ตอนที่ 14 เพื่อนใหม่และสมบัติแห่งสไตน์เบ็ค ไฟต์ พาร์ท 2
สะพานข้ามแม่น้ำถูกสร้างจนเสร็จสิ้น กลุ่มทหารรับจ้างย่างเท้าเข้าสู่ดินแดนสไตน์เบ็ค ไฟต์ รถม้าของไคลด์เดินทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ ไคลด์ไม่ได้กังวลกับการบุกรุกของเหล่าทหารรับจ้าง หากมีอะไรไม่คลาดคิดเกิดขึ้นไคลด์เพียงแค่ลงมือจัดการกับปัญหานั้นทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง
สไตน์เบ็ค ไฟต์ไม่มีการบริหารจัดการมาเนิ่นนานทำให้มีป่าปกคลุมรอบพื้นที่บดบังสายตาของเหล่าทหารรับจ้าง บนถนนเต็มไปด้วยวัชพืชทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความยากลำบากและล่าช้า กลุ่มทหารรับจ้างเร่งฝีเท้าห่างไกลกับพาหนะของไคลด์มากยิ่งขึ้น ไคลด์ยังคงสงบนิ่งเขายังคงเดินทางด้วยความใจเย็นพร้อมกับการปกป้องผู้หญิงสามที่เดินทางไปกับเขาด้วย
ผู้ปกครองสุดท้ายของสไตน์เบ็ค ไฟต์ ก่อนที่กลุ่มของไคลด์จะกลายเป็นผู้ปกครองมีชื่อว่าแอนเดรียว เขาตายแบบผิดธรรมชาติมานานกว่า 100 ปี คนในครอบครัวของเขาทุกคนตายอย่างทรมานในชั่วข้ามคืน จากรายงานในอดีตบอกไว้ว่าสไตน์เบ็ค ไฟต์ในเวลานั้นถูกสิ่งมีชีวิตคล้ายปีศาจจู่โจม ที่พักของเหล่าผู้ปกครองพบศพเหล่าผู้ปกครองที่ไร้หัว อาณาจักรแอดเรี่ยนส่งทหารไปสืบสวนเหตุการณ์ที่แท้จริงแต่ทหารเหล่านั้นไม่กลับมาอีกเลย หลังจากนั้นเองอาณาจักรแอดเรี่ยนจึงปิดผนึกเมืองแห่งนี้ไว้ให้ทิ้งร้าง
ไคลด์ไม่สนใจอดีตของเมืองแห่งนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือคำสาบใดที่น่ากลัวสำหรับเขา นอกจากนี้ในกลุ่มการเดินทางของเขานอกจากเจ้าหญิงเซราสแล้ว อีกสองคนที่มากับเขาเองก็ไม่ธรรมดา พวกเขามีภูมิต้านทานสำหรับเรื่องแบบนี้ กลุ่มทหารรับจ้างเองก็ไร้ซึ่งความกลัวเหมือนกัน เรื่องเล่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว
บรรยากาศในรถม้าเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย ลูซิเฟอร์นอนพักอยู่บนหน้าอกของเจ้าหญิงเซราส อิสตาร์กำลังอ่านหนังสือเวทย์มนตร์อย่างเงียบๆ สถานการณ์ทุกอย่างปกติสุดๆ ตอนที่อิสตาร์จ้างไคลด์เป็นบอดี้การ์ดของเธอ เธอไม่เคยถามเขาว่าจะไปไหน มีจุดมุ่งหมายอะไร เธอปล่อยให้ไคลน์ตัดสินใจทุกอย่างเอง การที่ไคลด์ตัดสินใจพาเธอไปที่อาณาจักรสไตน์เบ็ค ไฟต์อาจเป็นการตัดสินใจที่ปลอดภัยมากกว่าการที่เธอจะต้องอยู่คนเดียว
กลุ่มทหารรับจ้างประกอบไปด้วยทหารรับจ้างระดับ C หรือระดับต่ำกว่านั้น ข้อมูลของสมบัติล้ำค่านี้ถูกเหล่าทหารรับจ้างระดับสูงปล่อยข่าวมาอีกทีหนึ่ง เพื่อให้ทหารรับจ้างระดับต่ำบุกเบิกสำรวจเส้นทาง ทหารรับจ้างระดับ A และ S เหล่านั้นฉลาดแกมโกง พวกเขาหลอกใช้ทหารรับจ้างรุ่นน้องให้ไปพลีชีพบุกเบิกเส้นทาง
‘’พี่ไคลด์ หยุดรถก่อน มีปัญหาข้างหน้า เราควรหยุดดีกว่าไม่งั้นเราต้องเสียม้าแน่’’
''ลูซิเฟอร์ พวกเรากำลังเจออะไรหรอ?''
หลังจากรถม้าเดินทางไปครู่หนึ่งลูซิเฟอร์จึงลืมตาตื่นขึ้นมา เธอหาวอย่างเกียจคร้านก่อนที่เธอจะเตือนไคลด์เกี่ยวกับทางข้างหน้า ก่อนที่ไคลด์จะมีเวลาถามลูซิเฟอร์ ทหารรับจ้างที่เดินนำกลุ่มของเขาไป พวกเขาถูกซุ่มโจมตีอย่างกะทันหัน เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่ากลุ่มทหารรับจ้างจะเจอกับกับดักเข้าแล้ว พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับถูกดูดลงไปในพื้นดิน
ในเวลานั้นเองด้านหลังของไคลด์ที่เต็มไปด้วยทหารรับจ้างอีกกลุ่มมีเสียงกรีดร้องเช่นเดียวกัน เบื้องหน้าและเบื้องหลังของไคลด์ถูกพลังอันลึกลับจู่โจม ทหารรับจ้างกว่าร้อยคนถูกกวาดล้างจนหมด มีเพียงกลุ่มไคลด์กลุ่มเดียวที่ยังยืนหยัดอยู่
ผู้จู่โจมไม่ได้โจมตีกลุ่มของไคลด์ทันที ดูเหมือนว่าผู้จู่โจมจะมีสัญชาตญาณอะไรบางอย่างเตือนเขาอยู่ ดูเหมือนว่ามีเผ่ามนุษย์เพียงคนเดียวในรถม้า แต่อีกสามคนนั้นเป็นตัวตนที่แตกต่าง ในที่สุดไคลด์ก็เห็นผู้บุกโจมตี พวกเขาเป็นกลุ่มสัตว์ประหลาดมีรูปร่างคล้ายเมือก กลุ่มทหารรับจ้างไม่ได้หายไปไหนแต่พวกเขาถูกละลายทันทีจากกรดที่ออกมากจากเหล่าสัตว์ประหลาด
‘’พี่ไคลด์ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นสไลม์กรดนะ อย่าให้พวกมันทำให้รถม้าเราเสียนะพี่’’
หลังจากได้ยินลูซิเฟอร์พูดไคลด์จึงรู้ถึงตัวตนสิ่งมีชีวิตสไลม์กรดเหล่านี้ พวกมันเป็นสไลม์ที่มีรูปร่างที่แตกต่างกัน สไลม์กรดไม่เหมือนกับสไลม์ทั่วไปพวกมันมีความอันตรายกว่ามาก ร่างกายที่ประกอบไปด้วยกรดพร้อมจะย่อยสลายสิ่งที่สัมผัสในทันทีไม่แปลกที่กลุ่มทหารรับจ้างจะไม่สามารถรับมือกับกรดเหล่านี้ได้
สไลม์กรดล้อมรอบรถม้าของไคลด์ แม้ว่าพวกมันจะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าไม่สามารถสู้กับไคลด์ได้ หรือพวกมันยังไม่ยอมแพ้ พวกมันต้องการที่จะกลืนม้าและเจ้าหญิงเซราสภายในรถแน่ แต่กับอีกสามคนที่เหลือดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่สามารถทำอะไรได้ ไคลด์และสไลม์กรดเผชิญหน้ากัน สไลม์กรดตัวหนึ่งเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ก่อนที่จะเจรจาอะไรบางอย่างกับไคลด์
รูปร่างมนุษย์นั้นคล้ายกับผู้คนในเผ่ามนุษย์ทั่วไปแต่ไร้ซึ่งใบหน้า พวกมันดูเหมือนคนไร้รูปร่าง แม้ว่าพวกมันจะไม่มีปากแต่พวกมันสามารถส่งเสียงพูดได้ พวกมันสนทนากับไคลด์ได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะใช้อวัยวะส่วนอื่นในการส่งเสียงพูดกับไคลด์
‘’ท่านสิ่งมีชีวิตอันสูงส่ง ท่านจะสามารถ...’’
‘’ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอกนะที่ฉันจะให้คนในรถม้านั่นนะ พวกนายกินคนไปเยอะมากพอแล้วมั้ง’’
‘’ไม่ พวกเราไม่กล้าแตะต้องคุณและคนของคุณหรอก เราแค่หวังไว้ว่าคุณจะสามารถช่วยอะไรเราอย่างหนึ่ง’’
หลังจากฟังคำขอร้องของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ ไคลด์ก็เข้าใจจุดประสงค์ของพวกมันโดยที่สุด กลุ่มสไลม์กรดเหล่านี้ถูกควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า มันปกครองพวกเขามานานกว่าร้อยปี พวกเขาคงแค่ไม่พอใจกับการปกครองนี้ ในเวลานี้พวกเขาพบกับกลุ่มของไคลด์ พวกเขาหวังไว้ว่าไคลด์จะสามารถขับไล่ผู้คุมกฎแห่งความมืดได้
จากการประเมินของเหล่าสไลม์ ไคลด์สามารถขับไล่สิ่งมีชีวิตที่พวกคุมพวกเขาได้ ดังนั้นสไลม์กรดพวกนี้จึงวางแผนที่จะยอมแพ้และขอร้องพวกไคลด์แทน ในตอนแรกไคลด์ไม่สนใจคำขอร้องนี้ แต่หลังจากได้ยินตัวตนแห่งความมืดที่ควบคลุมสไลม์กรดเหล่านี้อยู่ทำให้เขาไม่สามารถมองข้ามได้ ไม่เช่นนั้นการซื้อสไตน์เบ็ค ไฟต์คงจะเสียเปล่า
‘’พวกนายแน่ใจหรอว่าเจ้าเมืองคนเก่าตายแล้ว ถ้าแอนเดรียวยังไม่ตายละยังคอยควบคุมเมืองนี้มาตลอด 100 ปีละ?’’
‘’นั่นเป็นความจริง ตอนนี้ผู้ครองเมืองคนเก่าได้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว ถ้าเป็นวีรบุรุษเผ่ามนุษย์ก็คงไม่ฟังคำขอร้องเรา เรื่องที่เราขอร้องให้เหล่าวีรบุรุษของเผ่ามนุษย์มาจัดการคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้’’
‘’นำทางไปที ดูเหมือนว่าต้องให้เขาสละสิทธิ์การครองเมืองละนะ’’
อ้างอิงจากคำพูดของสไลม์กรด ผู้ปกครองเมืองคนเก่าท่านลอร์ดแอนเดรียวควรจะตายไปร้อยกว่าปีก่อนแล้ว แต่เขากลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดและยังปกครองเมืองสไตน์เบ็ค ไฟต์ต่อไป ในเวลานั้นเองที่อาณาจักรแอดเรี่ยนส่งทหารมาสืบข้อมูลคงถูกการซุ่มโจมตีของสไลม์กรดเหล่านี้เล่นงาน อาณาจักรแอดเรี่ยนจึงปิดผนึกเมืองแห่งนี้เอาไว้ให้เป็นดินแดนแห่งความอันตราย ในสถานการณ์การเงินที่ยากลำบากของอาณาจักรแอดเรี่ยนจึงทำให้พวกเขาต้องปล่อยขายดินแดนต้องห้ามนี้ออกไป...
กลุ่มของไคลด์ไม่สนใจเรื่องอดีตผู้ปกครองเมืองที่ยังคงปกครองเมืองอยู่ พวกเขาสนสิทธิ์การครองเมืองที่พวกเขาซื้อมาเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้พวกเขาซื้อสไตน์เบ็ค ไฟต์เป็นที่เรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ปีศาจ ใครหน้าไหนไคลด์จะกำจัดมันและครองเมืองสไตน์เบ็ค ไฟต์ให้ได้