ตอนที่ 76 เส้นทาง
ยีนมีลำดับขั้นตั้งแต่ 0 1 2 3
ถนนของผู้บ่มเพาะดวงดาวยังเป็นเส้นทางวิวัฒนาการของยีน ด้วยการยกระดับของยีนแต่ละขั้น มันจะทำให้พลังชีวิตพวกเขาใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตในตำนานขึ้น
ในยุคโลกโบราณ สิ่งมีชีวิตโบราณล้วนเป็นเผด็จการของห่วงโซ่อาหาร ไดโนเสาร์ ลิงยักษ์...
การมียีนขั้น1หมายความว่าคุณได้รับพลังที่ตรงกับสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่ม ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
ดังนั้น หากยีนชั้น0คือรากฐานของการวิวัฒนาการยีน หรือที่เรียกว่ายีนพื้นฐาน งั้น ยีนชั้น1ก็จะเป็นยีนแรกเริ่ม
ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่อาจเทียบได้กับระดับเหนือธรรมชาติ
อะไรจะนับเป็นเหนือธรรมชาติ?
พลังและอายุขัยที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป!
พลังอย่างเดียวคงไม่พอ หากอายุขัยไม่เพิ่ม งั้นพลังชีวิตพวกเขาก็คงไม่อาจก้าวกระโดด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้บดขยี้ดาวได้ด้วยหมัดเดียว มันก็ยังไม่สำคัญหลังผ่านไปร้อยปี
สำหรับพลัง มันไม่มีอะไรไปมากกว่าสิ่งประดิษฐ์
มีคำพูดในการบ่มเพาะโบราณอยู่ การบ่มเพาะต้องทำด้วยความคิดที่ดีและเพื่อจุดประสงค์อันเหมาะสม ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นการทำร้ายตัวเอง
ในฐานะผู้บ่มเพาะดวงดาว การบ่มเพาะของทั้งลักษณะและสุขภาพร่างกายคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ การเสริมทั้งพลังและอายุขัยคือแก่นแท้ของการบ่มเพาะ สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิตได้
หากยีนขั้น1เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเผด็จการ งั้นขั้น2ก็เป็นก้าวแรกสู่เส้นทางของผู้อยู่เหนือธรรมชาติ
เมื่อคนเข้าสู่อาณาจักรของยีนชั้น2 อายุขัยพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามร้อยปี นับเป็นสามเท่า มีเพียงขั้นนี้เท่านั้นที่คนจะถือว่าเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาตินั่นทำให้ยีนขั้น2เป็นที่รู้จักกันว่ายีนเหนือธรรมชาติ
โดยไม่ต้องสงสัย เส้นทางของซุนหงอคงคือเส้นทางตำนานที่เฟิงหลินยืนอยู่
ทุกๆชั้นในเส้นทางตำนานมีความสอดคล้องกัน ยีนลิงหินคือขั้นแรก แล้วอะไรจะเป็นขั้นสอง?
เพื่อก้าวต่อไป เขาต้องคิดให้ออกก่อน
ถนนในเส้นทางตำนานนี้ต้องมีการวิเคราะห์เรื่องราวของตำนาน หักล้างจากแต่ละขั้นของการเติบโตและประสบการณ์ของตัวละครในตำนาน
เรื่องราวเหล่านี้จะกำหนดเส้นทางบ่มเพาะ แต่การเริ่มต้นต้องใช้ศักยภาพพันธุกรรม
ตัวอย่างเช่น เฟิงหลินรู้ว่าในฐานะพระผู้สร้างของตำนานจีน เส้นทางตำนานของผานกู่ย่อมไร้เทียมทาน แต่ทว่า เส้นทางสู่การวิวัฒนาการพันธุกรรมมันย่อมต้องใช้ศักยภาพพันธุกรรมจำนวนมาก
เขารู้ว่าจุดสูงสุดของเส้นทางนี้คือพันธุกรรมผานกู่ แต่เขาไม่มีเงื่อนงำถึงต้นไม้พันธุกรรมมันเลย
ทีละขั้น คนจะต้องอนุมานทุกยีนจากบนลงล่างและรวมพวกมัน ศักยภาพพันธุกรรมที่ใช้ไปย่อมมากเกินกว่าเขาจะจัดการได้
นับตั้งแต่ที่เขาปลุกยีนลิงและยีนหิน เฟิงหลินก็คิดว่าซุนหงอคงเป็นเส้นทางที่ดีสุดและเป็นเส้นทางเดียวที่เขาสามารถเดินไปได้
หรือบางที เขาสามารถรอจนกว่าพลังชีวิตเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งก่อนทิ้งข้อจำกัดของเส้นทางซุนหงอคงและมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้และอิสรภาพไร้สิ้นสุด
กล่าวกันว่า นี่คือสิ่งที่อยู่ไกลในอนาคต เรื่องที่อยู่ในมือเร่งด่วนกว่ามาก หลังงานเสร็จและสลัดตัวเขาออกจากชะตากรรมได้ เมื่อนั้นเขาจะบรรลุอิสรภาพอย่างแท้จริง
ไม่อย่างนั้น ทั้งหมดเหล่านี้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าจินตนาการ
ในเทพนิยาย พลังของนักบุญและเทพจะเติบโตเท่าทวีเมื่อประสบการณ์เพิ่มขึ้น ยีนถ่ายทอดจะเติบโตขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน
แต้มพันธุกรรมที่ยืดหยุ่นของเฟิงหลินนั้นเพียงพอและสามารถเสริมได้ตลอดเวลา แม้กระนั้น หากเขาไม่เข้าใจทิศทางของการวิวัฒนาการเขาและเพิ่มแต้มอย่างบ้าคลั่ง งั้นเขาก็คงจบด้วยการทำร้ายตัวเอง
เหนือสิ่งอื่นใด พันธุศาสตร์มีกฏของมัน เขาไม่อยากพบว่าตัวเองเจอทางตันของเส้นทางบ่มเพาะเพราะความใจร้อน
เฟิงหลินเริ่มค้นหาขั้นต่อไปของการวิวัฒนาการทางพันธุกรรม
สำหรับคนปกติ มันเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาขั้นต่อไปที่พวกเขาควรทำโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากคนอื่น
แต่ทว่า การบ่มเพาะพันธุกรรมเป็นไปตามเส้นทางในตำนาน
เฟิงหลินมีความรู้เกี่ยวกับตำนานของโลกโบราณและสามารถใช้มันเป็นแนวทางเขา กำจัดความเสี่ยงในการสูญเสียทิศทาง
การใช้ความรู้เขาในเทพนิยายก็เพื่อเลือกเส้นทางเขาและมีสมการพันธุกรรมเพื่ออนุมานความเป็นไปได้ มันอาจกล่าวได้ว่าองค์ประกอบทั้งสองนี้เสริมกันและกัน เฟิงหลินรับประกันได้ว่าเขาจะไม่หลงทางตราบเท่าที่เขาใช้ความสามารถอย่างชาญฉลาด เส้นทางการบ่มเพาะเขาดูสดใสอย่างไม่อาจเปรียบ
หลังยีนหิน ยีนอะไรที่จะตามมาบนเส้นทางของซุนหงอคง?
เฟิงหลินเดาว่ามันเป็นยีนลิงหินวิญญาณในตอนแรก แต่ก็ไม่มั่นใจว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างมันกับยีนลิงหิน
เขามีความเข้าใจอย่างดีถึงเทพนิยาย แต่นั่นก็แค่เรื่องราวในบันทึก บางทีรายละเอียดจากความจริงอาจถูกลบไปทีละน้อยตามกาลเวลาและต้องใช้เวลาสำรวจ
เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ใช่ซุนหงอคงตริงๆและเช่นนั้น เขาจึงทราบทุกรายละเอียดของตำนาน
สิ่งเดียวที่เฟิงหลินรู้คือเส้นทางตำนานของซุนหงอคงต้องมีลำดับขั้นที่เกี่ยวข้องกับยีนซุนหงอคงและยีนขั้น0มันก็ประกอบไปด้วยยีนลิงและยีนหิน รวมถึงยีนขั้น1อย่างยีนลิงหินแล้ว เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับส่วนที่เหลือ
นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาจึงสันนิษฐานว่ายีนขั้น2ในเส้นทางบ่มเพาะนี้คือยีนซุนหงอคงและมองว่ายีนลิงหินคือตัวแปร จากนั้นเขาก็พยายามแก้มันด้วยสมการพันธุกรรม
แต่ทว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสมการทางพันธุกรรมเขา และศักยภาพพันธุกรรมก็ยังนิ่งเช่นกัน
ทำไมละ?
การเปิดใช้สมการทางพันธุกรรมควรลดศักยภาพพันธุกรรมไม่ใช่หรอ?
เฟิงหลินสับสน นี่คือครั้งแรกที่สมการทางพันธุกรรมล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม หลังสงบสติลง เขาก็คิดถึงมัน สมการพันธุกรรมมักเป็นประโยชน์มาเสมอ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลวตอนนี้
นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!
เขาคาดการณ์
ดูเหมือนว่ายีนซุนหงอคงจะไม่ใช่ยีนขั้น2 แต่ต้องเป็นยีนระดับสูงกว่านั้น
ความแตกต่างระหว่างเกรดพันธุกรรมพวกเขาสูงมากและไม่อาจผสมกันได้โดยตรง นี่คือสาเหตุที่สมการพันธุกรรมไม่ได้ผล
เกี่ยวกับความสามารถของยีนซุนหงอคง เขาสามารถสำรวจมันได้ในอนาคต
ทึกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!
ตำนานเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาเส้นทางบ่มเพาะ
เรื่องราวของซุนหงอคงเต็มไปด้วยประสบการณ์ ในตำนาน พลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เฟิงหลินนึกถึงประสบการณ์ของซุนหงอคงและระลึกว่าก่อนเขาจะได้เคารพพระอาจารย์โพธิ์เป็นอาจารย์เขาและได้ชื่อ เขาเป็นที่รู้จักในนามราชาลิงสุดหล่อจากภูเขาผลไม้
ราชาลิงสุดหล่อต้องอยู่ภายในยีนถ่ายทอดด้วย
หรือยีนขั้น2เขาจะเป็นยีนราชาลิง?
ครั้งนี้ เฟิงหลินสันนิษฐานว่ายีนราชาลิงเป็นยีนขั้น2และใช้ยีนลิงหินเป็นตัวแปรอีกครั้งก่อนค้นหาผลลัพธ์
ถึงกระนั้น สมการพันธุกรรมก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนก่อนหน้า
นี่หมายความว่าเส้นทางวิวัฒนาการนี้ยังมีความแตกต่างในเกรดและไม่อาจรวมกันได้โดยตรง
ยีนราชาลิงนั้นสูงกว่าขั้น2เป็นแน่ และต้องมียีนขั้นที่ต่ำกว่ามัน
เฟิงหลินเริ่มผสานผ่านตำนานของซุนหงอคงตั้งแต่ต้น
ซุนหงอคงเกิดในฐานะลิงหินวิญญาณ มีความว่องไวและสง่างามกว่าลิงอื่น แสงสีทองส่องไปทั่วทุกทิศทางเมื่อเขาเกิด เขาพิชิตอาณาจักรลิงและกลายเป็นราชาลิงสุดหล่อก่อนเดินไปบนเส้นทางของความเป็นอมตะ เขาเดินทางไกลก่อนกราบพระอาจารย์โพธิเป็นอาจารย์และได้รับชื่อซุนหงอคง...ท้ายที่สุด เขาก็คร่าชีวิตคนในตำหนักสวรรค์และประกาศตัวว่าเป็นมหาเทพเทียมฟ้า
เฟิงหลินไม่หยุดนึกถึงเรื่องราวและจิตใจเขาก็ชัดเจนขึ้น
ตามความรู้เขา ยีนราชาลิงถือเป็นยีนขั้น3 ส่วนยีนซุนหงอคงควรเป็นยีนขั้น4หรือ5
ความเป็นไปได้เดียวที่เหลือสำหรับยีนขั้น2คือยีนลิงหินวิญญาณ
ทำไมเขาถึงจะไม่ลองตั้งแต่ต้นละ?
จิตใจเขาร่ำร้อง ไม่ใช่ว่าลิงหินก็เหมือนกับลิงหินวิญญาณงั้นหรอ?
เฟิงหลินคิดว่าพวกมันเหมือนกัน ความแตกต่างเดียวคือชื่อ
มันดูเหมือนจะไม่จริงซะแล้ว
ตำนานเป็นเส้นทางโดยรวม มีความลึกลับอีกมาก
ความเชี่ยวชาญในตำนานเหล่านี้ช่วยให้เฟิงหลินสร้างมันขึ้นมาได้เท่านั้น แม้จะมีความรู้ชัดเจนถึงเส้นทาง รายละเอยีดภายในก็ยังต้องใช้การวิเคราะห์อีกมาก
เฟิงหลินเริ่มอนุมานจากสิ่งนี้ ใช้ยีนลิงหินวิญญาณเป็นเป้าหมายและยีนลิงหินเป็นตัวแปร
พลังงานกลุ่มดาวเริ่มขยับเข้าสู่แผนที่พันธุกรรม
ตามคาด มีการเคลื่อนไหวแล้ว!
เฟิงหลินรู้สึกยินดีมาก การลงของศักยภาพพันธุกรรมหมายความว่ายีนลิงหินวิญญาณต้องเป็นการวิวัฒนาการของยีนลิงหิน
ศักยภาพพันธุกรรม –20% -20% -20%...
ศักยภาพพันธุกรรมเขาลดลงไป180%อย่างรวดเร็ว
การลดลงเหมือนการกระแทกหัวของเขาอย่างแรง มันราวกับมีการพัฒนาในทุกลำดับขั้น สูตรวิวัฒนาการจะยิ่งซับซ้อนมากเรื่อยๆ ขยายขอบเขตการใช้ศักยภาพมากกว่าเดิม
มันดูเหมือนว่าเขาต้องหาศักยภาพพันธุกรรมให้มากกว่านี้ในอนาคตอันใกล้
ท้ายที่สุด หลังศักยภาพพันธุกรรมเขาลดไป320% กลุ่มดาวทั้งสามก็แตก
เส้นทางอันชะดเจนของการผสมพันธุกรรมปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา
มีเพียงสูตรพันธุกรรมเดียวเท่านั้น
เฟิงหลินแหงนมองด้วยความประหลาดใจก่อนสีหน้าเขาจะแปลกไป
ยีนลิงหินx10+ยีนวิญญาณx10 = ยีนลิงหินวิญญาณ???
…
…
…