ตอนที่แล้วGE364 เพราะข้าเข้าใจเขาดี [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE366 การจู่โจมระดับไร้แบ่งแยก [ฟรี]

GE365 นายแห่งโลกหยิน [ฟรี]


ผ่านไปหลายเดือน หนิงฝานร่วมรักกับสตรีนับพัน วิชาแปแลงหยินหยางยกระดับขึ้นมาก

สตรีทั้งพันคนที่ได้ร่วมรักกับหนิงฝาน แม้จะสูญเสียพรหมจรรย์ แต่ระดับพลังของพวกนางกลับเพิ่มพูนขึ้นมาก

ภายในห้องหนิงฝาน เขานั่งหลับตา ไป่หลิง ชุ่ยหลิง ทาสอสูร ในร่างเปลือยเปล่าคอยปรนนิบัติ ด้านหน้ามีน่าหลานจื่อคอยใช้ลิ้นกับบางสิ่ง เพื่อทำให้หนิงฝานพึงพอใจ

หากเป็นบุรุษทั่วไปมีสตรีมากมายรุมล้อมเช่นนี้ พวกมันคงลุ่มหลงในตัวพวกนาง แต่หนิงฝานกลับมีจิตใจที่แข็งดุจศิลา ไม่หวั่นไหวกับพวกนางแม้แต่น้อย

การจะยกกระดับวิชาด้วยการขัดเกลาผสาน จิตใจต้องนิ่งสงบ ไม่อาจปล่อยให้หวั่นไหวได้

การที่ต้องเผชิญการร่วมรักกับสตรีมากมาย โดยต้องคงสติและสภาพจิตใจเอาไว้ให้สงบ นับเป็นบททดสอบของจิตใจที่ดี

“นายท่าน… วิชาของท่านยังไม่บรรลุอีกเหรอ” ไป่หลิงกล่าวพลางคลอเคลียหนิงฝานไม่ห่าง

พวกนางพยายามเต็มที่เพื่อให้หนิงฝานทะลวงระดับวิชา น่าหลานจื่อเองก็ไม่ได้น้อยหน้าคนอื่นๆ นางทำได้ทุกสิ่งที่น้องสาวของนาง นางยอมยกทั้งกายและใจให้หนิงฝานเพียงผู้เดียว เพื่อหวังเพียงว่าหนิงฝานจะช่วยเหลือน้องสาวของตนให้หลุดพ้น

“อา~” น่าหลานจื่อเปล่งเสียงเบาๆ นางใช้ปากช่วยหนิงฝานกว่าสองชั่วยาม แต่ระดับวิชาของหนิงฝานดูราวกับยังไม่ทะลวงระดับ

“นายท่าน ข้าขอใช้มือช่วยแทนได้หรือเปล่า… ตอนนี้ปากข้าเริ่มชาแล้ว ขอข้าพักสักครู่” นางกล่าวถาม ตัวนางในยามนี้ ไม่ได้เป็นสนมอสูรจื่อผู้ยิ่งใหญ่แล้ว

“ไม่เป็นไร เจ้าพักเถอะ เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว” หนิงฝานลูบศีรษะของนางเบาๆ พลางพยักหน้าให้กับคนอื่นๆเป็นเชิงให้พวกนางไปพักเช่นกัน

พวกนางจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่เศร้าใจ เพราะพวกนางไม่สามารถช่วยหนิงฝานได้

น่าหลานจื่อขบริมฝีปาก นางตำหนิตนเองที่ไม่อาจช่วยหนิงฝานได้ ซ้ำยังตำหนิว่าไม่อาจช่วยเหลือน้องสาวได้เช่นกัน

เมื่อพวกนางออกจากห้อง หนิงฝานที่นั่งอยู่เพียงลำพังกลับขมวดคิ้วแน่น

“ทำไมวิชาถึงยังไม่ทะลวงขอบเขต… ประตูหยินหยางเปิดจวนจะเปิดอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่ทะลวงระดับ… หรือเพราะข้าขาดอะไรไป”

หนิงฝานสวมอาภรณ์และออกจากที่พัก เขาเงยหน้ามองประตูหยินหยางขนาดใหญ่บนท้องนภา หยินหยางเคียงคู่ เหมือนดำกับขาว เหมือนความดีและความชั่ว เหมือนบุรุษกับสตรี

หนิงฝานเริ่มสัมผัสได้อย่างช้าๆว่าเหตุที่ไม่อาจาทะลวงขอบเขตวิชา เป็นเพราะยังเขายังขาดความเข้าใจในวิชา

“ข้าร่วมรักมามากพอแล้ว ข้าสมควรทำความเข้าใจกับหยินหยางให้มากกว่านี้”

“หยินหยาง… หยินหยางคือสิ่งใด… จักรพรรดิสวรรค์ได้กระจายวิชาแปลงหยินหยางไปทั่วทั้งโลก แต่เหตุใดต้องมุ่งเน้นไปในการขัดเกลาผสานเพียงอย่างเดียว”

“วิชาแปลงหยินหยางลึกล้ำจนยากเกินเข้าใจ ยิ่งด้วยมีวิธีฝึกเป็นการขัดเกลาผสาน ยิ่งทำให้เป็นที่รังเกียจของผู้คน”

“แต่เหตุใดโยว่เอ๋อร์ถึงได้ตั้งมั่นที่จะฝึกฝนวิชาแปลงหยินหยาง ทั้งนางยังไม่ต้องร่วมรักกับบุรุษ...”

“ในอดีตจักรพรรดิสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เคยทุ่มเวลาศึกษาพลังแห่งชีวิตของเทพเซียนสื่อเซ่า กระทั่งตกผลึกได้วิชาแปลงหยินหยางออกมา… แต่เมื่อตกทอดสู่คนรุ่นหลัง บางอย่างของวิชาได้ถูกบิดเบือนไป”

“บิดเบือน?” ดวงตาหนิงฝานเป็นประกายราวกับเข้าใจบางสิ่ง

บุรุษและสตรีร่วมรักนับเป็นเรื่องยางอายหรือ? หากไร้บุรุษสตรีร่วมรัก ทุกคนบนโลกจะเกิดมาได้อย่างไร?

การร่วมรักคือการขัดเกลาผสาน… จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว การขัดเกลาผสานสมควรเป็นการแปลงหยินหยางมากกว่า

มีข่าวลือว่าในสมัยโบราณจักรพรรดิเหลืองมีสตรีในครอบครองกว่า 3 พันคน เขาฝึกฝนและยกระดับพลังกับพวกนางด้วยวิชาแปลงหยินหยาง

หากปล่อยวิชาแปลงหยินหยางให้ตกอยู่กับจักรพรรดิคนอื่น จักรพรรดิเหลืองจะสูญเสียอำนาจ

หากย้อนนึก การขัดเกลาผสานไม่ใช่แก่นแท้ของวิชาแปลงหยินหยาง มันเป็นเพียงวิธีฝึกฝนที่บางคนคิดขึ้น

หนิงฝานในยามนี้รู้สึกราวกับตนเองได้เปิดประตูสู่แสงสว่าง

วิชาแปลงหยินหยางช่วยให้หนิงฝานเอาชนะสตรีได้มากมาย วิชาคารมเองก็ช่วยให้เขาล้วงความลับจากพวกนางได้เช่นกัน

คนทั่วไปอาจมองว่าไร้ยางอายและน่ารังเกียจ แต่สำหรับหนิงฝานมันคือประโยชน์

มากตัณหา… มีควาามใคร่… สิ่งเหล่านี้เหตุใดจึงเป็นเรื่องที่ผิด? หากไม่อยากมีความรู้สึกเหล่านี้ ย่อมก้าวเข้าสู่เส้นทางฝ่ายธรรมะแทนก็ได้

ยิ่งขบคิดหนิงฝานยิ่งสับสน

การเข่นฆ่าสังหาร การไร้ความรู้สึก สองสิ่งนี้แตกต่างกันราวกับนรกกับสวรรค์ แต่หากจะให้เข้าใจทั้งสองสิ่งอย่างถ่องแท้ หนิงฝานยังทำไม่ได้

หนิงฝานเข้าสู่สภาวะไร้หนทางอีกครั้ง!

