บทที่ 55 ปีศาจ
“รวมพล!”
ในขณะที่รองแม่ทัพกองทัพทหารตะวันตกออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่ทุกคนในศาลาก็เริ่มรวบรวมลูกน้องของพวกเขา กองทัพทหารตะวันตกซึ่งประจำการอยู่ใกล้ๆปรากฏออกมา
ในความเงียบสงบ ทหารทุกคนมีการแสดงออกอย่างเคร่งขรึมและน่าเคารพ พวกเขาเพียบพร้อมไปด้วยชุดเกราะและดาบ และปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างท่วมท้น พวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อเจ้าหน้าที่ในแต่ละหน่วย
“หวด!”
รองแม่ทัพนำเหล่าทหารตรงไปยังตำหนักตระกูลเจียง เขาไม่ได้บอกใครเลย เขาไม่แม้แต่จะมองเจียงหยุนซานผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลเจียงเลยด้วยซ้ำ
การแสดงออกของเจียงหยุนซานนั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง เขากระพริบตาของเขาก่อนที่เขาจะลุกออกจากที่นั่งของเขาและติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่ข้างหลังกองทัพทหารตะวันตก
มีบางอย่างผิดปกติ ...
จีเทียนมองตาทุกคน และแต่ละคนนั้นต่างสั่นเทาไปด้วยความกลัวในใจ พวกเขาไม่ทราบความหมายของเจียงหยุนไฮ่ แต่พวกเขารู้ว่าหากเจียงอี้ตายลงไป เมืองเทียนอวี่ทั้งเมืองจะตกอยู่ในความอลหม่านเป็นแน่
เมื่อเห็นถึงสถานการณ์เหล่านั้น จีเทียนก็เสนอให้ผู้อาวุโสของสำนักจิตอสูร "ผู้อาวุโสฝู เราหยุดการแข่งขันชั่วคราวก่อนจะดีหรือไม่? เราควรไปดูสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่นั่นด้วยเช่นกัน"
ผู้อาวุโสฝูพยักหน้าด้วยท่าทางที่น่าอึดอัดใจ พวกเขาที่มีสถานะเป็นตัวแทนของสำนักจิตอสูร ซึ่งถูกขู่ว่าจะถูกฝังอยู่ข้างๆเด็กนั่นจริงๆหรือ? มันทำให้เขาค่อนข้างอึดอัด แต่เนื่องจากสถานการณ์นั้นซับซ้อน พวกเขาจึงทำได้เพียงหยุดการแข่งขันชั่วคราวและรอให้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สงบลง
เมื่อจีเทียนพูดจบประโยค หม่าขุยก็ได้ออกเดินทางไปยังตำหนักตระกูลเจียงแล้ว เขาหวังว่าหม่าหย่งจี๋จะไม่นำคนของเขาไปและก่อปัญหาใดๆที่นั่น หากพวกเขาเริ่มต้นการต่อสู้กับตระกูลเจียง เจียงหยุนไฮ่เพียงคนเดียวก็น่าจะเพียงพอที่จะกำจัดตระกูลหม่าทั้งหมดได้
สถานการณ์ด้านนอกของจัตุรัสในเมืองเริ่มเกิดความวุ่นวาย การแข่งขันได้หยุดลงก่อนที่กรรมการจะประกาศให้หยุด เสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวของเจียงหยุนไฮ่ คำสั่งจากรองแม่ทัพและการลุกออกจากที่นั่งของจีเทียนและหัวหน้าตระกูลคนอื่นๆ...เรื่องทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว้าวุ่น ทำให้พวกเขาส่งเสียงเอะอะที่จัตุรัสในเมือง
ดวงตาที่สวยงามของจีทิงยวี่กระโดดจากเวทีด้วยการใช้ขาเดียว นางบินไปเหมือนผีเสื้อสีเหลืองไปบนเวทีของเจียงเฮิ่นซุ่ย และถามว่า "เฮิ่นซุ่ย ผู้อาวุโสผู้นั้นเขาเป็นผู้ใดกัน? เขาคือผู้อาวุโสเจียงหยุ่นไฮ่หรือ? ปู่ของเจียงอี้หรือ?"
เจียงเฮิ่นซุ่ยไม่ได้ตอบอะไร แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว แม้แต่ร่างของเขาก็ยังสั่นเทา คนระดับบนของตระกูลอาจไม่รู้ว่าเจียงหยูหลงและเจียงหยูหู่ได้ลักพาตัวเจียงเสี่ยวนู๋ไปเมื่อคืน แต่เขารู้ทุกอย่าง และเขาไม่เคยคาดหวังว่าเจียงหยุนไฮ่ที่หายตัวไปเป็นเวลาเจ็ดปีจะยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากและบรรลุขอบเขตเสินโหยวแล้ว!
ในทวีปเทียนชิงมีประโยคที่ถูกพูดอยู่บ่อยๆ ‘จอมยุทธขอบเขตฉูติ่งมีอยู่ทั่วไปราวสุนัขจรจัด มีเพียงผู้ที่บรรลุขอบเขตจื่อฝู่ถึงจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้ที่แท้จริง และยอดคนที่สามารถทะลวงสู่ขอบเขตเสินโหยวได้จะกลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วทั้งดินแดน’
มีผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้หลายพันล้านคนในทวีปเทียนชิง แต่ทุกการบรรลุในแต่ละขอบเขตนั้นมีความยากลำบากมาก...ซึ่งมีขีดจำกัดมากมาย! มันยากมากที่จะบรรลุขอบเขตฉูติ่งไปยังขอบเขตจื่อฝู่ แต่มันก็ยากกว่าสิบเท่าเมื่อเทียบกับการบรรลุขอบเขตเสินโหยว ถ้าไม่เช่นนั้น…จีเทียนและประมุขโถงวรยุทธคงจะไม่ติดอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่เป็นเวลาเกือบยี่สิบปีหรอก ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะบรรลุได้ตลอดชีวิตของพวกเขาแล้ว
เมื่อพวกเขาบรรลุไปยังขอบเขตต่อไป ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ที่จะสังหารขอบเขตฉูติ่ง ซึ่งการฆ่าขอบเขตจื่อฝู่สำหรับขอบเขตเสินโหยวนั้นง่ายเหมือนการบีบมด
เจียงหยุนไฮ่นั้นเทิดทูนเจียงอี้มากแค่ไหนกัน? เจียงเฮิ่นซุ่ยรู้ดีว่าเจียงหยุนไฮ่เคยเป็นคนบ้าคลั่ง ย้อนกลับไปในอดีต ตระกูลเจียงพึ่งพาเจียงหยุนไฮ่เพื่อทำให้เรากลายเป็นตระกูลหลักอันดับสองของเมืองเทียนอวี่
แต่เขาไม่เคยแสดงให้เจียงอี้เห็นด้านมืดของเขาเลย รอยยิ้มที่ใส่ใจและรักใคร่ทำให้เหล่าตระกูลเจียงทั้งหมดลืมเกี่ยวกับชายชราผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยฆ่ากลุ่มผู้เยาว์ทั้งเมืองเทียนอวี่ผู้ซึ่งมีสมาชิกหลายร้อยคนมาก่อน!
เจียงอี้ เจ้าจะต้องไม่ตาย!
เจียงเฮิ่นซุ่ยสวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆ หากเจียงอี้ตายไปแล้ว คนผู้นี้จะกลายเป็นคนบ้าคลั่งและเปลี่ยนเมืองเทียนอวี่ทั้งหมดให้กลายเป็นแม่น้ำโลหิตอย่างแน่นอน
เมื่อจีทิงยวี่เห็นการแสดงออกที่สะพรึงกลัวของเจียงเฮิ่นซุ่ย นางสามารถเดาได้หลายสิ่งหลายอย่างโดยไม่ต้องฟังคำตอบ นางไม่ได้ถามต่อและหันไปทางอัฒจันทร์ จากนั้นนางก็พูดด้วยเสียงนุ่มนวลต่อกรรมการที่สวมเสื้อคลุมที่งดงาม "ลุงฉวี รีบไปหามาว่าจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกมีบุตรชายกี่คน มีบุตรนอกสมรสบ้างไหม?"
บนระเบียงของโถงวรยุทธ ท่านประมุขได้รู้เห็นทุกสิ่ง ความสว่างของดวงตาของเขาจางลง เจียงหยุนไฮ่บรรลุแล้ว แต่เขายังติดอยู่ในช่วงสุดท้าย แต่เดิมเขาเป็นนักสู้ที่ดีที่สุด และเป็นอันดับสองของเมืองเทียนอวี่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้เป็นอันดับที่สามอีกครั้ง
“ฮะ…”
เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปถามผู้เฒ่าเฟ่ยว่า “จอมพลกองทัพทหารตะวันตกนั้นมีบุตรชายกี่คนกัน?”
คิ้วของผู้เฒ่าเฟ่ยขมวดกันอย่างแน่นหนาและดูเหมือนจะไตร่ตรองเรื่องนี้เช่นกัน เจียงหยุนไฮ่เคยรับใช้อยู่ที่ตำหนักของกองทัพทหารตะวันตกและยังเป็นผู้ดูแลที่ใกล้ชิดของจอมพลกองทัพทหารตะวันตกอีก เห็นได้ชัดว่านายของเขาคือจอมพลกองทัพทหารตะวันตกและ 'ใต้เท้าน้อย' ที่ถูกกล่าวถึง อาจจะเป็นบุตรชายของจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกก็ได้
เขาคิดด้วยความสงสัยก่อนจะตอบว่า "ท่านประมุข, จอมพลนั้นมีบุตรชายเพียงคนเดียวและตอนนี้เขากำลังศึกษาอยู่ที่สำนักจิตอสูร ท่านผู้นั้นมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์เป็นอย่างมาก ท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับอัจฉริยะห้าอันดับแรกของทวีปเทียนชิง มีผู้เยาว์ผู้หนึ่งชื่อเจียงนี่หลิว! "
“เขาเป็นบุตรเพียงคนเดียวหรอ?”
ประมุขโถงวรยุทธลังเลและพูดพึมพำว่า “เจียงหยุนไฮ่รับใช้จอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกมานานกว่าสิบปี เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บและกลายเป็นคนพิการเขากลับไปที่บ้านเก่าของเขาในเมืองเทียนอวี่ เขาไม่รับใช้คนอื่นตั้งแต่นั้นมา”
“ผู้เฒ่าเฟ่ยรายงานเรื่องนี้ในทันทีและขอให้ใครบางคนจากโถงวรยุทธใหญ่มาตรวจสอบเรื่องนี้ ตรวจสอบว่าจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกมีบุตรนอกสมรสหรือไม่”
...
“ปัง!”
ณ เนินเขาซีชานของตระกูลเจียงที่เหมือนโลกมนุษย์ที่บริสุทธิ์ และเจียงอี้ก็ทำให้สถานที่แห่งนี้โหดร้าย
หม่าหยิ่นกำลังดิ้นรนอย่างหนัก มือครึ่งหนึ่งของเขาไม่สามารถใช้การได้เพราะการโจมตีของเจียงอี้ และความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนเกือบทำให้เขาเป็นลม ความแข็งแกร่งของการต่อสู้ในปัจจุบันของเขาเหลือไม่ถึงสามในสิบส่วนของความแข็งแกร่งดั้งเดิมของเขาเลย ดาบสั้นสีนวลที่ควบกับความเร็วในการตอบสนองที่บ้าคลั่งของเจียงอี้นั้นทำให้หม่าหยิ่นต้องทนทุกข์ทรมานจนถึงที่สุด
“ฟึ่บ ฟั่บ!”
เจียงอี้พุ่งไปข้างหน้าและทิ้งบาดแผลจากการฟันไว้บนร่างกายของหม่าหยิ่น ดาบสั้นสีนวลนั้นคมเกินไป หม่าหยิ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากป้องกันต่อไป แขนซ้ายที่เจ็บปวดอย่างรุนแรงของเขาทำให้ความเร็วในการตอบสนองของเขาลดลงอย่างมาก ตอนนี้ด้วยบาดแผลที่ถูกฟันอีก ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
"ไอ้นอกคอก ข้าจะเสี่ยงชีวิตของข้าเพื่อฆ่าเจ้า!"
หม่าหยิ่นรู้ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องตายในมือของเจียงอี้ เจียงอี้เป็นคนฉลาดเกินกว่าที่เขาจะต่อกรได้ เจียงอี้หลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่องและใช้ดาบสั้นสีนวลเพื่อลดพลังงานและความแข็งแกร่งของเขาลงอย่างช้าๆ
"เหอะ!"
เขาคำรามและไม่สนใจดาบสั้นสีนวลที่กำลังเข้าใกล้เขา เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังด้วยมืออีกข้างหนึ่งแล้วก่อเป็นกรงเล็บภูติอเวจีไปที่หัวของเจียงอี้ ถ้าเจียงอี้ยังคงวิถีของดาบของเขา สมองของเขาจะถูกผ่าออกเหมือนแตงโม
"ได้เวลาล่ะ! ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ ... หม่าหยิ่นมืออีกข้างของเจ้าก็จะพิการเช่นกัน!"
เจียงอี้ส่งเสียงเย้ยหยันขณะที่มืออีกข้างของเขาส่องแสงสีฟ้าและสีดำ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเปิดใช้ทักษะการต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
“ฮะ?”
หม่าหยิ่นตกใจ แขนอีกข้างของเขาปลิวไปโดยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ของเจียงอี้ เขายังคงมีความหวาดกลัวอยู่บ้างและถอนกรงเล็บออก หากมือทั้งสองของเขาพิการเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
เขางอร่างกายของเขาอย่างตาลีตาเหลือกและลดมือที่เหลือเพียงข้างเดียวลงโดยเล็งไปที่หน้าอกของเจียงอี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและความเร็วปฏิกิริยาของเขาก็ช้าลงกว่าเดิม แต่จากมุมมองของเขา ความเร็วในการโจมตีของเจียงอี้ก็ยังช้ากว่ากรงเล็บของเขาอยู่ดี ก่อนที่ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ของเจียงอี้จะมีโอกาสปะทะเขา เขาคงจะบดขยี้หัวใจของเจียงอี้ไปซะก่อน
"เจ้าโง่! เจ้าหลงกลข้าอีกแล้ว!"
เจียงอี้หัวเราะอย่างเยือกเย็นเพราะเขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้อยู่แล้ว เขามีแก่นแท้พลังไม่เพียงพอและจะปล่อยได้แค่อีกครั้งเท่านั้น เขาไม่ต้องการที่จะเปลืองพลังไปกับหม่าหยิ่นและเปลี่ยนวิถีของดาบสั้นสีนวลของเขาแทน เดิมทีเขาไม่ได้เตรียมที่จะแทงหน้าอกของหม่าหยิ่น แต่เล็งไปที่แขนข้างที่ยังไม่เป็นอะไรแทน
"ฝ่ามือม้วนอาภรณ์ ไม่สิ! ดาบม้วนอาภรณ์!"
ดาบสั้นสีนวลของเขาพุ่งไปข้างหน้าเหมือนงูพิษ ก่อนที่กรงเล็บภูติอเวจีของหม่าหยิ่นจะฉกหัวใจของเขา ดาบนั้นก็ตัดผ่านแขนของหม่าหยิ่นแล้ว
เขายกมือขึ้น และฟันดาบลงไป!
แขนอีกข้างปลิวไปอีกครั้งพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช ดาบสั้นสีนวลยืดและกลับตรงอีกครั้ง ในด้านของหม่าหยิ่น เพลงดาบก่อนหน้านี้ได้แทงทะลุหน้าอกของเขา
"นายน้อยหลง! ข้าอยู่ที่นี่แล้ว!"
ในขณะนั้น เงาหนึ่งได้ขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว สายตาแรกของเขาคือเมื่อเจียงอี้ดึงดาบออกจากอกของหม่าหยิ่น เลือดได้ปะทุรุนแรงออกมาจากหน้าอกของหม่าหยิ่น และเขาล้มลงไปที่พื้น ดวงตาของหม่าหยิ่นเปิดกว้างและเสียชีวิตด้วยความเศร้าโศก
"อึกก..."
เจียงฉีมองไปรอบๆ ซึ่งพื้นที่รอบๆนั้นดูเหมือนนรก เขาเห็นหม่าเฮยฉีที่ยังคงจมอยู่ที่พื้น เขาเห็นคนตระกูลหม่าและคนตระกูลเจียงนับไม่ถ้วนเกลือกกลิ้งและกรีดร้องอย่างน่าสังเวช เขาเห็นเจียงหยูหู่ที่ถูกทุบหัวเหมือนแตงโม เขาเห็นเจียงหยูหลงที่กลายเป็นเนื้อสับ ฉากทั้งหมดทำให้เขาอยู่ในความนิ่งงัน
เมื่อดวงตาของเจียงอี้ซึ่งส่องประกายสีแดงดุเดือดมองมาที่เขา ร่างกายของเจียงฉีก็ระสับระส่าย ฉากที่เห็นอยู่เบื้องหน้าและการแสดงออกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกสาดด้วยถังน้ำเย็นในฤดูหนาว เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนหม่าหยิ่นที่รีบวิ่งไปหาเจียงอี้ทันที แต่ขาของเขากลับสั่นเทาแทน และเขาก็ย้อนกลับลงเขาไป!
เขาหนีไปจริงๆ
เจียงอี้ส่ายหัวในขณะที่ถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้ไล่ล่าต่อเพราะเขาเหนื่อยกับการเข่นฆ่า และเขาก็รีบวิ่งไปที่เจียงเสี่ยวนู๋เพื่อพานางลงจากเนินเขา
ดวงตาของเขามองไปที่ภูเขาสูงทางด้านตะวันออก มีหุบเขาเล็กๆที่สวยงามซึ่งเขาเคยเล่นกับเจียงเสี่ยวนู๋เมื่อพวกเขายังเล็กอยู่เสมอ เจียงเสี่ยวนู๋เคยหยอกล้อว่าถ้านางถูกฝังที่นั่นหลังจากที่นางเสียชีวิต นางก็พอใจแล้ว
เจียงเสี่ยวนู๋ผู้ซึ่งถูกพิษก็เป็นลมอีกครั้ง ลมหายใจของนางอ่อนแอและผิวหนังของนางเปลี่ยนเป็นสีม่วง เจียงอี้ไม่มีทางช่วยชีวิตนางได้ ความแข็งแกร่งและแก่นแท้พลังของเขาหมดลงไปอย่างมากมาย
เขารู้ว่าเขาหนีไม่พ้นอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือนำเจียงเสี่ยวนู๋ไปยังหุบเขาเล็กๆ แม้ว่าพวกเขาจะตาย ... เขาก็ไม่ต้องการให้พวกเขาตายภายในอาณาเขตของตระกูลเจียง!
“หวด!”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง...เมื่อเขาค่อยๆลงไปที่ตีนเขา เขาเห็นเงาที่นับไม่ถ้วนกำลังพุ่งมาหาเขา คนจากตำหนักยุทธกว่าสิบคนรีบมาจากตำหนักตระกูลเจียง
ในอีกด้านหนึ่งมีผู้เชี่ยวชาญอีกเป็นกลุ่มที่กำลังวิ่งเข้ามา รัศมีที่โดดเด่นนั้นเป็นของเจียงหยุนสือ เจียงหยุนเฉอและหม่าหย่งจี๋ เขาสามารถรู้สึกถึงรังสีเหล่านี้ได้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก เจียงอี้ได้กลิ่นจิตสังหารอย่างชัดเจน
"ปีศาจ จะ.จะ..เจียงอี้เป็นปีศาจเขาฆ่าคนมากมาย เขาฆ่าหม่าเฮยฉี นายน้อยหลงและนายน้อยหู่ แถมเขายังฆ่าหม่าหยิ่นของตระกูลหม่า เขาทั้งเนินนั้นเต็มไปด้วยซากศพ เจียงอี้มันเป็นปีศาจ..ผู้อาวุโสหยุนเฉอ ผู้อาวุโสหยุนสือ โปรดฆ่าเขาให้ได้อย่างรวดเร็วนะขอรับ ... "
เจียงฉีผู้หนีออกจากเขาซีชานเห็นกำลังเสริมของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจื่อฝู่จำนวนมาก ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมา ใบหน้าของเขาเขียวซีดราวกับว่าเขาเห็นผี ในสายตาของเขาเจียงอี้ต้องถูกปีศาจครอบงำ ไม่เช่นนั้นเขาจะสังหารผู้คนมากมายด้วยความแข็งแกร่งของขอบเขตฉูติ่งได้อย่างไร
“ฮะ....”
ทุกคนตกตะลึง สมาชิกของตระกูลเจียงและตระกูลหม่าต่างตกใจกันเป็นอย่างมาก ฉากที่เจียงฉีหนีลงมาในตอนแรกนั้นดูไร้สาระและตลกขบขัน แต่รังสีสังหารที่ออกมาจากเจียงอี้นั้นหนาแน่นมาก เห็นได้ชัดว่าเขาฆ่าผู้คนจำนวนมากกว่าจะมีรังสีเช่นนี้ได้
"ลูกเฟย! เฮยฉี!"
"หยูหลง! หยูหู่!"
หม่าหย่งจี๋และเจียงหยุนเฉอแทบหมดสติและล้มลงกับพื้น เจียงอี้ผู้ซึ่งสามารถกำราบคนบนเนินเขาและเขย่าขวัญเจียงฉีซึ่งเป็นขอบเขตจื่อฝู่ เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าผู้คนในเขาซีชานนั้นตายไปแล้ว
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
เจียงอี้หยุดอยู่บนทางระหว่างลงเนินเขา เมื่อเขามองใบหน้าของคนเหล่านี้และเห็นการแสดงออกของหม่าหย่งจี๋และเจียงหยุนเฉอ เขารู้สึกพึงพอใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขายิ้มเยาะและพูดว่า "มีผู้คนมากมายที่จะถูกฝังอยู่เคียงข้างข้าและมีผู้มีอิทธิพลมากมายที่พร้อมจะส่งข้าไปตามทางของข้า ตลอดชีวิตของข้านั้นช่างมีค่ามากมายเหลือเกิน!"