ตอนที่แล้วMPE บทที่ 2 ตะขาบกรงเล็บเหลืองหลังม่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 4 สหพันธ์รัฐบาลโลก

MPE บทที่ 3 ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร


ด้วยการเกิดมหาภัยพิบัติขนาดใหญ่ ทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกเลย

ย้อนไปเมื่อ 3ปีก่อน โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่มีใครรู้ตัว ท้องฟ้าที่มืดสนิท จู่ๆรอยแยกปรากฏออกมา ราวกับท้องฟ้าได้ถูกฉีกออกจากกัน

มีโลกอีกฝั่งของรอยแยกทุกคนสามารถมองเห็นโลกฝังนั้นได้

แต่ไม่มีใครสามารถไปเยือนโลกฝั่งนั้นได้

บางประเทศหวังที่จะข้ามไปโลกอีกฝั่ง แต่ด้วยการขวางกั้นของมิติโดยรอบแม้แต่โลหะที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษเลยเมื่อเข้าปะทะมันก่อนพวกเศษจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีประเทศไหนกล้าเข้าใกล้มันอีกเลย มันปรากฏเพียงครึ่งวัน จากนั้นมันก็หายไปเอง

แต่ฝันร้ายมันเพิ่งเริ่มต้น

รอยแยกได้ปรากฏไปทั่วมุมโลก บางรอยแยกได้หายไปแต่ยังมีรอยแยกที่ยังอยู่จนทุกถึงวันนี้ มันหน้าที่เป็นประตูเชื่อมต่อกับโลกใบนี้

ดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนได้เชื่อมต่อกับโลกผ่านรอยแยกนั้น ทำให้สัตว์อสูรได้บุกมายังโลก ด้วยเหตุก็ไม่ทราบ อาจเป็นสสารจากนอกโลก อสูรกายจากโลกอื่น หรือการลงทัณฑ์ของพระเจ้า จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เหล่าสรรพสัตว์ แมกไม้นานาพันธุ์ได้กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน นั่นคือ

มนุษย์

ในโลกที่แม้แต่พระเจ้าได้ทอดทิ้งนี้ มีใครบางคนได้ค้นพบความลับที่น่าอัศจรรย์ มันได้ซุกซ่อนอยู่เลือดและวิญญาณของพวกเขา นั่นคือ

พันธะสัญญาเลือด

ด้วยพันธะสัญญาเลือดนี้ ก่อให้เกิดคู่หูซึ่งไว้ใจซึ่งกันและกัน  พวกเขาจึงเรียกผู้คนเหล่านี้ว่า ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร

การค้นพบนี้ทำให้โลกได้เปลี่ยนไป แม้พวกเขาจะไม่สามารถได้พลังจากสัตว์อสูรแต่พวกเขาสามารถควบคุมมันได้!!

ด้วยการมีอยู่ของผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร ทำให้ได้ก่อกำเนิดเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับสัตว์อสูร

เพราะทุกคนล้วนมีสัตว์อสูรไว้ครอบครอง ดังนั้นไม่ว่าใครก็สามารถกลายเป็นผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรได้

ทุกครัวเรือนจะมีสัตว์อสูรไว้ครอบครองอย่างน้อยหนึ่งหรือสองตัว

‘สัตว์อสูร’ คือชื่อเรียกสิ่งมีชีวิตที่มาจากต่างโลกหรือพวกสรรพสัตว์บนโลกที่เกิดการกลายพันธุ์

พวกสัตว์อสูรมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน บางดุร้าย บางตัวรักสงบ สัตว์อสูรที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ก็จะเชื่อฟังเจ้านายของมันเป็นอย่างดีดั่งเช่นสุนัขหรือแมวในอดีต พวกมันก็จะไม่แสดงกิริยาก้าวร้าวเลย

นี่เป็นจุดเริ่มต้นของสมัยใหม่ ที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติไปตลอดกาล ซึ่งแน่นอนว่าเกาเผิงไม่คิดจะชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา นั่งใช้ชีวิตโดยไม่สนใจไม่สนใจสิ่งใด

มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายรอเขาอยู่ เขาต้องเห็นด้วยตาของตัวเอง

ด้วยวลีที่ว่า ‘โลกนี้ช่างกว้างใหญ่’ คงใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะนอกจากโลกมนุษย์แล้วยังมีโลกใบอื่น ที่เกาเผิงต้องไปสำรวจมันให้ได้

“บางทีฉันอาจเจอวิธีชุบชีวิตพ่อแม่ในโลกใบอื่น” เกาเผิงพึมพำกับตัวเอง

ความเชื่อนี้มันค่อยแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเขื่อว่าบนจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ อาจมีสิ่งที่เขาหาอยู่ก็ได้

เกาเผิงนั่งบนโซฟา แล้วเปิดโทรทัศน์ ข่าวสารทั่วไปมักจะมีเรื่อง การสำรวจตามบริเวณต่างๆ การพบเจอสัตว์อสูรที่เป็นอันตราย และการแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย

การรายงานข่าววันนี้ก็เหมือนที่เขาได้ยินมาทุกๆวัน

ทันใดนั้น มีข่าวที่ดึงดูดความสนใจของเขา

ตามรายงานข่าว มีกรงเล็บอันมหึมาของสัตว์อสูรลึกลับ ปรากฏบริเวณรอบนอกของรอยแยก นี่เป็นสัตว์อสูรที่ยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน  นักวิทยาศาสตร์จึงคาดการว่า นี่เป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งราวกับพระเจ้าที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น  มันอาจอยู่ในชนชั้นจักพรรดิที่มีพลังเหนือจินตนาการ

ในช่วงท้ายของรายงาน ปรากฏภาพหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดขาว เธอถือกระบอกฉีดยาขนาดใหญ่ ข้างในบรรจุของเหลวสีฟ้าสว่างอยู่ภายใน

“นี่คือเซรั่มสัตว์อสูรตัวใหม่ของเครือบริษัทดราก้อน อัตราสำเร็จถึง60% ในการยกระดับสัตว์อสูรเป็นระดับสูง และอัตราสำเร็จ20% ในการยกระดับสัตว์อสูรเป็นชนชั้นขุนนาง ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการวิจัยการผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสัตว์อสูรที่แสนรักของคุณ นี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุณคู่ควร”

เกาเผิงกดปิดทีวื เขามีความรู้สึกหลากหลายปะปนกันไป ด้วยเซรุ่มนี้ต้องสร้างความโกลาหลขนาดใหญ่ให้กับผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรแน่ๆ แต่มันก็ทำให้ผู้เพาะพันธุ์สัตว์มีบทบาทในสังคมมากขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับมนุษย์ที่ทำพันธะสัญญาเลือดกับสัตว์นั้น พวกมันไม่ต่างจากคนในครอบครัวเลย ฉะนั้นสัตว์อสูรจึงได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

นี่ทำให้ความหวังของเขาพุ่งพล่านมากขึ้นอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ารวดเร็ว จึงมีความเป็นไปได้ที่วันหนึ่งจะสามารถนำคนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง

เกาเผิงกำหมัดแน่น เขาจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ถ้ายังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ คงไม่อาจค้นพบวิธีการชุบชีวิตได้อย่างแน่นอน

หลังจากเตรียมอาหารให้ต้าซื่อเสร็จแล้ว เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เคาะเรียกต้าซื่อให้มากินอาหาร

ต้าซื่อได้กลิ่นอาหารผ่านประสาทรับรู้จากหนวดบนหัวของมัน หนวดของมันส่ายดุกดิกไปมา มันรีบคลานมาอย่างรวดเร็ว ต้าซื่อให้เขี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย

จากที่เกาเผิงค้นคว้ามา ต้าซื่อเป็นตะขาบกรงเล็บเหลืองหลังม่วง ที่มีพิษร้ายแรงมาก แต่ว่าเขาไม่เคยเห็นมันใช้พิษมาก่อนเลย มันอยู่แต่ในบ้านก็คงไม่โอกาสได้ใช้มัน

มันมีต่อมพิษอยู่ในร่างกายสองจุด มันจะปล่อยพิษจากขากรรไกรล่างกับขากรรไกรบน

เกาเผิงไม่เคยโดนพิษของต้าซื่อเลย แต่กับพวกแมลงที่อยู่ในบ้านนั้นไม่ใช่

ตั้งแต่ต้าซื่อมาอาศัยอยู่ในบ้าน พวกแมลงก็แทบจะสูญพันธุ์ไปเลย พวกมันต้องหนีตายออกไป ไม่อย่างนั้นจะถูกต้าซื่อจับกิน

เมื่อนั่งมองต้าซื่อที่กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็อดยิ้มไม่ได้ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้อมูลที่แสดงให้เขาเห็นนั้นเป็นความจริง บางทีเขาอาจใช้ความสามารถนี้ในการเป็นผู้เพาะพันธ์อสูร

ผู้เพาะพันธ์อสูรนั้นมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถยกระดับสายพันธุ์สัตว์อสูรได้

พวกเขาไม่เพียงแค่รู้เกี่ยวกับชนิดของสัตว์อสูรเท่านั้น จะต้องรู้ถึงขนาด รูปร่าง อุปนิสัยของสัตว์อสูรด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เพาะพันธ์อสูรเป็นจำนวนน้อยมาก

หากต้องการเป็นผู้เพาะพันธ์อสูรนั้น ประการแรก ต้องรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรทั้งรูปร่างและนิสัยของพวกมันอย่างกว้างขวาง  ประการที่สอง ต้องใช้ความรู้เหล่านั้น ยกระดับสัตว์อสูร ด้วยเหตุนี้ผู้เพาะพันธ์อสูรจึงได้รับการยกย่องมากกว่าผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร

ชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับสัตว์อสูรที่พวกเขาเลี้ยง การยกระดับมันจะช่วยให้แข็งแกร่งมากขึ้น

และผู้ที่ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นก็คือผู้เพาะพันธ์อสูร จริงไม่แปลกเลยที่อาชีพนี้จะมีหน้ามีตามากขนาดนี้

นับตั้งแต่ 3ปีหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติที่เปลี่ยนโลกทั้งใบ มีจำนวนสัตว์อสูรมากมายที่พวกเขายังไม่ค้นพบ ทำให้มีการค้นพบสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีตำราใดที่กล่าวถึงพวกมันได้ทั้งหมด เกาเผิงจึงอดทึ่งไม่ได้กับความสามารถที่สามารถมองเห็นข้อมูลของสัตว์อสูรรวมไปถึงวิธียกระดับพวกมันได้

3 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด