GE355 สังหารหลิวเฉวียน [ฟรี]
หนิงฝานพุ่งทะยานข้ามผ่านเกาะของหวั๋งเหิ่ง และช่วยให้มันได้ทะลวงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดโดยที่มันคาดไม่ถึงมาก่อน
“พลังไร้ลักษณ์… สัมผัสแห่งพลังไร้ลักษณ์ สามารถให้ผู้เชี่ยวชาญระดับลั่งทะลวงระดับได้… หากในอดีตอาจารย์ข้ามีพลังในระดับขอบไร้ดัดแปลง คงช่วยให้ข้าตัดหัวใจปีศาจออกไปเพื่อทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ และข้าคงไม่ต้องเดินทางมาทะเลส่วนนอก… ในโลกพิรุณไม่ควรค่าให้กล่าวถึง ในแดนสวรรค์ทั้ง 4 หรือโลกใบอื่นมีผู้เชี่ยวชาญที่ก้าวหน้าได้เร็วกว่าที่นี่ได้”
หนิงฝานถอนหายใจ ผู้ที่ถูกเลือกของแดนสวรรค์ คือผู้ที่มีพรสวรรค์ มีวิชาที่ทรงพลัง และมีขุมกำลังใหญ่หนุนหลังคอยสนับสนุนการยกระดับพลัง
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น คือผู้ที่เริ่มทำความรู้จักกับพลังไร้ลักษณ์หรือพลังมิติ ยังไม่สามารถควบคุมมันได้
ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นกลางจะสามารถใช้พลังไร้ลักษณ์ได้บางส่วนและเข้าใจในพลังมากขึ้น
การที่ได้ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงช่วยจะทำให้ยกระดับพลังอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกที่ผู้เชี่ยวชาญในโลกมนุษย์อ่อนแอกว่าผู้เชี่ยวชาญในแดนสวรรค์
แม้หนิงฝานจะมีพรสวรรค์ แต่เขาไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุน หากไม่ได้วิชาแปลงหยินหยาง เขาก็ไม่เก่งกาจขนาดนี้
หนิงฝานต้องก้าวเดินมาด้วยตนเอง ต้องผ่านทะเลโลหิตมาด้วยตนเองจึงมาถึงวันนี้ได้
หากเจ้าทุบตีข้าหนึ่งครั้ง… ข้าจะแก้แค้นคืนสิบเท่า!
หากเจ้าสังหารข้าหนึ่งครั้ง… ข้าจะแก้นแค้นคืนสิบเท่า!
ไม่ว่าสมบัติ สมุนไพร หรือสิ่งของต่างๆ หนิงฝานล้วนได้มาจากการสังหาร
เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใด ไม่ว่าสมาพันธ์สังหารหมิง ไม่ว่าเกาะหยิงซัว หรือวังผนึกอสูร
หนิงฝานมุ่งสู้ทิศตะวันออกของทะเลส่วนนอก ไกลออกไปล้านลี้ มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเฝ้าติดตาม เพื่ออยากเห็นในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
หนิงฝานไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น สายตาของเขาจับจ้องเพียงเกาะที่อยู่ไกลออกไป
เกาะแห่งนั้นมีนามว่า เกาะพิชิตนักบุญ เป็นสถานที่ตั้งของหนึ่งในสิบขุมกำลังใหญ่แห่งทะเลส่วนนอก นิกายคุณธรรม!
ลั่วเซินหลบหนีผ่านมายังนิกายคุณธรรม และมุ่งผ่านไปยังทิศะวันออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันผ่านไป ผู้เชี่ยวชาญของนิกายคุณธรรมหลายหมื่นคนปรากฏ จ้องมองหนิงฝานที่ไล่ตามมาด้วยแววตาที่แฝงด้วยเจตนาสังหาร
แต่เมื่อหนิงฝานเห็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เขาชงักฝีเท้าอยู่ห่างจากเกาะของพวกมันพันลี้
หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า แต่ในชั่วพริบตานั้น รอบข้างกลับปรากฏหิมะโปรยปราย หิมะเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นมังกรขดพันรอบขาหนิงฝานอย่างแน่นหนา
ข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด… ข่ายอาคมมังกรหิมะ!
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา คาดไม่ถึงว่านิกายคุณธรรมจะกล้าลงมือ
เหตุที่ลั่วเซินเร่งจากไป เพราะมันกลัวว่านิกายคุณธรรมจะจู่โจมมัน
“ถอนข่ายอาคมซะ ข้าไม่อยากทำลายพวกเจ้า… ข้าให้เวลาพวกเจ้า 3 ลมหายใจ ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำลายพวกเจ้าให้สิ้นซาก!”
หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉยพลางกวาดตามองผู้เชี่ยวชาญทุกคนของนิกายคุณธรรม
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญของนิกายคุณธรรม มีชายชราผู้หนึ่ง สวมอาภรณ์งดงาม ลักษณะท่าทางคล้ายบัณฑิต แววตาหลี่แคบ สีหน้าเย่อหยิ่ง กลิ่นอายในขอบเขตตัดวิญญาณที่ทรงพลัง
ชายชราผู้นั้นเป็นผู้นำแห่งนิกายคุณธรรม นาม ‘หลิวเฉวียน’!
ข้างกายหลิวเฉวียนมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 19 คนคอยคุ้มกัน
ในหมู่ของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม มีชายชราวัยกลางคนผู้หนึ่ง อยู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง เป็นรองประมุขนิกาย นาม ‘เซ่าเอ้อร์’
แม้ระดับพลังของมันไม่ควรค่าให้กล่าวถึง แต่มีบางสิ่งที่ทำให้หนิงฝานสนใจ
เซ่าเอ้อร์ผู้นี้คือบิดาของเซ่าสื่อชิง ในอดีต เซ่าสื่อชิงเคยล่วงเกินหนิงฝานเพราะสู่ฉุ่ยหลิง แต่สุดท้ายมันก็ถูกหนิงฝานสังหาร
เรื่องนี้ทำให้นิกายคุณธรรมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก หลิวเฉวียนเองก็ไม่พอใจที่หนิงฝานมีชื่อเสียงโด่งดัง ดังนั้น พวกมันจึงจะต้องแก้แค้น
แต่ยามนี้ สมาพันธ์สังหารหมิงถือกำเนิดโดยมีวังผนึกอสูรหนุนหลัง ซื่อกู่มาพบหลิวเฉวียนด้วยตนเอง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยมันแก้แค้น หลิวเฉวียนจึงตื่นและนำนิกายของตนเข้าร่วมกับสมาพันธ์สังหารหมิง
เมื่อครู่ที่ลั่วเซินผ่านมา มันขอให้นิกายคุณธรรมรั้งหนิงฝานเอาไว้ ส่วนมันจะเร่งกลับไปแจ้งสมาพันธ์
“ท่านประมุข การที่เรายั่วยุซัวหมิงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง...” เซ่าเอ้อร์กล่าว มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายจากหนิงฝาน จึงหวาดกลัว
“เจ้าจะไปกลัวอะไร! ลั่วเซินบอกว่าซัวหมิงอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น ที่ลั่วเซินพาซัวหมิงไปยังสถานที่ต่างๆก็เพื่อทดสอบพลัง แม้จะอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่ด้วยวิธีการบางอย่าง ทำให้มันแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง… หากสู้กันตรงๆ ข้าอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ตอนนี้เราอยู่ในอาณาเขตนิกาย มีข่ายอาคมที่ทรงพลัง เหตุใดเราต้องกลัวมัน”
“แต่ซัวหมิงมีร่างกายสูงใหญ่ 3 พันจ้าง บางทีอาจแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด”
“ผายลม! ร่างยักษ์ 3 พันจ้างมีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดเท่านั้นที่ทำได้ แต่เจ้าคิดเหรอว่าแค่ 20 ปี มันจะแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น? ต่อให้มันบากบั่นฝึกฝนขนาดไหนก็ไม่มีทางยกระดับถึงขั้นนั้นได้ อย่างมากมันก็อยู่แค่ขอบเขตตัดวิญญาณขี่นต้น!”
หลิวเฉวียนไม่ได้โง่ ในเมื่อมันกล้าช่วยลั่วเซินหยุดยั้งหนิงฝาน แสดงว่ามันขบคิดมาอย่างดี
ตามเหตุผลที่มันกล่าว หนิงฝานทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นได้ใน 20 ปี แต่เก่งกาจเทียบเท่าขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง
หากเป็นคนทั่วไป ไม่มีทางที่ใครจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณได้ด้วยเวลาเพียง 20 ปี ยิ่งแข็งแกร่งทัดเทียมขั้นกลางยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่นั่นคือความผิดพลาดของหลิวเฉวียน มันดูแคลนหนิงฝานจนเกินไป มันคิดว่าร่างยักษ์และเกาะที่แบอยู่นั้นคือภาพลวง
มันมั่นใจข่ายอาคมของมัน ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง ข่ายอาคมของมันก็ต้านรับได้ ดังนั้น ตราบใดที่หนิงฝานอยู่ภายใต้ข่ายอาคมนี้ ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้องถูกผนึกและรอความตายเท่านั้น!
หนิงฝานให้เวลาพวกมัน 3 ลมหายใจ แต่ในเมื่อพวกมันคิดลงมือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้เวลาพวกมันอีก
“ปีศาจซัว เจ้าตกอยู่ในอำนาจของข่ายอาคมแล้ว ต่อให้เจ้ามี 3 หัน 6 มือ เจ้าก็ไม่อาจรอดไปได้! เจ้าบอกว่าจะทำลายนิกายข้าจนสิ้นซาก เจ้าคิดว่าทำได้เหรอ?”
“ให้เวลา 3 ลมหายใจ? เจ้าจะรอดถึง 3 ลมหายใจหรือเปล่าก็ไม่รู้! เมื่อตกอยู่ภายใต้อำนาจของข่ายอาคมที่ทรงพลังของข้า อีกไม่นานเจ้าก็ตายแล้ว!”
เมื่อผู้เชี่ยวชาญของนิกายคุณธรรมเห็นหนิงฝานถูกพันธะนาการ แววตาพวกมันแสดงออกถึงความตื่นเต้น
ไม่ว่าซัวหมิงจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ในเมื่อกล้าล่วงเกินนิกายคุณธรรม ถูกข่ายอาคมที่ทรงพลังพันธะนาการ ก็เท่ากับรอความตายเท่านั้น
บนเกาะกู่ซูที่อยู่บนบ่าหนิงฝาน ผู้เชี่ยวชาญบางคนที่อยากติดตามมาด้วย สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวงเมื่อเห็นหนิงฝานถูกข่ายอาคมพันธะนาการ หนึ่งในผู้ที่ติดตามมาคือผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคม จึงรู้ว่าข่ายอาคมที่พันธะนาการหนิงฝานนั้นทรงพลังมาก
“หลานฉุ่ยหลิง! ข่ายอาคมนี้อยู่ในระดับตัดวิญญาณขั้นสูงสุด หากตกอยู่ในอำนาจของมัน แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดก็เป็นอันตราย”
“ไม่หรอก… ท่านพี่จะไม่เป็นอะไร ที่ท่านพี่ให้เวลานิกายคุณธรรม 3 ลมหายใจก็นับว่ามีเมตตากับพวกมันมากแล้ว จริงๆแล้วข่ายอาคมนี้ใช้เวลาเพียง 3 ลมหายใจก็ทำลายได้ หากพวกมันยังดึงดันจะลงมือ พวกมันจะถูกสังหารทั้งหมด!”
ฉุ่ยหลิงมองออก นางรู้ว่าหนิงฝานกำลังคิดอะไร
แม้ข่ายอาคมของนิกายคุณธรรมจะทรงพลัง แต่ด้วยเต๋าแห่งข่ายอาคมและระดับความแข็งแกร่งของหนิงฝาน เขาสามารถทำลายมันได้
หนิงฝานแผ่ปราณอันเบาบางไปยังตำแหน่งต่างๆของข่ายอาคม และทำลายพวกมันอย่างเงียบๆโดยที่นิกายคุณธรรมไม่ทราบ
“หนึ่ง!” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย เพื่อเตือนพวกมันว่าผ่านไปแล้ว 1 ลมหายใจ
หลิวเฉวียนเริ่มวิตก แม้จะถูกข่ายอาคมที่ทรงพลังพันธะนาการ เหตุใดสีหน้าและแววตายังสงบเช่นนี้?
หรือหนิงฝานมั่นใจว่าจะทำลายข่ายอาคมได้จริงๆ! หรือหนิงฝานรู้ว่าพวกมันไม่รอดมือแน่!
“สอง!” แววตาหนิงฝานเริ่มเย็นชามากขึ้น น้ำเสียงของเขาไม่เหมือนผู้ที่กำลังตกอยู่ใต้อำนาจของข่ายอาคม
“ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า? แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้! หรือข้าจะดูแคลนซัวหมิงเกินไป จนคิดว่ามันแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง แต่แท้จริงมันแข็งแกร่งกว่านั้น?”
“หรือมันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดจริงๆ? ไม่! เป็นไปไม่ได้! แค่ 20 ปีจะทะลวงขอบเขตไปจนถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด! ความเร็วระดับนี้ แม้เป็นผู้ถูกเลือกในแดนสวรรค์ยังไม่อาจทำได้”
หลิวเฉวียนที่เชื่อมั่นในความคิดของตน เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งระดับพลังสูงยิ่งสัมผัสถึงสิ่งต่างๆได้มากขึ้น และยามนี้ หลิวเฉวียนสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากหนิงฝาน
หลิวเฉวียนเริ่มปั่นป่วน แต่มันไม่รอให้หนิงฝานนับถึง 3!
มันนำเหรียญสีดำที่สลักบางอย่างเอาไว้ออกมา จากนั้นโคจรวิชาลับกระตุ้นเหรียญ ไม่นาน เงาร่างของอสูรสูงใหญ่นับ 1500 จ้างปรากฏ แผดเสียงร้องคำรามดังสะเทือนกึกก้องทั่วท้องนภา
อสูรตนนี้แผ่กลิ่นอายของเขตตัดวิญญาณขั้นต้น อสูรตนนี้คือเครื่องคุ้มกันนิกายคุณธรรม โดยที่มันจะผสานพลังร่วมกับข่ายอาคมกระทั่งทรงพลังขึ้น
“อสูรตัดวิญญาณ!” ลุงฉีและหวางซื่อตกตะลึง
อสูรตนนี้คืองูยักษ์ มีเขี้ยวแหลมคมน่าสะพรึงกลัว อสูรตนนี้ถูกล้างความทรงจำ และอยู่อาณัติการควบคุมของเหรียญในมือหลิวเฉวียน
“ควบคุมดวงจิต...”
ควบคุมดวงจิตคือการสั่งการไปยังดวงจิตของคนผู้หนึ่งโดยตรง และยามนี้หลิวเฉวียนก็กำลังทำอยู่
ไม่นานนักก็ครบกำหนด 3 ลมหายใจ ยามนี้หนิงฝานมองข่ายอาคมออกโดยสมบูรณ์
“ทะลาย!” ขาหนิงฝานขยับ ข่ายอาคมอ่อนกำลัง
*ตูม!*
หนิงฝานกระทืบเท้า แรงกระแทกที่ทรงพลังจนยากจะจินตนาการ ทำให้อานุภาพของข่ายอาคมลดลงและพังทะลายในที่สุด
“กระทืบเท้าเพียงครั้งเดียวก็ทำลายข่ายอาคมได้! ซัวหมิงคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด!”
หลิวเฉวียนเข่าแทบทรุด แววตาเริ่มปรากฏความเศร้า
หากมันรู้ว่าหนิงฝานทรงพลังขนาดนี้ ต่อให้มันกล้ากว่านี้สักหมื่นเท่า มันก็ไม่กล้าเข้าร่วมสมาพันธ์สังหารหมิงแน่นอน
“มันคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด นอกจาก 7 ผู้ยิ่งใหญ่ของทะเลส่วนในก็ไม่มีใครรับมือมันได้อีก... หนีเร็ว!”
หลิวเฉวียนคิดจะหนี แต่มันช้าเกินไปแล้ว
ปราณสังหารถูกปลดปล่อย หนิงฝานให้โอกาสพวกมัน 3 ลมหายใจ แต่พวกมันกลับปฏิเสธ ดังนั้นยามนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกมันเด็ดขาด
*ตูม*
หนิงฝานซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของอสูรยักษ์อย่างรุนแรง จนอสูรตนนั้นบาดเจ็บสาหัสในทันที
*โฮก!*
อสูรยักษ์เปล่งเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด แววตาที่ว่างเปล่าไร้สติเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
แรงกดดันของหนิงฝานทรงพลังกว่าอสูรยักษ์มาก แต่ต่อให้มันจะแข็งแกร่งกว่านี้เขาก็ไม่กลัว
*ตูม!*
ร่างของอสูรตนนั้นปลิวไปไกลกว่าหมื่นจ้าง ร่างขนาดยักษ์ของมันกระแทกพื้นอย่างรุนแรง บดขยี้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและแก่นทองคำเป็นจำนวนมากที่อยู่บริเวณนั้น
หลิวเฉวียนหวาดกลัว มันเร่งพุ่งทะยานหนีสุดชีวิต
ระหว่างที่หลบหนี มันนำกระบี่บินสองเล่มออกมา กระบี่บินนี้คือกระบี่บินคู่ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นก็ไม่กล้ารับมันตรงๆ แต่เหตุที่มันนำกระบี่ออกมาไม่ใช่เพราะจะใช้สังหารหนิงฝาน แต่แค่นำมาถ่วงเวลาเท่านั้น
เมื่อเห็นหนิงฝานทรงพลังขนาดที่เอาชนะอสูรยักษ์ได้ด้วยฝ่ามือเดียว ซ้ำประมุขนิกายยังหลบหนี เหล่าคนของนิกายตุณธรรมจึงแยกย้ายหลบหนีเช่นกัน
“อย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้!” หนิงฝานอ้าปากดูดเอากระบี่บินทั้งสองเข้ามาในปาก แล้วเคี้ยวพวกมันจนแตก ในขณะเดียวกัน เจตจำนงค์กระบี่ของเขาก็พุ่งเป้าไปที่หลิวเฉวียนที่กำลังหลบหนี
หนิงฝานชี้นิ้วไปเบื้องหน้า โคจรดรรชนีกระบี่ผสานกับเจตจำนงค์กระบี่
“ดรรชนีกระบี่ขยี้สวรรค์!” ปราณกระบี่ที่ทรงพลังแผ่พุ่งออกจากร่าง กินวงกว้างกว่าแสนลี้
ภูเขา เกาะ สายน้ำถูกดึงพลังออกมาผสาน มิติรอบข้างได้รับผลกระทบจนพังทะลาย
เมื่อพลังทั้งหมดผสานรวมเป็นหนึ่งในร่างหนิงฝาน ที่ปลายนิ้วของเขาปรากฏเส้นใยจำนวนมหาศาล พุ่งทะลวงร่างของผู้ที่กำลังหลบหนีจนไม่มีผู้ใดหลบหนีได้สักคน
หลิวเฉวียนหวาดกลัว ดรรชนีกระบี่เมื่อครู่ทรงพลังอยู่ในระดับขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
“เจ้า...คือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดจริงๆ!”
ปราณกระบี่ทะลวงร่าง หลิวเฉวียนแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างของมันจะถูกปราณกระบี่ฉีกกระชากจนไม่เหลือซาก
ทันทีที่หลิวเฉวียนตาย แผ่นหยกในกระเป๋าของผู้นำขุมกำลังใหญ่แห่งทะเลส่วนนอกแตก!
แผ่นหยกที่ว่าคือสิ่งที่ผู้นำทั้ง 13 ขุมกำลังได้แลกเปลี่ยนเพื่อแสดงความเป็นสหาย หากแผ่นหยกแตก แสดงว่าเจ้าของแผ่นหยกได้ตายไปแล้ว!
“หลิวเฉวียนตายแล้ว!”
บนเกาะมุกหยกฟ้า ซูเหยา ซู่ชวนเชียนสื่อ และสตรีชราสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“นิกายคุณธรรมมีข่ายอาคมที่ทรงพลังป้องกัน มีหลิวเฉวียนที่ทรงพลัง...ใครกันที่สังหารมันได้!”
หญิงชราสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง นางเป็นหนึ่งในคนสำคัญของนิกายมุกหยกฟ้า
ซูเหยาและชู่ซวนเชียนสื่อสงสัยว่าเหตุใดหยิงชราถึงได้ดูแตกตื่นมากขนาดนั้น
พวกนางอยู่ในโถกหลักของนิกาย ภายในนั้นยังมีผู้เยาว์อีก 2 คน คนหนึ่งมีนามว่า หลุ่ยซ่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลางแห่งนิกายดวงจิตน้ำแข็ง อีกหนึ่งมีนามว่า ลู่อัน เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงแห่งสำนักกระบี่เมฆาคราม ผู้เยาว์ทั้งสองคือผู้เยาว์ที่โดดเด่นแห่งทะเลส่วนนอก
ทั้งสองมาเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงานกับชู่ซวนเชียนสื่อ
“ผู้อาวุโสเฟิง พวกข้ามาเพราะอยากจะหารือเรื่องการแต่งงานกับแม่นางเชียนสื่อ ไม่ว่าท่านจะเลือกผู้ใดให้หมั้นหมายกับนางย่อมเป็นเรื่องดี... เหตุใดท่านต้องทำให้เป็นยุ่งยาก?”
ทั้งสองคิดว่าที่หญิงชราสีหน้าไม่สู้ดีเพราะไม่เห็นด้วยกับงานแต่งงาน
แต่หากนางเป็นสตรีทั่วไป การที่มีผู้เยาว์ที่โด่ดเด่นทั้งสองมาสู่ขอ นางย่อมมีความสุข
หญิงชราที่กล่าวถึงคือประมุขเกาะมุกหยกฟ้า ต่อให้นางปฏิเสธเรื่องการแต่งงาน ผู้เยาว์ทั้งสองก็ไม่กล้าล่วงเกิน
ยามนี้ชู่ซวนเชียนสื่อคือผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขของเกาะมุกหยกฟ้า ยามนี้นางอยู่ขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ อีกไม่นานก็จะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ
ผู้คนรู้ว่าอนาคตของชู่ซวนเชียนสื่อจะก้าวหน้า หากผู้เยาว์ของนิกายใดได้แต่งงานกับนาง ผู้เยาว์เหล่านั้นก็อาจจะได้เป็นประมุขเกาะมุกหยกฟ้า
แม้จะมีข่าวลือว่านางเป็นสตรีของซัวหมิง แต่ไม่มีใครเคยเห็นซัวหมิงอยู่กับนาง ที่สำคัญ นางยังคงพรหมจรรย์ไว้ได้ จึงไม่มีใครเชื่อว่านางเป็นสตรีของซัวหมิง
หากนางเป็นสตรีของซัวหมิงจริง เหตุใดซัวหมิงจึงจะไม่ร่วมรักกับนาง
“สหายน้อยทั้งสองวางใจได้ ที่สีหน้าของข้าไม่สู้ดีไม่ใช่เพราะเรื่องการหมั้นหมายใดๆ… เรื่องการหมั้นหมายไว้ค่อยพูดคุยกันใหม่เถอะ ข้าไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะตายจริงๆ...”
หญิงชราส่ายหน้าพลางหันมองซูเหยาและชู่ซวนเชียนยสื่อ
“เชียนสื่อ เจ้าต้องเข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะนั้น ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของโลกเป็นหลัก นายน้อยทั้งสองนี้คือผู้เชี่ยวชาญฝ่ายธรรมะที่โดดเด่นที่สุด แม้ยามนี้พวกเขาจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้า แต่ด้วยวิถีของพวกเขาแล้ว การที่ได้พวกเขาเป็นคู่ชีวิตนับเป็นเรื่องดี”
“หากเจ้าแต่งงานกับนายน้อยหลุ่ยซ่ง นิกายมุกหยกฟ้าของเราจะผนวกรวมเป็นหนึ่งกับนิกายดวงจิตน้ำแข็ง แต่หากเจ้าแต่งงานกับลู่อัน นิกายมุกหยกฟ้าเราก็จะผนวกรวมเป็นหนึ่งกับสำนักกระบี่เมฆาคราม ไม่ว่าจะหนทางใด นิกายของเราจะแข็งแกร่งขึ้น… การที่หนึ่งในผู้อาวุโสของเราตาย ทำให้กำลังของนิกายเราถดถอยลงไปมาก ขุมกำลังฝ่ายอธรรมมากมายหมายตาเข้ายึดครอง และนำเหล่าศิษย์สตรีของเราไปเป็นกระถางขัดเกลา”
“หากเจ้าแต่งงานกับหนึ่งในพวกเขา นิกายของเราจะทรงพลังขึ้น ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับเรา… เชียนสื่อ การแต่งงานของเจ้าจะทำให้ศิษย์ของเราปลอดภัย”
แววตาเชียนสื่อเศร้าหมอง หากเป็นก่อนหน้า นางจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่หญิงชรากล่าว นางจะยอมแต่งงานและทำเพื่อคนอื่นๆ แต่ยามนี้… หัวใจของนางไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
นางก้าวไปเบื้องหน้า หลับตา ยิ้มอย่างงดงามพลางกล่าว “ข้าไม่อยากแต่งงาน...”
นางยังคงกล่าวเช่นเดียวกับในอดีตยามที่นางอยู่ในแคว้นจิน นางเคยปฏิเสธคนผู้หนึ่งเช่นกัน
หากนางจะแต่งงาน นางจะแต่งงานกับคนผู้ที่ตำหนิตัวนางที่ชอบสร้างปัญหาเพราะเป็นห่วง… นางจะแต่งงานกับผู้ที่ยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อปกป้องนางจะอสูรฉลามนับหมื่น
“เชียนสื่อ… ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ” แววตาของหญิงชราแปรเปลี่ยนเย็นชา ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มด้านหลังหญิงชราจ้องมองนางด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“หากเจ้าไม่อยากแต่งงาน… งั้นก็คืนสิ่งที่ผู้อาวุโสเฟิงให้มาซะ!” สตรีนางหนึ่งนาม ‘เฟิงเจิน’กล่าว
นางเป็นผู้ปล่อยข่าวว่าเชียนสื่อคือสตรีของซัวหมิง ทำให้เชียนสื่อไม่กล้าออกจากนิกาย
“เชียนสื่อ เจ้าควรตัดสินใจเลือกที่จะทำลายพลังของเจ้า… หรือจะแต่งงาน!”
คำกล่าวของเฟิงเจินทำให้เชียนสื่อโกรธมาก
“หลายปีที่ผ่านมา น้องเชียนสื่อทำประโยชน์ให้กับนิกายเรามากมาย ทำไมเจ้าคิดจะให้นางทำลายพลังที่ฝึกฝนมา ยิ่งหากจะคืนสิ่งที่ผู้อาวุโสเฟิงมอบให้ มีโอกาสเพียง 1 ในสิบส่วนที่นางจะรอดชีวิต สิ่งที่เจ้ากล่าวไม่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย!”
“ฮึ่ม! หรือท่านก็อยากจะเลือกเหมือนนาง! หากหนึ่งในพวกเขาแต่งงานกับนาง อีกคนก็จะว่าง...ท่านคงคิดอยากจะได้สินะ! แต่แบบนั้นก็ดี นิกายมุกหยกฟ้าของข้าจะได้ผนวกกับทั้งนิกายดวงจิตน้ำแข็งและสำนักกระบี่เมฆาคราม!” เฟิงเจินเผยสีหน้าชั่วร้าย นางคิดร้ายกับซูเหยาเช่นกัน
หากไม่มีซูเหยาและเชียนสื่อ นางก็คือที่จะได้เป็นประมุขริกายคนต่อไป และมีโอกาสที่จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ
คำกล่าวของเฟิงเจินทำให้ผู้อาวุโสเฟิงขบคิดและคล้อยตาม ว่าสิ่งที่นางกล่าวนั้นมีเหตุผล หากซูเหยาแต่งงานไปด้วย นิกายมุกหยกฟ้าก็จะผูกมิตรกับทั้งสองนิกายได้ในเวลาเดียวกัน
“นี่เจ้า!” ซูเหยาโกรธจนพูดไม่ออก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ซูเหยาขบคิดว่า การที่นางเลือกเดินในฝ่ายธรรมะนั้น...ถูกต้องแล้วหรือ?
เมื่อนิกายเล็งเห็นถึงประโยชน์ นิกายก็พร้อมจะขายนางอย่างไม่ลังเล
“พี่ซูเหยาใจเย็นๆ เรื่องนี้เป็นเพราะข้า ข้าไม่อยากจะดึงท่านมาเกี่ยวข้องด้วย...”
เชียนสื่อจ้องมองเฟิงเจินด้วยสายตาเย็นชา นางไม่อยากให้พี่สาวของตนต้องกลายเป็นหมากของเฟิงเจินไปอีกคน
เชียนสื่อผิดหวัง… ผิดหวังที่นิกายฝ่ายธรรมะไม่ได้ปกป้องความยุติธรรมเหมือนที่นางคิด หากฝ่ายธรรมะไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง จะเรียกว่าฝ่ายธรรมะได้อย่างไร
นิกายมุกหยกฟ้า...จะยังเรียกว่าฝ่ายธรรมะได้อยู่หรือ?
“ชู่ซวนเชียนสื่อ เจ้าจะเลือกแบบไหน!” เฟิงเจินยิ้มพลางกล่าวอย่างพึงพอใจ
“ข้าเลือก...ที่จะทำลายพลังตัวเอง!”
คำกล่าวของนางทำให้ทุกคนตกตะลึง
“ข้าไม่สนใจในสิ่งที่ได้รับสืบทอดมา… ข้าไม่สนใจในพลังที่มี… ข้าสนเพียงความถูกต้อง และความถูกต้องของข้า...จะมีเพียงเขาเท่านั้น!” เชียนสื่อกล่าวในใจ
“ต่อให้ข้าต้องสูญเสียทุกสิ่ง ข้าก็จะไม่แต่งงาน!”
ผู้อาวุโสเฟิงคาดไม่ถึงว่าเชียนสื่อจะกล่าวแบบนี้ แม้นางจะอยากให้เชียนสื่อแต่งงาน แต่นางไม่ได้อยากให้เชียนสื่อทำลายพลังของตน
“เชียนสื่อ! เหตุใดเจ้าไม่ยอมแต่งงาน! หรือเจ้าจะเป็นสตรีของปีศาจซัวหมิงจริงๆ!” ผู้อาวุโสเฟิงกล่าว
เฟิงเจินพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกสิ่งเป็นไปตามที่นางตั้งใจไว้
เชียนสื่อยกมือซ้ายขึ้นช้าๆ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เศร้าหมอง
ไม่ว่ายังไง นางจะไม่ยอมเปิดเผยว่านางเกี่ยวพันกับหนิงฝาน
หากใช้ชื่อเสียงของหนิงฝาน บางทีผู้อาวุโสเฟิงอาจไม่กล้าลงมือกับนาง
แต่เชียนสื่อไม่อาจทำเช่นนั้นได้ แม้นางจะรักหนิงฝาน แต่นางติดค้างเขามากเกินไป...นางไม่รู้จะตอบแทนเขายังไง
“ข้าไม่ใช่สตรีของซัวหมิง เพราะคนอย่างข้า ไม่คู่ควรเป็นสตรีของเขา...”
“ข้ามีแต่สร้างหายนะให้เขา… มีแต่ทำให้เขาบาดเจ็บ… มีแต่ทำให้เขาเป็นศัตรูกับวังผนึกอสูร จนพวกมันต้องก่อตั้งสมาพันธ์เพื่อตามล่าเขา”
“ข้าไม่คู่ควรกับเขา...” นางพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลริน หากนางกดมือลงแนบอก พลังที่นางครอบครองทั้งหมดจะหายไป และมีโอกาสเพียง 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้นที่นางจะรอดชีวิต
นางไม่กลัวตาย… ไม่กลัวที่จะต้องสูญเสียพลัง… แต่นางกลัวว่าจะไม่ได้เห็นเขาอีกครั้ง
ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในความคิด ภาพที่หนิงฝานเดินออกมาจากป่าแห่งภูติพราย ย่าางกรายเข้าสู่นิกายกุ่ยเชว่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ
เมื่อยามนั้น นางคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นเยว่ เย่อหยิ่งสูงส่ง แต่เมื่อเห็นหนิงฝาน นางกลับอดยิ้มให้เขาไม่ได้
นางไม่เคยคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้น จะกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง
“หนิงฝาน...” นางกล่าวอย่างแผ่วเบาโดยไม่มีผู้มีใดได้ยิน ก่อนซัดฝ่ามือใส่หน้าอกของตน!
แต่ในชั่วลมหายใจนั้น ด้านนอกกลับเกิดความวุ่นวาย ผู้เชี่ยวชาญแก่นนทองคำหลายคนทะลายเข้าสู่โถงหลักนิกายเพื่อรายงานสถานการณ์
“ท่านซูเหยา ผู้อาวุโสเฟิง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ยักษ์… มียักษ์ตนหนึ่งที่กำลังแบกเกาะ และมีอสูรยักษ์ติดตามมุ่งมาทางนี้! หากข้าจำไม่ผิด อสูรตนนั้นคืออสูรพิทักษ์ของนิกายคุณธรรม!”
สีหน้าผู้อาวุโสเฟิงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
“อะไรนะ! อสูรพิทักษ์ของนิกายคุณธรรม!”
“หรือว่าหลิวเฉวียนจะตายแล้วจริงๆ! ยักษ์นั่นเป็นคนสังหารเขา!”
“เปิดข่ายอาคมต้านมันไว้! อยากให้มันเข้าใกล้เกาะของเรา!”
เชียนสื่อสั่นสะท้าน นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย ที่กำลังมุ่งมาหานาง!
เขามาแล้ว...