา ซังจินสามารถรู้ได้เลยทันทีว่าทำไมเธอจึงตอบกลับช้า

ในหน้าจอนาดาใส่เพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำเท่านั้น เขาจะต้องอัญเชิญเธอมาในตอนที่กำลังอาบน้ำแน่นอน เธอได้ถามกลับมาด้วยเสียงที่สูงเล็กน้อย

"สิ่งนี้มันหมายความว่ายังไงกัน?"

ซังจินกำลังตื่นตระหนก แต่ว่าเขาก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงที่สงบ

"อา...ฉันพยายามจะให้ทุกคนที่ถูกเลือกมาพบกัน..."

เธอได้มองผ่านซังจินไปที่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่เบื้องหลังของเขา และลูกบาศก์ของเธอก็พูดออกมา

[คุณต้องการจะยอมรับการอัญเชิญหรือไม่? หากไม่ตอบสนองใน 3 นาทีจะเป็นการปฏิเสธไปโดยอัตโนมัติ]

เธอได้มองไปที่ลูกบาศก์และพูดออกมา

"...ไม่มีปัญหา ฉันจะไปที่นั่นเร็วๆนี้แน่นอน"

และสองนาทีต่อมาเธอก็ได้ปรากฏตัวออกมา เธอได้เปลื่ยนไปเป็นใส่เสื้อผ้าปกติ แต่ว่าผมของเธอยังคงเปียกอยู่เล็กน้อย เธอจะต้องเร่งรีบมาอย่างมากแน่ๆ

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ในที่สุดพวกเขาทั้งสี่คนก็ได้มานั่งอยู่ในโค๊ะตัวเดียวกัน ซังจินได้ปรบมือครั้งหนึ่งและพูดออกมา

"เอาหละในตอนนี้...ฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จักหันตามลำดับเลย...เริ่มแรกจากฟรานซ์...นายมีนามสกุลว่าโฮเซนฟิลใช่ไหม?"

ฟรานซ์ได้หยักหน้ารับ

"ใช่แล้ว ฟราน โฮเซนฟิล ชาวออสเตรีย เขาเป็นผู้ใช้ดาบสองมือ...เขามีทักษะและความน่าสนใจมาก...ดังนั้นฉันจึงเลือกเขา หลังจากที่ได้ประดาบกับเขาอย่างจริงจังแล้ว"

ฟรานซ์ยังคงจำในตอนนั้นได้ดี เขาได้เอามือลูบไปบนหัวและพูดออกมา

"ฟรานซ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกคน"

"คนที่สองนาดา เธอนั้นมาจากสเปน"

แล้วเธอก็ได้พูดออกมา

"หืมม? นายรู้ได้ยังไง? ฉันไม่คิดว่าฉันได้บอกนายไปนะ?"

ซังจินได้ตัวแข็งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอได้บอกสัญชาติของเธอกับเขาในระหว่างการจู่โจมแรกเลย ใกล้ๆกับบทที่ทุกคนถูกลบออกไป

"...เธอบอกฉันเมื่อคืน เธอจำไม่ได้หรอ?"

"หืมม..."

นาดาได้จับไปที่ริมฝีปากของเธอในขณะที่พยายามนึกย้อนไป แต่ว่าเธอก็ไม่เชื่อว่าเธอจะลืมว่าเธอได้บอกเขาไปแต่ว่ามันก็ไม่มีทางอื่นนอกเหนือไปจากนี้ที่เขาสามารถจะรู้ได้

"อย่างไรก็ตามเธอเป็นทั้งผู้ใช้เวทย์และมีดสั้นที่เชี่ยวชาญ ดังนั้นฉันจึงเลือกเธอ"

นาดาได้กอดอกของเธอในขณะที่พูดกับเซรินและฟรานซ์สั้นๆ

"สวัสดี"

"คนสุดท้ายเซริน ฮาน เธอเป็นคนเกาหลีเหมือนกับฉัน เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือเธอเป็นหนึ่งในตัวแทนนักกีฬาโอลิมปีกระดับประเทศและยังได้รับรางวัลเหรียญทองมาอีกด้วย"

ฟรานซ์ได้เปิดปากพูดออกมา

"อา...ฉันคิดไว้แล้วว่าเคยเห็นเธอมาก่อนหน้านี้...ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นเธอบนอินเตอร์เน็ตในรายกายผู้หญิงที่สวยงาม สตาร์โอลิมปิก..."

