GE367 คืนสู่เกาะเผิงไหล [ฟรี]
แม้การหยิบยืมพลังจากจารึกตะวันจันทราจะทำให้หนิงฝานได้รับบาดเจ็บ แต่ก็นับว่าคุ้มค่า ที่สำคัญ ได้การรักษาจากวิชาดาราทมิฬ ยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บของหนิงฝานฟื้นฟูได้เร็วขึ้นมาก
แสงดาราสีดำสาดส่องเมืองบุบผาทมิฬอยู่ 10 วัน เมื่อแสงดาราหายไป หนิงฝานเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสภาพราวกับไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญจากทุกสารทิศ ที่สัมผัสได้ถึงการจู่โจมระะดับไร้แบ่งแยก ต่างมุ่งมายังเกาะบุบผาทมิฬ
ไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็นฝีมือหนิงฝาน คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกของวิหารพิรุณ
หนิงฝานไม่อยู่รอพบผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น เขานำเหล่าสตรีกลับเข้าแหวน เก็บเข็มทิศดารา และจากไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่พบหนิงฝานอยากจะถามว่าเห็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นสายตาหนิงฝาน พวกมันก็ไม่กล้าถาม
เชามุ่งสู่ทางใต้ของทะเลไร้สิ้นสุด เป้าหมายในครั้งนี้คือวิหารสาบสูญ
เขากลับไปยังวิหารสาบสูญด้วยเหตุผล 3 อย่าง อย่างแรกคือไปหาสมุนไพรผันแปรที่ 4 เพื่อนำมารักษาหลั่วโยว่ ด้วยความที่เขาเป็นนักปรุงโอสถกิตติมศักดิ์ของวิหารสาบสูญ ทุกอย่างสมควรราบรื่น
อย่างที่สองคือหลังจากผ่านสงคราม หนิงฝานได้สิ่งต่างๆมากมาย ทั้งโลหิตอสูรไร้ดัดแปลง 18 หยด ปราณกระบี่ระดับดวงจิตแรกเริ่ม 4700 ปราณ โอสถเจตจำนงค์กระบี่ 17 เม็ดและนมมารดาพิภพ...
สิ่งต่างๆมากมายที่ได้มานั้น จำเป็นต้องเข้าสู่วิหารสาบสูญเพื่อประหยัดเวลาในการดูดซับ
อย่างที่สาม เขาจะนำทหารศิลามาคืนให้เป่ยเซี่ยเหมิน หากไม่เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีต่อเป่ยเหยา หนิงฝานคงไม่สนใจเป่ยเซี่ยวเหมิน
ยามนี้ เป่ยเหยาคือสตรีคนหนึ่งของหนิงฝาน ในเมื่อเป่ยเซี่ยวเหมินคือน้องสาวของเป่ยเหยา ในฐานที่หนิงฝานเป็นพี่เขย เขาจึงต้องดูแลนาง หนึ่งในนั้นคือการคืนทหารศิลาให้
หนิงฝานก้าวผ่านเส้นทางนับ 10 ล้านลี้มายังเกาะเผิงไหล ที่เกาะเผิงไหลไม่มีข่ายอาคมป้องกัน การปรากฏตัวของหนิงฝาน ไม่มีผู้ใดกล้าหยุดเขา
ไกลออกไปมีเกาะลอยฟ้าเแห่งหนึ่ง เป็นเกาะที่หนิงฝานเคยมาเยือนในอดีต และยามนี้ดูราวกับแตกต่างจากยามนั้นเป็นอย่างมาก
ทิวทัศน์ที่งดงาม กระเรียนดำโผบินบนท้องนภา หนิงฝานมุ่งไปยังใจกลางของเกาะลอยฟ้า ที่นั่นมีหอคอยอยู่ 4 แห่งแยกกันออกไป
หนิงฝานมุ่งไปยังหอคอยใต้ ในอดีตเป่ยเซี่ยวเหมินอนุญาติให้เขาใช้หอคอยชั้น 5 ได้ ซึ่งเขาใช้เวลาไป 320 ปีในการทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
หนิงฝานกลับมาอย่างลับๆ ไม่ได้แผ่กลิ่นอาย จึงไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็น ถัดออกไปจากหอคอยใต้ไม่ไกล ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกำลังพูดคุยดื่มกินอย่างกันอย่างสนุก แต่คนเหล่านั้นไม่ได้สังเกตุเห็นหนิงฝานแม้แต่น้อย
“น่าสงสารแม่นางย่าหลานจริงๆที่ต้องไปแต่งงานกับเจ้ากู่เสิน ได้ยินข่าวลือว่าเจ้ากู่เสินมันเป็นเสือผู้หญิง มีสตรีเข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตมากมาย หากผู้ใดได้แต่งงานไม่นานมันก็หย่า น่าเสียดายที่คนดีๆอย่างแม่นางย่าหลานจะต้องถูกคนอย่างมันทำให้หม่นหมอง...”
