Chapter 117 – Sungjin’s Nightmare [09-02-2020]
Chapter 117 – Sungjin’s Nightmare
”
Demon King’s Castle Raid
Objective – hunt the Demon King ‘Chadnezzar’
Time Limit 5 hours
นักล่าได้มารวมตัวกันที่หย้สประตูที่เขาได้มาถึงก่อนหน้านี้ ซังจินได้กอดบลัดเวเจนเอาไว้ในขณะที่มองไปรอบๆ
ฮิวเดอแบรนท์และอิลลิชกำลังคุยกันอยู่ที่ด้านหน้า
"กระดาษข้อมูลมันได้บอกถึงที่นี้ แต่ว่าสิ่งที่เราควรจะเฝ้าระวัง..."
"ใช่แล้ว...ถ้าหากมีจอมเวทย์ปรากฏขึ้น ฉันจะทำเครื่องหมายไว้ ฉันจะปล่อยที่เหลือไว้ให้นาย"
ริวชินและอัมคูบ้ากำลังยืนกันอยู่ในแถวที่สาม
"ฮู ฮู"
อัมคูบ้ากำลังทำเสียงแปลกๆออกมาในขณะที่กระโดยเบาๆกับที่ ริวชินได้บิดคอของเขาและจากนั้นก็เคาะไปที่ซิกแพ็คของอัมคูบ้าพร้อมกับพูดออกมา
"คอยดูนะอัมคูบ้า ฉันจะต้องได้รับค่าผลงานมากกว่านายในครั้งนี้"
อัมคูบ้าได้ยิ้มกว้างออกมา
"ฮ่าๆ เราจะได้เห็นดีกัน"
"อะไร? นายอยากจะมีปัญหากับฉันหรอ?"
"โอเปอเรเตอร์จะตัดสินมันอย่างยุติธรรม"
"ดี...มาดูกันว่าใครจะดีกว่ากัน"
ในแถวที่สี่เป็นที่ของอรูวโจและเอ็ดเวิร์ด อรูวโจวที่แก่กว่าเอ็ดเวิร์ดมักจะบ่นเรื่องราวทั่วไปกับเอ็ดเวิร์ด
"เฮ้เอ็ดเวิร์ดฟังฉันนะ นายน่ะเป็นคนที่ดีที่สุด แต่ว่านายมักจะทำตามใจนาย"
"ฉันจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อทำในสิ่งที่ฉันต้องการจะทำ"
"นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันหมายถึง มันเป็นปัญหา"
ในแถวสุดท้ายคือที่ๆซันซูเกะและมุสตาฟายืนอยู่ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็อยู่เงียบๆ ซันซูเกะกำลังตรวจสอบหน้าไม้ของเขา และมุสตาฟาก็กำลังอ่านหนังสือบางอย่าง ซังจินได้มองไปที่พวกเขาพร้อมกับคิดขึ้น
'นี่...มันคือการเดินทางครั้งสุดท้ายของมนุษยชาติ...'
แต่ทันใดนั้นเองหน้าอกขนาดใหญ่ก็ได้เข้ามาในมุมมองของเขา
"ซังจินฉันรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับนายอีกครั้ง"
ซังจินงุนงงและก้าวถอยหลังไป คนที่ยืนอยู่แถวเดียวกับเขาก็คือนาดา เธอเป็นคนที่ใช้อาวุธสองอย่างคือมีดสั้นและคทา
"ฉันจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ นาดา"
ซังจินได้กลายเป็นมิตรกลับนาดาหลังจากที่ได้ผ่านการจู่โจมอื่นๆมาด้วยกัน เธอนั่นเป็นคนที่น่ากลัวเล็กน้อยเมื่อพบกันในตอนแรกเพราะว่าเธอได้ใช้มีดสั้นและซอมบี้ในการต่อสู้ แต่ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ใจดีและอบอุ่น
"ฉันหวังว่าการจู่โจมนี้จะเป็นการจู่โจมสุดท้าย ราชาปีศาจมันมักจะเป็นบอสสุดท้ายของเรื่องเล่าและเกมเสมอจริงไหม?"
"ฉันคิดว่า..."
"ฉันจะไปเที่ยวเกาหลีซักครั้งเมื่อมันจบลง ซังจิน ฉันอยากรู้ว่านายใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริงยังไง"
"ฉัน...สบายดี..."