เซรินได้ยกมือข้างหนึ่งมาปิดใบหน้าที่แดง ซังจินได้ยิ้มออกมาในขณะที่พูดออกไป

"เอาหละ ในประเทศของเราเธอนั้นเป็นฮีโร่เธออาจจะเป็นนักธนูที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าคนอื่นๆทั้งหมด

ซังจินได้คำนับในขณะที่มือยังคงปิดใบหน้าอยู่และพูดออกมา

"ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน"

เมื่อการแนะนำได้จบลง ซังจินก็ได้ชี้ไปที่แผ่นข้อมูล

"ต่อจากนี้ไป ถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็อยากจะเรียกทุกๆคนมากินอาหารเช้าและมาพูดคุยเกี่ยวกับการจู่โจมครั้งต่อไปกัน"

ทักครได้หยักหน้ารับ

"ถ้างั้นเรามาสั่งอาหารกันก่อน เราสามารถจะพูดไปด้วยได้ในขณะที่กินข้าว ดารูปิน"

ซังจินได้เรียกดารูปินมา นักล่าทั้งสี่คนก็ได้สั่งอาหารเช้ากับดารูปินอย่างคุ้นเคย ซังจินและคนอื่นๆได้เลิอกอาหารของพวกเขาจนเต็มโต๊ะและในขณะเดียวกันพวกเขาก็เล่าเรื่อยงราวต่างๆในขณะที่กินมื้อเช้่า

"ในตอนนี้ฉันได้คิดเกี่ยวกับมัน...นาดาใช้เวทมนตร์ แล้วฟรานซ์กับเซรินหละใช้เวทย์ได้ไหมฦW

"ไม่ ฉันแทบจะไม่มีเวทย์อะไรเลย"

"ฉันก็ด้วย ฉันได้พยายามมันในอดีต แต่ว่าการเพิ่มความแข็งแรงและความแข็.แกร่งมันคุ้มค่ามากกว่าสำหรับนักธนู"

"ใช่แล้ว ฉันรู้ แต่ว่าพวกนายได้รับโบนัสสเตตัสไปจากฉัน พลังเวทย์และพลังจิตใจ"

"ใช่"

"นั่นคือความจริง"

"ถ้านายต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี แล้วทำไมไม่ลองเรียนเวทย์ซักบทสองบทหละ?"

"หืมม..."

"ฉันเดาว่านั่นมันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน"

"เมื่อการจู่โจมจบลง ทั้งสองคนลองไปที่ตลาดมืดดูปล้วดูว่ามีเวทย์ไหนเหมาะสมกับพวกนายมั้งและลองเรียนมันดูซักอย่างสองอย่าง ถ้าเป็นไปได้ให้ลองดูสีเวทย์ก่อนที่จะเรียน

"โอเค เข้าใจแล้ว"

"แต่ว่าทำไมพวกเราจะต้องเลือกสี?"

เซรินได้ถามออกมา แต่นาดาก็ได้ตอบแทนไป

"ฉายาเกี่ยวกับเวทย์ส่วนใหญ่มันจะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มพลังเวทย์เพียงแค่สายสีเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับผลโบนัสเพิ่มพลังจอมเวทย์ดำ หรือลดมานาที่ต้องใช้ของเวทย์ดำ...สิ่งต่างๆแบบนี้"

"อ่า...จริง? ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะนาดา"

จานั้นทั้งสามคนก็ได้สนทนากันไปโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วม

"แต่ว่านาดาเคยเรียนใช้มีดสั้นมาไหม?"

ซังจินได้ฟังทั้งสามคนพูดกัน ตอนนี้เขาคิดว่าการเลือกสมาชิกตามแต่ใจตนเองมันอาจจะนำไปสู่ปัญหาในภายหลัง

ในีรอบก่อน 10 คนสุดท้าย สมาชิกของพวกเขาได้กระทบกระทั่งกัน พวกต่างก็เกลียดกันและกัน อิลลิชเกลียดชักมุสตาฟาเนื่องจากว่าเขาโง่ และอรูวโจมักจะดุว่าเอ็ดเวิร์ด

นายดายังคงหลีกเลี่ยงอัมคูบ้าที่ทำตัวแปลกๆเช่นกัน และริวชินก็ได้หยิบเรื่องจักวรรดินิยมญี่ปุ่นขึ้นมาและทำให้เขาต่อสู้กับซันซุเกะ

'ทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นไร...แต่ว่าคนอื่นๆจะต้องเป็นแบบพวกเขาเช่นกัน...'

ซังจินได้คิดไปถึงสิ่งต่างๆในขณะที่กินอาหารเช้า แล้วในขณะเดียวกัน เขาก็ได้นึกถึงความสามารถของดวงตายเจเรมีทที่สามารถใช้ฟังความคิดคนอื่นๆได้

'...ฉันควรจะทดลองมันดูไหม?'

มันมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของต่างหู ซังจินได้แสดงทำเป็นจะพาดแขนแล้วแอบสัมผัสไปที่ต่างหูเพื่อที่จะใช้ต่างหูเมื่ออ่านความคิดของคนอื่นๆ 10 วินาที

'โชคดีมากที่ได้มีการมากินข้าวเข้ากับผู้หญิงที่สายเช่นนี้ ฉันในตอนนี้สามารถจะเข้าไปสู่การจู่โจมด้วยแรงจูงใจเต็มที่"

ฟรานซ์นั่นเป็นชายหนุ่มที่อ่านออกง่าย ซังจินก็ชอบเขาที่เป็นเช่นนี้

'แต่แม้ว่าพวกเราจะมีพรรคพวคกันแล้ว...แต่ว่าในตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถจะเข้าไปจู่โจมพร้อมกันได้?'

นาดาได้คิดเกี่ยวกับในเรื่องที่ต่างออกไป

'ว้าว ดูสิหน้าอกของคุณนาดามันใหญ่มาก...'

เซรินคงจะต้องแอบมองที่หน้าอกของนาดาแน่นอน หน้าอกของเธอนั้นดึงดูดแม้แต่คนที่เป็นเพศเดียวกัน แต่จากนั้นเสียงของเธอก็ได้ดังต่อออกมา

'ในตอนนี้ฉันก็คิดออก...เธอได้เรียกโอปป้าซังจินว่านายหน้าอก...'

"แค่กๆ"

ซังจินได้ไอออกมาไม่หยุด อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คิดไปลึกขนาดนั้น มันเริ่มต้นด้วยการเพาะสร้างความไม่พอใจระหว่างการจู่โจม ตอนมื่อเช้ามันเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบจึงทำให้ไม่มีการทะเลาะกันมากนะ

'เอาหละ มันจะเยี่ยมขึ้นอีกถ้าพวกเขาสามารถจะได้กลายไปเป็นเพื่อนกันหลังจากนี้'

ซังจินได้กินอาหารเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเขากินเสร็จเขาก็ได้โบกมือให้กับทั้งสามคน

"งั้นไว้เจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้เช้านะเมื่อการจูโจมจบลง ทุกคน"

แต่ละคนได้กลับไปที่มิติของตนเอง มันได้ใช้เวลาไป 30 นาทีก่อนที่การจู่โจมจะเริ่ม เมื่อทุกคนได้จากไป ซังจินก็ได้กอดอกและนั่งลงบนที่ของเขา

การจู่โจมครั้งถัดไปคือการจู่โจมแบบ 5 คน หลังจากได้ผ่านแบบ 10 คนมาแล้ว 3 ครั้ง การจู่โจมแบบห้าคนมันจึงไม่ได้ทำให้เขากังวลอีกต่อไป

'การจู่โจม 10 คนรอบถัดไปจะเป็น...ในบทที่ 14 ใช่ไหมนะ?'

ซังจินได้ให้ความสนใจไปที่การจู่โจมแบบ 10 คนรอบต่อไป

'จากจุดนี้เป็นต้นไป...ฉันจะต้องตั้งเป้าหมายไปที่การจัดการการจู่โจมแบบ 10 คนด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น'

ซังจินได้คิดจึ้น นี่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการที่จะลดความไม่แน่นอนในการจู่โจมนั่นคือการที่เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเอง

'ฉันจะต้องทำให้ดีที่สุดในทุกๆครั้ง'

และในตอนนี้ ทุกๆครั้งเขาจะเติบโตขึ้น ผู้ถูกเลือกก็จะเติบโตไปตามเขา เขาในตอนนี้ไม่ใช่แค่พยายามกับตัวเองเท่านั้นแต่จะต้องพยายามเลือกคนอื่นอีกด้วย

และครู่หนึ่งเขาก็ได้นึกไปถึงพ่อค้าในมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ

'บางทีอาจจะมีแม้แต่กบฏ'

นี่มันเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขเนื่องจากว่าเขาไม่สามารถจะอ่านเนื้อแม้ของทุกคนได้ ซังจินได้จับไปที่ต่างหูของเขา

"ถอนการสวมใส่"

เขาได้มองไปที่มัน ด้านในมันมีอัญมณีสีม่วงที่กำลังหลับอยู่มองกลับไปที่ซังจิน

'นี่มันเป็นนเพียงแค่ 10 วินาที'

ซังจินได้จ้องไปที่ แต่จากนั้นเขาก็ไม่ได้เกิดเหตุการอะไรขึ้น

'มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้นเพือที่จะพวกเขาไม่กบฏ'

มันเป็นความจริง นักบวชผู้ที่เป็นฆ่าตกรก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เมื่อเขายังอยู่

'ผู้ถูกเลือกได้รับ 20% จากสเตตัสของฉัน...และสเตตัสของฉันก็ได้รับมาจากฉายาสุดยอดนักล่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะเอาชนะชั้นได้ในด้านโบนัส ฉันจะชนะ 1 ต่อ 1 แบบขาดลอบ ถ้าหากว่ามันมีกบฏจะเกิดขึ้นจะต้องมีอย่างน้อยสองหรือสามคน

ซังจินได้คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าการจะต่อสู้กับเซริน นาดา และฟรานซ์เขาจะต้องทำยังไง อย่างไรก็ตามมีทั้งดาบ จอมเวทย์ นักธนู ตำแหน่งของพวกเขาไม่ได้ทับกันเลย

"หืมมม...มันจะต้องไม่ง่ายเลย"

ซังจินยังคงนึกถึงมันภายในจิตใจ

"เริ่มจากการอัญเชิญเคนและซาดาเมียร์เป็นอย่างแรก...มีพงศาวดารสามก๊กที่อ่านด้่วยตัวเองอัตโนมัติ...อา เซรินก็ยังมีเรื่อง1001ราตรีอยู่อีกด้วย หืม...ในกรณีนั้น"

เขาได้นั่งจำลองสถานการณ์เล่นๆในหัวของเขา ในที่สุดซังจินก็ได้บทสรุปออกมา

'มันใกล้เคียง แต่ฉันก็สามารถจะชนะได้'

มันเป็นเรื่องยากแต่ว่าเขาก็มั่นใจว่าสามารถจะเอาชนะได้ ก่อนหน้านี้ในการจู่โจมของคาลกัลป์เขาจะต้องสูยเสียแรงไปมากอย่างแน่นอน แต่ว่าซังจินในตอนนี้มีอำนาจของแหวนอยู่ที่ด้านข้างของเขา

ปัญหาหลักๆเลยก็คือการแอบมาแทงมันจากด้านหลังในช่วงที่วุ่นวาย มันเป็นช่วงเวลาที่เปราะบางมากที่สุดสำหรับการทรยศ เหตุผลที่ว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงได้ทำลายทีมตัวเองอาจจะเพราะว่าเขาเผชิญหน้ากับราชาปีศาจ

เอ็ดเวิร์ดนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถจะสู้ชนะได้ด้วยตัวคนเดียว ซังจินได้หลับตาลงไปและคิดต่อ

'ฉันจะต้องกรองสมาชิกให้ดู...และเฝ้าติดตามมันอย่างรอบคอบ...และ...ฉันจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นที่จะสามารถจะกำลัดองประกอบใดๆที่ไม่มีสเถียรภาพเพื่อที่จะสามารถทำให้การจู่โจมจบลงไปได้'

และจากนั้นเองเขาก็ได้ถูกเทเลพอตไป ไปยังการจู่โจมที่ 11 ที่ๆคาริฮาราน ฟรอสต์เพลน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด