Chapter 97 – Red Dragon’s Lair (3)
Chapter 97 – Red Dragon’s Lair (3)
”
"ก๊าซซ"
ไฟได้ถูกปล่อยออกมาจากปากของหมานรก 'เฮลฮาว' นักล่าได้หลบออกไปที่ข้างทางและไฟก็ได้ผ่านออกไป
จากนั้นผู้อมตที่อยู่ด้านหน้าก็ได้โจมตีเข้าไปที่หัวของมันด้วยอาวุธของเขา
"ผัวะ"
นักล่าคนอื่นๆก็ได้วิ่งไปข้างหน้าเพื่อที่จะโจมตีเฮลฮาวด้วยเช่นกัน และครู่หนึ่งมันก็พ่ายแพ้ลง พสกเขาได้เตรียมตัวจะสู้ต่อทันที
ยังมีเฮลฮาวเหลืออยู่อีก แต่ว่าก่อนที่มันจะได้ทำอะไรร่างกายของมันก็ได้ถูกแยกออกเป็นสองส่วน สุดยอดนักล่าเคหรือซังจินได้เหวี่ยงดาบสะบัดเลือดทิ้งในขณะที่กล่าวขึ้น
"ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีศัตรูในพื้นที่นี่แล้วหละ"
ผู้อมตะได้มองกลับไปที่คนอื่นๆและถามออกมา
"มีใครต้องการจะพักไหม?"
ไม่มีใครตอบกลับมา
"ถ้างั้นไปต่อกันเถอะ"
ที่ถนนด้านหน้านี้มันก็ยังมีทางแยกอีกสองทาง ดังนั้นบาบาเรี่ยนจึงเดินออกไปและใช้ความสามารถของไกด์ เส้นทางซ้ายได้สว่างขึ้น แต่ว่าในครั้งนี้มันเข้มกว่าก่อนหน้านี้มาก
"รอบนี้ไปทางซ้าย ตั้งแต่ที่สีมันได้เข้มขึ้นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาใกล้จะถึงแล้ว"
"เข้าใจละ ทุกๆคนอย่าลดความระมัดระวังตัวหละ โอเคไปกันเลย"
ผู้อมตะได้นำทางออกไปอีกครั้ง ซังจินได้เดินไปกับคนอื่นๆด้วย เขายืนอยู่ที่ใจกลางของตำแหน่งทุกๆคน นักล่าได้เดินลงไปเรื่อยๆจนพวกเขาได้ไปพบกับลาวาที่ไหลลงมาเหมือนกับน้ำตกและร่วมกันเป็นบ่อ
มันดูเหมือนกับออนเซ็นในเวอร์ชั่นนรกแทน ที่แห่งนี้เขาได้พบกับเดวิลที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการอาบลาวา และเมื่อเห็นเช่นนี้ความทรงจำเก่าๆของซังจินก็ได้แว๊บเข้ามา
'ฉันเคยเห็นมันมาก่อน...'
จากนั้นเองทันใดผู้อมตะก็ได้หยุดลง
"นั่นใครนะ?"
มันสามารถจะมองเห็นเป็นเงาของคนได้จากระยะไกล ในขณะที่นักล่าคนอื่นๆกำลังลังเล ซังก็ได้นึกออกและตะโกนขึ้น
"ไม่ใช่ นั่นมัน..."
แต่ว่าเวทมนตร์ก็ได้ถูกยิงเข้ามาใส่พวกเขาแล้ว
"เพลิงนิรันดร์แห่งนรก อินเฟอโน่"
เพลิงได้แยกออกมาเป็นหลายเส้นๆเข้ามาหานักล่า นักล่าสามารถจะหลบมันได้เนื่องจากว่ามันมากจากระยะไกล แต่ว่ามันก็เป็นอะไรที่ศัตรูได้หวังเอาไว้ จากนั้นมันก็
"เพลิงที่เผาไหม้ จงปกป้องข้า โล่เพลิง"
มันได้กระโดดขึ้นมาพร้อมกับเพลิงที่ปกคลุมร่างกายและลอยสูงไปกว่าสิบเมตรพร้อมกับถือหอก มันได้ลอยไปที่แนวหลังของเหล่านักล่า
ในขณะที่นักล่ายังคงมองขึ้นไปอย่างอ้าปากค้างอยู่ ศัตรูก็เล็งได้เป้าไปที่จอมเวทย์น้ำเงินในทันที เมื่อจอมเวทย์น้ำเงินรู้ตัวว่าเขาเป็นเป้าเขาก็ร่ายเวทย์ออกมาอย่างรวดเร็ว
"โล่น้ำแข็ง"
เขาพยายามที่จะป่องกันตัวเองด้วยเวทมนตร์ แต่ส่าครึ่งปีศาจตัวนี้ก็ได้ทำลายโล่ไปอย่างง่ายดายด้วยหอกและแทงเข้าไปที่ไหล่ของจอมเวทย์
"อ๊าาาา"
"ชั่วเอ๋ย"
นักล่าที่อยู่ใกล้สุดได้เหวี่ยงดาบไปทางศัตรูทันที แต่ว่าครึ่งมังกรมันก็ได้ปบ่อยไฟออกมารอบๆตัว
"อะ...อะไรกัน?"
นักล่าทั้งหมดได้ถอยกลับไป ในขณะเดียวกันกันมันก็เล็งโจมตีไปที่คอของจอมเวทย์ ไม่มีใครที่จะสามารถป้องกันมันได้นอกเสียจากว่าจะเป็นซังจิน ก่อนที่หอกจะแทงเข้าไป
"ฮ้าา"
ซังจินได้ปาดาบออกไปจากมือและมัก็ได้พุ่งเข้าไปใส่ปลายหอก เมื่อการโจมตีถูกหยุดลง นักล่าระยะไกลก็ได้ยิงธนูและหน้่ไม้ออกไปใส่ศัตรู ครึ่งปีศาจก็ได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศเพื่อที่จะหลบและร่ายเวทย์ออกมา
"จงเผาไหม้ทุกสิ่งในเส้นทาง บอลไฟ"
มันไม่มีทางที่จะหลบแรงระเบิดของลูกไฟได้ แม้ว่ามันจะไม่ทำความเสียหายถึงชีวิต แต่มันก็จะทำให้การจู่โจมล่าช้าขึ้น ซังจินได้ใช้ให้เบสโกโร่ร่ายเวทย์มาในทันที
"สนามพลังดูดกลืนเวทมนตร์ โล่ต้านเวทมนตร์"
เพื่อที่จะปกป้องนักล่า และในขณะนั้นเองเขาก็
"ฮ่าห์"
เรียกบลัดเวเจนกลับมา
"ตูมม"
บอลไฟได้ปะทะเข้ากับโล่ แต่ก็ไม่มีความเสียหายอะไรเพิ่มเติมขึ้นอีก เมื่อซังจินได้ตรวจสอบสถานการณ์ เขาก็เตรียมดาบทั้งสองเล่มและมุ่งเข้าไปหาครึ่งปีศาจ
ครึ่งปีศาจมันเป็นสุดยอดการใช้เวทย์กับหอกผสมกัน
"เคร๊ง แคร๊ก"
ศัตรูมันได้ควงหอกเพื่อที่จะป้องกันดาบของซังจิน แต่ว่าสิ่งที่มันไม่สามารถจะคาดเดาได้ก็คือดาบของซังจินไปปกติธรรมดา
ดาบของซังจินสามารถที่จะตัดได้แม้แต่แขนของโกเลมเหมือนกับเอามีดร้อนไปตัดเนย หอกก็เช่นกันมันได้ขาดลงเมื่อได้สัมผัสเข้ากับใบมีดของซังจิน
ศัตรูมันได้หวาดกลัวขึ้นมาเนื่องจากสูญเสียทักษะในการต่อสู้ประชิดและเตรียมพร้อมที่จะวิ่งหนี แต่มีหรือที่ซังจินจะยอมปล่อยมันไป
"ดวงตาอสรพิษ"
ดวงตาของอสรพิษได้เปิดขึ้นมาจากสร้อยคอ ครึ่งปีศาจมันได้หยุดชะงักลงสั้นๆและซังจินก็ได้ใช้มูนสเปคในการตัดหัวมัน
"โว๊วว..."
นักล่าที่ยืนอยู่ด้านหลังของซังจินได้จ้องมาที่เขา พวกเขาส่วนใหญ่อ้าปากค้าง บางคนก็กระทั่งปรบมือ ซังจินรู้สึกอายกับท่าทางเช่นนี้เขาจึงรีบเปลื่ยนเรื่องไป
"ถ้างั้นไปกันต่อเถอะ"
ผู้อมตะได้ปิดปากลงและหยักหน้ารับ
"นะ...แน่นอน"
นักล่าได้เริ่มที่จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้เหล่มามองซังจินเป็นระยะ เขาได้ตกเป็นศูนย์กลางความสนใจของทุกคนอีกครั้ง
'นักบวช' ก็ได้มองมาที่เขาเช่นกัน ซังจินได้นึกขึ้นถึงสิ่งที่เขาได้ยินจากผลของไทด์และคิดออกมา
'คูลดาวมันมีระยะเวลาสิบนาที ใช่ไหม? ในตอนนี้ฉันคิดว่ามันน่าจะผ่านไปครบสิบนาทีแล้ว...'
ซังจินได้หันกลับไปมองนักบวชและเริ่มพูดกับเขาในทันที
"เฮ้ ขอบุหรี่อันนึงสิบ"
"อา ได้"
นักบวชได้ส่งบุหรี่ออกมาอย่างเชื่อฟัง และซังจินก็ได้หยิบมันมาคาบไว้บนปากและถามขึ้น
"ไฟหละ"
นักบวชได้จุดไฟแช็กใส่บุหรี่ให้แก่ซังจินในขณะที่ถามออกมา
"นายก็สูบบุหรี่ด้วยงั้นหรอ?"
ซังจินไดสัมผัสไปที่ต่างกูในขณะที่ตอบกลับไป
"ใช่แล้วหละ"
เขาได้แกล้งทำท่าเป็นสูบบุหรี่ในขณะที่แอบฟังความคิดของนักบวช
'ชายคนนี้...เขาแข็งแกร่งเกินไป แถมเขายังมีโล่ต้านเวทย์อีกด้วย...แม้แต่กับบอลไฟขนาดยักษ์ของศัตรูเขายังกันได้...แล้วมันจะไปนับภาษาอะไรกับเวทย์ของฉัน...'
เขาก็สามารถจะได้ยินความคิดของคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
'สุดยอดนักล่าเค...ข่าวลือมันเป็นจริง'
'ฮิโระพูดถูก...เขาเหนือกว่า...ไม่มีใครที่แข็งแกร่งกว่าเขาอีกแล้ว ชายคนนี้ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ'
แต่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุดก็คือเสียงความคิดของนักบวช เขาได้เพ่งความคิดตั้งใจฟังเสียงที่หยาบกระด้าง
'ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถชิงผลงานมาได้ ถ้าหากว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่ หรือ...บางทีถ้าหากว่าเขาเป็นฆาตกร...ใช่แล้ว เขาจะมีพลังมากแค่ไหนกันหละ? ฉันควรที่จะค้นหาพันมิตรอย่างเงียบๆใช่ไหม?'
ซังจินได้ทิ้งบุหรี่ในขณะที่ได้ฟังเช่นนี้
'พันธมิตร...ฉันสามารถทำเช่นนี้ได้'
ทันใดนั้นเองเส้นทางที่พวกเขาเดินอยู่ก็เริ่มค่อยๆกว้างขึ้น ก่อนหน้านี้มันแคบมาก แต่ในตอนนี้มันสามารถที่จะยืนหน้ากระดานพร้อมๆกันได้เจ็ดแปดคนในทีเดียว
ในอีกคำพูดหนึ่ง พวกเขาเกือบจะถึงรังของมังกรแล้ว ไม่ช้าเส้นทางมันก็ได้ขยายกว้างมากขึ้นไปอีก ทันใดนั้นเองซังจินก็นึกขึ้นได้
'ใช่แล้ว...ทางซ้ายมือนี้...'
ผู้อมตะได้เดินไปทางนั้นและหันไม่มอง และ
"อะ"
เขาได้อ้าปากค้างและหยุดลง
'มันคืออะไร?'
นักล่าได้เดินไปข้างหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็นและแล้วพวกเขาก็แข็งทื่อไปเช่นกัน ซังจินได้เอนหน้าไปมองดูบอสเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
'อย่างที่ฉันจำได้...มันตัวใหญ่มาก'
มันมีช่องกวางมากอยู่ในทางนั้นและมีมังกรแดงตัวมหึมานอนหลับอยู่ หัวของมันมีขนาดเป็นสองเท่าของส่วนสูงผู้ชายสองคน ร่างกายของมันใหญ่พอๆกับตึกขนาด 5~6 ชั้น
กรงเล็บในมือของมันยาวเหมือนกับดาบ เขี้ยวของมันก็ยาวเหมือนกับหอก และหางของมันก็ยาวมากเกินไปกวางสิบเมตร
มันเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ว่ามังกรมันก็ยังคงเป็นศัตรูที่ยากจะเผชิญหน้า นักล่าทุกๆคนได้ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เหมือนกับตุ๊กตา
แม้แต่กับผู้ที่เข้มแข็งมากๆก็ยังคงรู้สึกกลัวกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ผู้อมตะที่รับหน้าที่เป็นผู้นำได้พูดกับนักล่าคนอื่นๆ
"อะ...เอาหละ จากนี้ พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะครั้งแรก"
เขาได้กล่าวออกมาและเดินถอยหลังกลับไปรวมกับคนในทีม นักล่าแต่ละคนต่างก็เช็คไปที่เใโพชั่นในเข็มขัด ระดับมานา พลังชีวิต พวกเขาได้เตรียมพร้อมที่จะปะทะกับบอสของการจู่โจมนี้
การที่ได้เห็นมังกรตนนี้มันได้ทำให้พวกเขาคิดว่า 'มันอาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของฉัน' ซังจินก็ยังได้เตรียมตัวเองเช่นกัน
'ฉันควรจะใช้อะไรกับมัน?'
เขามีหลายสิ่งที่จะต้องจัดการ แต่ว่าถ้าหากพิจารณาจากการคูลดาวแล้ว มันมีหลายสิ่งที่เขาสามารถจะใช้ได้ในการโจมเพียงครั้งเดียว เช่น พงศาวดารสามก๊ก ซัมม่อนซาดาเมียร์และเคนที่อัพเกรดแล้ว
'ฉันควรที่จะเก็บมันเอาไว้ในภายหลัง แต่ว่า...'
ปัญหามันก็คือบอสลับ เขาไม่ได้รู้มีบอสลับอยู่ในแผนที่นี้หรือไม่ ด้วยความคิดนี้มันทำให้เขาไม่กล้าทุ่มทุกอย่างที่มีให้หมดไปกับบอสมังกรแดง
มันยากที่จะจิตนาการได้ว่าบอสลับมันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ถ้าหากว่าบอสปกติของการจู่โจมนี้มันก็ระดับมังกรแดงแล้ว แต่ว่าถ้าหากเขาเก็บพลังไว้มากเกินไปเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะมังกรแดงได้เช่นกัน
การกระทำของเขามันอาจจะส่งผลอันตรายไปถึงนักล่าคนอื่นๆอีกด้วย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นมันก็ยากที่จะหาทางไปจัดการบอสลับ ถ้าจำนวนของสมาชิกเหลือน้อยกว่าสิบคน มันก็อาจจะนำไปสู่การปฏิการมีส่วนร่วมแก่การล่าบอสลับได้
มันเป็นความจริงในอดีตที่ผ่านมา เมื่อมีใครในกลุ่มห้าคนตายไปคนหนึ่ง ทีมของพวกเขาจะล้มเลิกการล่าบอสลับในทันที เพราะว่ามันก็อาจจะนำไปสู่การถูกกำจัดออกไปทั้งทีมได้
'หลีกเลี่ยงการใช้มันให้มากที่สุด...แต่อย่าลังเลที่จะใช้มันเมื่อนักล่าคนอื่นกำลังจะตาย ฉันไม่คิดว่าปัญหามันจะเกิดขึ้นกับฉันหรอก...แต่ว่าถ้าหากใครบางคนตายได้ ฉันก็อาจจะไม่สามารถเสนอการไปล่าบอสลับได้เลย
ซังจ นได้วางตะเกียงของซาดาเมียร์ แว่นตาของกอเมท และรูปสลักของเคนไว้บนเข็มขัด
และในตอนท้าย เขาก็ได้ถอดดวงตาของบาซิลิสออกไปและใส่ยอนฮัวเรทไว้รอบคอแทน
'...ฉันไม่คิดว่าฉันยังไม่จำเป็นจะใช้มันในตอนนี้ แต่ว่า...'
เขาไม่สามารถที่จะระวังตัวได้มากนัก แน่นอนว่าเขาจะใช้มันในตอนที่พรรคพวกของเขาได้ถูกกำจัดออกไปหมด ซังจินได้มองลงไปและคิดขึ้น
'ถ้ามันจำเป็น ฉันจะต้องใช้มันหนึ่งหรือสองชิ้น...ไม่สิ บางทีก็อาจจะแม้แต่สามชิ้น ฉันจะต้องรักษาชีวิตของพวกเขาเอาไว้ จากนั้นฉันก็จะเสนอการล่าบอสลับไปได้
เขาได้ถอดบลัดเวเจนออกมาและส่วมใส่อาเทอร์มิโอองไปแทน มันกรแดงมันใช้เวทย์ที่ทรงพลัง เมื่อเขาได้เตรียมความพร้อมเสร็จสิ้น ซังจินก็มองไปที่นักบวช ดขากำลังสูบบุหรี่อย่างน่ากลัว
'ฉันคิดว่าเจ้าหมอนี่มันกำลังกังวล'
แม้ว่าสำหรับนักบวชผู้ที่จะถูกปกป้องคุ้มครองโดยทีม แต่มันก็ไม่สามารถจะป้องกันมังกรที่สามารถจะพ่นลมหายใจโจมตีได้ เขาจะต้องทำให้ดีที่สุดในรอบนีเ
ทุกๆคนสามารถจะบอกได้เลยว่ามังกรแดงมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถหวังที่จะเอาชนะได้ด้วยการออมแรงเอาไว้ และนักบวชก็ยังหวาดกลัวซังจิน ตราบใดที่ซังจินยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่กล้าที่จะทำให้ตนเองเป็นฆาตกร
'ฉันจะสมมุติว่าเขาเป็นพรรคพวกของเราในตอนนี้'
ซังจินได้เตรียมตัวจนพร้แมหมดแล้ว จากนั้นผู้อมตะก็ได้ถามออกมาด้วยเสี่ยงสั่น
"ทุกคนพร้อมนะ?"
พวกเขาหยักหน้าออกมาอย่างแข็งๆ และเดินตามกันออกไป ทันใดนั้นเมื่อเขาเลี้ยวซ้ายมา
นักล่าก็ได้ตัวแข็งทืื่อไปอีกครั้งเมื่อได้เห็นร่างกายขนาดมหึมาของมังกรแดง แต่ในตอนนี้พวกเขาไใ่สามารถจะถอยกลับไปได้ มีแต่จะต้องลุยเข้าไปเท่านั้น ผู้อมตะได้พูดออกมา
"มาลองดูกัน"
นักล่าแต่ละคนต่างก็มีการแสดงออกที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขาในขณะที่พุ่งเข้าไปหามังกรแดง มังกรที่ได้หลับอยู่ได้กระตุกเล็กน้อย และเริ่มพึมพัมออกมา
"หืมมม...กลิ่นของเนื้อ..."
ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็ได้เปิดขึ้น
"เนื้อมนุษย์...น่ากินอะไรอย่างนี้"
จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศออกมา
[คำเตือน บอส]
[มังกรแดงคาลกัลป์ปรากฏตัว]