ซังจินไม่สามารถจะตอบกลับไปตรงๆได้ เขาเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็กและการใช้ชีวิตในวัยเด็กของเขาบากลำบากอย่างมากและแทบจะไม่สามารถอยู่รอดได้เลย เธอยังคงถามต่อไป
"นายจะไปทำอะไรเมื่อนายได้กลับไป?"
"หืม...ความจริงแล้ว...มันไม่มีอะไรที่ฉันอยากจะทำจริงๆเลย..."
ในตอนนั้นเองเอ็ดเวิร์ดก็ได้เข้ามาร่วมบทสนทนา
"นายอาจจะได้พบกับสิ่งที่นายอยากจะทำเมื่อนายได้กลับไป"
ซังจินและนาดาได้หันไปมองเขา เขามักจะเต็มไปด้วยพลังและมักจะเอาตัวเองเข้าไปร่วมในบทสนาของผู้อื่น
"นายหมายถึงอะไร?"
"ฉันหมายถึงอะไรงั้นหรอ? มันก็ควรจะชัดเจนแล้วนะ? เมื่อการจู่โจมจบลง พวกเราก็จะกลายไปเป็นเศรษฐี มันไม่สามารถจะจินตนาการได้เลย"
เมื่อซังจินได้เอียงหัวอย่างสงสัย เขาก็ได้อธิบายออกมา
"นายคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการจู่โจมจบลง
นาดาได้ให้คำตอบมาตามปกติ
"หืมมม...ฉันจะได้พบกับครอบครัวและได้พูดคุยกับพวกเขาอีกครั้ง"
แต่ซังจินก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้ เขานั้นไม่มีครอบครัว เอ็ดเวิร์ดได้พูดต่อออกมา
"ใช่แล้ว เธอจะไปหาครอบครัวของเธอ...และจากนั้นหละ?"
"หืมม...ฉันได้บอกกับซังจินไว้ว่าจะไปเที่ยวที่เกาหลีด้วยเช่นกัน"
"เธอสามารถจะไปเกาหลีได้...แต่ว่าเธอก็คารจะสามารถไปดูได้ทั่วทั้งโลก"
"ทั่วโลก?"
เอ็ดเวิร์ดได้หยักหน้าออกมาราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ชัดเจน
"แน่นอนว่าเราจะต้องเดินทางไปทั่วโลก แม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจ เราก็อาจจะต้องทำมันในฐานะ 10 คนสุดท้ายที่ได้ช่วยปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้"
"นายหมายถึงเรื่องนั้น?"
เอ็ดเวิร์ดได้ตอบกลับด้วยการกางแขนออก
"มันเห็นได้ชัด ใช่ไหมหละ? พวกเราจะกลายไปเป็นฮีโร่ของมวลมนุษย์เมื่อการจู่โจมจบลง"
นาดาและซังจินได้พูดออกมาในเวลาเดียวกัน
"ฮี-โร่?"
เอ็ดได้หยักหน้าอีกครั้งราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
"แน่นอนฮีโร่"
"ยังไง?"
"มันเป็นเพราะเราเป็นสิบคนสุดท้าย เราได้ช่วยปกป้องทุกๆประเทศในฐานะที่เป็นฮีโร่ทั้งสิบคนผู้ที่ช่วยปลดปล่อยมนุษยชาติให้พ้นอันตราย นายไม่คิดว่าเราจะได้รับการตอบรับแบบฮีโร่งั้นหรอ?"
ดวงตาของซังจินได้แคบลง
"แล้วใครจะรู้เรื่องนี้กันหละ"
"เอาหละ...โอเปอเรเตอร์จะไม่ประกาศให้ทุกๆคนรู้เลยงั้นหรอ? อย่างเช่นประกาศชื่อของสิบคนสุดท้ายหรืออะไรบางอย่าง"
นาดาก็ยังได้ส่ายหัวออกมา
"ฉันไม่รู้..."
เอ็ดเวิร์ดยังคงมองโลกในแง่ดี
"เอาหละ ถ้าพวกเราไม่สามารถจะพูดออกไปได้ว่าเราเป็นเช่นนั้น ถ้านั้นทุกคนก็สามารถจะเราเรื่องเดียวกันนี้ได้ พวกเขาจะต้องเชื่อพวกเรา และคนที่ได้ตายลงไปพร้อมกันก็สามารถจะเป็นพยานให้ได้ ถ้าหากว่าเราใส่ความทรงจำและอัตชีวประวัติลงไป ฉันเดิมพันได้เลยว่าพวกเขาจะต้องขายมันอย่างกับคนบ้า มันจะต้องขายดีแน่นอน ถ้าหากมันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นทำไมพวกเราถึงจะไม่รวยกันหละ?"
"พวกเรา?"
"แน่นอนพวกเรา และพวกเราจะไม่ใช่เพียงแค่เป็นฮีโร่เท่านั้น พวกเราได้ช่วยโลกเอาไว้ มันจะไม่แปลกเลยถ้าหากพวกเราได้กลาบไปเป็นซุปเปอร์สตาร์กับบริษัทต่างๆที่ขอให้พวกเราไปปรากฏตัวในโฆษนาและละครของพวกเขา มันอาจจะถึงจุดที่เราไม่จำเป็นจะต้องหาเงินไปอีกตลอดชีวิต
"หืมมม...อย่างงั้นหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"
"เอาหละ ฉันไม่..."
"อะไรนะ? ฉันพนันได้เลยว่าคนอื่นๆก็คิดเช่นเดียวกับฉัน นายก็ด้วยใช่ไหมฮิวเดอแบรนท์"
ในจุดนี้โอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศออกมา
[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 1 นาที]
ฮิวเดอแบรนท์ได้พูดออกมาจากด้านหน้า
"มีชื่อเสียง การเป็นเศรษฐี ฮีโร่ของมนุษยชาติหรืออะไรก็ตามมันดีทั้งหมดแหละ แต่ว่าค่อยไปหารือกันตอนที่การจู่โจมจบลงเถอะ"
อิลลิชก็ได้เสริมขึ้นมา
"กลับไปที่ของนายเถอะเอ็ดเวิร์ด มันกำลังจะเริ่มแล้ว"
เอ็ดเวิร์ดได้เงียบลงและกลับไปที่จุดที่เขายืนอยู่ มันเหลือเวลาเพียงแค่นาทีเดียวเท่านั้น นี่มันเป็นแค่ระยะเวลาสั้นเท่านั้นๆ แต่ซังจินก็ได้มีความฝันทีดี
'ฉันไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน...มันอาจจะเป็นความจริง...'
กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกและมีชีวิตอยู่ในระดับ VIP ถ้างั้น เขาก็จะปราศจากปัญหาด้านการเงินที่เขาขาดมาตลอดชีวิต เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมันก็ทำให้เขามีความสุขแล้ว ในขณะเดียวกัน
[10... 3 2 1 0]
[การจู่โจมได้เริ่มขึ้นแล้ว]
ประตูปราสาทของราชาปีศาจได้เปิดขึ้นมาพร้อมๆกับเสียงของโอเปอเรเตอร์
****
โครงกระดูกจอมเวทย์ได้ร่าบเวทย์โดยใช้คทาที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา
"เปลวไฟ..."
ทุกๆคนรู้เกี่ยวกับเวทย์นี้ พวกเขาจึงได้แยกตัวกันออกไปทันที
"..นรกนิรันดร อินเฟอโน่"
ไฟได้พุ่งเข้าไปใส่นักล่า แต่ต้องขอบคุณการแยกตัวออกจากกันก่อนที่มันจะปล่อยเวทย์ออกมาจึงไม่มีใครบาดเจ็บมานัก หลังจากนั้นพวกเขาก้ได้จัดรูปแบบใหม่และโจมตีต่อไป แต่
"เอ็ดเวิร์ด มุสตาฟา"
อิลลิชได้ตะโกนออกมา แต่มันก็สายเกินไป
"เปลวไฟนรกนิรันดร อินเฟอโน่"
"เปลวไฟนรกนิรันดร อินเฟอโน่"
คทาของจอมเวทย์โครงกระดูกอีกสองตัวได้ปล่อยเวทย์ออกมา
"โล่ต้านเวทย์"
เอ็ดเวิร์ดและมุสตาฟาได้ใช้โล่ต้านเวทย์เพื่อปกป้องนักล่า แต่ว่าคนที่ไม่สามารถเข้าไปหลบได้ทันก็ได้ถูกไฟไหม้ไป
"อาา"
ซังจินที่อยู่แถวโล่ได้วิ่งออกมาและแกว่งดาบของเค้า
"การล้างบาปของโลหิต"
บลัดเวเจนได้เริ่มส่องแสงสีแดงออกมาเมื่อเขาได้เข้าไปโจมตีโครงกระดูก มันเป็นการโจมตีที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก
หากว่ามีจอมเวทย์คนอื่นที่เข้ามาโจมตีซังจินด้วยเวทย์หลังจากที่เขาได้ใช้การล้างบาปของโลหิตไปซักสองสามวินาที มันก็อาจจะหมายความว่าเขาจะต้องตายไปในทันที แต่ซังจินเชื่อใจในเพื่่อนร่วมทีมของเขา
โชคดีที่ในขณะที่เขาต่อสู้กับโครงกระดูก นักล่าที่ไม่ได้โดนเวทย์โจมตีคนอื่นก็ได้พุ่งเข้าไปจัดการกับอีกสองตัว
"วูวว..."
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง นักล่าคนอื่นๆได้มาดูแลกันเอง
"นายโอเคไหม?"
โชคดีที่ไม่มีใครตาย แต่อิลลิชก็ได้เริ่มร้องออกมา
"เวรเอ้ย"
ทุกๆคนได้หันไปหาเขา
"ฉันบอกให้นายป้องกันแท้งในกรณีที่มันเป็นอันตราย"
เสียงของเขาได้ว่าเอ็ดเวิร์ดและมุสตาฟา ฮิลเดอแบรนท์ก็ได้มาปกป้องพวกเขา
"ฉันโดนมันเอง...มันปรากฏขึ้นรอบๆฉัน"
มุสตาฟาได้หยักไหล่และตอบกลับไป
"เอาหละ...มันดูเหมือนว่ามันอาจจะแย่มากถ้าหากซังจินและซันซูเกะถูกโจมตี ดังนั้นฉันจึงปกป้องพวกเขา
อิลลิชได้ขมวดคิ้วในขณะพูดออกมา
"เวรเอ้ย ถ้านายต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง แล้วทำไมพวกเราถึงจะต้องวางแผนล่วงหน้ากันด้วย? พระเจ้าบอกให้นายทำเช่นนั้นงั้นหรอ?"
"นายดูถูกพระเจ้า?"
การทะเลาะกันมันก็ได้เริ่มขึ้นมาจากอีกด้านเช่นกัน
"ทำไมนายถึงไม่ใช้มันป้องกันฉัน? ถ้านายป้องกันฉัน มันก็จะจบลงในพริบตาเดียว นายก็รู้นี่ว่าฉันแข็งแกร่งที่สุด ฮ่าห์...ฉันไม่สามารถจะเหวี่ยงหอกของฉันได้เพราะว่าฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับการหลบไฟ"
มันเป็นริวชิน
"หยุดพูดไร้สาระ พวกเราจะต้องตอบสนองตามสภานการณ์ที่เกิดขึ้น นายจะให้ให้เล็งความสำคัญไปที่นายคนเดียวได้ยังไง?"
อรูวโจได้ตะโกนใส่เขา ซันซูเกะก็เข้าร่วมด้วย
"เขาพูดถูก นายจะต้องคิดถึงทีม"
จากนั้นริวชินก็ได้โวยวายใส่ซันซุเกะ
"ไม่ต้องมาพูดเลย จิตใจนายก็มีแต่ธุรกิจนั้นแหละ"
ซังจินได้กุมขมับของเขา การจู่โจมหลายๆครั้งได้พังทลายเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ จนกระทั่งถึงตอนจบทุกคนก็ยังคงทะเลาะกันอยู่ ซังจินได้ส่ายหัวของเขา
จากนั้นเขาก็สังเหตุเอ็ดเวิร์ด ผู้ที่มักจะเต็มไปด้วยพลังงานได้แสดงออกอย่างแปลกประหลาด ตอนนั้นเองซังจินก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ผิดพลาด
****
การจู่โจมมันยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าหลังจากการโต้เถียงกัน หลังจาก 4 ชม.ได้ผ่านไปจากเวลาทั้งหมด 5 ชม. ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงประตูของบอสราชาปีศาจชาเนตเซอร์
'ราชาปีศาจมังจะเป็นบอสตัวสุดท้ายใช่ไหม?'
ความคิดที่คล้ายๆกันนี้ได้วิ่งผ่านหัวพวกเขาทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงเครียดมากกว่าปกติ แม้กระทั่งซังจินก็เช่นกัน
'ถ้าพวกเราฆ่าเขา...พวกเราก็อาจจะจบมัน...'
ราชาปีศาจมีลักษณะที่เหมือนกับชื่อของมัน ผิวเขามันเป็นสีแดงดำมีรอบสักอยู่ทั่วร่างกาย และมีเขาที่ยื่นออกมาจากหัวและตาที่สามบนหน้าผาก เขามีแขนหกแขนและมือก็จับดาบ ค้อน คทา หอก และโล่อีกสองอัน
ร่างของมันได้ปกคลุมไปด้วยวัสดุสีดำที่ไม่สามารถจะระบุชนิดได้และเมื่อใดก็ตามที่เขาขยับวัสดุนั้นก็จะขยับไปกับเขา
"ฮ่าห์...แกได้บุกรุกเข้ามาในปราสาทของข้า...แกไม่เห็นคุณค่าของชีวิตแล้วใช่ไหม?"
เขาได้สะบัดเสื้อคลุมในขณะที่ยืนขึ้น
"มา คนของข้า ฆ่าพวกผู้บุกรุกเหล่านี้"
ประตูวาป 3 อันได้ปรากฏออกมาตามคำสั่งของเขาและมอนสเตอร์ก็ได้หลั่งไหลออกมา
"ทุกคนประจำตำแหน่ง"
ซังจินได้รับผิดชอบในประตูวาปด้านหลัง แผนของเขาคือเขาจะฆ่าศัตรูไปพักหนึ่งแล้วเข้าไปร่วมที่ด้านหน้าเมื่อพรรคพวกของเขาให้สัญญาณ เมือนนั้นเขาก็จะเข้าไปเผชิญหน้ากับราชาปีศาจ
แต่การต่อสู้มันยากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ นักล่า 7 คนที่ต่อสู้กับราชาปีศาจกำลังเผชิญกับปัญหา แต่นาดาและริวชินที่ไม่สามารถจะจัดการกับประตูวาปได้พวกเขาก็ได้ถูกผลักดันถอยไป
"เฮ้ ฮีล"
"มาช่วยฉันที่นี่ด้วย"
ซังจินยังคงพยายามอย่างดีที่สุดในการยื้อเอาไว้ แต่มอนสเตอร์ก็ได้ออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง ดังนั้นในที่สุดเขาก็ถูกผลักดันไป ซังจินจึงได้ขอความช่วยเหลือจากเอ็ดเวิร์ด
"เอ็ดเวิร์ด สนับสนุนที่นี่ที"
ไม่ช้าเอ็ดเวิร์ดก็ได้ร่ายเวทย์ออกมา
"หอกศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลาย หอกแห่งพระเจ้า"
แต่เวทย์มันไม่ได้พุ่งมาทางนี้
"อ๊ากกกก"
"แค่ก"
กลับกัน เขากลับได้ยินเสียงร้องจากฝั่งของนักล่าแทน ซังจินได้มองกับไปด้วยความตกใจและรู้สึกประหลาดใจ แทนที่เอ็กเวิร์ดจะช่วยเหลือซังจิน เขาได้ยิงเวทย์ไปใส่พวกนักล่าแทน ซังจินได้คิดอยู่ครู่หนึ่ง
"เกิดอะไรขึ้น? ควบคุมจิตใจ?"
แต่นั้นมันไม่ใช่ ร่างของเอ็ดเวิร์ดได้เรืองแสงสีแดงออกมา
'ฆาตกร?'
ซังจินไม่อาจจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นได้ แต่นี่มันเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเขาคือฆาตกรรูปแบบของนักล่าแทบจะพลังทลายลงอย่างรวดเร็วจากการโจมตีของเอ็ดเวิร์ด
นักล่าคนอื่นๆหกคนที่ต่อสู้กับราชาปีศาจเป็นกลุ่มแรก
"กล้ามาท้าทายข้า? มันตลกอะไรเช่นนี้ ตายซะ"
ในขณะที่รูปแบบการยืนพังทลายนักล่าก็ได้ถูกสังหารในทีเดียว ซังจินได้คิดขึ้น
"ทำไม?"
"อ่าาา"
ในขณะเดียวกันริวชินก็ถูกสังหารไป นาดาก็ได้ก้าวถอยหลัง และซังจินก็ได้มองไปที่หลุมบนร่างของเธอ ซังจินได้ตะโกนใส่เอ็ดเวิร์ด
"ทำไม"
เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ตอบกลับมา เขาหัวเราะเบาๆ และไม่นานหลังจากนั้น ร่างของเขาก็ได้หายจากการโจมตีของราชาปีศาจ มอนสเตอร์ทั้งหมดได้มารวมกันตรงที่ๆซังจินอยู่
"กรี๊ดดด"
บลัดเวเจนได้ร้องออกมา มันหมายความว่าพลังชีวิตของเขาได้เหลือ 1 แล้ว เขาได้เป็นอมตะ 1 วินาทีและไม่กี่วินาทีต่อมา ซังจินก็ได้ตายลงไป เป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่ล่วงหล่น