บทที่ 51 บนยอดเขา
"การแข่งขันนัดเดียวตกรอบกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!"
จีเทียนและตัวแทนทั้งสามต่างกำลังนั่งลง แต่กรรมการเห็นสถานการณ์ที่ด้านของเจียงอี้และทำอะไรไม่ได้นอกจากประกาศเริ่มการแข่งขันอย่างรวดเร็ว
"เจียงหง?? ทำไมเขาถึงอยู่บนเวที?"
เจียงหยุนซานและเจียงหยุนเหอรู้ดีว่าใครคือเจียงหง เจียงหยุนเฉอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและมองตาเจียงหยุนซาน พวกเขาสองคนรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น
"หวด!"
ร่างกายของเจียงอี้แสดงปฏิกิริยาเมื่อเจียงหงพูดจบ มือของเจียงอี้พุ่งกำปั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เขาตรงเข้าไปบีบคอเจียงหง จากนั้นก็ยกร่างของเจียงหงขึ้นไปบนอากาศ
เจียงอี้จ้องไปที่เจียงหงด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างยิ่ง จิตสังหารออกมาจากร่างของเขาจนทำให้ทุกคนรอบเวทีรู้สึกหายใจไม่ออก เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมเสียงของเขาและถามออกมาว่า "เจ้าพูดว่าอะไรนะ? พูดมันออกมาอีกที!"
"แค่ก แค่ก!"
เจียงหงถูกบีบคอจนหายใจอย่างติดขัด เขาจะพูดได้อย่างไร เขาไออย่างต่อเนื่องและชี้ไปที่มือของเจียงอี้ แสดงให้เจียงอี้คลายมือของเขาออกก่อน
เจียงอี้ไม่ได้ปล่อยมือของเขาแต่กลับกระแทกร่างของเจียงหงลงบนเวทีอย่างโหดเหี้ยมแทน จนทำให้เวทีนั้นสั่นคลอน เจียงอี้ต่อยอย่างโหดเหี้ยมไปที่ใบหน้าของเจียงหงจนจมูกของเขาเลือดออกอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้งว่า "เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวนู๋ พูดมันออกมา! มิฉะนั้นข้าจะอัดเจ้าให้แหลกคามือ!"
เมื่อเห็นว่าหมัดของเจียงอี้กำลังจะลงมาอย่างหนักอีกครั้ง เจียงหงก็ตอบอย่างหวาดกลัวว่า "ตอนนี้เจียงเสี่ยวนู๋ไม่เป็นไร เจ้าควรรีบไปที่เขาชีซาน ไม่เช่นนั้นจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง หยุดตีข้าเถิด…ข้าเป็นเพียงผู้ส่งสาร"
"บูม!"
ครั้งนี้หมัดของเจียงอี้ซัดไปอย่างหนักและเต็มไปด้วยพลังจนหัวของเจียงหงทรุดเข้าไปกับพื้นไม้ของเวที
"หวด!"
จากนั้นเจียงอี้ก็บินลงไปข้างล่างเวที แล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขาข้ามหัวคนจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วรีบตรงไปยังตำหนักตระกูลเจียง
"ฮะ?"
ทุกคนตกใจ เจียงอี้หมายความว่าอย่างไร คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้ยอมแพ้ คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้ลงจากเวที แต่เขากลับกระโดดลงจากเวทีก่อนใช่หรือไม่? ใครชนะกัน? ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันรอบนี้เพิ่งเริ่มขึ้นและเขาก็จากไปโดยไม่ทิ้งคำพูดใดๆไว้เลย เขาเตรียมที่จะถอนตัวออกจากการแข่งขันอย่างนั้นหรือ?
คิ้วสีเทาของกรรมการในเสื้อคลุมที่สวยงามขมวดคิ้ว เมื่อเขาเห็นเจียงอี้วิ่งออกไปหลายสิบเมตรเขาก็ตะโกนว่า "536! นั่นเจ้ากำลังทำอะไร กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดสิทธิ์เจ้า!"
เจียงอี้ไม่ได้หยุดวิ่งและเขาไม่หันหลังกลับ เขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่อพุ่งไปยังตำหนักตระกูลเจียง กรรมการก็ได้ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง "ข้าจะพูดซ้ำอีกรอบ! กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกพิจารณาการตัดสิทธิ์ในการแข่งขันของเจ้า!"
ในที่สุดเจียงอี้ผู้ซึ่งอยู่จนเกือบสุดขอบจัตุรัสก็หยุดและมองกลับไป เขาตะโกนตอบกลับว่า "ไม่จำเป็นต้องตัดสิน! ข้าไม่เข้าร่วมการแข่งขันนี้อีกต่อไป!"
"ว้าว!"
ในขณะที่พวกเขาเห็นร่างของเจียงอี้หายไปลับตา ความโกลาหลครั้งใหญ่ปะทุขึ้นทั่วทั้งเมือง แม้แต่ผู้ที่มีอิทธิพลที่อยู่บนอัฒจันทร์ของผู้ชมก็ต่างพากันตกตะลึง
เจียงอี้ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดไปแล้วเมื่อวานนี้ เขาเสี่ยงชีวิตของเขาที่จะบดขยี้สิ่งกีดขวางจากตระกูลหม่า แถมเขายังเอาชนะหนึ่งในสิบอันดับอัจฉริยะ...หม่าเฮยฉีและได้รับชัยชนะยี่สิบครั้งติดต่อกัน
เจียงอี้ผ่านอุปสรรคนั้นมาแล้ว ไม่มีตระกูลใดเตรียมที่จะขัดขวางเขา…ไม่จนกว่าเขาจะได้รับชัยชนะเก้าสิบครั้งติดต่อกัน ในวันสุดท้ายที่ทุกตระกูลต่างก็จะเป็นพันธมิตรกันและส่งผู้ขัดขวางที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าเจียงอี้สามารถชนะต่อไปและสู้สำเร็จจนวันสุดท้าย เขาอาจจะได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันและได้รับตำแหน่งศิษย์จากสำนักจิตอสูร
แต่ตอนนี้ เขาบอกว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันอีกต่อไปแล้วจริงๆหรือ? เมื่อวานนี้เขาใช้ชีวิตของเขาเป็นเดิมพันเพื่อให้ได้ชัยชนะยี่สิบครั้งติดต่อกัน แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการมันแล้ว
ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้นแน่ๆ!
นั่นคือความคิดที่ปรากฏในใจที่นับไม่ถ้วนของคนที่อยู่ในงาน แต่สิ่งใดที่สำคัญกว่าพิธีการรับศิษย์ของสำนักจิตอสูรกัน? เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของโถงวรยุทธหรือ? เขาไม่ใช่คนของตระกูลเจียงหรือ? ทำไมเขาไม่ขอให้ใครสักคนไปช่วยเขา? ทำไมเขาถึงฝืนยอมแพ้การแข่งขันครั้งนี้กัน?
ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จีทิงยวี่แสดงสีหน้าที่สงสาร ในขณะที่เจียงเฮิ่นซุ่ยยิ้มเยาะและเหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนก็ได้แต่เกาหัว กรรมการทั้งสามและจีเทียนก็อยู่กับความสงสัย แม้แต่เจียงหยุนซานก็ไม่เข้าใจ แต่เขาก็มองตากับเจียงหยุนเฉอและปล่อยรอยยิ้มที่มีเจตนาซ่อนเร้นออกมา
"หยุนเฉอ ให้ใครสักคนออกไปสืบเรื่องนี้ซะ!" เจียงหยุนซานสั่งเจียงหยุนเฉอ และเขาก็พยักหน้าและเดินออกจากศาลาไป เขามองหาทหารยามของตระกูลและกระซิบคำสั่ง "เจียงฉี ตามมันไปและสืบเรื่องที่เกิดขึ้น จำไว้ว่า...ปล่อยไปตามสถานการณ์ หากมีโอกาสที่จะกำจัดเจียงอี้ออกไป อย่าให้เหลือร่องรอยล่ะ!"
เห็นได้ชัดว่าทหารยามผู้นี้อยู่ฝ่ายเดียวกับเจียงหยุนเฉอ เขาอายุประมาณสามสิบปี แต่พลังของเขาอยู่ที่ขั้นแรกของขอบเขตจื่อฝู่และไม่ถือว่าแข็งแกร่งนัก แต่ถ้ามันจะเอาไว้จัดการกับเจียงอี้ มันก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว
"หม่าหยิ่น เจ้าจงไปสืบด้วยเช่นกัน หม่าเฟยไปหาเฮยฉีตั้งแต่เมื่อวานนี้และข้าไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ อย่าปล่อยให้สิ่งต่างๆนอกลู่นอกทางไปอีก!" ในอีกด้านหนึ่ง พ่อของหม่าเฟย หม่าหย่งจี๋สั่งให้ทหารยามตระกูลหม่าตามไปด้วยเช่นกัน ชายผู้นั้นก็เดินไปข้างหลังและหายเข้าไปในตรอกทันที
"ท่านประมุข ท่านประมุข! มีบางอย่างเกิดขึ้นขอรับ!"
ณ โถงวรยุทธ ผู้ดูแลหยางได้ประชุมฉุกเฉินกับประมุขโถงวรยุทธและอธิบายสถานการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นกับเจียงอี้ ประมุขโถงวรยุทธพึมพำกับตัวเองและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “เด็กคนนี้ไม่รู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ เขาจะยอมแพ้ต่อโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไร และทำให้ข้าต้องสูญเสียเม็ดยาที่มีค่าของข้าไปอย่างมากมาย เห้อ…ส่งคนไปดูเขา ตอนนี้เขาแพ้เดิมพันแล้ว เขาต้องเป็นทาสของโถงวรยุทธชั่วชีวิต หากเขาตายมันจะเป็นการขาดทุนแก่โถงวรยุทธ”
เมื่อเจียงอี้ออกไป ก็ทำให้ทั้งสามฝ่ายต่างตื่นตระหนก ในฐานะที่เป็นผู้ทำให้สถานการณ์ของเมืองเทียนอวี่ทั้งหมดอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำการเคลื่อนไหวที่โดดเด่นใดๆและทำได้เพียงส่งผู้คนไปตามดูเจียงอี้เท่านั้น
จัตุรัสในเมืองคืนความสงบอย่างรวดเร็ว มีหลายคนที่รู้สึกว่ามันน่าเสียดาย แต่ก็มีคนที่ตื่นเต้นมากกว่าเดิม เมื่อเจียงอี้ออกจากการแข่งขันไป พวกเขาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้แล้ว
หลังจากได้เห็นความเข้มข้นของการแข่งขันเมื่อวานนี้ มีช่วงเวลาที่ไม่มีใครกล้าท้าประลองการแข่งขัน อันที่จริงแล้วนายน้อยของตระกูลเฮ่อ เฮ่อเตามีความเสียใจเนื่องจากการแข่งขันนัดเดียวตกรอบนี้ยากเกินไป
หากปราศจากเจียงอี้แล้ว การแข่งขันก็ค่อนข้างเรียบง่ายและไม่รุนแรงเหมือนเมื่อวาน การแข่งขันนัดเดียวตกรอบเป็นเพียงการแสดงทักษะและทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนเผลอหลับ ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่คิดถึงเจียงอี้และได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาจะไปที่ไหนได้บ้าง
"หวด!"
เจียงอี้เดินลัดเลาะไปไวดังสายลมและวิ่งตรงไปยังตำหนักตระกูลเจียง เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่มุ่งหน้าไปยังยอดเขาของเขาซีชานแทน
ในสายตาของทุกคน ตำแหน่งศิษย์สำนักจิตอสูรนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งใด แต่เจียงอี้ไม่ได้สนใจอะไร หากไม่ใช่ความคิดที่จะหลบหนีจากเมืองเทียนอวี่ไปกับเสี่ยวนู๋ เขาคงจะไม่สนใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ และตอนนี้เสี่ยวนู๋กำลังมีปัญหาและหากนางตาย มันจะมีความหมายอะไรที่เขาจะได้ตำแหน่งนั่นกัน
เขารู้ดีว่าทางไปเขาซีชานนี้จะมีคนหลายคนกำลังซุ่มโจมตีอยู่ โดยรอให้เจียงอี้มาถึงและรับความตายของเขา เขาไม่กลัวความตาย เขามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตใครบางคนและนั่นจะไม่ทำให้เขาไปสู่ความตายในตอนนี้
มีการซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้า!
เขาขึ้นไปครึ่งทางแล้วเขาหยุดและไหลเวียนแก่นแท้พลังสีดำไปที่หูของเขาซึ่งทำให้ความสามารถในการได้ยินของเขาอยู่ในระดับที่น่ากลัว เหตุผลที่ทำให้เขาหยุดเพราะเขาได้ยินเสียงลมหายใจเบาๆ จากไม้พุ่มทางด้านซ้ายประมาณสามเมตร
ดวงตาของเขาเปิดเผยจิตสังหารในขณะที่เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาและแอบไปที่ด้านข้างของพุ่มไม้ พร้อมดาบสั้นสีนวลในมือและจากนั้นก็กระโดดเข้าไปด้านในของไม้พุ่ม
"อ๊าาา!"
ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้รู้สึกถึงจิตสังหาร เขาเงยหน้าขึ้นทันทีและเห็นดาบสั้นแทงไปที่เขาอย่างเย็นชา เขาตื่นตระหนกและกรีดร้อง
"ฟุ่บ!"
ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของเขา ดาบสั้นของเจียงอี้ก็แทงเข้าไปที่คอของเขาอย่างโหดเหี้ยม เขามองเจียงอี้ด้วยความกลัวและยื่นมือไปชี้ที่เจียงอี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อ เจียงอี้กล้าที่จะฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลเลยจริงๆ!
"ปัง!"
หลังจากเจียงอี้ฆ่าศัตรูของเขาแล้ว สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขายกขาของเขาขึ้นและถีบศัตรูของเขาออกไปพร้อมกับดึงดาบสั้นของเขาออกมาอย่างเย้ยหยัน "เจียงเป่า เจ้าอาจไปก่อนคนแรก..พ่อแม่ของเจ้าจะได้รับการดูแลโดยตระกูลเจียงในนามของเจ้า"
เจียงอี้หายใจเข้าเต็มปอด แต่เดิมเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร แต่เมื่อเขาเห็นว่ามันคือเจียงเป่าที่นั่งยองๆอยู่ภายในพุ่มไม้ ดาบสั้นของเขาก็ไม่ลังเลที่จะแทงคอของเจียงเป่าเลย เห็นได้ชัดว่าเจียงเป่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวของเจียงเสี่ยวนู๋ ไม่เช่นนั้นเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายเจียงเสี่ยวนู๋ เจียงอี้จะฆ่าคนคนนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม!
"อั้กก..."
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็โค้งร่างกายของเขาและอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง เขาไม่ใช่นักฆ่าแต่กำเนิด เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเขาลงมือฆ่า แต่มันก็ต่างกันสิ้นเชิง
เมื่อเจียงอี้มองเห็นดวงตาที่ตายแล้วของเจียงเป่ากับเศร้าโศกที่เหลืออยู่และเลือดลำคอของเขาพุ่งออกมา ร่างกายของเจียงอี้สั่นด้วยความกลัว
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดอาเจียน เขาเช็ดปากของเขาแล้วเดินต่อไปทางยอดเขา หน้าของเขาซีด แต่ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นความเย็นชาอีกครั้ง ในขณะที่หูของเขากำลังฟังทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียง ย่างก้าวของเขาคล่องแคล่วแม่นยำมากขึ้น
มีคนอยู่ที่นี่!
เขาสังเกตเห็นผู้ซุ่มโจมตีอีกคน เขาเดินลอบไปได้อย่างง่ายดายและเห็นคนของตระกูลเจียงซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้อย่างชัดเจน ในครั้งนี้เขาไม่ได้ฆ่าใคร แต่ใช้หมัดเดียวในการจัดการผู้นั้น จากนั้นเขาก็แทงและเจาะไปที่ตันเทียนของผู้นั้น
เจียงอี้คิดว่าไม่ใช่ทุกคนที่เกี่ยวข้องในวันนี้จะต้องตาย แต่พวกเขาต้องชดใช้ความผิดของพวกเขา
เมื่อเขาปีนขึ้นไปบนเนินเขา เขากำจัดศัตรูที่ซุ่มโจมตีทั้งหมดและถูกกำจัดตันเทียนโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ
"ทำไมถึงไม่มีสัญญาณอะไรเลย? เจียงอี้มันจะไม่มาจริงๆเหรอ?"
"พี่หลง, พี่หู่ เราจะส่งคนไปดูมั้ยขอรับ?"
"นั่นสิขอรับ สาวน้อยผู้นี้เป็นเพียงสาวรับใช้ เจียงอี้จะสละอนาคตของเขาเพื่อนางหรือขอรับ?"
"ไม่จำเป็นต้องรีบ รอก่อน เจียงอี้คอยดูแลเด็กนี่อยู่เสมอ เขาจะมาที่นี่แน่นอน!"
ก่อนที่เขาจะไปถึงยอดเขา เจียงอี้ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยมากมายซึ่งทำให้ดวงตาของเขาเย็นชายิ่งขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองจากพุ่มไม้และเห็นเจียงหยูหลง เจียงหยูหู่และคนอีกมากกว่ายี่สิบคน จิตสังหารในแววตาของเขาไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป
เสี่ยวนู๋!
หัวใจของเขาเปล่งเสียงคำรามเมื่อเขาเห็นร่างบอบบางของเจียงเสี่ยวนู๋ถูกห้อยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ดวงตาของนางถูกปิดอย่างแน่นหนา ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งไม่รู้เลยว่านางตายหรือเพียงแค่สลบไป หัวใจของเขาลุกฮือเหมือนเปลวไฟอันแรงกล้าและสั่นไปทั้งตัว แต่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเพราะหูของเขาได้ยินคนจำนวนมากกำลังซ่อนตัวอยู่ในป่า
ทำไมถึงมีผู้คนมากมายเช่นนี้?
เจียงอี้หันกลับมาพร้อมกับอดกลั้นความอยากที่จะวิ่งออกไปและฉีกร่างเจียงเจียงหยูหลงและพวกมันที่เหลือออกเป็นชิ้นๆ เขาก้าวถอยหลังและเลี้ยวไปที่อีกด้านหนึ่งของป่าเพื่อสอดแนม
ไม่สำคัญว่าเจียงเสี่ยวนู๋จะตายหรือยังไม่ตาย ทุกคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์บนเขาซีชานนี้ เจียงอี้นับว่าพวกเขาเป็นคนที่ตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย