ตอนที่ 23 ลุยน้ำ
ตอนที่ 23 ลุยน้ำ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมก็บอกให้อาจารย์เขียนป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียน
ผมยังคงไม่กล้าพูดชื่อของเธอ เพียงบอกว่าชื่อน้องศพเท่านั้น
เมื่ออาจารย์ได้ยินเขาก็ตกใจมาก เขาถามว่าผมฟังผิดรึป่าว
และยังบอกว่าการเขียนชื่อลงบนป้ายวิญญาณ จะมาเขียนมั่วซั่วไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการแหกกฎ
ผมย่อมไม่กล้าพูดความจริง ไม่อย่างนั้นต้องถูกผีเมียฆ่าตายแน่ๆ
เมื่ออาจารย์เห็นผมมั่นใจมาก เขาจึงเขียนชื่อ “น้องศพ” สองคำนี้ลงไปด้วยใบหน้าที่งุนงง
เมื่อทำเรื่องเหล่าเนี้เสร็จ ผมก็จุดธูปให้ผีเมีย เพื่อขอบคุณที่เธอช่วยเหลือในคืนนี้
ไม่อย่างนั้น คืนนี้ผมและเฟิงเฉ่วหาน คงตายในแอ่งน้ำแห่งนั้นไปแล้ว
จากนั้น ผมก็ไปล้างหน้าล้างตา และกลับไปนอนในห้อง
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมและอาจารย์ก็รีบเดินทางไปที่สุสานทันที
เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบ ถ้าอยากจะนั่งพักผ่อน ก็ต้องรีบคิดหาวิธีจัดการผีชั่วนั้นให้ได้ซะก่อน
เมื่อพวกเรามาถึงสุสาน เหล่าฉินและนักพรตตู๋ก็รอพวกเราอยู่แล้ว
ทุกคนเข้ามานั่งคุยในห้องเล็กๆแห่งหนึ่ง ในเวลานี้นักพรตตู๋ก็พูดขึ้น “ผีชั่วตนนั้นพลังร้ายกาจมาก สู้ด้วยได้ยาก เมื่อคืนที่เราเสียเปรียบ เพราะมันเห็นจำนวนคนของพวกเรา มันจึงคิดจะล่อพวกเราออกมา ไม่งั้นคงต้องมีเลือดตกยางออกกันบ้างแล้วละ!”
“ตู๋อ่าว แกทำไมชอบพูดจาไร้สาระ” เหล่าฉินพูดพร้อมขมวดคิ้ว
ต่อหน้าผีชั่วนักพรตตู๋เป็นคนที่ทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าฉินเขากลับเป็นคนอ่อนน้อม เขาไม่โมโหเลยสักนิด ยังยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่ อย่าใจร้อนซิ!”
ขณะที่พูด เขายังหันมามองผม “ผีชั่วตนนั้นอยากได้ร่างของเสี่ยวฝาน เพื่อให้มันหลบหนีออกมาจากถ้ำมังกรได้ งั้นคืนนี้พวกเราก็ทำให้มันสมใจซิ! เสี่ยวฝาน คืนนี้เธอต้องลงไปในน้ำ เพื่อล่อให้มันมาติดกับ!”
“นักพรตตู๋ ทำแบบนี้มันอันตรายเกินไปรึเปล่า นี่มันอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็ได้นะ……” อาจารย์รู้สึกกังวล
แต่นักพรตตู๋กลับพูดต่อ “ถ้าไม่ลงทุนให้ถึงที่สุด แล้วจะได้อย่างที่หวังไหมละ ถ้าไม่ทำตามวิธีนี้ คงล่อผีชั่วออกมาได้ยาก และแน่นอนว่าพวกเราต้องวางแผนสำรวจพื้นที่รอบๆไว้ เพื่อดูว่าที่ไหนอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้บ้าง !”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ทุกคนก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ อยากรู้ความคิดของนักพรตตู๋
นักพรตตู๋ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วอย่างสูญเปล่า เขามีประสบการณ์ที่การจัดการวิญญาณร้ายนั้นอย่างโฉกโชน
เขาบอกว่า ถึงคืนนี้จะให้ผมลงน้ำ แต่ก็ได้สร้างของป้องกันตัวผมไว้สองชั้น
ชั้นแรกคือ ชุดคนตายติดยันต์
ยันต์ชนิดนี้ใช้ผ้ากันน้ำมาทำ จากนั้นให้ผมใส่ชุดคนตายและนำยันต์ใส่ไว้ด้านในอีกที
แบบนี้ ถ้าเสื้อผ้าที่ผมใส่จะขาด มันก็จะเปิดเผยยันต์ติดไว้ในชุดคนตาย แม้จะอยู่ในน้ำ แต่ก็สามารถยับยั้งวิญญาณร้ายได้ รับรองว่าผมต้องปลอดภัย
ส่วนชั้นที่สองคือ มัดตัวผมด้วยเชือกที่ทำจากขนหมาดำ ถึงผมจะไม่ระวังและตกลงไปในน้ำ ก็ยังสามารถดึงผมขึ้นมาได้
นอกเหนือจากนี้ ที่เหลืออีกสี่คนจะซุ่มอยู่รอบ ๆ
นักพรตตู๋บอกว่า ขอแค่ทำให้ผีชั่วปรากฎตัวได้ เขาย่อมมีวิธีหยุดมันได้เอง……
ในช่วงเวลานี้ นักพรตตู๋ยังพูดรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย
อย่างเช่นวิธีทำตามแผนการ และรายละเอียดเกือบทุกอย่าง เขาคิดได้รอบคอบมาก
ในตอนเริ่มต้นทุกคนยังรู้สึกกังวล แต่เมื่อได้ยินแผนของนักพรตตู๋ ทุกคนก็ต่างพร้อมใจกันพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงการเห็นด้วย
เขาถามผมแค่ว่า กล้ารึเปล่า
ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรมาก พยักหน้าตอบรับออกไปตรงๆ
ล้อเล่นน่า ตอนนี้ผมจะไม่กล้าได้ยังไง
เมื่อคืนผมก็ได้เห็นความสามารถของผีเมียผมมาแล้ว แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถปราบผีชั่วนั้นได้
ตอนนี้ผมไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่กังวลว่าผีชั่วนั้นจะไม่กล้าออกมามากกว่า
ถึงแม้ว่านักพรตตู๋และคนอื่นๆจะปกป้องผมไม่ได้ แต่ผีเมียอารมณ์ร้ายของผม จะต้องเข้ามาช่วยผมอย่างแน่นอน
เมื่อนักพรตตู๋และคนอื่นๆเห็นผมตกลง พวกเราก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง เริ่มทำเครื่องมือที่ใช้จับผีในคืนนี้ทันที
หนึ่งในนั้นมีของอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญ นั้นก็คือใช้ผ้าสีเหลืองมาทำเป็นตาข่ายผืนใหญ่
นักพรตตู๋บอกว่า จะแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ขอแค่ผีชั่วนั้นถูกตาข่ายรัดเอาไว้ ท้ายที่สุดมันจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมเองก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองไปรอบๆสุสาน เมื่อถึงตอนเที่ยงก็นำข้าวมาส่งให้ทุกคนเท่านั้น
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น พระอาทิตย์เริ่มลาลับ พวกเราก็ออกเดินทางกัน
อ่างเก็บน้ำอยู่ไม่ไกลจากสุสานมากนัก ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึงแล้ว
นักพรตตู๋บอกว่า เพื่อความปลอดภัย พวกเราจะต้องหาสถานที่ที่มีน้ำตื้นและสิ่งขีดขวางน้อย การทำแบบนี้จะยิ่งทำให้พวกเราได้เปรียบ
ดังนั้นพวกเราจึงเลือกบริเวณน้ำตื้นที่มีต้นอ้อขึ้นอย่างหนาทึบ เพื่อให้ทุกคนซ่อนตัวกันอยู่ในดงต้นอ้อ ส่วนผมก็ยืนเป็นเหยื่อล่ออยู่ข้างหน้า
ตอนนี้ทุกคนกำลังทบทวนแผนกันบนฝั่ง หลังจากความมืดเข้าปกคลุมท้องฟ้า ผมจึงเริ่มลงไปในน้ำ
แต่ก่อนที่จะลงไปในน้ำ ผมก็ใส่ชุดติดยันต์เรียบร้อย จากนั้นก็ผูกเชือกขนหมาดำ และยังหยดเลือดไก่ลงในน้ำด้วย
ในเวลาเดียวกันอาจารย์ยังทาบางอย่างลงบนเปลือกตาของผมซึ่งมันทั้งเหนียว และเปียก เหมือนกับของที่ใช้ในบ้านของหลี่กวางหลงเมื่อคืนเลย
อาจารย์บอกว่า ของเล่นชิ้นนี้เป็นน้ำตาพิเศษของวัว สามารถลดไฟหยินในตัวคนได้ ให้ผมใช้เป็นตัวเปิดตา
เมื่อได้ยินคำว่า “เปิดตา” ผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้าขวดเล็กๆนั้นถึงสองสามครั้ง
ถึงว่าเมื่อวานหลังจากใช้เจ้านี้เข้าไป ถึงได้รู้สึกเย็นๆ มองเห็นชัดขึ้น ที่แท้ก็คือ “น้ำตาเปิดการมองเห็น”
หลังจากเปิดตา การมองเห็นของผมก็ชัดเจนมากขึ้น
แม้จะไม่เท่ากับตอนกลางวัน แต่ผมก็สามารถมองเห็นได้ประมาณ 10 เมตร
หลังจากเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ผมก็รับดาบเหรียญจากอาจารย์และซ่อนมันไว้ที่เอว จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปยังพื้นน้ำที่ตื้นเขินและกว้างขวาง
ในเวลาเดียวกัน อาจารย์ นักพรตตู๋ และคนอื่นๆก็ยึดตามแผนที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ละคนต่างซ่อนตัวอยู่ในดงต้นอ้อ
สองสามวันมานี้อากาศเริ่มร้อนขึ้น ในเวลานี้เมื่อได้ลงมาในน้ำ ก็รู้สึกสบายตัวอยู่ไม่น้อย
ผมมองไปรอบๆ ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย เหมือนหินแช่ตัวอยู่ที่นี่
ผมแช่น้ำแบบนี้ เป็นเวลาหลายชั่วโมง
ตอนแรกมันก็สบายอยู่หรอก แต่ต่อมา ความเย็นเริ่มทำให้ตัวผมนั้นหนาวสั่น
เมื่อเห็นว่าเวลาใกล้ถึงเที่ยงคืนแล้ว ผีชั่วก็ยังไม่ออกมา
ผมจึงอดไม่ได้ที่อยากจะด่าแม่มันจริงๆ ฉันอุตส่าห์มาถึงที่แล้ว แกก็รีบๆออกมากินฉันไม่ได้เหรอฮะ
ความเย็นทำให้ผมตัวสั่น หรือแม้กระทั่งจามออกมาสองสามครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง จู่ๆผมก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
เสียงรอบๆเงียบสงัด ลมพัดโหมกระหน่ำ น้ำรอบๆเอว เริ่มเย็นยิ่งกว่าเดิม
เรื่องสองวันที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที นี่จะต้องเป็นเพราะผีชั่วนั้นอดใจไม่ไหว อยากลงมือกับผมแล้วแน่ๆ
หลังจากลางสังหรณ์นี้ปรากฏขึ้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ผมรีบสำรวจที่เอวของตัวเองทันที ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะได้ตั้งรับผีชั่วไว้ก่อน และใช้ดาบเหรียญแทงเจ้านั้นให้ตาย
แต่ความคิดในสมองของผมเมื่อครู่ กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอึดอัดที่เท้า เพราะตอนนี้ดูเหมือนมันจะถูกมือใหญ่ที่เย็นยะเยือกจับเอาไว้
ไม่รอให้ผมได้รู้สึกตัวมากนัก เจ้ามือใหญ่คู่นั้นก็ออกแรงทันที ตัวของผม “จุ๋ม” จมลงไปในน้ำทันที
ละอองน้ำสาดกระเด็น ตัวของผมจมลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว เร็วจนมองตามแทบไม่ทัน ไม่มีเวลาให้ผมได้หยุดหายใจ วินาทีนั้นผมสำลักน้ำออกมาหนึ่งครั้ง
ในหูยังได้ยินเสียง “คลึกคลึกคลึก” อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสายน้ำ ดูเหมือนผมจะเห็นร่างของใครบางคนอยู่ในน้ำ
ร่างของคนๆนั้นกำลังดึงเท้าทั้งสองข้างของผม เขาคิดจะดึงผมไปสู่เขตที่มีน้ำลึก
และหูของผมยังได้ยินเสียงชายชราที่แหบแห้ง “สวรรค์มีทางให้แกดันไม่เดิน นรกไม่มีประตูแต่แกดันเลือกที่จะเข้ามา เมื่อคืนมียัยผีนั้นอยู่ ดูซิวันนี้ใครจะมาช่วยแกได้……”