“ระวังปากเจ้าด้วย! กู่เสินเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญของวิหารพิรุณ เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่4 ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง อาจารย์ของมันคือท่านหยานที่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ขั้นสูง นับว่ามันมีสถานะสูงส่งมาก แม้แม่นางย่าหลานจะงดงามสูงศักดิ์ แต่นางไม่ได้ที่มาที่ยิ่งใหญ่อย่างกู่เสิน อีกอย่าง นางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ การได้แต่งงานกับกู่เสินนับว่าเป็นโชคดีของนางแล้ว”
“แต่ข้าว่า บางทีปม่นางย่าหลานอาจมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่น่าจะยอมแต่งงานกับกู่เสินหรอก… นางยืนกรานหนักแน่นว่าไม่แต่ง จนทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลโกรธเคือง เพราะยังไงซะ ตระกูลย่าของนางย่อมไม่กล้าล่วงเกิน”
ผู้คนพูดคุยกันออกรส แต่พวกมันไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดคุย ได้ยินถึงหูผู้เยาว์คนหนึ่ง
“ย่าหลานคือสหายข้า… ท่านหยานส่งผู้เชี่ยวชาญวิหารพิรุณมา 3 คนเพื่อเป็นนายหอคอยของวิหารสาบสูญ และส่งอีกคนมาเพื่อแต่งงานกับย่าหลาน หรือพวกมันจะหวังเพลิงคราม?”
ในหอคอยใต้ ย่าหลานนั่งจิบชา นางเป็นสตรีที่งดงาม โครงหน้าได้รูป น่าตาน่ารักน่าถนุถนอม แต่น่าเสียดายที่นางไม่อาจกำหนดชะตาของตัวเองได้
“ท่านกู่เสินอย่ารบเร้าข้าเลย… ข้าไม่อยากแต่งงาน” ย่าหลานกล่าวอย่างสงบ
“ฮึ่ม!”
คำปฏิเสธของนางทำให้ผู้เยาว์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลโกรธเคือง ผุดลุกยืน และโยนถ้วยชาใส่ย่าหลาน!
“ข้ากู่เสินเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 การที่ข้าลดตัวมาสนใจเจ้า เจ้าสมควรจะดีใจ… เจ้าไม่ควรปฏิเสธข้า!”
ถ้วยชากระแทกใบหน้าของย่าหลานจนเลือดออก แต่นางทำได้เพียงขบฟัน
แม้จะเจ็บกาย… แต่นางเจ็บใจยิ่งกว่า
นางโดนหมิ่นเกียรติ มิหนำซ้ำคนในตระกูลยังไม่สนใจ
ข้างกายย่าหลานมีผู้อาวุโสตระกูลย่าอยู่ 3 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น 2 และขั้นกลาง 1
ในสายตาชายชราทั้ง 3 ย่าหลานทำให้ตระกูลเสื่อมเสีย แม้จะเห็นว่านางถูกทำร้าย แต่พวกมันก็ไม่ได้ยื่นมือช่วย
พวกมันจ้องมองย่าหลานด้วยสายตาตำหนิ กล่าวหาว่านางผิดที่ไปยั่วยุกู่เสิน
“ย่าหลาน! นายน้อยกู่เสินกล่าวถูกต้องแล้ว! การที่ท่านสนใจในตัวเจ้าย่อมถือเป็นโชคดีของเจ้า เจ้าสมควรแต่งงานกับนายน้อยกู่เสินแต่เจ้ากลับปฏิเสธ… เจ้าทำให้ตระกูลเราผิดหวัง!”
“ข้าต้องขออภัยนายน้อยกู่เสิน ย่าหลานยังไร้เดียงสา หูตาไม่กว้างไกล นายน้อยให้อภัยด้วย”
กู่เสินหลี่ตามอง สีหน้าราวกับพึงพอใจ
มันเป็นถึงศิษย์ของท่านหยานแห่งวิหารพิรุณ เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 การที่มันยอมลดตัวมาสนใจผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอย่างนาง นางไม่ควรปฏิเสธมัน
แม้ย่าหลานจะเป็นคนของวิหารสาบสูญ แต่นางก็เป็นเพียงคนรับใช้ทั่วไป แต่ที่นางมาก็เพราะตระกูลสั่งให้มา
ในเมื่อตระกูลของนางยอมให้นางแต่งงานกับกู่เสิน นางย่อมไม่อาจปฏิเสธ
“ถ้าเจ้าไม่ต่างงานกับข้า… ตระกูลย่าของเจ้าจะต้องถูกทำลาย!” กู่เสินกล่าวด้วยน้ำเสียเย็นชา
คำข่มขู่ของมันทำให้นางเศร้าหมอง
สวรรค์ช่างโหดร้าย ไม่ให้โอกาสนางได้เลือกชะตากรรมของตน
แต่งงาน… แต่งงาน… นางเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น เหตุใดจะปฏิเสธผู้เชี่ยวชาญวิหารพิรุณได้? อีกอย่าง มันยังเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4
ย่าหลานไม่กล่าวอันใด นางเพียงเงยหน้ามองกู่เสินด้วยแววตาสงบเรียบเฉย
แม้นางไม่อาจปฏิเสธชะตากรรม แต่นางทำให้เพียงมองกู่เสินด้วยสายตาที่รังเกียจมัน
ยามนี้ ภาพของผู้เยาว์คนหนึ่ง ทั่วร่างอาบโชกไปด้วยโลหิต เดินขึ้นมาบนเกาะเผิงไหล เมื่อคนผู้นั้นเข้ามาในหอคอยโอสถ เขากล่าวว่าตนชื่อซัวหมิง
ยามนั้น ย่าหลานพยายามเกี้ยวพาเพื่อหวังได้เป็นคนรักของซัวหมิง แต่สุดท้ายเขากลับไม่สนใจในตัวนาง
เมื่อย้อนกลับไปในคราวนั้น สิ่งที่นางทำช่างเป็นเรื่องน่าขัน
ยามนี้ซัวหมิงได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนนอก สตรีมากมายคงหมายตา เขาเองก็คงไม่สนใจนาง
“ก็ได้… ข้าจะแต่งงานกับท่าน” นางพยักหน้า
แต่กู่เสินกลับทำหน้าเย้ยหยัน “อะไรกัน? เมื่อครู่เจ้ายังปฏิเสธหัวชนฝาว่าจะไม่แต่งงานกับข้า… แต่คราวนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอ? แต่ก็ดี… ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขทั้งวันทั้งคืนเลย!” มันจ้องมองนางด้วยสายตาหื่นกระหาย
เหตุที่มันมาวิหารสาบสูญเพราะเป็นคำสั่งของอาจารย์ เพื่อเติมเต็มตัวหมากให้เข้าแผนการ
ในอดีตจ้าวหอคอยทั้ง 3 เป็นคนของวิหารพิรุณ แต่พวกมันถูกหนิงฝานสังหารไปเสียก่อน
กู่เสินเดินเข้าหาย่าหลานเพื่อหวังประทับตราวิญญาณ ย่าหลานหวาดกลัว หากนางแต่งงานไปเป็นบ่าวอีกคนของมัน ยังกล่าวว่านางมีอิสระ
แต่หากนางถูกประทับตราวิญญาณ นางจะกลายเป็นเพียงกระถางขัดเกลา เป็นของเล่นให้มันย่ำยีเท่านั้น
“ไม่...” นางเร่งถอยห่าง นางไม่อยากถูกประทับตราวิญญาณ ไม่อยากกลายเป็นทาสให้มันกดขี่
“ถ้าเจ้ายังหนี ข้าจะฆ่าเจ้า!” แววตากู่เสินแปรเปลี่ยนเย็นชา โคจรปราณ จุดเพลิงขึ้นที่ปลายนิ้วเพื่อหวังใช้วิชาดรรชนีสั่งสอนนาง
ปราณของกู่เสินทรงพลัง แม้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลย่า 3 คน พวกมันก็ไม่กล้าต้านรับ
แต่ก่อนที่นางจะถูกจู่โจม เงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวกลับปรากฏเบื้องหน้านางพลางกล่าว
“แม่นางย่าหลาน ไม่ได้พบกันนานเลย น่ายินดีที่ได้พบเจ้า”
ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวปรากฏตัวขึ้นโดยไม่สาเหตุ ไม่มีผู้ใดสัมผัสตัวตนได้ แม้แต่กลิ่นอายก็ยังไม่ปล่อยออกมา จึงทำให้กู่เสินไม่กลัวและไม่รั้งการจู่โจมของตนไว้
แต่ก่อนที่นิ้วของกู่เสินจะสัมผัสร่าง อานุภาพของการจู่โจมของมันกลับสลายไป ราวกับถูกบางสิ่งดึงดูด
กู่เสินตกตะลึง มันสัมผัสถึงระดับพลังของผู้เยาว์เบื้องหน้าไม่ได้ เท่าที่มันรู้ ผู้เยาว์ผู้นี้มีอายุกระดูกไม่ถึง 400 ปี ไม่มีทางบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
ดังนั้น ผู้เยาว์ผู้นี้สมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ
บางทีมันอาจมีสมบัติบางอย่างที่ดูดซับเพลิงเข้าไปได้
“ฮึ่ม! เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแต่กลับกล้ามาขวางข้า รนหาที่ตาย!”
มันโคจรปราณมารวมไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง เพลิง 6 สีถูกจุด ราวกับหวังจะสังหารผู้เยาว์เบื้องหน้า
ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั่วไปจะครอบครองธาตุเพลิงได้เพียง 3 ชนิด แต่กู่เสินกลับมีถึง 6 ชนิด นับว่ามันมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ผู้เชี่ยวชาญโดยรอบที่เห็นต่างอุทานด้วยความตกใจ
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้คนรอบๆเห็นใบหน้าของผู้เยาว์อาภรณ์ขาวชัดๆ พวกมันกลับหวาดกลัวจนน่าซีดขาวราวกับกระดาษ ย่าหลานเองก็ตกตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา
ปฏิกริยาของคนรอบข้างทำให้กู่เสินลังเล เหตุใดผู้เยาว์เบื้องหน้าถึงทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญหวาดกลัวได้ขนาดนี้
“ฮึ่ม ต่อให้เจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหน แต่ข้าเป็นถึงศิษย์ของท่านหยาน เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ของวิหารพิรุณ เหตุใดต้องกลัวเจ้า!”
กู่เสินแผ่เจตนาสังหาร มันไม่รั้งการจู่โจมเพื่อตั้งใจจะสั่งสอนอีกฝ่าย
แต่ในชั่วพริบตานั้น แววตาของผู้เยาว์อาภรณ์ขาวกลับแปรเปลี่ยนเย็นชา
ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวพับแขนเสื้อ จุดเพลิงสีดำเป็นกำแพงป้องกันเพลิง 6 สีของกู่เสิน
มันเพิ่งเข้ามายังทะเลไร้สิ้นสุดได้ไม่นาน จึงไม่รู้จักซัวหมิง มันรู้แค่ว่าเพลิงสีดำเบื้องหน้าคือเพลิงระดับ 5 หลายชนิดผสานเข้าด้วยกัน ทั้งกลิ่นอายพลังที่แฝงอยู่ในเพลิงนั้น คือกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ที่สามารถสังหารมันได้ราวกับหมดปลวก!
มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงโดยที่มันไม่อาจต่อต้าน
มันคาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์ที่อายุกระดูกยังไม่ถึง 400 ปีจะแข็งแกร่งขนาดนี้
มันไม่อยากจะเชื่อว่าตัวมันที่เป็นศิษย์ของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของวิหารพิรุณ จะถูกสังหารตายที่นี่
“ไว้ชี...”
มันยังไม่ได้ทันได้กล่าวคำ เปลวเพลิงสีดำลุกโหมครอกร่างจากกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ตกตะลึง ยิ่งได้เห็นใบหน้าของผู้เยาว์อาภรณ์ขาวชัดๆ พวกมันยิ่งหวาดกลัว
ย่าหลานถอนหายใจ นางไม่รู้จะทำตัวยังไง จึงทำได้เพียงดึงแขนหนิงฝาน
“รีบหนีเร็ว! ซัวหมิงเจ้าต้องรีบหนี! อาจารย์ของกู่เสินอยู่ในเกาะเผิงไหล!”
นางกล่าวด้วยท่าทางกระวนกระวาย จนลืมไปว่าผู้ที่นางกำลังบอกให้หนีนั้น เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนนอก
หนิงฝานยิ้ม... เป็นครั้งที่มีคนกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงเขา เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกให้หนี
“ข้าขอโทษที่ยั้งมือไม่ทัน จนเผลอเผาคู่หมั้นเจ้าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน… ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หนิงฝานเย้าหยอกนาง
“มะ...ไม่ได้ตั้งใจ!” นางพูดไม่ออก จะมีใครกันที่สังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางได้ในพริบตาเช่นนี้
นางอุตส่าห์บอกให้หนี แต่เขากลับพูดจากหยอกล้อนาง
ไม่นานนัก เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังสะท้อนไปทั่วเกาะเผิงไหล จนทำให้ใบหน้านางซีดขาวด้วยความหวาดกลัว
“ไอ้บัดซบคนไหนกล้าสังหารศิษย์ข้า! รนหาที่ตาย!”
บนหอคอยแห่งหนึ่ง บุรุษชุดคลุมแดงกำลังเจรจาบางสิ่ง แต่ในขณะนั้น แผ่นหยกของกู่เสินในกระเป๋าของมันกลับแตก
มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ยังมีคนกล้ายั่วยุมัน
ใครที่สังหารศิษย์ของมัน คนนั้นต้องชดใช้
“ทำไมวันนี้เมืองเต่าทมิฬดูคึกคักเป็นพิเศษ...” สตรีอาภรณ์แดงที่กำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ภายในหอคอยแผ่สัมผัสเทพสำรวจ
“ซัวหมิง! เกิดอะไรขึ้น? เขาไปยั่วยุท่านหยานได้ยังไง? แย่แล้ว!” นางเป็นกังวลและเร่งออกจากยอดหอคอยลงมายังชั้นล่างเพื่อหวังจะช่วยซัวหมิง!...