ยามนี้จิตใจของหนิงฝานากำลังดูถูกตนเอง ปั่นป่วน ตำหนิ ด่าทอ รวมเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินเข้าใจ

แต่ในขณะนั้น หนิงฝานมือซัดเข้าที่หน้าท้องของตนจนกระอักโลหิต เพื่อช่วยให้ตนเองไม่เสียสติ

“การสังหารถือเป็นสิ่งผิด… แต่หากทำเพื่อปกป้องตนเองและครอบครัวนับว่าถูก!”

“การช่วยชีวิตถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง... แต่หากช่วยเหลือจิ้งจอกร้ายที่พร้อมจะหวนมาสังหารตนทุกเมื่อ จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้ยังไง!”

“ตัวข้าไม่ใช่คนดีนัก แม้จะนำศัตรูมาเป็นกระถางขัดเกลา ไม่ทำร้ายสตรีบริสุทธิ์ แต่ข้าก็ยังไม่ใช่คนดี!”

“หากวันใดโชคชะตากำหนดให้ข้าตาย ข้าไม่ยอม!”

หนิงฝานเงยหน้ามมองท้องนภา ยามนี้เขาเข้าใจจแล้วว่าหยินหยางคืออะไร หยินหยางคือทุกสรรพสิ่ง! คือสิ่งที่สอดประสานจนกลายเป็นธรรมชาติ

หยินและหยางไม่มีถูกผิด แม้ธรรมชาติจะไร้หัวใจ แต่มันก็ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมและตรงไปตรงมา

หนิงฝานยืนนิ่ง ไอปราณสีดำแผ่ออกจากร่าง ก่อตัวเป็นร่างของคนผู้หนึ่งในอาภรณ์ดำ… หนึ่งขาว หนึ่งดำ จะตัวตนใดก็คือหนิงฝาน ดังเช่นหยินและหยาง

โคลนนั้นขุ่นมัวไม่อาจมองเห็นภายใน แต่หากมันกระจ่างใส่ เหตุใดจึงจะเรียกว่าโคลน

“นี่คือสิ่งที่ข้าขาดไป… ข้าร่วมรักกับสตรีมากพอแล้ว ขาดก็เพียงความเข้าใจในหยินหยางที่แท้จริง ความลุ่มหลงมืดบอดบดบังจึงมองไม่เห็น… ข้าต้องทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ ต้องเข้าใจหยินหยางในจิตใจของผู้คนมากกว่านี้” หนิงฝานหัวเราะ

“พวกเจ้ารอข้าที่นี่… อีก 7 วันข้าจะกลับมา” เขากล่าวกับเหล่าสตรี เสียงสะท้อนดังไปทั่วเมือง ก่อนจะทะยานออกจากเกาะไป

หนิงฝานมุ่งไปทางตะวันตก เขาพบขุมกำลังแห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่นัก เป็นนิกายฝ่ายธรรมะ ที่เบื้องหน้าประตูนิกายมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือชายชราในขอบเขตแก่นทองคำ

ในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ นิกายฝ่ายธรรมะนั้นหากไม่แข็งแกร่งจริงก็อยู่รอดไม่ได้

ในยามราตรี ศิษย์นิกายจำนวนไม่มากออกเดินตรวจตราความเรียบร้อย ในขณะที่ศิษย์ของนิกายส่วนใหญ่เก็บตัวฝึกฝนไม่ก็หลับนอน

ภายในห้องแห่งหนึ่งในนิกาย ประมุขนิกายถือม้วนคัมภีร์ที่แผ่กลิ่นอายชั่วร้าย ราวกับคัมภีร์นั้นวิชาของฝ่ายอธรรม

หนิงฝานรู้ว่าประมุขนิกายกำลังศึกษาคัมภีร์ฝ่ายอธรรม เพื่อที่จะยกระดับพลังตน ให้ปกป้องคุ้มครองนิกายให้อยู่รอดได้

สายลมหอบพัดเข้ามาภายในห้อง เทียนที่ประมุขนิกายจุดดับ

“สายลมหนาว จันทราสาดแสง... ราตรีที่เงียบสงบและเหมาะกับการศึกษาคำภีร์เช่นนี้กลับมีคนมาขัดซะได้!”

ชายชราเงยหน้ามองไปเบื้องหน้า ประตูห้องผลักเปิด บุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งก้าวเข้ามา

“เจ้าเป็นใคร!” ชายชราเร่งลุกยืน จ้องมองผู้ที่มา

แม้ระดับพลังชายชราไม่ได้สูงส่ง ทั้งยังแอบศึกษาคัมภีร์ฝ่ายอธรรม แต่ชายชราไม่หวาดกลัว

เทียนติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง ชายชราค่อยๆเห็นใบหน้าผู้ที่มา เมื่อเห็นใบหน้าชัดเจน ชายชราขนลุกซู่ เหงื่อไหลพรั่งพรู

“ทะ… ท่านหมิง!”

ชายชราสั่นสะท้าน ชื่อเสียงอันน่าหวาดกลัวหนิงฝานและหยกที่สลักใบหน้าหนิงฝานได้กระจายไปยังขุมกำลังน้อยใหญ่ เพื่อป้องกันขุมกำลังเหล่านั้นไม่ให้ยั่วยุหนิงฝาน จนทำให้ตนต้องถูกทำลาย

“ข้าถาม… เจ้าตอบ!” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวด จนทำให้ชายชราไม่กล้าปฏิเสธ

“ข้า...”

“เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าชื่อหมิงเจิ้ง เป็นประมุขนิกายแห่งนี้!”

“เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะหรือเปล่า?”

“ใช่”

“เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ ส่วนข้าฝ่ายอธรรม เหตุใดเจ้าต้องกลัวข้า? ฝ่ายธรรมะสมควรเห็นฝ่ายอธรรมเป็นศัตรู”

“ข้าไม่กล้า! ในโลกใบนี้ธรรมะและอธรรมต่างกันแค่เพียงวิชาที่ฝึกฝน ที่เหลือเหมือนกันทั้งหมด… แทนที่จะสนใจว่าเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม สมควรมุ่งเน้นการฝึกฝนอย่างจริงจังมากกว่า ถึงข้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะ แต่เพื่อให้ปกป้องบรรดาศิษย์นิกายของข้าได้ ต่อให้ข้าต้องก้าวสู่เส้นทางอธรรมข้าก็ยอม!”

ชายชราเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น แต่จิตใจของชายชรากลับกล้าหาญ หากเพื่อปกป้องนิกายของตนแล้ว ต่อให้ก้าวสู่เส้นทางฝ่ายอธรรม ชายชราก็ไม่กลัว

คำว่าธรรมะของชายชราคือการปกป้องนิกาย

หากไม่ตั้งมั่นก็ไร้จุดยืน ความถูกต้องที่ชายชรานับถือคือการปกป้องนิกาย

“กล่าวได้ดี… หยินหรือหยาง ถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับจิตใจของเจ้า หากยึดมั่นแน่วแน่ ต่อให้เผชิญอันตรายเจ้าก็จะไม่กลัว” หนิงฝานนำขวดโอสถจำนวนหนึ่งออกมา วางไว้ให้ชายชรา และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“รวดเร็วมาก… นี่มัน...โอสถเพลิง!”

สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง โอสถเพลิงนับเป็นโอสถล้ำค่าในทะเลไร้สิ้นสุด เป็นโอสถผันแปรที่ 3 ที่เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ หากมีโอสถมากพอ ชายชราจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางได้

โอสถที่หนิงฝานมอบให้จะทำให้ชายชราแข็งแกร่งขึ้น และปกป้องศิษย์ของตนได้มากขึ้น

เขาช่างเป็นคนที่น่านับถือ ไม่ยกคำว่าธรรมะหรืออธรรมเป็นข้ออ้าง

ชายชราตื่นเต้นกับโอสถที่ได้มาอยู่นาน ก่อนจะหันมองไปยังทิศทางที่หนิงฝานจากไปด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง

ชายชราเดาว่าที่หนิงฝานมาถามตนก็เพื่อจะทำความเข้าใจบางอย่าง เหมือนกับที่ชายชราเรียนรู้วิชาฝ่ายอธรรมเพื่อปกป้องนิกายฝ่ายธรรมะของตน

หนิงฝานพูดคุยกับชายชราเพียงชั่วครู่ ไม่ได้ทำให้ผู้ใดแตกตื่น และไม่ได้สังหารผู้ใด

ชายชราคิดว่า ข่าวลือของหนิงฝานที่ได้ยินมานั้นออกจะเกินจริงไปหน่อย เขาไม่ได้ชั่วร้ายขนาดนั้น

“สมแล้วที่เป็นท่านหมิง… ผู้ที่ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเต๋าอย่างสง่างามและอิสระ” ชายชรานับถือหนิงฝานมาก

เมื่อออกจากเกาะแห่งนั้น หนิงฝานขบคิดในสิ่งที่ชายชรากล่าว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกของทะเลไร้สิ้นสุด

หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพปกคุลมพื้นที่รอบข้าง 5 หมื่นลี้ กระทั่งไปถึงสุดขอบของทะเลไร้สิ้นสุด

บริเวณนี้เป็นเหมือนสถานที่ที่ตัดขากจากทะเลไร้สิ้นสุด เป็นสถานที่อยู่มนุษย์ทั่วไป ขนาดไม่ใหญ่เท่าแคว้นของผู้ฝึกตน

หนิงฝานเหยียบย่างนภามาถึงบริเวณหนึ่ง เห็นเมืองที่ค่อนข้างทรุดโทรม เห็นผู้มีอำนาจรับสินบนบนสะพานแห่งหนึ่งในเมือง

เมื่อที่ดูทรุดโทรมแห่งนี้ดูราวกับเผชิญภัยพิบัติมานับครั้งไม่ถ้วน น้ำในลำคลองแห้งเหือด... เมื่อผู้ที่มอบสินบนให้จากไป ผู้ที่ยังอยู่กลับเผยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ข้าต้องจัดการพวกติดสินบนให้หมด!” ผู้ที่กล่าวดูราวกับเป็นผู้ที่ยึดมั่นในคุณธรรมจากใจจริง

“น่าสนใจ” หนิงฝานร่อนลงพื้นในซอยแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาเดินออกมาและคนผู้นั้นเห็นเข้า มันตกใจเพราะคิดว่าหนิงฝานจะมาลอบสังหารมัน ก่อนตะโกนบอกคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นให้หลบหนี

หนิงฝานโบกมือ สายลมพัดต้องร่างคนเหล่านั้นจนพวกมันหมดสติไป

“ปะ...ปีศาจ!” บุรุษผู้นั้นหวาดกลัวจนอุทานว่าหนิงฝานคือปีศาจ

“ข้าถาม...เจ้าตอบ!” หนิงฝานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ดะ...ได้”

“ทำไมเจ้าถึงกลัวข้า”

“เพราะเจ้ามีวิชาประหลาด...” บุรุษผู้นั้นยังคงหวาดกลัว

“ทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ของเมือง!”

“เพื่อขจัดรัฐบาลที่คดโกงและช่วยเหลือผู้คน”

“ในเมื่อเจ้าอยากกำจัดรัฐบาลที่คดโกง เหตุใดเจ้ายังรับสินบน!”

“เพื่อชำระล้างความอัปยศของข้า! หากไม่ทำเช่นนี้ข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือผู้ใดได้... ผู้ที่มีอำนาจโกงกิน ประชาชนยากลำบาก แม้ข้าจะต้องแปดเปื้อนเหมือนพวกมัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยเหลือคนอื่นได้บ้าง หากทำตัวสูงส่งบริสุทธิ์แต่ไม่อาจช่วยผู้ใดได้ เหตุใดข้าต้องทำตัวเช่นนั้น หากสิ่งที่ข้าทำช่วยเหลือผู้คนได้ แม้ตัวข้าต้องแปดเปื้อนข้าก็ยอม”

“นั่นคือสิ่งที่อยู่ลึกๆภายในของเจ้า… ตัวเจ้าใสกระจ่างแต่ยอมให้แปดเปื้อน แต่ความแปดเปื้อนนั้นก็คือความใสกระจ่างของตัวเจ้า”

หนิงฝานหันกายจากไป แต่ในขณะนั้น ลำคลองที่แห้งเหือดกลับมีวารีใสกระจ่างผุดขึ้นมาราวกับน้ำพุ เติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับเมืองอีกครั้ง นี่คือรางวัลที่หนิงฝานมอบให้

บุรุษผู้นั้นนับเป็นคนดี มีความคิดและความรู้สึกที่อยากจะช่วยผู้อื่นอย่างแท้จริง

บุรุษผู้นั้นตกตะลึง มันคิดว่าหนิงฝานคือเทพที่ลงมาโปรด เพราะเพียงแค่หันกายจากไป ลำคลองที่แห้งเหือดกลับคืนสู่ความชุ่มฉ่ำ

เมื่อน้ำมา อาหาร พืชพรรณก็กลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง ประชาชนในเมืองสมควรมีความสุข

บุรุษผู้นั้นขบคิด ดูราวกับการตอบคำถามของมันจะถูกใจคนผู้นั้น จึงตบรางวัลให้ตามสมควร

“ข้าขอคุณท่านจริงๆ!”

เมื่อออกจากเมืองไป หนิงฝานดูราวกับจะเข้าใจบางอย่างมากขึ้น

หยินหยางนั้นครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ครอบคลุมทุกการกระทำของทุกคน

หนิงฝานเหยียบย่างนภาไปพบสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นมีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างลำธาร ท่าทางราวกับกำลังอ่านบางสิ่ง

“ตะวันคือหยาง… จันทราคือหยิน...”

เมื่อได้ฟังสิ่งที่เด็กคนนั้นอ่าน หนิงฝานรู้สึกสับสน ดูราวกับว่าหยินหยางที่เขาพยายามทำควาเข้าใจนั้น คือตะวันและจันทรา

ผ่านไป 7 วัน หนิงฝานกลับมาถึงเกาะกู่ซู เขาก็เข้าห้องพักเก็บตัว

“หากจะยึดถือเพียงแต่ความถูกต้องก็ไม่ได้… หากจะทำชั่วเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้… สมควรมีทั้งชั่วและดีปะปน เหมือนกับหยินหยาง”

“หยินหยางคือส่วนที่ผกผันกันแต่ลงตัว… ข้าเข้าใจแล้ว”

หนิงฝานรู้ปลอดโปร่งราวกับปล่อยวางบางสิ่งลงได้ เต๋าแห่งหยินและหยางนั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน

“เหตุที่จักรพรรดิสวรรค์ตีความหยินหยางว่าเป็นการขัดเกลาผสาน เพราะบุรุษคือหยาง สตรีคือหยิน เมื่อผสานรวมเป็นหนึ่งจะให้กำเนิดซึ่งชีวิต!”

เต๋าแห่งหยินหยางนั้นเรียบง่าย

“สวรรค์คือภรรยา พิภพคือสนม ผู้คนทั่วไปร่วมรักเป็นเรื่องปกติ เพราะมันคือการผสานรวมเป็นหนึ่งของหยินหยาง เพื่อสร้างความสมดุล” ยามนี้หนิงฝานเข้าใจหยินและหยางแล้ว

หนิงฝานเดินออกมาจากห้องพลางยิ้ม ดวงตาข้างซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวดำราวกับสัญลักษณ์หยินหยาง

ประตูขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องนภาเริ่มเปิดออก หนิงฝานเหยียบย่างนภาผ่านประตูบานนั้นไป

หนิงฝานปรากฏตัวยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีปราณหยินรุนแรง แต่หนิงฝานกลับรู้สึกว่า ปราณหยินเหล่านี้กำลังไหลเข้าสู่ร่าง ทำให้เส้นลมปราณของเขาดูดซับปราณได้เร็วขึ้นกว่าร้อยเท่า

“ปราณหยินที่นี่ทำให้ระดับพลังของข้าเพิ่มพูนเร็วขึ้นนับร้อยเท่า!” หนิงฝานตกตะลึง

มีเพียงวิหารชั้น 7 ของวิหารสาบสูญเท่านั้นที่เร่งความเร็วระดับนี้ได้ นั่นหมายความว่าสถานที่ที่หนิงฝานอยู่ เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองเส้นลมปราณหยินหยาง เพราะมันจะช่วยให้ยกระดับเร็วขึ้นร้อยเท่า หากปรุงโอสถที่นี่ ความในการปรุงโอสถก็สมควรเพิ่มพูนมากขึ้น

ไกลออกไปมีจารึกขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน บนนั้นมีรอยบางอย่างอยู่ 7 รอย ในบรรดารอยเหล่านั้น มีอยู่รอยหนึ่งที่แผ่ปราณสีม่วงออกมา และหนิงฝานก็คุ้นเคยกับมันมาก

“หลั่วโยว่! นางอยู่บนนั้น!”

หนิงฝานหวนนึกถึงในคราวที่เขาได้สร้อยหยินหยางครั้งแรก เขาฝันว่าตนเองได้พบกับสตรีนางหนึ่ง ยามนั้นนางนั่งอยู่ใกล้ๆกับจารึกขนาดยักษ์

“ที่นี่คือโลกหยินภายในสร้อยหยินหยาง! จักรวาลกลางที่มีเพียงจักรพรรดิเซียนเท่านั้นที่สัมผัสถึงได้! มิน่าเส้นลมปราณของข้าจึงดูดซับปราณได้เร็วขึ้นนับร้อยเท่า!”

ในขณะที่หนิงฝานขบคิดอยู่นั้น เสียงชราสายหนึ่งดังมา ราวกับเป็นเสียงของผู้ที่สร้างสร้อยหยินหยาง

“โลกหยินหยาง สร้อยหยินหยาง… สวรรค์คือภรรยา โลกคือสนม ผู้คนคือกระถางขัดเกลา เต๋าแห่งหยินหยางอันยิ่งใหญ่!”

“เมื่อครั้งที่ข้าได้เป็นจักรพรรดิเซียน ข้ามีโอกาสได้ศึกษาทำความเข้าใจในหยินหยาง จึงได้ร่วมกับสหายสร้างสร้อยหยินหยางและโลกหยินแห่งนี้เอาไว้”

เมื่อกล่าวจบ โลกหยินสั่นสะเทือนราวกับรอผู้เป็นนายคนใหม่

หนิงฝานขบกัดปลายนิ้ว หยดโลหิตของตนลง ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับโลกหยิน

ยามนี้หนิงฝานสัมผัสได้ว่า เขาสามารถเข้าออกโลกหยินได้ทุกที่ทุกเวลา

วิชาแปลงหยินหยางของเขาบรรลุขอบเขตที่ 3 แล้ว ยามนี้เขาเป็นนายคนใหม่ของโลกหยิน... หากมีโลกใบนี้อยู่ หนิงฝานสามารถทำอะไรได้มากมาย

“จริงสิ… หลั่วโยว่อยู่ไหน?”

หนิงฝานหันมองไปรอบๆ ทุกสิ่งรอบข้างว่างเปล่า แต่แล้วเขาก็เห็นบ้านหลังหนึ่งลอยอยู่เหนือจารึก

ภายในบ้านมีสตรีนางหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าที่งดงามซีดขาว ร่างกายพร่าเลือนราวกับกำลังจะหายไป

แม้จะหลับไหล แต่สีหน้าของนางดูมีความสุข รอยยิ้มของนางราวกับบุบผาแรกแย้ม แต่แล้วสีหน้าของนางกลับแปรเปลี่ยนเศร้าหมอง หยาดน้ำตาไหลริน ราวกับนางกำลังฝันร้าย

“ข้ากลัว...”

“โยว่เอ๋อร์…” หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าสตรีผู้ห้าวหาญที่เคยช่วยเหลือเขามาหลายครั้ง แท้จริงกลับเป็นสตรีที่ดูบอบบางน่าทนุถนอมมากขนาดนี้

เขาเช็ดคราบน้ำตาให้นางเบาๆพลางโอบกอดนางไว้อย่างอ่อนโยน

เรือนร่างของนางบอบบาง หนิงฝานทำได้เพียงถอนหายใจ นางต้องถูกขังไว้ที่นี่เพียงลำพังมานานแสนนาน เหตุที่นางต้องแสดงตัวและช่วยเหลือหนิงฝานก็เพื่อหวังให้เขาช่วยนางออกไปจากที่นี่

หนิงฝานไม่กล้าปลุกนาง เขารู้สึกราวกับว่าหากปลุกนางยามนี้ ดวงจิตของนางที่เหลืออยู่อาจแตกสลาย นางเองก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของหนิงฝานที่กำลังโอบกอดนางไว้

“ไม่ต้องกลัว… ข้าหนิงฝานเอง ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่ และรักษาดวงจิตของท่าน” เขาโอบประครองร่างของนางอย่างระมัดระวัง ทุกการกระทำแฝงไปด้วยความห่วงใย

เหตุใดนางถึงเลือกที่จะละทิ้งเส้นทางที่ก้าวเดิน และมุ่งสู่เส้นทางของวิชาแปลงหยินหยาง

แต่โชคดีที่นางไม่ได้ครอบครองสร้อยหยินหยาง เพราะไม่อย่างนั้น นางกลายเป็นผู้ที่ต้องดูดซับหยางจากบุรุษ ร่างกายที่สูงศักดิ์แปดเปื้อน

นางเคยพยายามจะครอบครองสร้อยหยินหยาง แต่ความล้มเหลวในครั้งนั้น ทำให้นางถูกผนึกไว้ที่นี่ กระทั่งได้มาพบกับหนิงฝาน

“อย่ากลัวไปเลยนะ… ข้าหนิงฝานเอง” คำกล่าวของเขาราวกับสะท้อนเข้าไปในความฝันของนาง จนทำให้ร่างนางสั่นเทา

“หนิงฝาน… เขาเปิดโลกหยินได้แล้วเหรอ?”

“เขาจะช่วยข้าหรือเปล่า?”

“หรือเขาจะฉวยโอกาสสังหารข้า?”

“แต่เขาบอกว่าไม่ต้องกลัว...”

นางเริ่มสงบใจ ในอดีตนางถูกผู้คนมากมายหักหลัง นางจะเชื่อใจหนิงฝานได้หรือ?

นางจะวางใจให้หนิงฝานดูแลนางได้หรือ?...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด