Chapter 113 – Black Market Tenth Shopping (3) [01-02-2020]
Chapter 113 – Black Market Tenth Shopping (3)
”
ซังจินได้แกล้งไอออกมาสองครั้ง เขาภูกมองโดยเซรินที่ได้เปลื่ยนทัศนคติไปอย่างกะทันหัน
"อา...ฉันหมายความว่าโอเค ฉันจะหลีกเลี่ยงคำที่เป็นทางการหลังจากนี้"
"ช่วยทำด้วย โอปป้า"
เริ่มจากการที่เรียกโอปป้ามันน่าอึดอัดมาก ดังนั้นซังจินจึงพยายามที่จะโยงไปเรื่องอื่น
"แล้วในก่อนหน้านี้....ได้มีคนเรียกฉันไปเพราะว่าอยู่ในอันตราย เธอเป็นผู้ถูกเลือกคนอื่นๆเหมือนกับเธอ และเธอก็อยู่ในอันตราย"
"อาใช่...ฉัน...ฉันก็เห็นเช่นนั้น"
แต่ว่าเซริรนก็ได้แสดงออกอย่างมืดมนในขณะที่ตอบกลับมา ซังจินได้นึกไปถึงเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้
'เฮ้นายหน้าอก นายบอกว่าให้ฉันเรียกนายเมื่อมีปัญหาใช่ไหม? ตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหา'
เขาได้เอามือไปจับหน้าผาก
'โอ้ ใช่แล้ว...'
ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงสถานการณ์มันก็ไม่ได้ดีสำหรับเขา ซังจินจึงเปลื่ยนเรื่องไปอย่างรวดเร็ว
"อา เอาหละ...แล้วมันเป็นยังไงบ้างหละตั้งแต่ที่เราแยกกันที่หุบเขา"
"ฉันได้รวบรวมหนังสืออย่างที่โอปป้าบอก ทั้งหมดสามเล่มมันได้รวมกันแล้ว"
เธอได้หยิบเอาหนังสือออกมาจากกระเป๋า ที่หน้าปกมันเขียนเอาไว้ว่า หนึ่งพันหนึ่งราตรี
'อย่างที่ฉันคิดเลย...เธอเป็นคนที่ทำมัน'
เขาได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เธอยังคงอธิบายต่อไป
"หลังจากที่ฉันได้รับส่วนที่สอง ฉันได้สะสมเหรียญให้มากขึ้น ฉันได้เก็บจนมันครบ 5000 เหรียญอย่างรวดเร็ว แต่ว่าฉันได้รออยู่อีกสักหน่อยก่อนที่จะซื้อและในขณะที่ฉันกำลังตรวจสอบร้านประมูล..."
ซังจินได้ต่อคำพูดของเธอ
"และเธอก็ได้ซื้อกระเป๋าลับใช่ไหม?"
"โอใช่แล้ว นายรู้ได้ยังไง?"
"ฉันเป็นคนที่นำมันไปขาย"
"จริงอะ?"
ตาของเซรินได้เบิกกว้างและปากก็ได้อ้าเป็นรูปตัวโอ ซังจินก็ได้คิดขึ้น
'เธอสามารถจะทำหน้าเหมือนได้เลยหละ'
เธอมีใบหน้าโป๊กเกอร์อยู่ตลอดเวลาซังจินเคยเห็นเธอมาก่อน แต่ในตอนนี้เธอกำลังทำตัวเหมือนกับผู้หญิงปกติวัยสี่สิบ
เขาได้เห็นใบหน้าของเธอในโปสเตอร์และโฆษณา รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์ แต่ว่าเขาก็เห็นเห็นตัวของเธอจริงๆแล้ว ซังจินได้ตอบกลับไปอย่างใจเย็น
"ใช่แล้ว เธอสามารถจะบอกได้โดยการดูฉายาของคนขาย มันไม่ใช่สุดยอดนักล่างั้นหรอ?"
"ไม่ ฉันได้ซื้อมันจาก...นักล่าสมบัติ..."
ซังจินได้นึกย้อนกลับไปในความทรงจำของเขา เขามีข้อมูลเพียงพอและเคยใช้ฉายานักล่าสมบัติในช่วงเวลานั้น
"อา...ใช่แล้ว ตอนนั้นมันยังเป็นนักล่าสมบัติ ฉันจะเปลื่้ยนฉายาของฉันไปบางครั้ง"
"อา..."
"แล้วเธอได้รับชิ้นที่สองหรือสามหละ"
"ใช่แล้ว ความจริงฉันกังวลมาก แต่ฉันก็โชคดี ฉันได้รับส่วนที่หนึ่งจากกระเป๋า ดังนั้นฉันจึงได้ไปซื้อส่วนที่สามจากพ่อค้าแพะและมันก็สมบูรณ์
"แล้วมันมีผลยังไงบ้างหละ?"
"เยี่ยมมาก มันแข็งแกร่งพอที่จะใช้เอาชนะบอสได้อย่างง่ายมาก และ...ถ้าพวกเรามั่นใจมันก็สามารถจะจัดการบอสลับได้เลย"
"จริงหรอ? แล้วบอสอะไรเธอสามารถจะเอาชนะได้?"
"หมู่บ้านดาร์คเอลฟ์และหอคอยจอมเวทย์ ทั้งสองอย่างนี้"
ตอนที่เขาเห็นเธอสวมแหวน "คิเมโร่ - แหวนแห่งการผสมสัตว์" บนนิ้ว เมื่อเขาเห็นเธอใส่เช่นนี้มันเหมือนกับการใส่แหวนคู่
"ฉันรู้...."
ซังจินได้หยักหน้า
"แล้วในการจู่โจมนี้ ฉันได้วิ่งเข้าไปหาฆาตกร แต่ว่าเมื่อพวกเราได้ไปถึงตำแหน่งของชิ้นส่วนลับ...."
"ชิ้นส่วนลับ...เธอได้ทำอะไรกับหัวใจมังกร"
"อายั่ย...ฉันตัดสินใจที่จะให้ช่างตีเหล็กเอามันมาไปลูกธนูของฉัน
ซังจินยังคงคุยกับเซรินเกี่ยวกับการจู่โจมไปเรื่อยๆ ในตอนแรกเขาอึดอัดใจ แต่ตอนนี้ลึกๆเข้ารู้สึกถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ถามเธอออกมมา
"ในตอนนี้ฉันพึ่งนึกออก...โอปป้าบอกฉันว่าหลังจาก..."
"อืมมม? ฉันได้พูดอะไร?"
"ถ้าเราพบกันอีกครั้ง นายจะบอกชื่อจริงๆ"
ซังจินได้หยักหน้า
"โอใช่แล้ว นันคือเรื่องจริง"
"แล้ว นายขื่ออะไรหละ?"
ซังจินได้หายใเขาและนี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดชื่อจริวอีกครั้งหลังจากย้อนเวลามา
"ซังจิน"
"ซังจิน?"
"ใช่แล้ว"
"นามสกุลหละ?"
"นั่นมัน...."
ซังจินเม้มริมฝีปาก เมื่อเขาได้มองไปที่เซรินเขาก็ได้นึกออกว่าทำไมเขาถึงจะต้องใช้นามแฝงและซ่อนตัวตนของตัวเอง
"เรื่องนั้น...ฉันจะบอกเธอเมื่อการจู่โจมจบลง"
"ทำไม?"
เหตุผลที่เขาใช่นามแฝงนั้นง่าบมาก เพราะว่าการที่จะใช้ชื่อจริงมันจะทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น และการที่ดูคนใกล้ตัวตายไปมันจะทำให้เจ็บปวด
ในอดีตซังจินได้บอกชื่้อกับทุกคนอย่างเป็นมิตร แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่
'ช่วยด้วย ซังจิน'
'ซังจินวิ่ง'
พวกเขาได้เสียชีวิตในขณะที่กรีดร้องเรียกซังจิน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่บอกชื่อจริงออกไป
หากว่าเขาใช้นามแฝงมันจะทำให้เกิดความรู้สึกห่างเหินจากผู้อื่น ดังนั้นซังจินจึงหลีกเลี่ยงที่จะบอกชื่อกับคนอื่นๆจนถึงตอนนี้ ซังจินได้มองไปที่ดวงตาของเซรินและพูดออกมา
"เอาหละ..."
ซังจินได้คิดขึ้น
'ฉันไม่ต้องการที่จะดูเธอตายไปในขณะที่กรีดร้องชื่อของฉัน'
แต่เขาก็ไม่สามารถจะพูดเช่นนี้ออกไปได้
"ฉันมีเหตุผลของฉันนะ"
"เหตุผล?"
"...เธอจะพบมันเองเมื่อการจู่โจมมันยังคงดำเนินต่อไป"
ซังจินไม่ได้คิดอะไรในขณะที่พูดแบบนี้ แต่ว่าเซรินก็ได้รู้สึกถึงบางอย่างเองและพูดออกมา
"...มันแปลกมาก โอปป้าดูเหมือน...พูดราวกับว่านายได้ทำมันทั้งหมดมาก่อนแล้ว"
ตาของซังจินได้เบิกกว้างขึ้น
"ฉัน?"
"ใช่แล้ว แม้แต่ในตอนที่เราเจอกันครั้งแรก...จนถึงตอนนี้..."
ซังจินได้สะดุ้งเล็กน้อย แต่ว่า
'ก่อนหน้านี้ ฉันได้เป็นนักล่าที่รอดเป็นคนสุดท้ายและได้รับโอกาสที่สอง'
เขาไม่สามารถจะบอกกับเธอเช่นนี้ได้ เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่แสดงความรู้สึกออกไป
"อืม...ฉัยว่าที่มันเป็นเช่นนี้ เพราะว่าฉันแข็งแกร่ง แต่ว่าใครกันหละที่จะเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นได้บ้าง?"
แต่เธอก็ได้กล่าวเสริมขึ้นมาอีก
"โกหก"
"อะไรนะ?"
เธอได้ปัดผมของเธอออกเพื่อที่จะแสดงบางอย่างออกมา ที่หูของเธอมีตุ่มหูสีม่วงซ่อนอยู่
'ดวงตาแห่งเจรามิท'
ซังจินทำได้เพียงแค่อ้าปากค้าง ต่างหูอันนี้มันไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากไอเทมที่จะสามารถช่วยอ่านใจได้
"ฉันได้สัมผัสมันก่อนที่จะถามมันออกมา โอปป้าฉันขอโทษด้วยที่อ่านความคิดของคุณ ฉันไม่อยากจะทำเลย..."
ซังจินได้จับไปที่หน้าผาก ก่อนหน้านี้เธอก็ได้บอกเขาแล้วว่าเธอได้จัดการบอสลับของเมืองดาร์ดเอลฟ์ไป เขาก็ควรจะตระหนักได้ว่าเธอก็คงจะได้ค้นหาไปทั่วแมพและพบกับชิ้นส่วนลับเช่นกัน
"แต่เมื่อคิดถึงมัน ความแข็งแกร่งมันเป็นอีกเรื่อง โอปป้าได้วิ่งไปข้างหน้าและฆ่าบอสในทันทีที่การจู่โจมเริ่มขึ้น จากนั้นก็รู้เกี่ยวกับบอสลับที่ซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในแมพ ทั้งหมดนี้มันน่าสงสัย และไหนจะเรื่องหน้ากาก หนังสือ และการข้ามมิติในตอนนี้อีก โอปป้าคุณรู้มากเกินไปกว่าคนที่มาที่นี่ครั้งแรก"
"แล้วเธอได้อ่านความคิดของฉันไปไกลแค่ไหน?"
"จนถึงตอนที่โอปป้าบอกว่าคุณเป็นนักล่าคนสุดท้ายที่รอดอยู่และได้รับโอกาสที่สอง"
ถ้าเธอได้ยินมาจนถึงตอนนั้นเธอก็ได้รู้จนเกือบหมดทุกอย่างแล้ว เธอยังคงพูดต่อไปในขณะที่ซังจินยังคงกุมขมับ
"แต่ ฉันหมายความว่า....โอปป้าไม่จำเป็นจะต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะพูดออกมาว่าโอปป้าคือนักล่าคนสุดท้ายที่ได้กลับมาและพบายามที่จะเคลียการจจู่โจมนี้"
ซังจินได้คิดถึงสิ่งที่เธอพูด แน่นอนว่าเธอพูดไม่ผิดถ้าหากว่าคนที่เขาบอกก็คือคนที่เขาสามารถจะไว้ใจได้ เธอได้เอานิ้วมาชี้ที่ริมฝีปากและพูดออกมา
"นั่นมันหมายความว่า...ในการจู่โจมรอบสุดท้าย...ฉันได้ตายไปแล้ว...?"
ซังจินได้ยอมแพ้และบอกกับเธอไป
"ใช่แล้ว เธอจะต้องตาย ฉันไม่รู้ว่ามันไกลแค่ไหน....แต่แม้แต่ฉันก็ยังตจาย มนุษย์ทั้งหมดได้ตายไป"
"เข้าใจแล้ว..."
เธอได้หยักหน้ารับ เธอยังคงสงบแม้ว่าจะได้ยินความจริงเช่นนี้ เหตุการณ์นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้เธอประหลาดใจเลย
'แล้ว...ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นจะต้องเก็บเป็นความลับอีก'
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเก็บมันเอาไว้อย่างแรกก็เป็นเพราะเขาคิดว่าคงจะไม่มีใครเชื่อเขา แยากที่สองคือเขากลัวว่าคนอื่นๆจะคิดว่าเขาบ้าและสามเพราะการได้ยินว่านี่ไม่ใช่การจู่โจมครั้งแรกมันอาจจะทำให้เกิดการช็อคขึ้นได้
แต่ว่าเธอได้เชื่อเขา เธออาจจะคิดว่ามันแปลกและเธอก็ไม่ได้รับผลกระทบจากความจริงนี้ ซังจินจึงได้ตัดสินใจที่จะบอกเธอ
"เอาหละ ช่วยเก็บมันเอาไว้เป็นความลับจากคนอื่นๆด้วย เธอนะไม่เป็นไร...แต่ว่ามันอาจจะสามารถทำให้คนอื่นช็อคได้"
"โอเค โอปป้า"
"และฉันก็ได้บอกเธอไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่จำนวนคนของการจู่โจมจะลดลงไปเรื่องๆ เอาหละ การมีคนมากๆมันเป็นเรื่องดี....แต่ว่าเราไม่สามารถจะช่วยทุกคนได้"
เซรินได้หยักหน้า เธอควรจะได้เห็นความตายหลายๆแบบมาแล้วในก่อนหน้านี้
"ในครั้งนั้นเหลือ 1000 คนที่ยังรอด จากนั้นก็ 100 จากนั้นก็50 และจากนั้นจำนวนก็ได้ลดลงมาเรื่อยๆจนเหลือ 10 คนสุดท้าย...แต่ว่ามันก็ได้มีการทะเลาะกันภายในและพวกเราก็จบลงล้มเหลว"
เซรินได้ฟังซังจินพูดอย่างเงียบๆ
"ดันนั้นแผนการของฉันจึงมีดังนั้ ค้นหาเพื่อนร่วมทีมที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ 10 ึราุดท้ายและทำลายการจู่โจมสุดท้าบ กล่าวอีกนัยนึงก็คือผู้ที่ถูกเลือกก็จะเป็รเช่นเดียวกับที่ฉันเลือกเธอ
เมื่อได้ฟังซังจินพูด เซรินก็ได้ชี้ไปที่หัวของเธอ
"อา ฉายานี้มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ขอบคุณสเตตัสของโอปป้าที่สูงมาก...ฉันจึงไม่จึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลกับการตายไปพักหนึ่ง"
"ถ้าเธอโชคไม่ดีก็โทรหาฉันนะ"
"ใช่แล้ว และอย่างที่เธอเห็น ฉันอายากจะให้ทุกคนได้พบกันเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ว่า..."
ซังจินได้คิดอยู่ครู๋หนึ่งคอนนี้พวกเขากำลังมองหาวิธแก้ปัญหา
"ฉันพยายามที่จะค้นหาสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามฉันจะไปช่วยหาตัวคูรมาให้คนอื่นๆ "
เซรินได้กล่าวออกมาอย่างกะทันหัน
"ฉันรู้แล้ว ฉันคิดว่ามันเกเป็นไอเดียที่ดีเลยนะโอปป้า"
ซังจินได้จิบกาแฟและพูดออกมา
"ฉันหมายความว่า...เอาหละ...สิ่งที่ดีที่สุดก็คือสิ่งที่ทำได้ จับต้องได้"
"เข้าใจแล้ว แล้วมันมีอะไรที่สามารถจะช่วยโอปป้าได้บ้างหละ"
"อย่างแรกจงแข็งแกร่งขึ้น และยิ่งเธอแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็จะสามารถช่วยทีมได้มากเท่านั้น"
"โอเค แล้ว?"
สิ่งที่ซังจินพูดออกมานั้นชัดเจนมาก เนื่องจากว่ามีนเป็นการอยู่รอดชีวิต ซังจินได้พยายามคิดไปลึกๆ บางอย่างที่เธอสามารถจะช่วยเขาได้ แล้วในที่สุดเบสโกโร่ที่เงียบมาตลอดเวลาก็ได้พูดขึ้น
'นายกำลังพูดอะไร เค? ลองขอให้เธอเรียกตอนกลางคืนสิ มันมีหลายอย่างที่จะทำได้หลังจากการจู่โจม'
ซังจินได้ถอดเขาออกมาในทันที ซังจินได้ลืมเรื่องเกี่ยวกับเขาไปเพราะการเงียบที่ยาวนานของเขา
'ฮ่าห์...'
ซังจินได้ถอนหายใจและบอกกับเธอ
"สิ่งที่นายสามารถจะช่วยฉันได้..."
ในตอนนี้เขาได้คิดไปถึงการซือดาบบลัดเวเจนแทนเขา
"ที่ลาทเอจ...ฉันมีบางสิ่งที่อยากจะต้องดูแลพวกนั้น"
"โอเค โอปป้า"
เซรินได้เดินตามมา ซังจินได้เดินไปที่ตลามืดพร้อมกับเซริ จากนั้นซังจินก็ได้นึกบางอย่างออก
"โอ้ใช่แล้ว เซรินยังไงซะ...."
เซรินได้มองขึ้นไปที่ซังจิน
"ถ้าหากว่าเธอเห็นใครบางคนที่มีชื่อว่าเอ็ดหรือเอเดรี่ยน คุณจะต้องจัดการเขา เขาเป็นคนที่เป็นฆาตกร ข้วยฆ่าเข้าที เขาเป็นคนผมลอนด์และใช้เวทมนตร์ ฉายาของเขาน่าจะเป็น...สุดยอดจอมเวทย์"
"สุดยอดจอมเวทย์เอ็ด...แต่ทำไมหละ"
ใบหน้าของเขาได้เริ่มแข็งขึ้นในขณะที่จะพูดออกมา
"คนๆนั้น...เขาได้ยิงเวทย์ไปที่ด้านหลังเพื่อนในวินาทีสุดท้าย"