GE356 ความถูกต้องของข้าก็คือเจ้า [ฟรี]
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงแผ่ไปทั่วเกาะมุกหยกฟ้า ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง แม้อยู่ในโถงหลักนิกาย ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงได้อย่างชัดเจน
สตรีจำนวนมากบนเกาะแหงนพุ่งทะยานหลบหนี ยักษ์ตนนั้นเห็นเหล่าสตรีที่ออกมาเป็นเหมือนฝูงปลาที่แตกฮือด้วยความหวาดกลัว
ย่างก้าวที่ทรงพลัง แรงกดดันที่รุนแรง ทำให้เหล่าสตรีหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เมื่อได้เห็นยักษ์ที่ทรงพลัง ลู่อันและหลุ่ยซ่งเองก็หวาดกลัว
ยิ่งยิ่งตนนั้นเข้ามาใกล้ ผู้อาวุโสเฟิงยิ่งสั่นสะท้าน ตอนนี้นางเชื่อแล้วว่าหลิวเฉวียนถูกยักษ์ตนนี้สังหาร เพราะกลิ่นอายที่ยักษ์แผ่ออกมานั้น มีกลิ่นโลหิตของหลิวเฉวียนอยู่
ไม่ผิดแน่… ยักษ์ตนนี้คือผู้ที่ทำลายนิกายคุณธรรมและชิงอสูรพิทักษ์มา!
“รีบกระตุ้นปีกนภาฟ้าเร็วเข้า!”
ผู้อาวุโสเฟิงออกคำสั่งเปิดข่ายอาคมเพื่อหยุดยั้งการมุ่งเข้ามายักษ์ตนนั้น แต่ทันทีที่นางกล่าวจบ เชียนสื่อกลับยกมือปราม
“ไม่ต้องเปิดข่ายอาคม” เชียนสื่อสั่ง
“เชียนสื่อ ข้ารู้เจ้าไม่พอใจนิกายมุกหยกฟ้า แต่เมื่อประสบกับความเป็นและความเช่นนี้ เราควรลืมเรื่องบาดหมาง หากไม่กระตุ้นข่ายอาคม นิกายเราจะตกอยู่ในอันตราย! เจ้ารู้หรือเปล่าว่ายักษ์นั่นเป็นผู้ทำลายนิกายคุณธรรมและสังหารหลิวเฉวียน!”
ผู้อาวุโสเฟิงโกรธ นางคิดว่าที่เชียนสื่อห้ามเพราะแค้นในตัวนาง แต่ในอีกมุม คำกล่าวของนานงก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆตกตะลึง เพราะยักษ์ตนนี้คือผู้ที่ทำลายนิกายคุณธรรม และสังหารหลิวเฉวียนที่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งในทะเลส่วนนอก
ทุกสายตาจ้องมองมายังเชียนสื่อ
“ผู้อาวุโสเฟิง… หากท่านกระตุ้นข่ายอาคมจู่โจมเค้า จะกลายเป็นท่านที่นำภัยพิบัติมาสู่นิกาย” เชียนสื่อกล่าวอย่างเรียบเฉย
“สามหาว! นี่เจ้าคิดว่าข้าคิดผิดงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสเฟิงโกรธเป็นอย่างมาก
มดปลวกอย่างนางถึงกลับกล้ายอกย้อนตนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
นางแผ่แรงกดดันที่รุนแรงกระแทกเข้าใส่หน้าอกของเชียนสื่อจนนางกระอักโลหิต ใบหน้าซีดราวไร้เรี่ยวแรง
ผู้อาวุโสเฟิงจู่โจมเชียนสื่อ! การกระทำของผู้อาวุโสเฟิงทำให้เชียนสื่อเกลียดชังนิกายมุกหยกฟ้า
นางเฝ้าทำทุกสิ่งก็เพื่อนิกาย ทุ่มทุกสิ่งก็เพื่อนิกาย แต่กลับได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
หากเป็นเช่นนี้ นางสมควรเปลี่ยนวิถีที่ตนยึดมั่นหรือไม่...
