ตอนที่ 18 เผด็จการสุดๆ
ตอนที่ 18 เผด็จการสุดๆ
จู่ๆนักพรตตู๋ก็พูดขึ้น เขาบอกให้ทุกคนรีบไปซ่อนตัว ดังนั้นจึงไม่มีใครนั่งนิ่งอีกต่อไป
ทุกคนก็รีบเข้าไปซ่อนหลังโต๊ะที่อยู่ในบ้านทันที วินาทีนั้นนักพรตตู๋ก็หยิบผ้าสีเหลืองผืนใหญ่ออกมา จากนั้นก็นำมาคลุมที่ที่พวกเราอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปทำไม
บนผ้าสีเหลืองผืนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยลวดลายแปลกๆ แต่เดาว่ามันคงเป็นดวงดาวทั้งเก้า
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมนักพรตตู๋ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา และไม่ขยับเขยื้อนตัวจากหลังโต๊ะกันเลยสักนิด
วินาทีต่อมานักพรตตู๋ก็เดินไปดับแสงเทียนที่ส่องสว่าง แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ นักพรตตู๋นั้นไม่มาอยู่กับพวกเรา ไม่มาซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะ แต่เขายกเก้าอี้ที่อยู่ในบ้าน วางมันลงที่กึ่งกลางบ้าน จากนั้นก็นั่งลงตรงนั้น
ทุกคนไม่รู้ว่านักพรตตู๋กำลังคิดจะทำอะไร แต่จากสิ่งที่สัมผัสได้ในวันนี้ พวกเราทุกคนมั่นใจว่า นักพรตตู๋เป็นคนมีความสามารถจริงๆ และระดับความสามารถยังอยู่เหนืออาจารย์และเหล่าฉินอีกด้วย
ทุกคนซ่อนแบบไม่ขยับตัวกัน ประมาณ 5 นาที
ประตูบ้านที่ปิดอยู่ จู่ๆก็ถูกเปิดออก มันเปิดออกอย่างช้าๆ แต่ขณะนั้นก็มีเสียงแปลกๆดัง “ฮึฮึฮึ”
ตามการเปิดทีละนิดของประตู วินาทีนั้นพวกเราพบว่าที่หน้าประตู มีคนๆหนึ่งกำลังยืนอยู่
คนนั้นหน้าตาซีดขาว ดวงตากลวงโบ๋ ลิ้นโผล่ออกมาเล็กน้อย สภาพเหมือนผีผูกคอตาย
ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหลี่กวางหลงที่ผูกคอตายในบ้านแห่งนี้
ผมเห็นสภาพของผีนี้ทีไร รู้สึกขนลุกซู่ทุกที ไม่เพียงแค่นั้นขนยังลุกแล้วลุกอีกแบบไม่หยุดไม่หย่อนกันเลยทีเดียว
แต่นักพรตตู๋ที่กำลังนั่งอยู่ในบ้าน กลับไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งสองคนมองตากันประมาณ 3 วิได้ แต่ทันใดนั้นผีผูกคอตายตนนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ตาแก่ แกนั่งอยู่บนที่ของฉัน!”
แต่นักพรตตู๋กลับหัวเราะฮ่าๆ “ตัวแกตายไปแล้ว มีที่ของแกที่ไหนกัน ถ้าไม่อยากตายอีกรอบ ก็ไสหัวไป!”
“ตาแก่ แกรนหาที่ตายเองนะ!” วินาทีนั้นสีหน้าของผีผูกคอตายก็เปลี่ยนไปทันที เขาเผยสีหน้าที่สยดสยองออกมา
เขากางกรงเล็บที่อยู่ในมือทั้งสองข้าง ดวงตาที่กลวงโบ๋ก็เปลี่ยนไปในทันที
สุดท้ายเขาก็พุ่งเข้ามาหานักพรตตู๋ แต่ในขณะนั้นในปากยังร้อง “โฮกๆ” ออกมาสองครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงที่ชั่วร้ายมาก
ขณะที่พวกเรากำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง ตัวของทุกคนต่างเหงื่อไหลกันจนเปียกชุ่ม
แต่นักพรตตู๋กลับดูสงบมาก เขายังด่าออกมาอีกหนึ่งประโยค “รนหาที่ตาย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เล็งตำแหน่งที่ผีผู้คอตายที่พุ่งเข้ามาให้แน่ชัด จากนั้นเขาก็ง้างมือขึ้นตบ
พวกเราได้ยินเสียงดัง “เพี๊ยะ” ผีผูกคอตายตนนั้นถูกตบจนลงไปนอนกองกับพื้นทันที ปากยังไม่หยุดกรีดร้อง “โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย” ออกมา
แววตาของนักพรตตู๋เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นแววตาที่น่าหวาดกลัวจนหาที่เปรียบไม่ได้
นักพรตตู๋จ้องไปที่เจ้านั้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะขยับตัวไปไหน
แต่นี่มันยังไม่จบ หลังจากที่ผีผูกคอตายโดนตบ นอกบ้านก็มีเสียงของผีชายหญิงดังขึ้น “กล้าทำร้ายน้องฉัน กล้าทำร้ายลุงฉัน ตายซะเถอะ!”
ขณะที่เสียงดังขึ้น พวกเรากลับเห็นเพียงเงาเท่านั้น ทันใดนั้นร่างของผีร้ายในชุดสีขาวก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าบ้าน
เมื่อลองมองดูดีๆ พวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผีชาวประมง สามีภรรยาหลี่กวางตี้และหวางกุ้ยฮัวนั้นเอง
พวกเขายังคงดุร้าย สีหน้าซีดขาว ไร้ชีวิตชีวา ดวงตาราวกับตาของปลาตายที่ไร้ซึ่งตาดำ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก
ขณะที่ผีสองตนพึ่งปรากฎตัว ใจของผมก็มีเสียงดัง “กึก” เสียงพูดไม่กี่ประโยคก็แทบทำให้ผมตายในน้ำมือของพวกเขาแล้ว ตอนนี้ผมกำลังจับจ้องไปที่ผีทั้งสองตน และผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
วินาทีนั้นสัญชาตญาณบอกให้ผมหยิบพริกไทยดำออกมาหนึ่งกำมือ คิดจะทำตามที่ยายโม่บอกไว้ คือใส่พวกมันผสมเข้ากับเถ้ากระดูก
แต่อาจารย์ กลับหยุดมือผมเอาไว้ บอกผมว่าอย่าพึ่งลงมือ
ในเวลาเดียวกัน นักพรตตู๋ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันไปมองผีสองตนแค่แวบเดียวเท่านั้น “ถ้าฉลาดพอก็ไสหัวออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะตบพวกแกเหมือนกัน!”
“เอาแต่พูดอยู่นั้นแหละไอ้แก่!” ผีผู้ชายทำหน้าตาดุร้าย เขาตะโกนและพุ่งเข้ามาพร้อมกับผีผู้หญิง
พวกเขาดูดุร้ายมาก แต่สุดท้ายก็ต้องอับอาย
นักพรตตู๋ไม่ได้ลุกขึ้น เขาเพียงขยับตัวนิดหน่อย จากนั้นก็มีเสียงตบดัง “เพี๊ยะเพี๊ยะ!”
ผีสองตนนั้นร้อง “โอ๊ยโอ๊ย” ออกมา เหมือนกับผีผูกคอตายเมื่อก่อนหน้านี้เป๊ะ พวกเขาก็ลงไปนอนกองข้างๆผนังทันที
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ผมตกตะลึงจนตาค้าง เฮ้ย นี่มันก็เก่งกาจเกินไปนะ
แต่หลังจากที่นักพรตตู๋ตบผีสองตนเสร็จ เขากลับหันไปพูดกับทางด้านนอกตัวบ้านที่ว่างเปล่า “ไหนๆก็มาแล้ว จะไม่ออกมาเจอหน้ากันหน่อยเหรอ”
มาแล้วงั้นเหรอ ทุกคนถึงกับตกตะลึง
ผีร้ายที่แอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดนั้น จะออกมาปรากฎตัวแล้วเหรอ
สายตาของทุกคน ต่างจับจ้องไปที่ความมืดที่อยู่ด้านนอก
เวลาผ่านไปประมาณ 2 วิ ทันใดนั้นด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะที่คุ้นหูดังขึ้น “ฮ่าฮ่าฮ่า! ในเมื่อท่านนักพรตอยากเห็นข้า งั้นข้าก็คงต้องออกมาปรากฎตัวแล้ว!”
หลังจากพูดจบ พวกเราก็เห็นเงาของชายคนหนึ่งค่อยๆขยับเข้ามาใกล้
วินาทีสุดท้ายที่เขาเข้ามาใกล้ประตู ทั้งร่างของผมก็สับสนไปในทันที
หน้าตา รูปร่าง การแต่งตัวแบบนั้น
มันไม่ใช่ ไม่ใช่หลี่เหล่าซานที่ไปเก็บศพกับผมเมื่อไม่กี่วันก่อนหรอกเหรอ เป็นลุงซานอย่างงั้นเหรอ
ขณะที่เขาปรากฎตัว ผีร้ายสามตนก็ถอยไปอยู่ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับก้มหน้าลง และไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ลุงซานเนี่ยนะ ทันใดนั้นปากของผมก็พูดออกมาเบาๆ ผมรู้สึกสับสนมาก
แต่อาจารย์กลับทำสีหน้าเย็นชาแล้วหันมาพูดกับผม “นี่ไม่ใช่หลี่เหล่าซาน แกลองมองดูดีๆ!”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ไม่รู้เอามือไปป้ายเข้ากับอะไร จากนั้นเขาก็ป้ายมันที่เปลือกตาของผม
มันแสบร้อน แต่หลังจากนั้นดวงตาของผมกลับรู้สึกเย็นสบายขึ้นทันตา
ผมลูบตาทั้งสองข้าง จากนั้นผมก็ลองมองอีกครั้ง สิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเดิมที่รอบๆมืดมิดไปหมด แต่ในเวลานี้มันกลับสว่างขึ้นมาซะอย่างนั้น
รูปร่างผู้ชายของหลี่เหล่าซานเมื่อครู่ ในเวลานี้มันกลับเปลี่ยนเป็นคนแก่ที่สกปรกและหลังค่อม
เสียงของเขาเองก็เปลี่ยนไปด้วย มันเปลี่ยนเป็นเสียงที่แหบแห้ง ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดมาก
แต่คนแก่คนนี้ไม่ใช่ผี เขาแค่ถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิงร่างเท่านั้น
หรือพูดอีกอย่างคือ ผีชั่วตนนั้นได้เข้าไปอยู่ในร่างคนแก่นั้นเอง
นักพรตตู๋จ้องไปที่คนแก่ จากนั้นก็พูด “คนมีทางของคน ผีก็มีทางของผี แกล้ำเส้นแล้ว!”
เมื่อคนแก่ได้ยิน จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ล้ำเส้นงั้นเหรอ แกเป็นใครกันฮะ ถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องของข้า”
หลังพูดจบ คนแก่ก็แสดงสีหน้าเย็นชาออกมา เขายังพูดโต้กลับมาอีกครั้ง “สองสามวันมานี่เป็นแกซินะที่กล้ามาเป็นศัตรูกับข้า ถ้าไม่อยากตาย ก็เอาร่างของธาตุน้ำไร้รากออกมา ไม่อย่างนั้นในอ่างเก็บน้ำนั้น จะมีวิญญาณเพิ่มอีกหนึ่งดวง!”
หลังจากพูดจบ คนแก่นั้นยังทำเสียงฮึที่เย็นชา และทำสีหน้าข่มขู่อยู่ตลอดเวลา
เห็นได้ชัดว่านักพรตตู๋เองก็จัดการชายคนนี้ไม่ได้ง่ายๆ แม้ว่าอยู่ต่อหน้าเหล่าฉินเขาจะไม่แสดงอารมณ์ออกมา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผีชั่วตนนี้ มันเหมือนกับถูกข่มขู่ชัดๆ
ใบหน้าของเขามืดมน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “งั้นเหรอ! ฉันละอยากรู้จริงๆ แกจะมีความสามารถแค่ไหนกันเชียว!”
เมื่อพูดจบ นักพรตตู๋ก็ทุบลงที่โต๊ะ เสียงดัง “ปัง” ทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้น ท่าทางองอาจมาก
เฟิงเฉ่วหานที่ซ่อนอยู่หลังโต๊ะ ทันใดนั้นเขาก็ทำมือทำไม้ และรีบพูด “ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง!”
ประตูใหญ่ที่เคยเปิดอยู่ กลับมีเสียงปิดดัง “แอ๊ดก๊อก” นี่คือการปิดประตูตีแมว
เมื่ออาจารย์และเหล่าฉินเห็นฉากต่อสู้นี้ เขาจะยังซ่อนกะผีไปทำไมละ ดังนั้นพวกเขาจึงกระโดดออกมาทันที
ในมือของแต่ละคนกำลังกำดาบไม้ไว้ มองไปที่คนแก่ด้วยท่าทางที่ดุดัน “เจ้าผีร้าย ฉันรอแกมานานแล้ว!”
แม้ว่าผมจะไม่มีความสามารถอะไร แต่ก็ไม่ปรึกษาใคร กระโดดออกมาเช่นกัน จากนั้นก็มองตาแก่ด้วยสายตาที่โกรธแค้น
เมื่อผีคนแก่นั่น เห็นฉากต่อสู้แบบนี้ วินาทีนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ตกใจเช่นกัน
แต่วินาทีที่เห็นผมกระโดดออกมา ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง
การแสดงออกของเขาผ่อนคลายลงทันที ไม่สนใจนักพรตตู๋ อาจารย์ และคนอื่นๆ เขาหันมาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาและน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ธาตุน้ำไร้ราก ที่แท้แกก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เอง!”