ตอนที่ 12 พื้นดินอันชั่วร้าย
ตอนที่ 12 พื้นดินอันชั่วร้าย
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว ดูเหมือนตัวเองจะแหย่ผีเมียเล่นๆไม่ได้ซะแล้ว
ไม่เพียงไม่สามารถนินทาเธอได้ แถมเธอยังรังเกียจเพื่อนผู้หญิงของผมเป็นพิเศษอีก
เมื่อคิดถึงชีวิตหลังจากนี้ของตัวเอง ว่าจะต้องอยู่ร่วมกับกลุ่มพวกผู้ชาย ผมก็รู้สึกว่าทางข้างหน้ามันมืดมนทันที
แต่มันก็ยังมีโชคดีอยู่ในนั้นก็คือ ผมยังมีชีวิตอยู่ และไม่กลายเป็นเหมือนหลี่เหล่าซาน ที่ถูกผีร้ายกดน้ำจนตายในโอ่ง
หลังจากนั่งอยู่นอกห้องสักพัก อาจารย์ก็เดินออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นผมตื่นแล้ว เขาเลยบอกให้ผมไปเตรียมตัว บอกว่าอีกเดี๋ยวจะออกไปป่าช้าเพื่อขุดหลุมศพของสองสามีภรรยาชาวประมง
ผมจึงตอบรับ “อือ” และไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่อคืนนี้
จากนั้นผมก็มองหาพลั่วและอุปกรณ์อื่นๆ หลังจากที่อาจารย์ซักผ้าเสร็จ เขาก็พาผมเดินออกจากบ้านไปทันที
ความหมายของอาจารย์คือ เรื่องแบบนี้ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว ถ้ามืดแล้วอาจมีเหตุอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้
สามีภรรยาชาวประมงคู่นี้เป็นคนในตำบล ผู้ชายชื่อหลี่กวางตี้ ส่วนผู้หญิงชื่อหวางกุ้ยฮัว
หลังจากเข้ามายังสุสาน ครอบครัวของพวกเขาได้นำเถ้ากระดูกไปฝังไว้บนด้านหลังเนินเขา
ครอบครัวของสองสามีภรรยา คิดว่าพวกเขาฆ่ามังกรตาย ทำให้เทพมังกรน้ำโกรธ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับกรรมของตัวเอง
หลังจากที่พวกเขาตายจึงไม่ได้มีพิธีฝังศพใหญ่โตอะไร ครอบครัวของเขาก็ฝังกันแบบลวกๆเท่านั้น
เมื่อพวกเรามาถึงหลุมศพของพวกเขา ก็พบว่าสภาพของมันเละเทะมาก
เพราะหลุมศพของทั้งสองคน เป็นเพียงแค่เนินดินลูกเดียว และด้านบนมีแค่แผ่นหินปิดทับไว้เท่านั้น
แม้แต่ลักษณะที่บ่งบอกถึงหลุมศพยังไม่มี มีเพียงแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง ที่ด้านบนเขียนชื่อของทั้งสองคนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นหลุมศพร่วมกัน
เมื่ออาจารย์เห็นสภาพเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วทันที ในปากยังตะโกนด่าออกมา “แม่...ซิ ถึงว่าทำไมผีชาวประมงสองสามีภรรยานั้นถึงได้มีพลังเยอะถึงขนาดนั้น ที่แท้มันก็เพราะแบบนี้นี่เอง!”
“อาจารย์ หมายความว่ายังไงครับ” ผมพูดออกมาด้วยความสงสัย
“นี่มันไม่ใช่ที่ที่ดีตามฮวงจุ้ย แต่มันเป็นตำแหน่งแห่งการฆ่าฟันชัดๆ!”
“หรือว่าข้างในนี้จะมีปัญหาอะไรเหรอครับ” ผมยังคงถามต่อ
อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “มันไม่ใช่แบบนั้น ที่นี่เป็นจุดฝังศพของคนตระกูลหลี่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังแช่งให้ตาย! แกลองดูตำแหน่งของหลุมศพนี้ซิ ด้านหน้าไม่มีสายน้ำ ด้านหลังไม่มีสิ่งเกื้อหนุน ซ้ายขวามีลมพัดผ่าน บนล่างขัดกับพลังชี่(พลังจักรวาลที่อยู่รอบๆ ตัวเรา) ไม่มีคุณสมบัติตามหลักพลังชี่ มันไม่เหมาะเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพเลยสักนิด”
“และสิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือ แกลองดูต้นโอ๊ตต้นใหญ่ที่อยู่ข้างหลุมซิ ข้างต้นไม้ชนิดนี้สามารถฝังศพได้ที่ไหนกัน มันจะทำให้ผีร้ายออกมาจากพื้นดินอันชั่วร้าย เดิมทีผีสองสามีภรรยานี้ก็จมน้ำตาย เป็นการตายโหงอยู่แล้ว พลังชั่วร้ายก็แรงมาก การฝังศพยังฝังแบบลวกๆอีก มันก็ยิ่งเพิ่มพลังชั่วร้ายเข้าไปใหญ่ ไม่น่าแปกใจเลยที่ทำไมผีร้ายสองตนนี้ถึงได้ต่อกรด้วยยากนัก”
อาจารย์พูดไฟแลบ ในฐานะที่เคยเป็นนักบวช เมื่ออาจารย์เห็นตำแหน่งเช่นนี้ เขาจึงโกรธมาก
นี่มันไม่ใช่แค่การฝังคน แต่เป็นการทำร้ายคน
ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อคนตาย มันยังอันตรายกับคนบริสุทธิ์ด้วย
มันชัดเจนมาก การที่ผมและหลี่เหล่าซานออกไปเก็บศพสองคนนี้ ดังนั้นเลยกลายเป็นเหยื่อของพวกเขาโดยปริยาย
“อาจารย์ แล้วตอนนี้ควรทำยังไงครับ ย้ายหลุมศพให้เขาเหรอครับ” ผมถามอาจารย์
แต่อาจารย์กลับถอนหายใจออกมา “ตอนนี้มันไม่ทันแล้ว ทำได้แค่ปรับแต่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ไป ต้องตัดต้นโอ๊ตนั้นออกก่อน ต้นไม้นี้จะอยู่ต่อไปไม่ได้!”
เมื่ออาจารย์พูดเช่นนี้ ผมก็ไม่กล้าอืดอาดอีกต่อไป
หยิบเครื่องมือ “มีดฝ่าศพ” ออกมาจากกระเป๋า มันเป็นเครื่องมือพิเศษในสายงานของพวกเรา รูปร่างคล้ายกับมีดแต่ส่วนปลายคล้ายตะขอ ด้านบนยังมีดาวเจ็ดดวงสลักเอาไว้
ต้นโอ๊ตต้นนั้นมีขนาดใหญ่กว่าขามนุษย์ มันแตกพุ่มใบหนา และมีสีเขียวขจี
ในเวลานี้ผมกำลังฟันมีดลงไปที่ต้น ก็มีเสียงดัง “ปัก” ใบไม้สีเขียวสดร่วงหล่นมาตามแรงกระแทก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมและอาจารย์คิดไม่ถึงคือ หลังจากผมฟัดมีดลงไป ตรงรอยตัดของต้นโอ๊ต กลับมีน้ำสีแดง ไหลออกมาตามรอยนั้น
เมื่อเห็นภาพแบบนี้ “พรึบ” หน้าผมก็ถอดสี รู้สึกเสียวซ่านที่หนังหัวทันที
ผมเดินถอยไปหนึ่งก้าวพร้อมสีหน้าที่หวาดกลัว “อา อาจารย์ เลือด เลือด เลือดไหลออกมาจากต้นโอ๊ต!”
สีหน้าของอาจารย์มืดมนลงทันที “แม่...ซิ นี่พึ่งผ่านไปไม่กี่วัน ผีร้ายสองตนนั้นก็เข้าสิงสถิตในต้นโอ๊ตแล้วเหรอ อย่าไปสนใจมัน ฟัดต่อไป นี่ยังกลางวันแสกๆ ฉันไม่เชื่อว่ามันจะเล่นลูกไม้อะไรได้!”
เมื่ออาจารย์พูดแบบนี้ ผมก็ทำได้เพียงตัดมันพร้อมอาการเสียวต่อไป
แม้ว่าต้นโอ๊ตจะมีน้ำสีแดงไหลออกมา และลักษณะคล้ายกับเลือด แต่กลับไม่มีกลิ่นคาวของเลือด
และน้ำที่ไหลออกมาก็ไม่ได้มีมากอย่างที่คิด มันมีสีแดงเล็กน้อยที่บริเวณใบมีดเท่านั้น
ท้ายที่สุดก็มีเสียงดัง “โครม” ต้นโอ๊ตล้มลงไปกับพื้นตรงๆ
อาจารย์ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาหยิบเหมินติง( แท่งทองเหลืองที่มักตรึงไว้เป็นแถวตลอดบานประตูทั้งซ้ายขวา)ขึ้นมา จากนั้นก็ตอกมันลงไปบนตอไม้
อาจารย์บอกว่า การทำแบบนี้สามารถทำให้ต้นโอ๊ตตายอย่างสมบูรณ์ ยับยั้งไม่ให้มันกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จ ผมและอาจารย์ก็หยิบพลั่วขึ้นมาแล้วเริ่มขุดหลุมศพต่อ
มันเป็นหลุมที่ถูกฝังเอาไว้แค่ตื้นๆ ดังนั้นหลังจากผ่านไปไม่นานหลุมก็ถูกเปิดออก
แต่ขณะที่พวกเรากำลังขุดลงไปถึงก้นหลุม ทันใดนั้นกลับขุดเจอถังพลาสติกใบหนึ่ง
ด้านบนของถังพลาสติก ยังมีฝาปิดที่มิดชิด ด้านนอกถูกแลปด้วยแผ่นพลาสติกใส สภาพปิดไว้อย่างแน่นหนามาก
ผมและอาจารย์ต่างแปลกใจ ที่นี่ควรมีเถ้ากระดูกไม่ใช่เหรอ ทำไมตระกูลหลี่ถึงฝังถังพลาสติกไว้ล่ะ
ในใจเกิดความสงสัย อาจารย์เริ่มใช้มือแกะแผ่นพลาสติกใสออก ขณะที่กำลังจะเปิดดูของข้างใน
กลับพบว่า ฝาของถังพลาสติกใบนี้ ถูกปิดผนึกไว้ด้วยขี้ผึ้ง
อาจารย์ไม่พูดอะไร เขาแค่ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เหมือนกับคิดอะไรได้บางอย่าง
ต่อมาอาจารย์ก็ทำลายขี้ผึ้ง และในที่สุดก็สามารถเปิดฝาถังได้
แต่วินาทีที่เปิดฝาออก กลับมีกลิ่นเน่าเหม็น ฟุ้งกระจายออกมาจากด้านใน
กลิ่นเน่าเหม็นนี้รุนแรงมาก จนทำให้คนถึงกับรู้สึกคลื่นไส้ไปตามๆกัน
ผมถึงกับต้องเอามือปิดจมูกเอาไว้ จากนั้นก็พูดด้วยความตกตะลึง “ในนี้มันมีอะไรกันเนี่ย ทำไมถึงได้เหม็นขนาดนี้!”
เนื่องจากรู้ว่าศพของทั้งสองคนถูกเผา จนเหลือแต่เถ้ากระดูก แต่เถ้ากระดูกจะมีกลิ่นเน่าเหม็นแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ
แต่ขณะที่อาจารย์อยู่ในหลุมศพ กลับดูเหมือนเขาไม่ได้กลิ่นเน่าเหม็น กลับจ้องไปที่น้ำในถัง และพูดออกมาด้วยเสียงขนหัวลุก “แม่งเอ้ย มีของแปลกๆนั้นอยู่จริงๆ……”
“แปลกๆ อะไรแปลกเหรอครับอาจารย์” ผมไม่เข้าใจ ในเวลาเดียวกันผมก็เดินเข้าไปใกล้ๆ
และเมื่อเห็นสิ่งนั้น มันทำให้ร่างกายของผมแข็งทื่อไปเลยทันที
เพราะของที่อยู่ในถังพลาสติก คือน้ำสีดำที่เหม็นหืน
ด้านในยังมีซากหนูงูเน่าอยู่ด้วย ส่วนกลิ่นเหม็นนั้นก็มาจากของพวกนี้นี่แหละ!
นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ข้อห้ามที่สุดในหลุมฝังศพก็คืองูและหนู บริเวณหลุมศพมากมายในสุสาน จะโรยเกลือไว้บริเวณหลุมศพของผู้ตาย จนพื้นดินรอบๆเปลี่ยนเป็นดินเค็ม ในเวลาเดียวกันยังโรยผงหรดาล เพื่อเป็นการขับไล่สัตว์ทั้งสองชนิดนี้
หลุมฝังศพของชาวประมงคู่นี้ดีจริงๆ มีคนตั้งใจฝังทั้งหนูและงูไว้ด้วยกัน ในเวลาเดียวกันยังใส่น้ำและปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง
นี่มันต้องเกลียดกันมากขนาดไหน ถึงต้องสาปแช่งกันแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นไม่อยากให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ
“อาจารย์ นี่มันมีคนจงใจทำให้คู่สามีภรรยาหลี่กวางตี้ตายอย่างไม่เป็นสุขเลย!”
“ระยำ นี่มันไม่ใช่แค่ทำให้คู่สามีภรรยาหลี่กวางตี้ไม่สงบเท่านั้น ยังอยากให้คู่สามีภรรยาหลี่กวางตี้กลายมาเป็นฆาตกรด้วย!” อาจารย์พูดออกมาอย่างเย็นชา หลังจากเทน้ำในถังทิ้งสองสามครั้ง ในที่สุดพวกเราก็นำมันขึ้นมาได้
แต่ผมกลัวว่า ที่อาจารย์พูดไม่ได้หมายความว่ายืมมือผีฆ่าคนงั้นเหรอ วิธีแบบนี้ มัน มันจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว
ไม่รอให้ผมพูดต่อ อาจารย์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนนี้ดูเหมือนว่า ที่ฝังศพแห่งนี้คนนั้นคงจงใจเลือก เพื่อทำให้ชาวประมงทั้งสองคนนั้นกลายเป็นผีร้าย! ไม่เพียงแค่ต้องการทำร้ายทั้งสองตน แต่เขายังทำสิ่งแปลกๆอีกด้วย!”
“ยืมมีดฆ่าคน แล้วคนนั้นอยากฆ่าใคร” ผมถามต่อ
แต่อาจารย์กลับเงียบ ไม่ได้ตอบกลับ เขานำน้ำในถังเททิ้งให้หมด จากนั้นก็นำโกศออกมาจากในถัง
โกศป้องกันน้ำได้ ดังนั้นจึงไม่มีน้ำสกปรกทะลุเข้าไปด้านในเลย
หลังจากนั้น อาจารย์ก็เปิกฝาโกศออกช้าๆ
แต่วินาทีที่ฝาโกศเปิดออก ผมกลับพบว่าด้านในของโกศนั้น มีหุ่นคนตัวเล็กสีเหลืออยู่
เมื่ออาจารย์เห็นสิ่งนี้ ทันใดนั้นเขาก็เผยสีหน้าตกใจ และรีบพูดกับผมทันที “เสี่ยวฝาน รีบเปิดอีกอันเร็ว!”
ผมไม่รอช้า ใช้มือเปิดอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดออก ก็พบว่าด้านในมีหุ่นคนตัวเล็กสีเหลืองอยู่เช่นกัน
และบนตัวของหุ่นตัวนี้ ยังมีอักษรอยู่ด้วย
เมื่อมองดูดีๆ มันคือชื่อของผม ติงฝาน …