บทที่ 49 สู้ต่อไป
“มันจบแล้วสำหรับหม่าเฮยฉี? มันเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหมขอรับ? มือทั้งสองข้างของเจียงอี้ไม่สามารถโจมตีได้ เขาจะเอาชนะหม่าเฮยฉีได้อย่างไร จากการคำนวณของข้า วิธีเดียวของเจียงอี้ที่จะสร้างความเสียหายให้กับหม่าเฮยฉีได้คือการใช้ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ ปัญหาคือถ้าไม่มีมือ เขาจะปลดปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ได้อย่างไร?”
ผู้ดูแลหยางไม่เข้าใจว่าทำไมประมุขโถงวรยุทธจึงคิดเช่นนั้น สายตาของเขาจับจ้องไปบนลานประลอง เขาเห็นว่าเจียงอี้ถูกดึงโดยหม่าเฮยฉีอยู่ ในขณะที่ตันเทียนของเจียงอี้ดูเหมือนกำลังจะถูกทำลาย เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังถูกกระตุ้นขึ้นมา
ประมุขโถงวรยุทธยังคงสงบในขณะที่เขาพูด “ใช่แล้ว! ข้ารู้สึกว่าเด็กนั่นจงใจให้คู่ต่อสู้ของเขาเฉือนแขนขวาของเขาได้ และเขาไม่ได้สนใจที่จะรักษาแผลทันทีแต่กลับขอต่อสู้แทน เขาคงจะ...พยายามผลักดันตัวเองสู่ความตายเพื่อที่เขาจะได้ผ่านขีดจำกัดของตัวเองไงล่ะ!”
“ฟึบ ฟั่บ!”
บนเวทีประลอง กรงเล็บอินทรีของหม่าเฮยฉีนั้นเกือบจะสัมผัสกับหน้าท้องของเจียงอี้แล้ว กรงเล็บอินทรีของเขาไม่เพียงเป็นแค่รูปลักษณ์ของฝ่ามือ แต่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับสูง ตอนนี้เล็บมือที่เรียวยาวก็ตวัดมาและเล็บของเขานั้นคมเป็นพิเศษราวกับกรงเล็บของนกอินทรีที่สามารถบดกระดูกสัตว์ป่าได้
มันจบแล้ว!
อี้หลิงเสวี่ย ผู้ถูกเขี่ยออกจากเวทีโดยเหลิ่งเชี่ยนเชี่ยนทำอะไรไม่ได้นอกจากหันหน้าหนีไป นางไม่ต้องการที่จะเห็นท้องและตันเทียนของเจียงอี้ถูกทำลาย
“หม่าเฮยฉี เจ้าต้องการที่จะแก้แค้นแทนหม่าเฟยและคนอื่นๆ..ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้างั้นรึ? ให้พ่อของเจ้าแก้แค้นให้เจ้าแทนแล้วกัน!” วินาทีที่ทุกอย่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น เจียงอี้ก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมา
การแสดงออกที่เขาแสดงถึงความกลัวในตอนแรกของเขาเปลี่ยนไปเป็นความสงบนิ่งและดวงตาของเขาก็แสดงเจตนาออกมาอย่างเยือกเย็น
บาดแผลที่แขนขวาของเขาพ่นเลือดออกมาอย่างรุนแรงไปที่หม่าเฮยฉี ในขณะที่หม่าเฮยฉีเงยหัวของเขาโดยสัญชาตญาณหลังได้ยินคำกล่าวจากเจียงอี้ เขาก็ถูกเลือดฉีดพ่นไปทั่วใบหน้า
“อ๊าา!”
หม่าเฮยฉีมองไปที่ศัตรูของเขา และเลือดก็กระทบใบหน้าของเขา เขาหลับตาลงทันที แต่เลือดก็ยังไหลผ่านเข้ามาได้ ทำให้ดวงตาเขารู้สึกแสบร้อน เขารู้แก่ใจดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก เขาจึงเหวี่ยงแส้และพยายามสลัดเจียงอี้ออกและถอยกลับไปอย่างรีบร้อน
“ดี!”
ปากของเจียงอี้แสยะยิ้มออกมาขณะที่หม่าเฮยฉีตอบสนองอย่างที่เขาคาดไว้ การสลัดแส้นี้ได้ปลดแส้ที่กำลังมัดมือซ้ายของเขาไว้ และมือซ้ายของเขาในตอนนี้ก็ปราศจากสิ่งกีดขวางซึ่งเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายของเขาได้
“คิดจะหนีรึ!”
ประมุขโถงวรยุทธตะโกนออกมาเมื่อรู้ว่าเขาทายถูก เจียงอี้นั้นจงใจปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บเพียงเพื่อช่วงเวลานี้ เขาวางแผนนี้มาตั้งนาน เขาจะให้หม่าเฮยฉีหนีได้อย่างไร
เจียงอี้ขยับมือทันทีที่แส้ผ่อนออกเพียงเล็กน้อย เจียงอี้ได้ทำลายการมัดของแส้ออกและรีบเหวี่ยงดาบสั้นออกไป จากนั้นเขาก็จับแส้ด้วยมือและดึงด้วยแรงของเขา
ด้วยการดึงนี้ก็ทำให้เขาเข้าใกล้หม่าเฮยฉีได้ไวขึ้น ในขณะที่เขาเข้าหาหม่าเฮยฉี เขาใช้หัวกระแทกไปที่ใบหน้าของหม่าเฮยฉีและชนกับไหล่ซ้ายของเขาพร้อมกับเตะหม่าเฮยฉี
เจียงอี้ใช้ทุกส่วนของร่างกายที่เขาสามารถจะใช้ได้และปล่อยการโจมตีที่โหมกระหน่ำไปที่หม่าเฮยฉี ความกลัวของหม่าเฮยฉีในตอนนี้อยู่ในภาวะหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหลบหนีอย่างรวดเร็วในขณะที่โจมตีแบบสุ่มๆด้วยกรงเล็บอินทรีของเขา
“ฟึ่บ ฟั่บ!”
ในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ ร่างกายของเจียงอี้มีรอยข่วนนับไม่ถ้วนที่ถูกทิ้งไว้ แต่เขาก็ไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว...และเขาก็ไม่ได้มีความตกใจกลัวใดๆราวกับว่าร่างกายนี้ไม่ได้เป็นของเขา
หลังจากการโจมตีของเขาทำให้หม่าเฮยฉีเข้าสู่สภาวะตื่นตระหนก เจียงอี้ก็ก้าวถอยหลัง มือซ้ายที่ไม่เคลื่อนไหว ในตอนนี้เริ่มขยับ แสงสีดำและสีน้ำเงินเปล่งประกายอย่างสว่างบนร่างของหม่าเฮยฉี
ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ถูกปล่อยออกมาแล้ว!
เฮยฉีแพ้แล้ว ...
เมื่อหม่าขุยเห็นเจียงอี้ปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ออกมา เขาก็หลับตาอย่างหมดหนทาง ดวงตาของหม่าเฮยฉีนั้นถูกปิดการใช้งานและเขาสูญเสียทิศทางของเขาไปอย่างสมบูรณ์เมื่อเจียงอี้กระหน่ำโจมตี
หากเขาสามารถรักษาความสุขุมและใช้แส้เพื่อควบคุมแขนซ้ายของเจียงอี้ไว้ เจียงอี้ก็คงจะไม่สามารถใช้มือซ้ายของเขาเพื่อใช้ท่าไม้ตายของเขาได้ ตอนนี้เจียงอี้ปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ออกมาอย่างใกล้ชิด และผลลัพธ์นั้นก็เป็นที่ชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องมองมันเลยด้วยซ้ำ
“ปัง!”
เสียงระเบิดดังขึ้น เจียงอี้และหม่าเฮยฉีปลิวไปหลังจากถูกแรงระเบิด เจียงอี้ค่อนข้างอยู่ใกล้กับการระเบิดนั้น ร่างของเขาซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลตอนนี้อยู่ในสภาพที่แย่ยิ่งกว่าเดิม
เสื้อผ้าของเขาถูกระเบิดขาดเป็นชิ้นๆ และมีหลายส่วนในร่างกายของเขาที่เปื้อนเลือด โชคดีที่เขาบังคับการโจมตีและสามารถถอยกลับและทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เขาหนีจากการโจมตีที่ร้ายแรงได้
หม่าเฮยฉีนั้นรู้สึกเสียใจมาก หน้าอกซ้ายของเขาถูกระเบิดเป็นรูและเผยให้เห็นส่วนต่างๆของกระดูก ร่างของเขาร่วงลงมาจากลานประลอง เขาร่อนลงด้วยหลังศีรษะและชนเข้ากับหินปูนซึ่งปล่อยเสียงดังสนั่น แม้แต่คนที่อยู่ข้างเขาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดทางกายของเขาได้
"ปัญญาที่น่ากลัวเช่นนี้! กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมและใจช่างห้าวหาญ!"
ขณะที่พวกเขามองไปยังร่างที่เปียกโชกไปด้วยเลือดซึ่งพยายามยืนให้ตรง พวกเขาเห็นดวงตาที่เยือกเย็นมาก รูปร่างที่น่าเกรงขามบนอัฒจันทร์ของผู้ชม ทำให้อารมณ์ของพวกเขาพุ่งพล่านมากขึ้น
ทุกการเคลื่อนไหวและกลยุทธ์ของเจียงอี้ดึงดูดทุกสายตา ซึ่งกลยุทธ์ของเจียงอี้นั้นง่ายมาก เขาแสดงความอ่อนแอต่อคู่ต่อสู้ของเขาแต่แรกและล่อลวงพวกเขา จากนั้นเขาก็ใช้เลือดจากแขนของเขาอย่างคาดไม่ถึงเพื่อพลิกเกมส์และทุกอย่างก็เข้าที่อย่างลงตัว
มันอาจดูเรียบง่ายและไร้เดียงสาในสายตาของเหล่าจอมยุทธที่น่าเกรงขาม แต่ในปัจจุบันทุกคนถามคำถามกับตัวเองว่า...ถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพเช่นเจียงอี้ พวกเขาจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร้ที่ติเหมือนกับที่เจียงอี้ทำในสถานการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่? เห็นได้ชัดว่าความยากของแผนการนี้นั้นช่างสูงมาก
ตอนนี้ ... ทุกคนสงสัยว่าบาดแผลมากมายของเจียงอี้นั้น เขาตั้งใจหรือไม่ วัตถุประสงค์สุดท้ายคือการทำลายคนของหม่าเฮยฉีทีละน้อย เมื่อเจียงอี้เป็นคู่ประลองบนลานประลอง สิ่งที่เขาพูดกับหัวหน้าตระกูลเจียงและเจียงหยุนเฉอนั้นเขาเจตนาด้วยหรือไม่ ?
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประทับใจอย่างลึกซึ้งไม่ใช่แค่เพียงปัญญาอันเฉียบแหลมของเจียงอี้ เขานั้นห้าวหาญยิ่งนัก! เขาไร้ความปรานีต่อศัตรูและแม้กระทั่งตัวเขาเองเช่นกัน!
“536 ชนะยกที่แปด!”
เสียงของกรรมการดึงความคิดของทุกคนกลับมาจากความตกตะลึง เขามองไปที่เจียงอี้และถามว่า “536! เจ้าต้องการที่จะสู้ต่อหรือไม่?”
หลังจากถูกกรงเล็บของหม่าเฮยฉี ร่างของเจียงอี้ก็มีบาดแผลเพิ่มเติมมากมาย แม้ว่าบาดแผลของเขาจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิตและแม้ว่าเขาจะเอาชนะได้อีกสองนัด แต่ร่างกายของเขาก็คงไม่สามารถที่จะรับมันได้ไหวแล้ว
“พอเถอะ 536 เจ้าจงกลับไปและรักษาตัวเอง นี่เป็นเพียงการแข่งขันและหากเจ้าฝืนต่อไป เจ้าอาจจะตายได้นะ”
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นเยียบสะท้อนมาจากศาลาและทำให้ฝูงชนตกใจ เสียงนี้มาจากปากของแม่นางซู แม่นางซูผู้นี้มีบุคลิกที่เยือกเย็นมาก ผู้ที่ไม่สนใจแม้แต่จีเทียน นางกลับมองเจียงอี้ด้วยแววตาเช่นนั้นจริงๆหรือ?
“ไม่! ข้าจะสู้ต่อ!”
เจียงอี้ส่ายหัวและมองแม่นางซูผ่านผ้าที่ปิดหน้านางอยู่ เขาฝืนยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกแม่นาง ชีวิตของข้านั้นอดทนได้มากกว่านี้ ข้าจะต้องไม่ตาย”
สิ่งที่แม่นางซูพูดนั้นถูกต้องแล้ว
แต่สำหรับบุคคลอื่น การแข่งขันครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสำหรับเจียงอี้ นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะหนีออกจากเมืองเทียนอวี่ได้ หากเขาทำไม่ได้ ความตายก็รอเขาอยู่ ซึ่งแม้แต่โถงวรยุทธก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้
มันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับตระกูลหม่าและตระกูลเจียงที่จะฆ่าเขา...เว้นแต่เขาจะซ่อนตัวอยู่ที่โถงวรยุทธตลอดชีวิต ถ้าเขาต้องใช้ชีวิตเช่นนั้น เขาคงขอตายเสียดีกว่า นี่คือเหตุผลที่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อสู้ด้วยชีวิตของเขา!
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มการแข่งขันต่อไป!” หลังจากไม่ได้ยินเสียงคัดค้านใดๆ ผู้ประกาศก็ถอนหายใจและโบกมือของเขา
“หวด!”
ร่างเงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนเวทีประลอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารและพุ่งตรงไปที่เจียงอี้ทันที ดาบสั้นในมือของเขามีแสงเย็นวาบที่ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บ
“ไม่อนุญาตให้มีการฆ่าใดๆเกิดขึ้น!”
กรรมการตะโกนออกมาเมื่อเขาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และเห็นได้ชัดว่าบุคคลนี้เป็นคนตระกูลหม่าที่ต้องการแก้แค้นหลังจากเห็นหม่าเฮยฉีตกอยู่ในสภาพที่อนาถเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขาอาจอยู่เพียงขั้นที่หกของขอบเขตฉูติ่งแต่ถ้าเขาต้องการเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อที่จะฆ่าเจียงอี้ มันค่อนข้างจะเป็นปัญหาจริงๆ
เจียงอี้รู้สึกถึงความผิดปกติ จิตสังหารของบุคคลนี้ล้นเหลือเกินไป เมื่อมองไปที่ดวงตาของคู่ต่อสู้ เจียงอี้ก็เห็นความเดือดดาลที่ล้นอยู่ภายในดวงตาของเขา เจียงอี้แสยะยิ้มอย่างเย็นยะเยือกและยืนอย่างสงบ
เขาใช้แก่นแท้พลังสีดำอีกเส้นส่งไปที่กำปั้นซ้ายของเขา ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขากำลังจะขว้างดาบสั้นเข้ามาที่หัวใจของเขา เจียงอี้ก็เริ่มชกอย่างดุเดือด
"ฟึ่บ!" "ปุ้งง"
ในขณะที่ดาบสั้นปักเข้าไปเกือบหนึ่งนิ้วเข้าร่างกายของเขาและอยู่ห่างจากหัวใจของเขาเพียงไม่กี่มิลลิเมตร กำปั้นของเจียงอี้ก็กระแทกเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ของเขาและทำให้เขาบินปลิวกลับไป ด้วยการหลอมรวมของแก่นแท้พลังสีดำ ความแข็งแรงของเจียงอี้ก็เปรียบได้เท่ากับพลังของม้าเจ็ดตัว มันเป็นเรื่องปกติที่คู่ต่อสู้ของเขาจะถูกส่งออกไปด้วยหมัดเดียว
"อึก..."
เจียงอี้ไม่สามารถปิดบังอาการของตัวเองได้และอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ ร่างกายของเขาซัดเซไปมาและในที่สุดก็ล้มลง เจียงอี้คุกเข่าด้วยขาข้างเดียวในขณะที่พยุงตัวเองด้วยมือซ้าย แผลที่หน้าอกของเขาเลือดไหลเป็นทางซึ่งย้อมสีเวทีประลองเป็นสีแดงเลือดไปทั่วเวที เขาหลับตาลงเพื่อพักครู่หนึ่งก่อนจะมองลงไปด้านล่างเวทีแล้วตะโกนอย่างเย็นชาว่า "ต่อไป!"
"ฟึ่บ..."
ผู้ชมชายและหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนสูดหายใจเข้าลึกๆและรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด พวกเขามองขึ้นไปบนเวทีประลองและเห็นร่างที่อาบเลือดด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกับหิมะ ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยเจตนาการต่อสู้
ซึ่งนั่นไม่รู้สึกเหมือนเป็นแววตาของเด็กที่มีอายุสิบห้าปีเลย แววตานั้นเหมือนเป็นแววตาของนักรบที่แท้จริงคนหนึ่งที่ไม่กลัวความตายและมีเจตจำนงชัดเจน เขาไม่ได้คิดว่านี่คือการแข่งขัน แต่มันคือการต่อสู้...ที่เดิมพันด้วยชีวิต ไม่เขาก็ศัตรูที่ต้องตาย!