“รีบกระตุ้นข่ายอาคมซะ อย่าปล่อยให้นางออกคำสั่งได้อีก” ผู้อาวุโสเฟิงเร่งออกคำสั่ง
เส้นแสงวาบผ่านท้องนภา โปรยปรายเข้าใส่ยักษ์ตนนั้นราวกับพิรุณ
ยามนี้ยักษ์ตนนั้นอยู่จากเกาะมุกหยกฟ้าเพียงพันลี้ อีกเพียงนิดก็จะถึงตัวเชียนสื่อแล้ว
เมื่อยักษ์ตนนั้นเห็นเชียนสื่อที่ดูอ่อนแรง ใบหน้าซีดขาว แววตาของยักษ์ตนนั้นแปรเปลี่ยนเย็นชาทันที
“น่าสนใจจริงๆ! ที่ข้าผ่านมาทางนี้ก็เพราะอยากพบสหายเก่า… แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพนี้… ใครทำร้ายนาง!”
*ตูม*
ยักษ์ชกหมัดที่ทรงพลังเข้าใส่ข่ายอาคมจนพังลงในพริบตา!
*อ๊อค*!
ผู้อาวุโสเฟิงกระอักโลหิต เมื่อครุ่นางผสานสัมผัสเทพเข้าไปในข่ายอาคม เมื่อข่ายอาคมถูกทำลาย นางจึงได้รับผลกระทบด้วย
นางหวาดกลัวอย่างที่สุด เพราะนางเป็นผู้ทำร้ายเชียนสื่อ!
“ยักษ์ตนนั้นเป็นใคร! แค่หมัดเดียวก็ทำลายข่ายอาคมที่ทรงพลังได้ง่ายๆ หมัดนี้สมควรเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด!”
เดิมทียักษ์ตนนี้หวังเพียงมาพบสหายเก่า แต่นางกลับเป็นฝ่ายจู่โจมยักษ์ตนนี้เสียก่อน ทั้งยังทำร้ายเชียนสื่อจนทำให้ยักษ์ตนนี้โกรธแค้น
“สหายของยักษ์ตนนี้เป็นใคร… หรือว่า...” นางหันมองเชียนสื่อด้วยสีหน้าแตกตื่น สัมผัสเทพของยักษ์ตนนี้แผ่มายังร่างของเชียนสื่อ แสดงว่าสหายที่ยักษ์หมายถึงคือนาง!
“เชียนสื่อ… ยักษ์ผู้นี้ีเป็นใคร...” ผู้อาวุโสเฟิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
นางกล้าบังคับให้เชียนสื่อแต่งงาน กล้าใช้แรงกดดันเพื่อสยบเชียนสื่อ แต่ยามนี้ ท่าทางและความอหังการเช่นนั้นกลับไม่เหลือ
“ข้าเตือนแล้วว่าอย่ากระตุ้นข่ายอาคม ท่านก็ไม่เชื่อ ซ้ำยังไม่เปิดโอกาสให้ข้าอธิบาย...”
เชียนสื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางไม่สนแล้วว่านิกายมุกหยกฟ้าจะเป็นยังไง
ยามนี้นางรู้สึกอบอุ่นเพราะยักษ์ตนนั้นโกรธแทนนาง และยามอยากให้ทำลายนิกายมุกหยกฟ้าให้สิ้นซาก
“แม่นางเชียนสื่อ… ผู้อาวุโสยักษ์ท่านนั้นเป็นใคร...” หลุ่ยซ่งและลู่อันมองหน้ากันพลางยิ้มเจื่อน
ยักษ์ตนนั้นเป็นสหายของเชียนสื่อ ต่อให้พวกมันกล้ากว่านี้สักหมื่นเท่า พวกมันก็ไม่กล้ากล่าวเรื่องแต่งงานกับนาง และนางคงไม่มองคนทั่วๆไปอย่างพวกมัน
ซูเหยาเองก็สงสัยจึงกล่าวถาม “น้อยเชียนสื่อ ผู้อาวุโสเป็นใครกัน...” ซูเหยาหวาดกลัว
“โถ่… เขาก็เป็นซัวหมิงที่ท่านเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวันนั่นแหละ...” เชียนสื่อรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหนิงฝาน แต่นางไม่บอกกล่าวผู้ใด
แม้นางจะกล่าวอย่างแผ่วเบา แต่กลับทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกกับอัสนีฟาดฝ่า
ยักษ์ที่ทรงพลังเบื้องหน้าที่แท้คิอซัวหมิง!
ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่สังหารหลิวเฉวียนและกำราบอสูรพิทักษ์แห่งนิกายคุณธรรมได้ก็คือซัวหมิง!
“ซะ...ซัวหมิง!” ผู้อาวุโสเฟิงเสียใจ หากรู้ก่อนว่าเป็นซัวหมิง นางคงไม่กล้าจู่โจม
เชียนสื่ออุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี แต่นางกลับเข้าใจผิดและลงมือทำร้ายเชียนสื่อไป
ช่างโง่เขลา!
ผู้อาวุโสเฟิงตำหนิตนเองในใจ
หากรู้อยู่ก่อนว่าซัวหมิงสนิทสนมกับเชียนสื่อ นางคงไม่กล้าลงมือ
“แย่แล้ว! ซัวหมิงแข็งแกร่งทัดเทียมผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด ข้าเผลอลงมือกับสตรีของมัน ถึงมันจะไม่สังหารข้า แต่มันจะชิงสตรีบนเกาะทั้งหมดไปแน่”
นางเสียใจเป็นอย่างมาก หากนิกายมุกหยกฟ้าจะถูกทำลาย ก็ด้วยเพราะฝีมือของนาง
*ตึง*!
ผู้อาวุโสเฟิงขบฟันและคุกเข่าลง!
“ท่านหมิงเมตตาด้วย ข้าเป็นคนทำร้ายเชียนสื่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า นิกายมุกหยกฟ้าไม่เกี่ยว!”
หลุ่ยซ่งและลู่อันตกตะลึง
หนึ่งในสิบสามผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนนอก กลับต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตา
นอกจากเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในทะเลส่วนในแล้ว ไม่มีผู้ใดที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนนอกคุกเข่าได้ เว้นแต่เพียงซัวหมิง!
แบบนี้แล้วใครในทะเลส่วนนอกที่จะกล้ายั่วยุเขาอีก
สมแล้วที่สังหารหลิวเฉวียนได้… สมแล้วที่ทำให้ผู้อาวุโสเฟิงคุกเขาร้องขอความเมตตาได้...
บนเกาะกู่ซู หวางซื่อและลุงฉีภาคภูมิใจในตัวหนิงฝานมาก บุรุษหนุ่มที่อยู่อย่าเงียบสงบบนเกาะกู่ซู กลับกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งถึงขนาดทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคุกเข่าได้
ไป๋ซูยังคงหวาดกลัว นางไม่เคยได้รู้จักและสัมผัสกับโลกของผู้เชี่ยวชาญ แม้นางจะเคยเห็นผู้คนมากมายพุ่งทะยานบนท้องนภา แต่เมื่อคนเหล่านั้นขึ้นเกาะ คนเหล่านั้นต่างเก็บซ่อนพลังตน แต่ยามนี้ ทุกคนล้วนแสดงพลังอย่างเปิดเผย แต่ก็ยังไม่อาจทัดเทียมหนิงฝานได้
“นายท่านซัวทรงพลังมาก… มิน่าท่านถึงบอกว่ากระบี่เซียนเล่มนั้นไม่เป็นประโยชน์...”
ดวงตาฉุ่ยหลิงเป็นประกาย จ้องมองชู่ซวนเชียนสื่อและซูเหยาด้วยความสงสัย
นางรู้ว่าหนิงฝานสนใจซูเหยาและเชียนสื่อ และรู้ว่าทั้งสองคงสนิทสนมกับหนิงฝานมาก ที่สำคัญ พวกนางล้วนงดงาม
ฉุ่ยหลิงอยู่ขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ เชียนสื่อเองก็เช่นกัน
เชียนสื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องนาง นางจึงแผ่นสัมผัสเทพหาฉุ่ยหลิง
“นางคือสตรีของหนิงฝาน...” เชียนสื่อถอนหายใจ แววตาเศร้าหมอง
เหตุที่หนิงฝานแบกเกาะแห่งนี้มา ทั้งทั่วร่างยังแผ่เจตนาสังหารที่รุนแรง สมควรเป็นเพราะแก้แค้นให้สตรีนางนั้น
หนิงฝานไม่รู้ว่ายามนี้ สตรีทั้งสองกำลังจ้องมองกัน
หนิงฝานกวาดตามองผู้คนที่อยู่บนเกาะมุกหยกฟ้า แววตาที่ดุดันทำให้ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามอง
“เจ้าทำร้ายนาง...”
หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาสัมผัสได้ว่าเชียนสื่อมีอาการบาดเจ็บอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรกเกิดจากแรงกดดันของผู้อาวุโสเฟิง แต่ไม่ได้รุนแรงมากนัก
อีกหนึ่งคือรอยฝ่ามือที่อยู่บนอกนาง หากฝ่ามือกดลึกลงไปมากกว่านั้น พลังที่นางสั่งสมมาจะหายไปทั้งหมด
ใครกันที่กล้าทำให้นางเป็นแบบนั้น
หนิงฝานจับจ้องผู้อาวุโสเฟิงไม่วางตา เจตนาสังหารแผ่พุ่งอย่างชัดเจนราวกับกำลังจะสังหารนาง
“ข้าไม่ได้ทำ นางคิดจะทำลายพลังของตนเอง” ผู้อาวุโสเฟิงเร่งกล่าวปัด
“นางไม่ได้ทำอะไรข้า… ข้าฝึกวิชาและพลาดเอง” เชียนสื่อโกหก
“เจ้าโกหก… อาการบาดเจ็บของเจ้าไม่ได้เกิดจากการฝึกวิชา ถ้าเจ้าไม่พูดความจริง ข้าจะอ่านความทรงจำของคนบนเกาะทั้งหมด!” แววตาหนิงฝานเย็นชา เขาไม่เคยปราณีกับผู้ใด โดยเฉพาะกับศัตรู
“เจ้า… เจ้าจะฆ่าคนบนเกาะไม่ได้ ข้าคือรองประมุขนิกาย พี่ซูเหยาคือประมุขนิกาย! ที่ข้าบอกเจ้าไปคือความจริงแล้ว...” เชียนสื่อกังวล นางรู้ว่าหนิงฝานไม่เคยปราณีกับศัตรู
นางอยากจะปกปิดเรื่องการแต่งงาน ปกปิดว่าผู้ที่เป็นต้นเหตุคือผู้อาวุโสเฟิงและเฟิงเจิน แต่ถึงนางจะปกปิดหนิงฝานก็เดาได้
ฉุ่ยหลิงจ้องมองเชียนสื่อพลางถอนหายใจ เชียนสื่อทำเรื่องโง่เขลาไม่แพ้ตนเองเลย
นอกจากจะไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่นแล้ว นางยังจะยอมทำลายพลังของตน นับว่านางเป็นสตรีที่ใจเด็ดมาก
หนิงฝานจ้องมองเชียนสื่ออย่างเงียบงัน ในอดีตแม้นางจะเคยทำเช่นนี้ แต่สิ่งที่นางทำไม่ใช่สิ่งที่ตรงกับเต๋าของนาง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น… เจ้าไม่ได้ผิดอะไร เจ้าแค่ยึดถือความถูกต้องในแบบของเจ้า”
“อืม… ความถูกต้องของข้าก็คือเจ้า!” เชียนสื่อยิ้มอย่างงดงาม เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในที่สุดนางก็ยิ้มอีกครั้ง
“ข้าต้องไปสะสางปัญหาที่เกาะหยิงซัว เสร็จแล้วข้าจะกลับมาที่นี่ ห้ามใครทำอันตรายนางอีกเด็ดขาด!”
หนิงฝานกล่าวอย่างหนักแน่นราวกับออกคำสั่ง และคำสั่งนั้นก็ทำให้เชียนสื่ออบอุ่นหัวใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะไปทำลายสมาพันธ์สังหารหมิง… ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ”
“ไม่จำเป็น… พวกมันก็แค่มดปลวกไม่ควรค่าให้กล่าวถึง เจ้ารออยู่ที่นี่เถอะ จัดการกับสถานการณ์ของนิกายเจ้าให้ดี”
หนิงฝานหันมองผู้อาวุโสเฟิงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าได้ยินว่าพวกเจ้ามีวิชาลับที่สามารถถ่ายทอดพลังให้กับศิษย์ได้... ข้าจะให้โอกาสเจ้า ถ่ายพลังให้เชียนสื่อ แล้วข้าจะไว้ที่ชีวิตเจ้า!”
หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพที่ทรงพลังเข้าสู่ทะเลสติของผู้อาวุโสเฟิงเพื่อประทับตราวิญญาณ นางเองก็ไม่กล้าต่อต้าน
หากต่อต้านก็เท่ากับตาย หากนางตาย นิกายของนางไม่เหลือ
สมกับเป็นซัวหมิงผู้โหดเหี้ยม แม้ไม่ได้สังหารแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจขัดขืน
เมื่อได้ยินหนิงฝานกล่าวว่าให้ยกพลังของผู้อาวุโสเฟิงให้เชียนสื่อ สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง แต่ไม่มีใครกล้าขัด
น่ากลัว… ซัวหมิงผู้นี้น่าสะพรึงมาก! แค่กล่าวไม่กี่คำก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยอมฟังคำสั่ง
หลุ่ยซ่งและลู่เป็นกังวลเพราะพวกมันเป็นผู้มาถึงนิกายมุกหยกฟ้า และพูดคุยเรื่องแต่งงานกับเชียนสื่อ
หนิงฝานหันมองไปยังเส้นทางที่ลั่วเซินหนีไป เขาจะรั้งอยู่ที่นี่นานไม่ได้
“เชียนสื่อ… เฟิงเจินคิดร้ายกับเจ้า เจ้ารู้หรือเปล่าว่าควรจัดการนางยังไง? หากเจ้าไม่รู้ ข้าจะให้คนอื่นทำแทน...”
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ดี!” เชียนสื่อกล่าว
ความผิดของเฟิงเจินร้ายแรง สิ่งที่นางทำเท้ากับดูหมิ่นประมุขนิกาย โทษที่นางต้องรับคือทำลายพลังและขังไว้ในคุกที่ลึกที่สุดของนิกาย
เหตุที่เชียนสื่อจะจัดการด้วยตนเอง เป็นเพราะนางรู้ว่าหากปล่อยให้หนิงฝานจัดการเอง เฟิงเจินคงถูกทรมานอย่างหนัก อาจจะต้องถูกร่วมรักนับพันนับหมื่นครั้ง
นางไม่อยากให้หนิงฝานทำแบบนั้นกับสตรีคนอื่น… ยิ่งหนิงฝานมีกระถางขัดเกลาน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
เชียนสื่อในวันนี้ไม่เหมือนกับเชียนสื่อในวันวาน หลายปีที่ผ่านมา นางได้รับรู้ว่าเส้นทางแห่งธรรมะหรือความถูกต้องที่นางยึดมั่นนั้น...คือหนิงฝาน!
“เจ้ารีบไปเถอะ… อย่าได้เสียเวลาเพราะเรื่องเล็กน้อยเลย” เชียนสื่อกล่าวเตือน
“อืม… ข้าประทับตราวิญญาณผู้อาวุโสเฟิงแล้ว นางจะฟังคำสั่งเจ้า ส่วนอสูรตนนี้ ข้าจะให้มันคอยปกป้องเจ้า!”
เส้นแสงสีดำพุ่งตรงเข้ามือเชียนสื่อ ปรากฏเป็นเหรียญสีดำ เป็นสิ่งที่ใช้ควบคุมอสูร
เมื่อมอบเหรียญตราให้นางแล้ว หนิงฝานก็มุ่งตรงไปยังเกาะหยิงซัวทันที ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนิงฝานก็ไปถึงเกาะหยิงซัว
อีกไม่นานจะเป็นเวลาที่เขาต้องละเลงโลหิต
หนิงฝานไม่กลัวแม้จะมีเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลส่วนในอยู่ที่นี่ เพราะยังไงก็ไม่มีผู้ใดขวางเขาได้...
เชียนสื่อกำเหรียญตราที่หนิงฝานมอบให้ไว้แน่น “ข้าติดหนี้เจ้าอีกแล้ว… ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไง”
“เชียนสื่อ… สิ่งที่ซัวหมิงทำให้เจ้า เขาไม่ต้องการให้เจ้าตอบแทนสิ่งใด พวกเจ้าสนิทสนมกันมาก เหตุใดต้องสนใจเรื่องบุญคุญ?” ซูเหยาจ้องมองเชียนสื่อด้วยความอิจฉา เพราะหนิงฝานเป็นห่วงเชียนสื่อ
“อืม… พวกเราเป็นสหายเต๋ากันหนิ...” ใบหน้าเชียนสื่อแดงระเรื่อ นางหวนนึกถึงวันที่หนิงฝานอยู่กับนางในแคว้นจิน
ในวันนั้น ทั้งสองป้องมือให้กัน และกล่าวว่าจะเป็นสหายเต๋ากันไปตลอดชีวิต
“ข้าจะดูแลนิกายมุกหยกฟ้าเป็นอย่างดี เฟิงเจินจะถูกลงโทษสูงสุด ส่วนผู้อาวุโสเฟิงให้มอบพลังทั้งหมดให้พี่ซูเหยา เพื่อที่พวกข้าจะได้บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณพร้อมกัน… หากซัวหมิงเดือดร้อน ข้าจะเป็นผู้ยื่นมือช่วยเหลือเขาเอง!”
“แต่ตอนนี้ข้ายังอ่อนแอเกินไป อย่างน้อย ข้าสมควรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ!”
นางสัมผัสได้ลางๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด จะช่วยให้นางทะลวงจุดตีบตันได้ ขอบเขตตัดวิญญาณอยู่ไม่ไกล แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งจนไร้ผู้ต้าน แต่อย่างน้อยก็ก้าวเดินเคียงข้างเจ้าได้...
หลั่วเซินตกตะลึง มันเบี่ยงเส้นทางผ่านไปยังขุมกำลังต่างๆ เพื่อหวังให้ขุมกำลังเหล่านั้นรั้งหนิงฝานไว้ แต่ผลกลับไม่เป็นไปอย่างที่มันคิด เพราะขุมกำลังใดที่ขัดขวาง พวกมันจะถูกทำลายทันที...
“ท่านย่า… ถ้าว่าซัวหมิงแข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อให้ข้ากล้าหาญกว่านี้สักล้านเท่า ข้าก็ไม่กล้ายั่วยุ!”
“ช่างเถอะ...ไม่มีเวลาให้เสียใจแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือต้องไปให้ถึงเกาะหยิงซัว ที่นั่นมีขุมกำลังของวังผนึกอสูรอยู่”
“ต่อให้ซัวหมิงแข็งแกร่งขนาดไหน ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะรับมือกับวังผนึกอสูรได้!”...