ตอนที่ 19 ฆ่าผี
ตอนที่ 19 ฆ่าผี
หลังจากผีชั่วเห็นการปรากฎตัวของผม มันก็เผยรอยยิ้มที่สยดสยองออกมา และยังมองผมด้วยความตื่นเต้น มองซะผมรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
นักพรตตู๋ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากลับเปล่งเสียงที่เย็นชา “ใกล้จะตายอยู่แล้วยังจะกล้าอวดดีอีก!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงดาบไม้ออกมา
แต่ผีชั่วกลับยิ้มอย่างเยือกเย็น “งั้นเหรอ ข้าละอยากสั่งสอนแกจริงๆ! แต่สถานที่มันเล็กไปหน่อย พวกเรามาเปลี่ยนที่กันเถอะ”
เสียงพึ่งจบลง ผีชั่วตนนั้นก็โบกมือ บ้านที่ถูกปิดอย่างแน่นหนา ทันใดนั้นก็ถูกสายลมที่หนาวเย็นพัดจนเปิดออก
จากนั้น ผีชั่วก็หมุนตัววิ่งออกไปข้างนอกทันที
นักพรตตู๋เปล่งเสียงฮึออกมา จากนั้นก็ไม่พูดอะไร เขารีบถือดาบไม้ไล่ตามไปทันที
ตอนนี้เขาไม่คิดถึงศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ไม่มีอะไรต้องมาพูดกันดีๆแล้ว
ดังนั้นอาจารย์และเหล่าฉินที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวา จึงไม่เกรงใจอีกต่อไป พวกเขาเองก็พุ่งออกไปตามผีชั่วเช่นกัน
ส่วนลูกศิษย์ของนักพรตตู๋ เฟิงเฉ่วหานคุณชายผู้เย็นชานั้นกลับถือดาบไม้ขึ้นมายืนปกป้องผมอยู่ด้านหน้า
เมื่อผีร้ายสามตนเห็นพวกเราลงมือ พวกมันก็หันมามองด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัว
พวกมันแผดเสียงกรีดร้องออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เผยใบหน้าที่ดุร้ายและเขี้ยวที่แหลมคม กางกรงเล็บทั้งสองข้างขึ้นและพุ่งเข้าใส่อาจารย์และคนอื่นๆ
ผมไม่เคยเห็นฉากการต่อสู้ครั้งใหญ่แบบนี้มาก่อน วินาทีที่พวกเขาสู้กัน ผมรู้สึกกลัวมาก รู้สึกเสียวซ่านไปทั้งหัว
แต่ก็ไม่ลงมืออย่างสะเปะสะปะ เมื่อเห็นผีชาวประมงดุร้ายแบบนั้น วินาทีแรกนั้นผมก็คิดถึงวิธีของยายโม่ขึ้นมา
ผมไม่ลังเล รีบเปิดโกศทั้งสองใบออก จากนั้นก็หยิบพริกไทยดำออกมา
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นผมเปิดโกศ เขาก็รู้สึกงงงวย จึงถามผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เสี่ยวฝาน นายจะทำอะไรน่ะ”
เมื่อผมได้ยินคุณชายผู้เย็นชาถาม ผมก็เผยรอยยิ้มมุมปากที่แสนเจ้าเล่ห์ออกมา “นายแค่ยืนมองเดี๋ยวก็รู้เองแหละ!”
หลังจากพูดจบ ผมก็นำถุงใส่พริกไทยดำเทลงโกศทั้งสองใบทันที
จากนั้นก็ปิดฝาอย่างรวดเร็ว ใช้มือถือข้างละใบ จ้องมองไปที่ผีชาวประมงที่ดุร้าย “ตอนนี้ฉันจะทำให้พวกแกรู้สึกดีเอง!”
หลังจากพูดจบ ผมก็เริ่มเขย่าโกศทั้งสองใบ
ไม่ต้องพูดถึงมันเลย วิธีของยายโม่ได้ผลสุดๆ
เมื่อพริกไทยดำและเถ้ากระดูกผสมด้วยกัน จากการเขย่าอย่างรุนแรง ทำให้สีหน้าผีชาวประมงเปลี่ยนไปทันที
พวกมันพร้อมใจกันหันมามองหน้าผม ด้วยสีหน้าที่หวาดผวา “ไอ้เด็กเลว แก แกทำอะไร”
“ทำอะไรงั้นเหรอ แค่ปรุงอะไรนิดหน่อยกับเถ้ากระดูกของพวกแกเท่านั้น!” หลังจากพูดจบ ผมก็เขย่าแรงกว่าเดิม
ผีสองตนนั้นหวาดกลัวจนหาที่เปรียบไม่ได้ วินาทีนั้นร่างกายของพวกมันก็เริ่มสั่นไหว
ราวกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดทรมานจากการถูกทิ่มแทง มันทรมานมาก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง “อ้า/อร๊าย”
“ได้เด็กเวร หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ฉัน ฉันจะฆ่าแก!”
