ตอนที่แล้วMPE บทที่ 4 สหพันธ์รัฐบาลโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 6 จุดอ่อนของวานรนิลทมิฬ

MPE บทที่ 5 มู่หลาง ชิงอี้


รุ่งเช้า เสียงนาฬิกาปลุกเกาเผิงให้ตื่นขึ้นมา เขายังนอนอยู่บนโซฟา

‘เอ๋ ฉันห่มผ้าตอนไหนเนี่ย’ เขาสับสนเล็กน้อย แม้เกาเผิงจะงงๆแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เขารีบไปล้างหน้าแปรงฟัน

จากนั้นเกาเผิงกินแซนด์วิชที่เขาเตรียมไว้อย่างเร่งรีบ กินเสร็จก็เดินไปลากต้าซื่อออกมาจากใต้โซฟา กรงเล็บสีเหลืองของต้าซื่อครูดไปตามพื้นส่งเสียงออกมา

เกาเผิงวางต้าซื่อลง เขาหอบเล็กน้อย ‘บ้าจริง ทำไมมันหนักขนาดนี้’ เขาตบไปที่หลังต้าซื่อเบาๆ “ต้าซื่อ นายต้องเดินด้วยตัวเองนะ เข้าใจมั้ย?”

ต้าซื่อเงยหน้าขึ้นมา มันส่ายหนวดของมันเบาๆ จากนั้นมันก็ฟุ่บหลับไปนอนอีก แถมยังนอนนิ่งๆไม่ขยับตัวซะด้วย

เกาเผิงก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปมันก็จะขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาขมวดคิ้ว แล้วนึกได้ว่า อาจารย์จางเคยสอนไว้ว่า การควบคุมดูแลสัตว์อสูรนั้น ต้องมั่นฝึกพวกมันอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน และจะกลายเป็นนิสัในที่สุด

พวกมันก็มีนิสัยและบุคลิกเป็นของตัวเอง แม้เป็นสัตว์อสูรชนิดเดียวกันก็ยังมีนิสัยที่แตกต่างกันเฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์

หากคนๆหนึ่งมีบุคลิกที่ขี้ขลาด หลังจากได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นสักสองหรือสามปี บุคลิกของเขาก็จะเปลี่ยนไป กล้าขึ้นแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยแนวคิดนี้ก็สามารถใช้กับสัตว์อสูรได้เช่นกัน

ต้าซื่อที่ขี้เกียจมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะนอนอยู่ในบ้านทั้งวันจนจะติดเตียงแล้ว

เกาเผิงก้มลงไปกระซิบข้างหูต้าซื่อ “นี่แกหิวมั้ย ออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้างนอกมีพวกแมลงน่าอร่อยมากมายเลยนะ”

หนวดของต้าซื่อตั้งตรงขึ้นมา

มันหันมามองเกาเผิง เกาเผิงยิ้มกว้าง

เกาเผิงใส่ปลอกคอให้ต้าซื่อ สายจูงที่เป็นโซ่สีเงินอยู่ที่มือของเกาเผิง

เขาสะพายกระเป๋านักเรียนสีแดง จูงต้าซื่อเกินออกไปสู่ท้องถนน

แม้ว่าจะมีคนเลี้ยงตะขาบไม่มากนัก แต่เกาเผิงไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจมากขนาดนี้ ทุกๆครัวเรือนก็เลี้ยงสัตว์อสูรเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ต่างจากพวกสุนัขหรือแมวในอดีตเลย

นอกจากนี้ สัตว์อสูรยังมีขนาดที่แตกต่างกัน คนส่วนใหญ์ก็จะเลือกเลี้ยงตัวที่ดูน่ารักหรือสง่างาม แต่ก็มีคนที่เลี้ยงแปลกเหมือนกันตามรสนิยมของแต่ละบุคคล

อย่างเช่น คุณป้าที่แต่งตัวด้วยแฟชั่นที่ทันสมัย ทางด้านซ้ายของเขา  ได้จูงสุนัขราชสีห์เหมันต์ขนาดกลางๆที่สูง3เมตร ยาว6เมตร

ถึงแม้จะคำว่าราชสีห์แต่มันเป็นแค่สุนัขเท่านั้นแหละ เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่งที่มีขนาดกลาง

ส่วนคุณผู้ชายที่ใส่สูท เดินอย่างเร่งรีบตรงข้างหน้าเกาเผิง เขาก็มีนกแก้วสีแดงดำเกาะอยู่บนไหล่ของเขา

ชายชุดสูทกำลังเดินผ่านสุนัขราชสีห์เหมันต์ เจ้านกแก้วลืมตา หันมาด่าเจ้าหมาว่า “เจ้าโง่”

สุนัขราชสีห์หยุดเดิน หงายหน้าไปมองนกแก้วอย่างสงสัย

“เจ้าโง่! มองหาพ่อxมึxเหรอ” เจ้านกแก้วส่งเสียงด่าออกไป

“โฮ่ง!!” สุนัขราชสีห์เหมันต์เห่าใส่นกแก้วอย่างมีความสุข มันอยากจะเลียเจ้านกแก้ว

นกแก้วได้บินหนีไป ทิ้งให้ชายชุดสูทต้องรับมือสุนัขราชสีห์เหมันต์เพียงลำพัง แถมชุดของเขาต้องเปื้อนน้ำลายมันด้วย

คุณป้ารีบไปขอโทษอย่างไว แต่ชายชุดสูทก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ เป็นความผิดของเจ้านกแก้วปากเสียของผมเอง ผมเจอแบบนี้ประจำเลยครับ เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนชุดเมื่อไปถึงที่ทำงานนะครับ” เขาเปิดกระเป๋าให้ดูชุดที่เขาเตรียมไว้สำรอง

นี่เป็นแคเสี้ยวหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของคนในยุคนี้ พวกเขาได้ปรับตัวอย่างหนักกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์อสูรของพวกเขา

ที่ด้านหลังของคุณป้ากับชายชุดสูท มีชายชราวัย70 เดินกับคางคกยักษ์สีสันสดใสขนาดเท่าโม่หิน คางคกตัวนี้มีตุ่มเต็มหลังมัน ขนาดเท่าลูกปิงปอง นั่นเป็นคางคกห้าสี สายพันธุ์นี้ไม่มีพิษ มีบางคนบอกว่ามันดูน่ารัก จึงทำให้มันเป็นสัตว์อสูรที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน

เมื่อเทียบกับต้าซื่อ มันดูธรรมดาไปเลย แต่เมื่อมองดูต้าซื่อดีๆแล้ว มันก็น่ารักนะ น่ารักในทางน่าเกลียด

ก็ยังมีคนที่เลือกจะเดินคนเดียวไม่มีสัตว์อสูรเดินกับเขาเหมือนกันแต่น้อยมาก

พวกที่ออกมาข้างนอกนั้นทุกจะมีสายจูงหมดทุกตัว แม้ว่าสัตว์อสูรจะสามารถทำลายสายจูงพวกนั้นได้ง่ายๆ แต่ที่พวกมันไม่ทำอย่างนั้นก็เพราะเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อเจ้านายของมัน

เกาเผิงใกล้จะถึงโรงเรียนแล้วซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่บ้านมากนัก แค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินมาถึงแล้ว

ในทุกวันนี้ทุกโรงเรียนอยู่ภายได้การดูแลของรัฐบาลทั้งหมด จึงไม่มีโรงเรียนเอกชนอีกต่อไป

การศึกษายังเป็นเรื่องที่สำคัญ แม้จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ก็ตาม เพื่ออบรมเหล่าเด็กๆไม่ให้หลงผิดและนำไปสู่ทางที่ถูกต้อง เพราะวัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ในการเปลี่ยนผ่านเป็นผู้ใหญ่

ในอดีต เด็กที่มีปัญหามักจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างปัญหาให้กับสังคม แต่ในปัจจุบันก็ไม่อาจใช้เรื่องนั้นมาบอกได้ว่าเด็กคนนั้นจะสร้างปัญหาได้ในอนาคต สิ่งที่ควรจะทำจริงๆก็คือการดูแลการทำพันธะสัญญาเลือด หากทำสัญญากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเกินไปและไม่สามารถควบคุมมันได้ สิ่งนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาที่ยิ่งใหญ่มาก

เกาเผิงเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายฉางอาน ตั้งอยู่ตรงชานเมืองและอยู่ใกล้กับสนามฝึกซ้อมของสถานีตำรวจ ขับรถไปอีกหน่อยก็จะออกจากเมืองได้แล้ว

แต่ใครล่ะที่จะอยากออกจากเมือง

ด้านนอกเป็นป่าดงดิบขนาดใหญ่ ที่มีอันตรายรอคุณอยู่

แม้ทางรัฐบาลได้ทำการสำรวจแล้วว่าไม่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ หากพบเจอขึ้นมาพวกเขาจะรีบทำการกำจัดให้โดยไว

ที่รอบนอกเมืองมีกองกำลังป้องกันประจำการอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรบุกมาทำลายเมือง ทำให้บริเวณชายแดนจึงมีแต่สัตว์อสูรระดับต่ำ ดังนั้นจึงมีนักเรียนบางคนหรือผู้ฝึกสัตว์อสูรได้ออกมาศึกษาเกี่ยวกับพวกมัน

ที่ด้านหน้าประตูโรงเรียน มีรถบัสสีดำแดงจอดเต็มหน้าโรงเรียน รถแต่ละคันประกอบจากโลหะชนิดพิเศษถึงสามชั้นและยังมีหนามแหลมออกมาจากตัวรถ ส่วนล้อรถทำมาจากยางไม้ของต้นไม้ที่กลายพันธุ์ ทั้งหนาและยืดหยุ่น แม้แต่กระสุนก็ยังเจาะไม่เข้า

เกาเผิงอดไม่ได้ที่จะมองรถบัสอย่างตกตะลึง ‘แม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงก็ไม่อาจพังรถบัสพวกนี้ได้แน่ๆ’

“นักเรียนปี2 ห้อง3 มารวมกันที่นี่” มีเสียงตะโกนที่ประตูโรงเรียน

ตรงหน้ารถบัส มีหญิงสาวผมแดง สูง 168 เซนติเมตร สวมแจ็คเก็ตหนังสีดำ ใส่กางเกงยีนส์ขาม้า เธอถือป้ายไม้ที่เขียนว่า “ปี2 ห้อง3”

“อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์มู่หลาง” เกาเผิงวิ่งไปทักทายอาจารย์ด้วยสุภาพ

มู่หลาง ชิงอี้ สาวร่างใหญ่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 110กิโลกรัม เธอยิ้มแล้วทักทายเกาเผิง “อ้าว สวัสดีจ๊ะ เกาเผิง หนูขึ้นรถไปเลือกที่นั่งก่อนได้เลยจ้า”

มีนักเรียนสองประเภทที่อาจารย์มักจะจำได้ดี หนึ่งเด็กเรียนดีทำคะแนนสูงกับเด็กเกเร

เกาเผิงเป็นเด็กเรียนดี เขาค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยสร้างปัญหา

เมื่อขึ้นไปที่รถบัสพบว่ามีเพื่อนร่วมชั้นมาถึงก่อนแล้ว เพื่อนร่วมชั้นกับเขามีความสัมพัธ์ปกติดี ไม่เคยมีปัญหาระหว่างกัน อย่างน้อยก็ในความคิดเขา แต่ในความเป็นจริงด้วยความที่เขาตั้งใจเรียนจนคะแนนพุ่งเป็นที่4ของชั้น ก็ทำให้เขาเป็นที่นิยมของเพื่อนๆ

ด้านขวาของเขาเป็นตะขาบกรงเล็บเหลืองหลังม่วง คลานตามเกาเผิงมา มันดึงดูดความสนใจเพื่อนร่วมของเขา

“อร๊ายย น้อน น่ารักจังเลย”

“น้อนตะขาบตัวน้อยๆ”

“หืม นั่นตะขาบกรงเล็บเหลืองหลังม่วงไม่ใช่เหรอ มันเป็นสัตว์อสูรระดับแถวหน้าของกลุ่มสัตว์อสูรระดับสามัญนี่ ใครจะคิดว่าครอบครัวของเกาเผิงจะเลี้ยงสัตว์อสูรที่ทรงพลังนี้ไว้”

“แต่เขาเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ แล้วเขาไปได้ตะขาบมาจากไหน คงไม่ใช่ว่าไปขอยืมคนอื่นมาหรอกนะ”

ด้วยเสียงที่ไม่เป็นมิตรนี้ ทำให้บรรยากาศในรถบัสเงียบสงัดทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด