Chapter 111 – Black Market Tenth Shopping [28-01-2020]
Chapter 111 – Black Market Tenth Shopping
”
ซังจินได้ถูกเทเลพอตมาที่ตลาดมืดพร้อมๆกับเสาแสง การจู่โจมมันได้จบลงไปแล้ว
'ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะได้เคลียบอสตัวเดิมไปถึงสามครั้ง...'
ซังจินได้ไปนั่งอยู่ที่ร้านของซุยราน จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ได้พูดกับเชส
[ขอแสดงความยินดีด้วยกับนักล่าทุกคนที่สามารถจะข้ามผ่านบทที่ 10 มาได้]
ซังจินได้ลุกขึ้นและมองไปที่ลูกบาศก์
[การจู่โจมถัดไปจะเริ่มในอีกสองวันต่อจากนี้ วันนี้และวันพรุ่งนี้ก็คือช่วงเวลาแห่งการผักผ่อนและจัดการกับธุระของตนเอง]
'อา...ใช่แล้ว'
มันมีเวลาพักผ่อนสองวันก่อนที่การจู่โจมจะเริ่มขึ้น ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาไม่ได้สนใจมันมากนักเนื่องจากเขาต้องการที่จะเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ในตอนนี้เขาจะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นซุยรานก็ได้เดินเข้ามาหาเขา
"คุณต้องการจะรับอะไร ท่านนักล่า"
ซังจินได้ครุ่นคิดถึงเมนูอาหารของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ซังจินได้ตกอยู่ในลาวาที่ร้อนแรงมานานมากในก่อนหน้านี้ ซังจินจึงถามเธอกลับไป
"เธอพิจะมีโค๊กไหม?"
"แน่นอน พวกเรามี"
"ถ้านั้นเอาโค๊ก"
"โอเค ได้แล้วหละ"
ซุยรานได้นำแก้วน้ำโค๊กมามอบให้แกซังจินพร้อมกับก้อนน้ำแข็งเย็นๆ ซังจินได้ดื่มมันลงไปอย่างหิวกระหาย
"ฮ่าห์...มันเยี่ยมมาก"
การดื่มโค๊กมันเหมือนกับจะทำให้ความร้อนและความเมื่อยล้าหมดไป ซังจินได้วางโค๊กไว้ข้างๆในขณะที่ตรวจสอบไอเทมที่ได้รับมาในรอบนี้
"โอเปอเรเตอร์ส่งไอทมทุกอย่างที่ได้มาในรอบนี้มาให้ฉัน...ยกเว้นผลไม้วิวัฒนาการและก็หินเอนชานต์"
โอเปอเรเตอร์ได้ส่งไอเทมกองใหญ่ออกมาให้กับซังจิน ซังจินได้เงยหน้าขึ้นไปและจระหนักได้ถึงบางอย่าง
'โอใช่แล้ว...มันมี...เหลืออีกหลายอย่าง'
เขายังเหลือหัวใจของมังกรและก็'มู - ปากกาตอบกลับ' ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบเพราะว่าเขาได้ถูกอาเรี่ยนมาขัดไว้ และในตอนปากกาเขาก็ได้ยุ่งอยู่กับการช่วยเซริน
ซังจินได้หยิบไอเทมทั้งสองชิ้นออกมาจากกองไอเทมและวางมันไว้บนโต๊ะ อย่างแรกที่เขาตรวจสอบก็คือหัวใจมังกร มันมีลักษณะภายนอกคล้ายๆกับหินสีดำ แต่มีพื้นผิวเรียบ ซังจินได้หยิบเอามันขึ้นมา และครู่หนึ่งโอเปอเรเตอร์ก็ได้แสดงหน้าต่างสถานะออกมา
หัวใจมังกร - ต้นกำเนิดมานา
วัสดุระดับตำนาน
หัวใจที่มอบมานาให้กับมังกรจำนวนมหาศาล มันเป็นสิ่งที่มีค่ามากเนื่องจากมันได้รับการประเมินว่าเป็นแร่เกรดสูงที่สุด
มีช่างตีเหล็กเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับมัน
ซังจินได้นึกไปถึงคาร์กอตทันทีเมื่อเขาได้อ่านข้อมูล
'ช่างตีเหล็กเพียงไม่กี่คน เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในตลาดมืดดังนั้น...'
ซังจินได้เก็บไอเทมกลับลงไปในลูกบาศก์ ในตอนนี้มีไอเทมชิ้นเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่นั้นคือปากกาที่อาเรี่ยนได้มอบให้แก่เขา
'ลองใช้มันดู ฉันไม่รู้ว่ามันจะนับเป็นคำใบ้หรือไม่'
ตามมาด้วย
'มันสนุกมากเจ้ามนุษย์ ฉันหวังว่าของขวัญของฉันจะช่วยให้นายหลุดพ้นจากโชคชะตาที่น่าเศร้าได้'
ซังจินได้หยิบปากกาขึ้นมาในขณะที่พึมพัมกับตัวเอง
"แล้วมันจะช่วยยังไง..."
เขาไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ มันไม่เหมือนกับ 'ไอโอ - แหวนแห่งจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่' มันไม่ได้มีลักษณะที่จะช่วยในการต่อสู้ได้เลย ซังจินได้ยกปากกาขึ้นมา
มู - ปากกาตอบกลับ
ปากกาธรรมดา
เขียนคำสะกด - เขียนข้อความที่เก็บเอาไว้ เมื่อเขียนข้อความไปแล้วมันจะสูญเสียความสามารถ
ปากกาที่ใช้ในการส่งข้อความที่ยากที่จะพูดออกมา
'...บ้าอะไรกัน มันเป็นไอเทมระดับธรรมดา'
ซังจินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาค่อนข้างจะแน่ใจอยู่แล้วว่ามันจะไม่มีประโบชน์มรก่่ีต่อสู้ แต่ว่าลึกๆแล้วเขาก็ยังหวังให้ความคิดของเขาผิดพลาด
'เอาหละ ไม่ว่ายังไงก็ตามในกรณีนี้....ฉันควรจะตรวจสอบข้อความที่มันได้เก็บเอาไว้'
ซังจินได้หยิบเอาผ้าเช็ดปากขึ้นมาบนโตธ ผ้าเช็ดปากนี้มันดูแข็งแรงพอที่จะเขียนอะไรลงไปได้ เขาได้วางปากกาลงไปและพูดออกมา
"เขียนสะกด"
ปากกาได้เริ่มที่จะขยับด้วยตนเอง ซังจินได้ปล่อยปากกาไว้ให้มันเขียนเอง
'ผู้ที่ค้นหาคำตอบจะพบกับคำถาม...'
แต่แล้วข้อความที่คุ้นเคยอย่างน่าแปลกใจก็ได้โผล่ออกมา
'และผู้ที่ค้นหาคำถามก็จะพบกับคำตอบ'
ซังจินได้อ่านข้อความจนจบและคิดไปถึงร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ พ่อค้าของที่นั่นได้พูดเช่นนี้เป็นครั้งคราว ปากกามันยังคงเขียนต่อไป
'4.30 ในตอนเช้า มุ่งหน้าไปที่เขตสามอาคารที่อยู่หลังสุดทางขวา ชั้นใต้ดิน'
เมื่อมันได้เขียนเสร็จปากกามันก็ได้ตกลงไปนิ่งๆที่ด้านข้าง มันได้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซังจินได้ตรวจสอบพวกคำสุดท้ายที่มันได้เขียน จากนั้นก็พึมพัมกับตัวเอง
"นี้มันคืออะไร.."
ปากกานี้มันได้เขียนวิธีแนะนำการไปที่ร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ
'อืม...จิรงๆแล้วมันก็คือหนทางเดียวที่จะเปลื่ยนชะตากรรมของตนเอง...'
ปัญหาก็คือซังจินได้รู้ถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาได้นึกไปถึงอดีต
'เมือฉันได้ยินเกี่ยวกับพ่อค้าลับเป็นครั้งแรกครั้งแรก...มันเป็น...ในการจู่มโจมก่อนที่จะถึงการจู่โจมสุดท้าย...'
ความทรงจำของเขาได้ย้อนกลับมา และครู่หนึ่งเขาก็นึกย้อนกลับไป
'ฉันพยายามจะไปที่นั่นในตอนกลางคืน และมีนก็อยู่ที่นั่น'
'จริง?'
'จริง มันขายแม้แต่ไอเทมที่จะช่วยให้นายสามารถข้ามไปมิติอื่นได้'
'มิติอื่น? ยังไง?'
'ฉันจะไปรู้ได้ยังไง? เขาบอกมา...บางอย่างเช่นการล่าฆาตกรในมิติอื่นๆ'
'แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงแค่พวกเราสิบคนแล้ว ในตอนนี้มันจะมีความหมายอะไรถ้าหากไปมิติอื่น?'
'เอาหละ นั่นมันเป็นเรื่องจริง...'
คนที่บอกเรื่องนี้แก่ซังจินแน่นอนว่าก็คือ
"เอ็ดเวิร์ด..."
เป็นสุดยอดจอมเวทย์เอ็ด ซังจินได้มองไปที่ผ้าเช็ดปากในขณะที่คิด
'เดียวก่อนนะ...มันหมายความว่าฉันได้พบกับอาเรียน...และชนะ? จากนั้นทำไม...'
อาเรียนได้พูดเอาไว้ว่าปากกามันอาจจะช่วยเปลื่ยนชะตากรรมของเขาได้ และจุดประสงค์ของปากกาก็คือการแสดงเส้นทางที่จะไปหาพ่อค้ารับ และซังจินก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว อาเรี่ยนได้บอกกับเขาว่า
'...ฉันไม่สามารถจะบอกนายได้มากกว่า...แม่ได้เตือนไม่ให้ฉันมีส่วนร่วมเกี่ยวกับมัน'
นั่นมันหมายความว่าซังจินได้ตระหนักถึงความลับของอาเรี่ยนที่กลัวจะพูดออกมาดังๆอยู่แล้ว
'มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?'
ซังจินรู้สึกถึงกับสถานการณืนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถคิดออกได้เพียงลำพัง ถ้าเขาสามารถจะกลับไปถามกับเอ็ดเวิร์ดได้ด้วยตนเอง มันก็จะนำไปสู่บางสิ่งบางอย่าง แต่นั่นมันก็เป็นความคาดหวังที่เป็นไปไม่ได้
เขาได้ตายไปแล้ว และการพบกับเขาอีกครั้งก็ไม่เป็นผลดีเพระาเอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ไม่สามารถจะจำเรื่องราวในตอนนั้นได้
'อย่างแรก...ฉันควรจะไปคุยกับเขาในตอนเช้า พ่อค้านั่น...เขาไม่ตอบคำถามทุกๆอย่างที่ฉันขอ แต่ว่า....อย่างน้อยฉันก็สามารถจะแสดงผ้าเช็ดปากให้เขาดูได้'
ซังจินคิดในขณะที่วางปากกาลงไปในลูกบาศก์และเก็บผ้าเช็ดปากลงไปในกระเป๋า จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบไอเทมทีลอย่าง
นี่มันเป็นไอเทมที่ได้รับมาจากพวกฆาตกร จำนวนทั้งหมดที่เขาล่ามาได้ก็คือ 8 คน ดังนั้นเขาจึงได้รับไอเทมมาทั้งหมด 16 ชิ้น ไอเทมส่วนใหญ่มันเป็นระดับวีรชน
ซังจินได้ตรวจสอบแต่ละอันและทุกๆชิ้น ต้องขอบคุณบทการจู่โจมที่ดำเนินไปจึงได้ทำให้ไอเทมของฆาตกรทุกๆชิ้นเป็นของระดับวีรชน
'นี่มัน 4500 และ 5500 เหรียญ'
'นี่มัน 6000 ไปจนถึง 8000'
จำนวนไอเทมที่เพิ่มมาขึ้นมันได้ทำให้มูลค่าเฉลียของไอเทมเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันจึงทำให้เขาได้รับกำไรมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน
"เอ๊ะ?"
ในรายการไอเทม ซังจินได้พบกับดาบที่เขามีอยู่แล้ว มันคือบลัดเวเจนอีกเล่มหนึ่ง
"ตอนไหนกันที่ฉันหยิบมันมา?"
มีเหตุผลที่ทำให้ซังจินไม่ได้สังเกตุเห็นมันในตอนแรก มันเนื่องจากว่ามีการเปลื่ยนฝักดาบไป มีเพียงแค่สีของมันเท่านั้นที่ได้เปลื่ยนไปจากเดิม แต่ว่าเนื้อหารายละเอียดต่างๆของมันยังคงเป็นเช่นเดิม
'ถ้าหากว่ามันเหมือนกัน....ฉันก็สามารถจะใช้มันสำหรับการอัพเกรด'
ซังจินได้คิดกับตัวเองและไม่ได้ตั้งราคาสำหรับไอเทมชิ้นนี้ เขาไม่รู้ว่าจะสามารถนำไอเทมไปผสมกับหินเอนชานต์เพื่ออัพเกรดไอเทมได้หรือไม่
แต่มันก็มีโอกาสสูงที่จะพบบลัดเวเจนอีก เพราะว่ามันมีขายอยู่ตามร้านทั่วๆไป
ซังจินได้จดบันทึกไอเทมทั้งหมดยกเว้นบัลดเวเจนและเก็บพวกมันลงไปในลูกบาศก์
เขาได้ทำแบบนี้มาบ่อยพอที่จะสามารถมองราคาสินค้าออกได้โดยการที่เพียงแค่มองผ่านๆ เมื่อเขากำหนดราคาเสร็จเขาก็มุ่งหน้าไปที่ร้านประมูล
เมื่อเขาได้มาถึงเขาก็ส่งลิสไอเทมออกไปและพูดออกใส
"ช่วยตั้งราคาของมันตามนี้"
จากนั้นเขาก็ส่งไอเทมจำนวนมากออกไป
"รับทราบท่านนักล่าที่รัก"
เขาได้โค้งคำนับแก่ซังจิน ในความจริงแล้วซังจินเป็นคนเดียวที่สามารถจะเอาไอเทมมาลงประมูลได้เป็นสิบๆชิ้น
เมื่อเขาได้เสร็จสิ้นธุระแล้ว ซังจินก็ได้ตัดสินใจที่จะไปหาคาร์กอตก่อนที่จะกลับโรงแรม เขาต้องการจะรู้เกี่ยวกับหัวใจมังกน และใช้หินเอนชานต์ของเขา แต่แล้วเขาก็นึกออกถึงบางสิ่งบางอย่าง
'ตอนนี้ฉันพึ่งจะนึกออก...'
ซังจินได้กลับไปที่ร้านประมูลและถามกับหมู
"เฮ้ มีบลัดเวเจนอยู่ในการประมูลไหม? มันเป็นดาบระดับตำนาน"
มันไม่สามารถจะซื้อสิ้นค้าชิ้นที่สองได้ภายในตลาดมืดนอกเหลือไปจากไอเทมใช้งานปกติ
แต่ถ้าหากว่ามันได้ถูกขาดโดยนักล่าคนอื่น เขาก็สามารถจะซื้อมันมาได้และใช้มันในการอัพเกรดดาบ แต่ว่ามนุษย์หมูได้ตรวจสอบลิสอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวออกมา
"มันไม่มีเลย ท่านนักล่า"
'อา...ฉันว่าแล้ว...'
"ฉันควรจะส่งข้อความไปถึงท่านไหมเมื่อมีการนำมันมาลงประมูลในภายหลัง"
"นั่นมันจะดีมากเลยหละ"
ซังจินได้ตอบกลับไปทันที แต่แล้วจากนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ว่า
'จะเกิดอะไรขึ้นถ้า...ฉันใช้ฟรานซ์ นาดา และเซริน...?'
หินเอนชานต์มันเป็นไอเทมที่ยากจะได้รับ มันไม่ได้มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด แต่ในทางกลับกันบลัดเวเจนมันสามารถจะหาซื้อได้โดยใครก็ตามที่มีเงินถึง 9800 เหรียญ
ตั้งแต่ที่เขาได้มันมาเล่มหนึ่งในก่อนหน้านี้ ถ้าเขาสามารถจะได้รับชิ้นที่สองเพิ่มเติมมา เขาก็จะสามารถอัพเกรดมันได้ในทันที การแลกเปลื่ยนกับผู้ถูกเลือกมันจะต้องเป็นไปได้แน่นอน
'งั้นเอาเป็นวิธีนี้แหละ'
ซังจินได้กำหมัดและทุบไปที่มืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นเขาก็จะสามารถใช้หินเอนชานต์สามก้อนในการอัพเกรดอาเทอร์มิโอได้
'นั่นมันเยี่ยมมาก'
ซังจินได้คิดในขณะที่ได้ไปทางโรงตีเหล็กของคาร์กอต คาร์กอตกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโต๊ะ เขาได้เห็นซังจินและพูดออกมา
"โย่ ดูดีนี่น่า นายนักล่าที่ใช้ดาบคู่ แล้วดาบมูนสเปคมันเป็นยังไงบ้างหละ?"
ซังจินได้ตอบกลับไป
"มันมากเกินกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก"
มูนสเปคได้กระซิบกับเขา
'ช่วยบอกกับเขาทีว่าข้ารู้สึกขอบคุณเขามากที่เขาช่วยให้ข้าสามารถจะส่งเสียงออกมาได้อีกครั้ง'
ซังจินได้พูดมันออกมา
"มูนสเปคก็ขอขอบคุณนายเช่นกัน"
คาร์กอตได้มองมาอย่างอายๆเล็กน้อยในขณะที่ตอบกลับไป
"ใช่แล้ว เอาหละ....อะไรที่นายต้องการจะมอบหมายให้ฉันทำเป็นชิ้นต่อไป"
ซังจินได้ยิ้มและพูดออกไป
"ยังไงก็ตาม ฉันมีบางอย่างที่ต้องการจะให้นายทำ"
"โอ้ มันคืออะไรหละ?"
ซังจินได้หยิบเอาหัวใจมังกรออกมาจากลูกบาศก์ในขณะที่พูดออกมา
"นายรู้ว่านี้มันคืออะไรใช่ไหมคาร์กอต?"
แต่ว่าซังจินได้ได้ต้องการคำตอบกลับมาใดๆ ช่วยเวลาที่ซังจินได้ดึงเอาหัวใจมังกรออกมาจากลูกบาศก์ ดวงตาของคารน์กอตก็ได้เหลือกขึ้นอย่างประหลาดใจ