ท่าทางที่เจ็บปวดทรมานของผีทั้งสอง กำลังเข้ามาใกล้ตัวผม ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้ายและความรังเกียจ
เมื่อผมเห็นพวกเขากำลังจะเข้ามาใกล้ ผมจึงถอยไปข้างหลังสองสามก้าว และยิ่งเขย่าแรงขึ้นกว่าเดิม
สีหน้าเจ็บปวดทรมานของผีทั้งสองตนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ก้าวเท้าตุปัดตุเป๋ไปมา ยืนตัวเอียงเล็กน้อย
เมื่ออาจารย์และเฟิงเฉ่วหานเห็นเช่นนั้น พวกเขาจึงรีบเข้าไป
อาจารย์แทงดาบออกไป แต่ผีผู้ชายกลับหลบได้ แต่ด้วยความเจ็บของร่างกาย ทำให้เขาขยับมากไม่ได้
หลังจากดาบแทงเข้ากับอากาศ อาจารย์ก็หยิบยันต์เหลืองออกมา “แปะ” เขาแปะมันลงที่กลางหน้าผากของผีผู้ชาย
ระหว่างนั้น อาจารย์ก็ทำมือทำไม้ ทันใดนั้นเขาก็พูดออกมาเบาๆ “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง!”
เสียงพึ่งจางหาย ยันต์ผืนนั้นก็เปล่งแสงสีขาว “ตูม” ตามมาด้วยเสียงระเบิดกลางหน้าผากของผีผู้ชาย
ทันใดนั้นผีผู้ชายก็ร้องโอดครวญ ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป จากนั้นก็หล่นกระแทกพื้นทันที
ร่างกายสั่นเทา แสงในร่างกระพริบไปมา ร่างกายของเขากำลังจะแตกสลายอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าวิญญาณของเขากำลังแตกสลาย ไม่สามารถมีชีวิตได้อีกต่อไป
ในเวลาเดียวกัน เฟิงเฉ่วหานเองก็ลงมือกับผีผู้หญิง
อย่ามองว่าชายคนนี้อายุห่างจากผมไม่มาก แต่ความสามารถของเขาสูงกว่าผมมาก
เมื่อเห็นผีผู้หญิงพุ่งเข้ามา แต่ขณะที่อันตรายเข้ามาใกล้เขากลับไม่ตื่นกลัว เขายกดาบในมือขึ้นและแทงเข้าไปตรงๆ
ผีผู้หญิงหลบได้สองสามครั้ง แต่เธอยังไม่อาจระงับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ จึงทำให้ร่างกายไม่พร้อมกับการต่อสู้
เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นโอกาส เขาจึงแทงดาบทะลุหน้าอกของผีผู้หญิงทันที
ผีผู้หญิงยังคงดิ้นรน เธอไม่ตาย และยังกรีดร้อง “อร๊ายอร๊าย” ออกมา กรงเล็บทั้งสองข้างพุ่งเข้ามาทำร้ายเฟิงเฉ่วหาน
แต่เฟิงเฉ่วหานกลับไม่ถอยเลยสักก้าว เขาดึงดาบออก ทันใดนั้นที่มือซ้ายของเขาก็หยิบตราประทับแปลกๆออกมา หลังจากเล็งไปที่หน้าผากของผีผู้หญิงเขาก็กดมันลงไปทันที
“บึก” ตราประทับขนาดใหญ่นั้นกดทับลงที่หน้าผากของผีผู้หญิง
วินาทีที่ตราประทับกดลงที่หน้าผากผีผู้หญิง มันก็มีเสียงดัง “จึกจึกจึก” ราวกับมีหัวแร้งติดอยู่ นอกจากนั้นยังมีควันสีดำลอยออกมาด้วย
ส่วนผีผู้หญิง เธอเผยสีหน้าที่เจ็บปวด ปากยังคงกรีดร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก
ถึงแม้ว่า ในเวลานี้เธอจะหันหลังกลับ แต่ร่างกายของเธอก็มีแสงกระพริบเรียบร้อยแล้ว
แต่เฟิงเฉ่วหาน ยังแสดงสีหน้าเหมือนเดิม เขาเพิ่มแรงกดลงไปมากกว่าเดิม
ผ่านไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น “บึก” ผีผู้หญิงก็กลิ้งลงไปบนพื้น ร่างกายของเธอเหมือนกับผีผู้ชาย กระตุกอย่างต่อเนื่อง แสงสว่างในร่างกระพริบไปมา......
ทั้งหมดนี้ต่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และยังเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก
ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าฉินเองก็กำลังสู้กับผีผูกคอตาย
แต่ผีชาวประมงต่างแตกสลายไปแล้ว ผีผูกคอตายตนนั้นจึงโดดเดี๋ยวเดียวดาย เขาเลยคิดจะหันหลังและหนีไป
แต่ในช่วงเวลานั้นจะเป็นไปอย่างที่เขาต้องการได้ยังไง เขาถูกโจมตีทั้งซ้ายและขวา เมื่อเพิ่มเฟิงเฉ่วหานเข้ามาอีก ขณะที่ทั้งสามคนลงมือพร้อมกัน ผมก็ยืนถือดาบไม้รอโอกาสอยู่ข้างๆ
แม้ว่าผีผูกคอตายจะสู้แบบสามรุมหนึ่ง แต่เขาก็เป็นผีที่มีความสามารถอยู่บ้าง
แม้ว่าทั้งสามคนจะร่วมมือกัน แต่ในช่วงเวลานั้นก็ยังจัดการเขาไม่ได้
ผมยืนอยู่ด้านนอกวง แน่นอนว่าตัวผมกลายเป็นตัวประกอบไปทันที แต่สิ่งที่ผมคิดไม่ถึงคือ ดันมีโอกาสที่ผมได้ลงมือจริงๆ
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังต่อสู้ ทันใดนั้นผีผูกคอตายก็หันหลังให้กับผม
ผมไม่สนว่าจะแทงโดนรึป่าว ผมจับดาบไม้และแทงเข้าไปตรงๆ เพื่อสร้างความกล้าให้กับตัวเอง ผมจึงตะโกนออกมา “ไปตายซะ!”
เมื่อปัจจัยหลายๆอย่างรวมเข้าด้วยกัน การแทงครั้งนี้ของผมจึงแข็งแกร่ง ทันใดนั้นผมก็แทงทะลุตัวผีผูกคอตายหลี่กวางหลงทันที
และแล้วเสียงกรีดร้อง “อ้า...” ของหลี่กวางหลงก็ดังขึ้น ร่างกายของเขาแข็งทื่อ หัวหมุน 180 องศา จากนั้นก็หยุดและจ้องมาที่ผม
ราวกับดวงตาคู่นั้นจะทะลุออกมา เขาจ้องผมด้วยสีหน้าที่ดุร้ายและน่ากลัว “สมควรตาย!”
ขณะที่พูด เขาก็ตรงเข้ามากัดที่คอของผม
แต่เขาไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น อาจารย์ เหล่าฉิน และเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างๆต่างลงมือพร้อมกัน พวกเขาไม่เกรงใจใช้ดาบไม้ที่อยู่ในมือแทงเข้ามาที่ร่างกายของผีร้ายทันที
ผลลัพธ์ไม่ต้องเดาก็รู้ ถูกดาบไม้แทงทะลุตัวถึงสี่ด้าม จะมีชีวิติอยู่ได้ไงละ
วินาทีนั้นผีผูกคอตายกรีดร้องออกมา จากนั้นก็มีเสียงดัง “ปัง” ร่างกายของเขาสว่างขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าของพวกเรา
เมื่อหันไปมองภายในบ้าน ร่างของผีผู้หญิงตนนั้น ยังอยู่
แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอโปร่งแสงมาก แสงสว่างค่อยๆจางหายไปจากร่างของเธอ ในไม่ช้าวิญญาณของเธอก็จะแตกสลาย
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้ ทันใดนั้น
ก็ได้ยินเสียงอาจารย์พูดกับผมและเฟิงเฉ่วหานว่า “แกสองคนอยู่ที่นี่ ส่วนพวกฉันจะไปช่วยนักพรตตู๋!”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่รอฟังคำตอบจากผมและเฟิงเฉ่วหาน เขาพาเหล่าฉินหันหลัง และพุ่งออกจากบ้านไปทันที……