บทที่ 52 การสังหารหมู่
เขาซีชานมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มันเป็นเวลาช่วงบ่ายที่แสงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาในบริเวณรอบภูเขา แสงที่ส่องกระทบบนพืชพันธุ์อันเขียวขจีทำให้ทิวทัศน์โดยรอบดูคล้ายกับดินแดนแห่งความฝัน
ร่างของเจียงอี้ถูกแสงแดดปกคลุม แต่เขาไม่สามารถรู้สึกถึงความอบอุ่น กลับกันมีเพียงกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกที่เสียดแทงไปทั่วทั้งกระดูก
ตามพุ่มไม้ เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคนกำลังซุ่มอยู่และยังมีมากกว่ายี่สิบคนซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีเขียว พวกมันแต่ละคนต่างก็ปกปิดใบหน้าไว้ด้วยผ้าสีดำและมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป
แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ พวกมันทั้งหมดมีอาวุธครบมือและดวงตาของพวกมันก็ยังเผยให้เห็นถึงจิตสังหารอันรุนแรง
หม่าเฮยฉี! หม่าเฟย! เมื่อตระหนักได้บางส่วนว่าพวกมันเป็นใคร เจียงอี้ก็ยิ่งกัดฟันด้วยความโกรธแค้น เขายังพอเข้าใจได้เรื่องที่เจียงหยูหลงและเจียงหยูหู่ต้องการที่จะฆ่าเขาโดยใช้เจียงเสี่ยวนู๋เป็นเหยื่อล่อ แต่เขาไม่อาจยอมรับเรื่องที่พวกมันถึงกับร่วมมือกับตระกูลหม่า
ต่อให้หม่าเฮยฉีและหม่าเฟยถูกปิดหน้าเอาไว้ แต่เจียงอี้ก็คุ้นเคยกับพวกมันดีดังนั้นเพียงแค่การเหลือบมองครั้งเดียวก็สามารถจดจำพวกมันได้ทันที
ตระกูลหม่าและตระกูลเจียงมีความบาดหมางซึ่งเป็นที่รู้กันดีในเมืองเทียนอวี่ ครั้งหนึ่งเจียงหยูหลงเคยทำให้รุ่นเยาว์จากตระกูลหม่าสองคนถึงกับพิการ และหม่าเฮยฉีเองก็ทุบตีรุ่นเยาว์ของตระกูลเจียงอยู่เป็นประจำ
แต่เพียงเพื่อกำจัดเขา หม่าเฮยฉีและเจียงหยูหลงถึงกับจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรชั่วคราวขึ้นมา? เรื่องนี้ทำให้เจียงอี้รู้สึกสมเพชและเกลียดชังในเวลาเดียวกัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เจียงหยูหู่และลูกสมุนของมันชอบรังแกเขา แต่เมื่อเขามีพลังมากพอ เขาจึงหักขาของเจียงหยูหู่และเจียงหยูหลงเป็นการเอาคืน ถึงอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่พวกมันยอมทิ้งศักดิ์ศรีและร่วมมือกับตระกูลที่เคยเป็นศัตรู… นี่มันจะไม่น่าอัปยศเกินไปหน่อยหรือ?
เจียงอี้พยายามสะกดความโกรธเอาไว้ เขาลองสำรวจป่ารอบๆและถอยกลับไป จากนั้นก็พุ่งไปอีกด้านและสังเกตเห็นรุ่นเยาว์จากตระกูลหม่าผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้
ฟับ!
คนผู้นั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สาม ด้วยการโจมตีอันโหดเหี้ยมของเจียงอี้ ก่อนที่จะได้รู้สึกตัว ลำคอของเขาก็ถูกตัดเสียแล้ว!
อัก!
โลหิตสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาราวกับน้ำพุและเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งใบหน้าของเจียงอี้ เขาไม่ได้เช็ดมันออกแต่รีบถอดชุดคลุมสีเขียวและผ้าปิดหน้าสีดำของอีกฝ่ายมาสวม จากนั้นก็ละเลงเลือดไปทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายก่อนที่จะหายเข้าไปในป่าอีกครั้ง
“ช่วย.. ช่วยข้าด้วย..”
เมื่อมาถึงอีกสถานที่หนึ่ง เจียงอี้ก็แกล้งเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือและล้มฟุบลงไปบนพื้น เขาทำให้สภาพของตัวเองดูเลวร้ายและผมเผ้ายุ่งเหยิงเพื่อที่จะทำให้ดูเหมือนกับสมาชิกตระกูลหม่าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฟุบ!
เสียงของเจียงอี้ทำให้ผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าตื่นตกใจ เงาร่างจำนวนมากวิ่งตรงเข้ามาและตกตะลึงกับสภาพของเจียงอี้ ในขณะนั้นตัวเขากำลังสวมชุดคลุมสีเขียวพร้อมกับศีรษะที่ก้มต่ำเล็กน้อยทำให้คนของตระกูลหม่าไม่สามารถจดจำเขาได้
“หม่าตี้ เกิดอะไรขึ้น? ใครทำกับเจ้าแบบนี้?”
นอกเหนือจากหม่าเฮยฉีแล้ว สมาชิกตระกูลหม่าจำนวนหนึ่งก็รีบวิ่งมาหาเจียงอี้เพื่อไถ่ถาม ขณะนั้นพวกเขาก็ยังคงระมัดระวังและมองรอบๆเพื่อค้นหาเงาของศัตรู
หม่าเฮยฉีได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเจียงอี้เมื่อวาน กระดูกตรงไหล่ซ้ายของเขาแตกหัก แต่ตระกูลหม่าก็ยินดีที่จะควักเม็ดยาระดับพิภพออกมาเพื่อรักษาเขา แม้ว่าจะไม่ได้ฟื้นตัวเต็มร้อยแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าอยู่ในสภาพดี
เจียงอี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาเพียงแค่แสร้งว่าเจ็บปวดและพยายามยกนิ้วข้างหนึ่งชี้ไปทางด้านซ้าย
ฟึบ!ฟึบ!ฟึบ!
สายตาทั้งหมดของตรงไปยังทิศทางที่เจียงอี้ชี้ไป ดวงตาของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยประกายแสงสังหารและกระโจนออกไปอย่างไม่รีรอ
“หืม?”
แต่พวกเขาก็ไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว หม่าเฮยฉีมองไปยังกลุ่มคนบางส่วนที่กลับออกมาพร้อมกับส่ายหัว สีหน้าของเขาดูมืดมนลงและตะโกน “แยกกันหา!”
ตอนนี้แหละ!
เจียงอี้เริ่มลงมือ หม่าเฮยฉีอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น เขารอจนกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาใกล้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เข้ามาและปล่อยให้เวลาผ่านไปเช่นนี้ อีกไม่นานตัวตนของเขาจะต้องถูกเปิดเผยแน่
เจียงอี้ยันตัวเองขึ้นจากพื้นและพุ่งตรงไปหาหม่าเฮยฉีราวกับลูกศร จากนั้นเขาก็ทำให้ดวงตาของตัวเองเปิดกว้างด้วยความตกใจและมองไปทางด้านหลังของหม่าเฮยฉี เขาตั้งใจที่จะหลอกล่ออีกฝ่ายด้วยการตะโกนออกไปว่า “นายน้อยระวัง! เจียงหยูหลงหลอกลวงท่าน!”
“หืม?!”
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของเจียงอี้ทำให้หม่าเฮยฉีตกตะลึง เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ การแสดงออกทางสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที เขารีบหันหลังแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร แม้แต่เจียงหยูหลงและกลุ่มของเขาที่อยู่ไกลออกไปก็มีปฏิกิริยาด้วยเช่นกัน แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
แย่แล้ว! ข้าถูกหลอก!
เสี้ยววินาทีนั้นหม่าเฮยฉีสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงจากร่างของเจียงอี้ เมื่อคนที่เหลือเห็นท่าไม่ดี พวกมันก็รีบวิ่งเข้าหาเจียงอี้ในทันที “นายน้อยฉีระวัง! มันไม่ใช่หม่าตี้!”
“สายไปแล้ว! รับฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ของข้าไป!”
เจียงอี้หัวเราะเยาะ ในเวลานั้นฝ่ามือของเขาได้เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา มันดูคล้ายกับฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ที่เขาแสดงออกมาเมื่อวาน… เพียงแต่ว่ามันไม่ได้มีเส้นแสงสีดำผสานอยู่ด้วยก็เท่านั้น
“เจียงอี้?!”
หม่าเฮยฉีกลับหลังหันและมองเห็นเพียงฝ่ามือที่กำลังตรงเข้ามา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อตระหนักได้ว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายกำลังเล็งไปที่ตันเทียนของเขา
ในช่วงเวลาสำคัญ หม่าเฮยฉีระเบิดพลังทั้งหมดพร้อมทั้งถอยร่นและเบี่ยงช่วงท้องออกจากเส้นทางการโจมตีของเจียงอี้ เขาพยายามใช้มือของตัวเองคว้ามือของเจียงอี้ไว้ ในตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่า ต่อให้มือได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ตันเทียนของเขาถูกทำลายได้
“หึ เจ้าโง่! เจ้าถูกหลอกอีกแล้ว!”
เจียงอี้ยิ้มเยาะและหยิบดาบสั้นสีนวลออกมาจากแขนเสื้อพร้อมกับตวัดไปที่ขาของหม่าเฮยฉี
อ๊ากกกกกก!!
ทันใดนั้นเสียงร้องอันน่าเวทนาก็ดังขึ้นมา ดาบสั้นสีนวลเป็นอาวุธยุทธภัณฑ์ระดับสมบัติ มันสามารถตัดโลหะได้เหมือนกับตัดเนย หม่าเฮยฉีมุ่งความสนใจไปที่มือขวาของเจียงอี้ แล้วแบบนี้เขาจะสังเกตการณ์ลอบโจมตีจากมือซ้ายของอีกฝ่ายได้ยังไง?
ขาข้างหนึ่งของเขาถูกตัดกระเด็นพร้อมกับร่างของเขาที่ล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา
“นายน้อยฉี!”
“นายน้อย!”
เหล่าสมาชิกตระกูลหม่าที่อยู่ห่างไปไม่ไกลต่างก็หน้าซีดเผือก พวกเขาที่เพิ่งแยกตัวกันค้นหาศัตรูตามแผนของเจียงอี้เพิ่งจะกลับมาและต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ขาของหม่าเฮยฉีถูกตัดขาด? นี่เขากลายเป็นคนพิการอย่างสมบูรณ์?
หม่าเฮยฉีคือใคร? เขาคือชนชั้นหัวกะทิของตระกูลหม่าและยังเป็นอัจฉริยะที่มีโอกาสสูงที่จะได้เข้าไปอยู่ในสังกัดของสำนักจิตอสูร แม้ว่าเขาจะทำไม่ได้แต่เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของกองทัพทหารตะวันตกและในอนาคตก็อาจจะได้เป็นผู้นำตระกูลหม่าในอนาคต
แต่ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนพิการไปเรียบร้อยแล้ว บรรดาคนจากตระกูลหม่าที่เหลือต่างก็ตกอยู่ในความกลัวอย่างแท้จริง หากหม่าขุยรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องโกรธแค้นจนถึงขั้นมาที่ยังเขาซีชานและประหารสมาชิกตระกูลหม่าที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง
ฟึบ!
เหล่าสมาชิกตระกูลหม่ายังคงอยู่ในความตกตะลึง แต่ไม่ใช่กับเจียงอี้ เขาย่อตัวลงและกระโจนไปข้างหน้าเหนือพื้นเล็กน้อยพร้อมกับใช้ดาบสั้นสีนวลตัดขาทั้งสองข้างของสมาชิกตระกูลหม่าสองคนที่อยู่ใกล้ๆ
อ๊ากกกก!!
พวกมันทั้งสองต่างแผดเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกมาและล้มลงกับพื้นพร้อมกับดิ้นอย่างทุรนทุรายเหมือนกับหม่าเฮยฉีก่อนหน้านี้ ทางด้านของเจียงอี้ก็ไม่รอช้า เขารีบพุ่งเข้าหาคนของตระกูลหม่าคนอื่นๆราวกับหม่าป่าหิวโหย
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันเดี๋ยวนี้!”
ในที่สุดเหล่าสมาชิกตระกูลหม่าก็ฟื้นจากความตกใจและวิ่งเข้าหาเจียงอี้ พวกมันที่เหลือต่างปลดปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา หากไม่สามารถสังหารเจียงอี้ได้ในวันนี้ พวกมันจะไม่สามารถแก้ตัวต่อหน้าหม่าขุยได้อีกต่อไป ในเวลานี้พวกมันเริ่มลงมือโจมตีเจียงอี้ราวกับคนบ้า
มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่มีสติมากพอและรีบวิ่งลงจากเขาอย่างรวดเร็ว นี่มันเรื่องใหญ่เกินไป พวกเขาต้องรีบกลับไปรายงานตระกูล เรื่องที่หม่าเฮยฉีกลายเป็นคนพิการไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับผิดชอบได้
หึ!
เมื่อเห็นร่างคนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามา เจียงอี้ก็แสยะยิ้มด้วยความดูหมิ่น เขาเลือกที่จะก้าวไปเผชิญหน้าแทนการถอยหนี ด้วยพลังของแก่นแท้สีดำที่อยู่ในดวงตา มดปลวกพวกนี้ก็ไม่มีค่าอะไรเลย
คนยิ่งมากก็ยิ่งวุ่นวายมาก แก่นแท้พลังสีดำของเจียงอี้ทำให้ความสามารถในการตอบสนองของเขาพุ่งทะยานสู่ระดับที่น่ากลัว คนส่วนมากในที่นี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก นอกจากหม่าเฮยฉีที่เดี้ยงไปแล้วก็เหลือผู้ฝึกยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นที่หกที่เป็นกำลังสูงสุด ในสายตาเขา คนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงแค่ฝูงแกะที่รอให้เขาเชือดเท่านั้น
เจียงอี้โยนตัวเองเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนที่บ้าคลั่ง เขาใช้ดาบสั้นสีนวลผสานกับหมัดมายาจนทำให้เงาดาบจำนวนมากถูกฟาดฟันออกไป
“อ๊ากกก!”
“ไม่นะ!”
“อย่าเข้ามา!”
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังระงมไปทั่วทั้งผืนป่า ในบรรดาคนเหล่านั้นต่างก็มีระดับความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นเพียงแค่รุ่นเยาว์ที่พอมีความสามารถอยู่บ้างเมื่ออยู่บนสนามประลอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการฆ่าฟันที่แท้จริง พวกมันกลับเป็นเพียงแค่กลุ่มคนอ่อนแอที่เต็มไปด้วยความกลัว
การตอบสนองของเจียงอี้นั้นรวดเร็วเกินไป ดาบสั้นสีนวลเป็นถึงอาวุธระดับสมบัติซึ่งไม่ใช่อะไรที่คนเหล่านั้นจะต้านทานได้ หลังจากที่แขนและขาถูกตัด ความโกลาหลที่ยากจะควบคุมก็ระเบิดขึ้น ผู้ที่อยู่แนวหน้าต่างต้องการที่จะถอยหนีในขณะที่ผู้ที่อยู่แนวหลังได้วิ่งหนีไปนานแล้ว
ฟึบ!
เจียงหยูหลงและพวกรับรู้ได้ถึงความผิดปกติและรีบมาในทันที แต่เมื่อพวกมันเห็นฉากตรงหน้า ม่านตาของพวกมันก็หดแคบลง สีหน้าของพวกมันขาวซีด มีหลายคนที่ทนไม่ได้จนต้องก้มหน้าลงและอาเจียนออกมา!
นี่มันการสังหารหมู่ชัดๆ!
ในขณะที่มาถึง พื้นที่ตรงหน้าก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นขุมนรกเรียบร้อยแล้ว ในบรรดากลุ่มคนที่ร้องโอดโอยอยู่ตรงหน้า มีอย่างน้อยเจ็ดคนที่แขนหรือขาถูกตัดขาดและมีสองคนที่หน้าท้องถูกกรีดพร้อมกับลำไส้ที่ไหลทะลักออกมา
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกย้อมไปด้วยโลหิต มีแขนขากองอยู่เกลื่อนกลาดตามพื้น ในขณะที่เจียงอี้ยังคงร่ายรำอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ดาบสั้นสีนวลในมือของเขาก็เปรียบเสมือนเคียวของมัจจุราชที่กวัดแกว่งไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ละเลงเลือดจนพอใจ
“เจียงอี้! มันคือเจียงอี้!”
ดวงตาของเจียงหยูหู่จ้องมองไปยังร่างที่เหมือนกับยมทูตตรงหน้า เขาจดจำอีกฝ่ายได้ดีแม้ว่าใบหน้าของเจียงอี้จะถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำก็ตาม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของชายผู้นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมได้ลง…
“พี่หลง พวกเราจะเอายังไงกันดี?!”
ร่างของเจียงซงสั่นสะท้านอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้ จิตใจของเขาถูกความกลัวเข้ากลืนกินและต้องการที่จะหนีไปให้เร็วที่สุด แต่ขาที่สั่นไปมาของเขากลับไม่ยอมฟังคำสั่ง เมื่อไม่สามารถทนมองกับภาพตรงหน้าได้ ในที่สุดเขาก็อาเจียนออกมา
“เป็นเรื่องแล้ว!”
สีหน้าของเจียงหยูหลงมืดมนอย่างถึงที่สุด มีหลายคนจากตระกูลหม่ารวมถึงหม่าเฮยฉีที่กลายเป็นคนพิการ แม้ว่าคนที่ก่อเรื่องจะมีเพียงเจียงอี้คนเดียว แต่ตระกูลหม่าจะยอมเข้าใจ? มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นกับดักเพื่อที่จะกำจัดหม่าเฮยฉีซึ่งเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นชนวนสงครามระหว่างตระกูลหม่าและตระกูลเจียง!
เจียงหยูหลงยังคงจมอยู่ในห้วงความคิด จากนั้นไม่นานความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา เขาหันไปมองเจียงหยูหู่และออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามัวรออะไรอยู่อีก? รีบไปนำตัวนังสาวใช้คนนั้นมาที่นี่เร็วเข้า! หากไม่สามารถจับตัวเจียงอี้ได้ พวกเราได้เดือดร้อนแน่!”
แต่ทันใดนั้นเอง
“ไม่นะ.. เฮยฉี! ใครบังอาจทำร้ายนายน้อยเฮยฉี?! ข้า หม่าหยิ่นจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ!”
ในช่วงสำคัญ เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยโทสะก็ดังก้องไปทั่วทั้งป่า เสียงมันดังมากจนถึงขั้นที่ทำให้หลายคนถึงกับปวดแก้วหู
เวลานี้การแสดงออกทางสีหน้าของเจียงหยูหลงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขารีบกล่าวออกมาด้วยความร้อนรน “บัดซบ! กำลังเสริมของตระกูลหม่ามาถึงแล้ว คนผู้นั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตจื่อฝู่อีกด้วย รีบส่งสัญญาณขอกำลังเสริมจากตระกูลเร็วเข้า มิฉะนั้นพวกเราทุกคนได้ตายแน่!”