GE363 ตามหาคนผู้หนึ่ง [ฟรี]
หนิงฝานมอบแผ่นหยกและมุกสีดำให้ตงสู่
ภายในแผ่นหยกมีความเข้าใจในการทะลวงระดับจิตใต ส่วนมุกสีดำหนิงฝานสร้างมันขึ้นด้วยพลังไร้ลักษณ์ ที่ผสานความเข้าใจในพลังไร้ลักษณ์ของเขาเข้าไปด้วย
แม้ของทั้งสองจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่มากนัก แต่สำหรับชายชราแล้ว...มันคือสิ่งล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ชายชรารับทั้งสองสิ่งมาด้วยสีหน้าที่ไม่อาจปิดบังถึงความสุข ด้วยสองสิ่งนี้ อย่างน้อยมันจะช่วยชายชราทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้สำเร็จมากขึ้นถึง 1 ใน 10 ส่วน แม้จะดูน้อย แต่จำนวนนี้ถือว่ามหาศาลสำหรับผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง
“ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!” ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่ได้แน่นแฟ้น เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนบางสิ่ง แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างหนิงฝานและฉุ่ยหลิงพัฒนา ชายชราจึงเริ่มมองหนิงฝานเป็นคนใกล้ตัวอย่างช้าๆ
ยิ่งยามนี้ชายชราได้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนอย่างที่สุด บุญคุณของหนิงฝานในครั้งนี้ชายชราจะไม่มีวันลืม
ชายชรานำแผ่นหยกออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นนำอีกแผ่นสลักสิ่งที่อยู่ภายในลงไป แล้วยื่นให้หนิงฝาน
หนิงฝานรับแผ่นหยกมา แผ่นสัมผัสเทพสำรวจก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้าง
“แผนที่… นี่มัน...”
ยิ่งสำรวจแผนที่มากขึ้น ยิ่งเห็นคำอธิบายในตำแหน่งต่างๆของแผนที่อย่างละเอียด ที่ชายชราเป็นบันทึกไว้
สุสานกษัตริย์อัสนีคือสมบัติจักรวาลเล็ก ที่มีชื่อเรียกขานว่า ‘โลกอัสนี’ สมบัติชิ้นนี้กษัตริย์อัสนีได้มาตั้งแต่คราวยังเยาว์ และมันก็ช่วยให้เขาทรงพลังยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน
ข่าวลือว่ากษัตริย์อัสนีหรือปู้ซัว ตายอยู่ในโลกอัสนีของตนภายในตระกูลซัวแห่งทะเลส่วนใน หลังจากนั้น โลกอัสนีจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสุสานกษัตริย์อัสนี
ก่อนที่ปู้ซัวจะตาย เขาได้ทุ่มพลังเปลี่ยนให้โลกอัสนีกลายเป็นสถานที่พิเศษ หรือที่เรียกอีกชื่อว่าาสุสานแห่งกษัตริย์ เป็นสถานที่ลึกลับซึ่งเหมาะกับการยกระดับพลัง รักษาชีวิต แต่ก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน
ทุกๆร้อยปี ตระกูลซัวจะอนุญาติให้บุคคลภายนอกเข้าไปยังสุสานของปู้ซัวได้ราว 10 คน ยามนั้นเองที่วิหารพิรุณจะทุ่มทุกวิธีเพื่อให้ได้สิทธิ์นั้นมา
เพียงแต่...ผู้ที่จะเข้าไปภายในสุสานได้นั้น จะอนุญาติให้เข้าไปได้เฉพาะดวงจิต
เมื่อได้ทราบรายละเอียด หนิงฝานรู้สึกนับถือผู้ซัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าที่ใดในโลกพิรุณ ผู้ที่ได้รับหยกอัสนีจากตระกูลซัวจะเข้าสู่สุสานเพื่อฝึกฝนได้ทุกเมื่อ วิธีการเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้
ยกตัวอย่างเช่น หากผู้เชี่ยวชาญคนใดมีหยกอัสนี ไม่ว่าคนผู้นั้นจะอยู่ใดในโลกพิรุณ คนผู้นั้นสามารถนำดวงจิตของตนเข้าไปในสุสานได้โดยไม่จำเป็นต้องไปยังสุสานจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้น สุสานก็ยังเต็มไปด้วยอันตราย เช่นดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญบางคนที่ได้กลายเป็นปีศาจ จะเข้าจู่โจมดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปภายใน ซึ่งดวงจิตที่เข้าจู่โจมส่วนใหญ่นั้น คือดวงจิตของผู้ที่เคยถูกปู้ซัวสังหาร และใช้วิชาลับผนึกดวงจิตของพวกมันเอาไว้
ดวงจิตของผู้ที่ถูกทำลายอยู่ภายในนั้นสุสานนั้น ไม่ได้ทำให้คนผู้นั้นถูกสังหารจริง เพราะหลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง อัสนีที่อยู่ภายในสุสานจะสร้างดวงจิตนั้นขึ้นมาใหม่ นั่นช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังได้ประสบการณ์การต่อสู้ที่ถึงตายมากมาย
แต่นั่นก็ไม่ได้น่าดึงดูดสำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงนัก เพราะนอกจากจะได้แค่ประสบการณ์การต่อสู้แล้ว ระดับพลังก็ไม่ได้เพิ่ม!
ผู้ที่จะเข้าสุสานส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้มีระดับพลังสูงมากนัก ระดับต่ำสุดที่เคยเข้าไปคือขอบเขตเปิดเส้นลมปราณ
เพียงแต่… หากผู้ใดที่สังหารดวงจิตปีศาจที่อยู่ในสุสานได้ คนผู้นั้นมีโอกาสได้รับ ‘ผลไม้แห่งเต๋าอัสนี’
ผลไม้แห่งเต๋าอัสนีไม่ใช่ผลไม้แห่งเต๋าของจริง แต่เป็นผลไม้ที่เกิดจากพลังอัสนี สรรพคุณด้อยกว่าผลไม้แห่งเต๋าของจริง แต่ผู้ที่ได้กินมันเข้าไปจะสามารถยกระดับดวงจิตและระพลังที่แท้จริงได้ด้วย
ด้วยเพราะโลกพิรุณมีกฏห้ามฆ่าฟันกันเพื่อชิงผลไม้แห่งเต๋า ผลไม้แห่งเต๋าจึงหาได้ยาก แต่ในสุสานกษัตริย์อัสนี สามารถสังหารดวงจิตชั่วร้ายที่อยู่ภายใน เพื่อชิงผลไม้แห้งเต๋าอัสนีได้ตามต้องการ
นี่คือสิ่งที่จูงใจผู้เชี่ยวชาญมากมาย โดยเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง คนเหล่านั้นมักจะรวมกลุ่มกันเพื่อล่าดวงจิตชั่วร้าย หาสมบัติ สมุนไพร หรือทักษาที่ตกทอดในสุสาน
แต่ในหมู่สิ่งต่างๆเหล่านั้น สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดคือ ‘วิชาลับอัสนี’
มีข่าวลือว่าวิชานี้อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของสุสาน มีดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคอยคุ้มกัน ยังไม่เคยมีใครเข้าไปถึงที่นั่นได้
แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ถอดดวงจิตเข้าไปยังไม่อาจไปชิงวิชานั้นมาได้ เพราะผู้ที่จะเข้าไปถึงได้นั้น อย่างน้อยดวงจิตต้องอยู่ในขอบเขตไร้แบ่งแยก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอย่างที่สุด
ถึงร่างกายจะยกระดับถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่การจะยกระดับดวงจิตให้ถึงระดับนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
“สุสานกษัตริย์อัสนี… สถานที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก หากจะเข้าไปภายในต้องมีหยกอัสนี หากสังหารดวงจิตชั่วร้ายในนั้นได้ จะมีโอกาสได้ครอบครองผลไม้แห่งเต๋าอัสนีที่ยกระดับทั้งพลังและดวงจิต… ปู้ซัวนับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่ดเด่นจริงๆ” หนิงฝานถอนหายใจ เขาต้องมีหยกอัสนีถึงจะเข้าสู่สุสานได้ หากเข้าไปในนั้นและยกระดับดวงจิตจนถึงขอบเขตตัดวิญญาณได้ เขาก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ในพริบตา และอาจได้ผลไม้แห่งเต๋าของพวกมันมายกระดับปราณ
หนิงฝานหันมองตงสู่พลางกล่าวถาม “ข้าสงสัยว่าเหตุใดข่าวลือถึงบอกว่าปู้ซัวตาย แต่ท่านกลับบอกว่าเขาไม่ตาย? อีกอย่าง ก่อนจะมีข่าวลือว่าตาย ทำไมปู้ซัวถึงเปลี่ยนให้สุสานกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการฝึกฝน? หากกล่าวว่าทำไปเพราะต้องการตกทอดให้คนรุ่นหลัง ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้… ข้าว่าปู้ซัวอาจสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นมาเพราะมีบางอย่างแอบแฝง บางทีอาจเป็นเพราะปู้ซัวในยามนี้อยู่ในลักษณะกึ่งเป็นกึ่งตาย และชีวิตผูกติดอยู่กับสุสาน”
ชายชราพยักหน้า “เจ้าฉลาดมาก! ที่ปู้ซัวทำสุสานให้เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะจะตกทอดให้คนรุ่นหลัง ในอดีต ปู้ซัวได้รับบาดเจ็บสาาหัสจนเกือบตาย ไม่มีโอสถใดรักษาได้ ดังนั้น ปู้ซัวจึงปรับเปลี่ยนโลกอัสนีของตนให้กลายเป็นสุสาน โดยความพิเศษของมันคือทำให้เศษเสี้ยวดวงจิตของผู้ที่เคยสังหารไป กลับมามีตัวตนอีกครั้ง! ต่อให้ดวงจิตถูกทำลายอยู่ภายในสุสาน พลังอัสนีจะสร้างดวงจิตนั้นกลับคืนมาใหม่”
“ฉะนั้น สุสานแห่งนั้นจึงเป็นเหมือนที่อยู่อาศัยของปู้ซัว ทำให้เศษเสี้ยวดวงจิตที่เหลืออยู่ยังคงมีตัวตน ปู้ซัวตายไปเมื่อหมื่นปีที่แล้ว และการมีตัวตนอยู่ในสุสานของเขานั้น ทำให้วิหารพิรุณไม่กล้ายึดครองทะเลไร้สิ้นสุด!” ตงสู่กล่าวด้วยสายตาที่นับถือ
แม้ร่างกายของปู้ซัวจะดับสิ้นไป แต่เศษเสี้ยวดวงจิตยังคงอยู่ในสุสาน ซึ่งหากจะกล่าวว่าเขาเป็นอมตะก็คงไม่ผิด
แม้จะเหลือเพียงเศษเสี้ยวดวงจิต แต่ยังทำให้กษัตริย์แห่งโลกพิรุณต้องระวัง… ทั้งหมดนี้คืออำนาจของกษัตริย์อัสนี
ตงสู่ยื่นหยกอัสนีให้หนิงฝานดู หยกอัสนีมีลักษณะเป็นหยกเรียบ สีเงินแวววาวต้องตา ชายชราได้ประทับตราเป็นเจ้าของมันแล้ว
“นี่เหรอหยกอัสนี?” หนิงฝานจ้องมอง
“ใช่… หากจะเข้าสู่สุสานก็ต้องมีสิ่งนี้ แต่ยามนี้ข้าทำพันธะเป็นเจ้าของมันแล้ว ไม่อาจยกให้เจ้าได้ ไม่อย่างนั้น ข้าคงมอบให้เจ้าได้เข้าไปหาประสบการณ์ในนั้นแล้ว… ในแต่ละช่วง 100 ปี ตระกูลซัวจะมอบบแผ่นหยกให้คนภายนอก 72 แผ่น นี่ก็ผ่านมาหมื่นปีแล้ว แผ่นหยกจึงถูกแจกจ่ายออกมาทั้งหมด 7200 แผ่น แต่ยามนี้อยู่ในครอบครองของวิหารพิรุณแทบทั้งหมด”
“เมื่อได้หยกอัสนีมา เจ้าของจะทำพันธะสัญญากับมันเพื่อครอบครอง ดังนั้นจึงไม่อาจมอบให้ผู้อื่นได้… อีก 10 ปีหลังจากนี้ตระกูลซัวจะมอบหยกอัสนีอีก 72 แผ่นออกมาอีกครั้ง หากเจ้ามีเวลาก็จงมุ่งหน้าไปตระกูลซัว และใช้ความสามารถของเจ้าชิงมา... ยังไงก็ตาม เจ้าต้องประลองและชิงที่ 1 มาให้ได้!”
ตงสู่คาดหวังในตัวหนิงฝาน เพราะระดับหนิงฝานแล้ว การจะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญจากทะเลส่วนในและเหล่าผู้ถูกเลือกของวิหารพิรุณ สมควรไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับหนิงฝานที่ต้องการยกระดับพลังอย่างรวดเร็วนั้น สุสานกษัตริย์อัสนีคือสิ่งที่เย้ายวนที่สุด
“อีก 10 ปี...”
หนิงฝานพยักหน้า หากอีก 10 ปีข้างหน้าเขายังอยู่ในทะเลไร้สิ้นสุด เขาจะไปเยือนตระกูลซัว
หากยามนี้จะขบคิดเรื่องสุสาน ย่อมเร็วเกินไปที่จะกังวล
“ก่อนจะเข้าไปเก็บตัวทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงในสุสาน… ท่านต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานเท่าไหร่?” หนิงฝานกล่าวถาม
“อย่างเร็วคือแค่ไม่กี่ปี่ อย่างช้าคงสิบปี… การทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เมื่อได้เจ้าช่วยข้าเองก็มั่นใจขึ้นมาก แต่ก่อนจะเริ่มเตรียมตัว ข้าคงจะรั้งอยู่เมืองกู่ซูสักระยะเพื่อยกระดับจิตใจ หากมีข้าอยู่เกาะกู่ซูและเกาะปีศาจสำราญคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“จะว่าไป... หากท่านรออีกสักระยะ หากพ้น 10 ปีนี้ไปและข้าได้หยกอัสนีมา ข้าจะช่วยท่านทะลวงขอบเขต!”
“ฮ่าฮ่า หากเป็นอย่างสหายเต๋าว่า ข้าคงจะขอให้เจ้าช่วยปกป้องข้า” ชายชราหัวเราะพลางกล่าว
“หลังจากนี้ข้าจะไปจัดการเรื่องต่างๆในทะเลส่วนนอก จากนั้นเก็บตัวฝึกฝนที่วิหารสาบสูญ หลังจากนั้น ข้าจึงจะเข้าสู่ทะเลส่วนใน… บางทีอาจใช้เวลาหลายเดือน หรือหลายปี” หนิงฝานกล่าว
เมื่อเห็นหนิงฝานกำลังจะไป ชายชราจึงกล่าวขึ้น
“เจ้าจะจากไปหลายปีเลยเหรอ? ในระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ ให้หลิงเอ๋อร์รั้งอยู่ที่เกาะกู่ซู ยามนี้ชะตาของนางครบพร้อมสมบูรณ์แล้ว พลังก็ก้าวหน้าขึ้นมาก อีกไม่นานคงได้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ บางทีหากเจ้ากลับมา นางอาจจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแล้วก็ได้”
“นับเป็นข่าวดี… แต่ก่อนจะไป ข้าก็ตั้งใจจะปรุงโอสถให้นาง เพื่อช่วยให้นางมีโอกาสในการทะลวงขอบเขตง่ายขึ้น”
ยามนี้หนิงฝานมีสตรีที่ต้องดูแล 2 คน หนึ่งคือฉุ่ยหลิง อีกหนึ่งคือเชียนสื่อ
พวกนางต่างต้องการบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ และพวกนางก็ต้องการโอสถ หนิงฝานจะช่วยพวกนาง เพราะพวกนางคือคนในครอบครัวของเขา
หากมีพวกนางอยู่ ไม่ว่าจะไปที่ใด ที่นั่นก็เป็นบ้าน
นอกจากอาจารย์ หนิงกู่ ก็มีพวกนางทุกคนที่เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขา
“ท่านแม่...” หนิงฝานฉุกคิดถึงบางสิ่งและหันมองตงสู่
อารมณ์ที่อ่อนไหวปรากฏในแววตาหนิงฝาน “สหายเต๋าตงสู่… ท่านใช้โลหิตเซียนทำนายเรื่องนึงให้ข้าได้หรือเปล่า? เรื่องนี้สำคัญกับข้ามาก!”
“ได้สิ… แต่โลหิตเซียนจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเจ้าคิดดีแล้ว ข้าจะช่วยทำยนายให้”
ชายชราประหลาดใจ ชายชราไม่เห็นสีหน้าแบบนี้ของหนิงฝานมาก่อน และดูเหมือนจะมีความสำคัญกับเขามากจริงๆ
“ข้าอยากให้ท่านช่วยข้าหาคนผู้หนึ่ง...” จิตใจหนิงฝานร่ำร้องอยากจะทราบคำตอบ
สิ่งที่หนิงฝานต้องการที่สุดยามนี้คือวิชาทำนาย เขาอยากรู้ว่าใครปองร้ายหานหยวนจี๋… เขาอยากรู้ว่า 3 ดวงจิตเซียน 7 ดวงจิตมนุษย์ของเหว่ยเหลียงอยู่ที่ไหน… และเขาก็อยากรู้ว่า ใครเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตน… แต่เรื่องทั้งหมดนั้นเขาไม่อาจกล่าวออกไปได้
ดังนั้น เขาจึงหาคนที่สำคัญที่สุดอีกคน ที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกให้พบ
“เจ้าอยากให้ข้าหาใคร?”
“นางชื่อหนิงเฉียน” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสุขและกังวล
หนิงเฉียนคือมารดาของหนิงฝาน เขาไม่รู้ว่านางยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ อยู่ที่ใด
หากชายชราทำนายและล่วงรู้ได้ เขาก็จะคลายความกังวลใจ
“หนิงเฉียน… สตรี… เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆนะ” ชายชราหัวเราะ แต่หนิงฝานกลับไม่พอใจ
“นางคือมารดาข้า!” หนิงฝานสะกดอารมณ์ไม่ให้โกรธ แต่เรื่องของมารดาไม่ใช่สิ่งที่จะล้อเล่นได้
“ขะ… ข้าขออภัยจริงๆ” ชายชราคาดไม่ถึงว่าจะยอมใช้โลหิตเซียนเพื่อตามหามารดา ชายชราจึงมองว่าหนิงฝานเป็นลูกที่กตัญญู
“เจ้ามีรูปของนาง… สิ่งของ… หรือกลิ่นอายของนางบ้างหรือเปล่า?” ชายชรากล่าวถาม
“ข้ารู้จักแค่ใบหน้านาง”
หนิงฝานหลับตา หวนนึกถึงเมื่อคราวที่อยู่ในโลกแห่งความฝัน ยามที่ตนได้อาศัยอยู่ร่วมกับมารดาและจื่อเฮ่อ จากนั้นวาดภาพของนางลงบนกระดาษสีทอง ยื่นส่งให้ชายชรา
“ถ้ามีแค่ภาพวาด ข้าเกรงว่าวิชาทำนายคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่บางสิ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย” ชายชรานั่งสมาธิและเริ่มทำนาย
หน้าผากของชายชราเปล่งสีแดงโลหิต แรงกดดันที่ทรงพลังแผ่ออกมาจากร่าง
หนิงฝานกำหมัดแน่น เขาคาดหวังว่าชายชราจะให้คำตอบเขาได้
เดิมทีเขาคิดว่าตนเองไม่มีบิดาและมารดา แต่เมื่อได้รู้ว่ามารดายังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาจึงจะทำทุกวิถีทางเพื่อหานางให้พบ
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก… ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม… ผ่านไปหนึ่งวัน สีหน้าชายชราเริ่มซีดขาว ราวกับการทำนายสร้างภาระให้ชายชราเป็นอย่างมาก
“ข้าเห็นไม่ชัดนัก… ชะตาของนางถูกบดบัง แต่ไม่ว่ายังไง ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเจ้าให้ได้!”
ชายชรานับถือในจิตใจของหนิงฝาน เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตน ชายชราตัดไร้ซึ่งความรู้สึก ตัดไร้ซึ่งทุกสิ่ง แต่หนิงฝานกลับเลือกที่จะไม่ทิ้งครอบครัวและมารดา
บุตรกตัญญูเช่นนี้ แม้ชายชราไม่รู้ว่าผู้ที่ปองร้ายมารดาของหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ชายชราจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาคำตอบให้ได้
“ผลาญโลหิต!” แววตาชายชราแปรเปลี่ยนจริงจัง ปราณภายในร่างปั่นป่วน โลหิตเซียนกลางหน้าผากสลาย หน้าอกราวกับถูกบางสิ่งกระแทกจนล้ม ทั้งยังกระอักโลหิตอย่างรุนแรง แต่สีหน้าของชายชรากลับดูมีความสุข
การที่ชายชรายอมทุ่มผลาญโลหิตเซียน เร่งวิชาทำนายจนถึงขีดสุด ทำให้หมอกที่บดบังชะตากรรมของหนิงเฉียนสลายไป
“ข้าเห็นแล้ว! ชะตากรรมของนางบอกว่า หากจะตามมาหานาง เจ้าต้องตามหาคนผู้หนึ่งในพบ...”
แต่สีหน้าชายชรากลับแปรเปลี่ยน ราวกับลังเลไม่อยากบอกกล่าวหนิงฝาน
“ใคร!” หนิงฝานมีความสุข จากสิ่งที่ชายชราบอก แสดงว่ามารดาของเขายังไม่ตาย เขาปฏิญาณว่าต้องหามารดาให้พบ
“ตามหา… เทพกระบี่อาภรณ์ขาว! หยุนเทียนเฉว! แต่บางทีข้าอาจทำนายผิดไป เจ้าไม่ต้องใส่ใจ...”
ชายชรากล่าวถึงหยุนเทียนเฉวด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว บางที การบอกให้หนิงฝานไปตามหาคนผู้นั้น อาจทำให้เกิดเรื่องร้าย
“หยุนเทียนเฉว!” เมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่าย จิตใจของหนิงฝานสั่นสะท้าน
หยุนเทียนเฉวผู้นี้แข็งแกร่ง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกมานานแสนนาน เป็นมือกระบี่ที่ไม่ว่าผู้ใดต้องยอมก้มหัว
เป็นผู้ที่มีฝีมือกระบี่ลึกล้ำ แข็งแกร่ง เย็นชา เลือดเย็น และเย่อหยิ่ง… หนิงฝานจะถามหามารดาจากคนผู้นี้ได้ยังไง?
ยิ่งยามนี้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน หรือต่อให้รู้ การจะเข้าไปถามก็อาจกลายเป็นการยั่วยุและถูกสังหารไป
“ข้ามีเรื่องอยากจะเตือนเจ้า… หากเป็นไปได้อย่าได้เข้าไปยุ่งกับหยุนเทียนเฉวเด็ดขาด… เมื่อพันปีก่อนมันเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่หลังจากนั้นพันปี มันบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่ก็กลายเป็นเหมือนคนเสียสติ สังหารกระทั่งพี่ชายของตน จนสุดท้าย จึงถูกกษัตริย์พิรุณสั่งตัดแขนมันเพื่อเป็นการลงโทษ”
“สังหารพี่ชายของตน!” หนิงฝานขมวดคิ้ว ความรู้สึกด้านลบที่มีต่อหยุนเทียนเฉวเพิ่มมากขึ้น
หนิงฝานจำแนกคนออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่มนุษย์ ศัตรู และครอบครัว
เขาจะไม่สังหารมนุษย์ไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่สังหารครอบครัวหรือคิดร้าย จะสังหารแต่เพียงศัตรูของตนเท่านั้น
และหยุนเทียนเฉวก็จัดเป็นศัตรูของหนิงฝาน แม้มันจะทรงพลัง แม้มันจะมีพรสวรรค์สูงส่ง แม้มันจะเย็นชา แต่เขาจะก้าวข้ามมันไปให้ได้
“ขอบคุณที่ท่านเตือน หากไม่จำเป็นข้าจะไม่ยุ่งกับมัน แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะหานางให้พบ!”
หนิงฝานขบคิด ในเมื่อยังตามหาหยุนเทียนเฉวไม่ได้ เขาก็สมควรตามหาหยุนโร่วเวย เพราะในโลกความฝันของนางทำให้เขาได้เห็นมารดาอีกครั้ง
หากพบนาง...บางทีนางอาจจะรู้
ชายชราสนใจในสีหน้าและแววตาหนิงฝาน แม้จะยังเยาว์ แต่กลับมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่น ทั้งยังบุตรที่กตัญญู
เด็กหนุ่มผู้นี้นับเป็นคนดี...