ตอนที่ 13: ฉันกลัวคุณคนในผ้าห่อศพ
ระบบการต่อสู่ที่แข็งแกร่งที่อยู่ยงคงกระพัน
ตอนที่ 13: ฉันกลัวคุณคนในผ้าห่อศพ
“นั่นพี่ใหญ่นะ ไม่รู้จักเคารพเลย ฮ่าๆๆ”
ชายในชุดสูทหัวเราะ
จริงๆแล้ว หลินเจียอี้เป็นผู้หญิงสวย และยิ่งดูสวยขึ้นไปอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่เล็ก เธอมีผิวพรรณที่สวยและเนียน ถึงแม้ว่าตอนนี้หน้าตาเธอจะดูซีดเซียว แต่ก็ไม่อาจปกปิดผิวหน้าที่สวยราวกับหยกของเธอได้
ชายในชุดสูทผู้ไร้หัวใจหัวเราะ เขาปลดเข็มขัดและก้าวไปหาเธอ
“ปล่อยฉันนะ...”
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ”
ในตอนนี้ หลินเจียอี้ร้องไห้ด้วยความเหนื่อยอ่อน เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่เธออายุ 19 ปีแล้ว แน่นอนเธอรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเร็วๆนี้ เธอยอมตายดีกว่าที่จะให้คนเหล่านี้ย่ำยี!
แต่ต่อหน้าพวกชั่วที่เลวทรามเหล่านี้ เธอแสดงตัวให้ดูอ่อนแอและน่าสงสารเพื่อให้พวกมันใจอ่อน แต่ไม่มีใครเลยที่จะสงสารเธอ
“ตู้ม!”
ในขณะนั้นเอง ประตูไม้เก่าๆ ก็ถูกถีบให้เปิดออก และบานประตูหลุดลงกับพื้น ชาย 5 คนในห้องนั้นรู้สึกตกใจและคิดว่าเป็นตำรวจที่บุกเข้ามา พวกมันตระหนกเล็กน้อยและควานหากางเกงมาใส่
พวกมันเด็กผู้ชายยืนอยู่ที่ประตูอายุราวๆ 17-18 ปี และใบหน้าของเขาช่างดูเย็นชา และเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เฮ้ย! ทำอะไรกันอะ!?”
แต่ก็ไม่มีใครก้าวออกมา เป็นเพราะเด็กชายผู้นั้นแต่งตัวค่อนข้างประหลาดและทำให้พวกมันประหลาดใจ
บนผ้าห่อศพสีขาวนั้น เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจำนวนมาก แม้แต่บนหน้าของเขาเอง เขาแลดูเหมือนผี ดังนั้นชายทั้ง 5 คนจึงรู้สึกระแวง ไม่รู้แน่ว่าเด็กชายคนนั้นคือตัวอะไร
แม้แต่หลินเจียอี้ที่อยู่บนโต๊ะเองก็หยุดร้องไห้ด้วยความประหลาดใจ เธอมองไปที่หนิงเทียนหลิน และดวงตาของเธอรู้สึกผิดหวังโดยไม่รู้ตัว มาคนเดียวลำพัง? และอายุอานามก็พอๆ กันกับเธอจะสามารถต่อกรกับคนพวกนี้ได้ยังไง?
แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้ชายของเธอที่ค่อนข้างแข็งแรงก็ไม่น่าจะสู้กับคนพวกนี้ได้
“ปล่อยเธอซะ!”
“ไอ้พวกขยะ!”
ชายคนที่เดินเข้ามาแน่นอนคือ หนิงเทียนหลิน ผู้ซึ่งคลานออกมาจากหลุมศพ เขาเพิ่งมาถึงตึกนี้เมื่อ 3 นาทีก่อน แต่ใช้เวลาในการค้นหานานมาก เมื่อเขาได้ยินเสียงเด็กสาวร้องให้ช่วย เขาก็รีบมาตามหาทันที
นี่เป็นเพียงฉากหนึ่ง
บางทีเขาอาจจะตายอีกครั้งก็ได้ หนิงเทียนหลินเผชิญหน้ากับพวกวายร้าย 5 คนด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่มีวีแววแห่งความกลัวเลย แต่เขาก็ตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเขารู้ว่าพลังต่อสู้ของเขาตอนนี้คือ 20 เขาอยากจะเห็นว่าการต่อสู้ด้วยพลังระดับ 20 นี่ผลจะออกมาเป็นเช่นไรรรรร
ยิ่งไปกว่านี้ เขาไม่คิดระบบการต่อสู้ที่ลึกลับนี้จะทำให้เขาตาย หากแม้ว่าเขาแพ้ เขาก็จะยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะลองใช้น้ำยาซอมบี้ก็ดีเหมือนกันนะ!
“อ้อ”
“เป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อยที่แกล้งทำตัวเป็นผีนี่เอง”
เมื่อเห็นว่าหนิงเทียนหลินมีเงาบนพื้น และคำพูดเหล่านั้นออกมา พวกมันทั้งห้าก็หายใจออกอย่างแรง ชายในชุดสูทชี้ด้วยมีด และเจ้าหน้าบากก็ถอนหายใจ “บอส เดี๋ยวฉันฉีกมันออกเป็นชิ้นๆเอง!”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! แกกล้าดียังไงถึงกล้ามาขวางพวกกูหะ!”
“พูดเพราะๆหน่อย บางทีได้เด็กนี่อาจจะโทรแจ้งตำรวจแล้วก็ได้ พวกเราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ย้ายไปที่อื่นสักที่!”
ถึงแม้ว่าหลินเทียนหนิงจะปรากฏตัวเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้ารับรองได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไม่แจ้งตำรวจ ถ้าคุณเป็นคนปกติทั่วไปแน่นอนว่าคุณจะต้องแจ้งตำรวจก่อนที่จะมาที่นี่ และพวกมันกังวลว่าเจ้าเด็กนี่จะมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว ถ้าเขาไม่ต้องการที่จะลวนลามหลินเจียอี้เขาก็คงปรากฏตัวออกมาตั้งนานแล้ว
“ตกลง”
“บอส ดูไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้สิ มันไม่อยากมีชีวิตอยู่สินะ แกโผล่มาจากไหนกันวะ?”
เจ้าหน้าบากยังคงความเหี้ยมโหด จากที่เคยฆ่าคนมาแล้วหลายชีวิต และไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือพระเจ้า ถ้ามันเป็นผีจริงๆ มันต้องมาตอนกลางคืนสิ นี่มันตอนเช้าชัดๆ และเด็กหนุ่มนั่นก็ไม่กลัวพระอาทิตย์
มือขวาของมันค่อยๆดึงกริชความยาวประมาณ 3 นิ้วออกมาพร้อมกับแสยะยิ้มไปที่หนิงเทียนหลิน และก้าวเข้าหาอย่างช้าๆ
“เด็กน้อย แกวอนเองนะ ถ้าแกอยากเป็นฮีโร่มาช่วยสาวสวยไว้ แกก็ต้องเจอแบบนี้!”
ไอ้หน้าบากยิ้ม และแทงไปที่อกของหนิงเทียนหลิน
“อะไรนะ?”
แม้แต่หลินเจียอี้ที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่กำลังรีบแต่งตัว มองไปยังฉากนั้น แล้วกรีดร้องขึ้นอย่างไม่รู้ตัวพร้อมทั้งใช้มือปิดตาเพื่อที่จะไม่ให้เห็นเลือดของหนิงเทียนหลินที่ไหลนองบันไดถึง 5 ขั้น
ช่างน่าเศร้านัก
“นี่หรือพลังการต่อสู้ระดับ 20 หรอ?”
ตรงกับข้ามกับหลินเจียอี้ หนิงเทียนหลินไม่ได้สะทกสะท้านและไม่ได้หวาดกลัวเลย เขาไม่เคยรู้สึกว่าวิญญาณแน่วแน่และจิตใจปลอดโปร่งเช่นนี้มาก่อน ภาพที่เจ้าหน้าบากกวัดแกว่งกริชไปมาในสายตาเขาช่างแจ่มชัดในพริบตา
มันเป็นเหมือนภาพที่เคลื่อนที่ช้าลง 2-3 เท่า
ยิ่งไปกว่านี้ หนิงเทียนหลินรู้สึกถึงเพียงหัวใจของเขาที่เต้นรัว เลือดที่กำลังไหลเวียน และร่างกายทั้งหมดของเขาตึงเครียดเต็มที่และพร้อมที่จะประทุออกมาได้ตลอดเวลา
“ตู้ม!”
เขายื่นมือข้างขวาออกมาและคว้าที่ข้อมือด้านขวาของเจ้าหน้าบากและรออยู่นานเพื่อบิดมัน
“กร๊อก!”
เสียงกระดูกแตกและข้อมือขวาของเจ้าหน้าบากบิดออกโดยมือของหนิงเทียนหลิน จนกระทั่งกริชในมือหล่นออกจากมือ
“อะไรเนี่ย!?”
ความเจ็บปวดนั้นหนักหนาอย่างแสนสาหัส ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าสังเวชอย่างที่สุด
“มีดอยู่นี่ไง”
อย่างไรก็ตาม หนิงเทียนหลินไม่ได้สะทกสะท้านใดๆแม้แต่น้อย และมือซ้ายของเขาคว้าไปที่กริชที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยมือของเขา หมุนตัวและปักกริชลงบนคอของเจ้าหน้าบาก
ในครั้งเดียว!
“อ๊ากกก!”
เลือดกระเซ็นออกมาก แล้วเสียงโหยหวนก็สิ้นเสียงลง เพราะเจ้าหน้าบากก็ขาดใจตายพอดี
“ฆ่าเรอะ ง่ายดายจริงๆ”
จากทีแรก หนิงเทียนหลินไม่คิดว่าจะต้องฆ่าใคร แต่พอก้าวเข้าประตูมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าบากที่เข้าสู้กับเขาอย่างกับนักฆ่า เขาก็รู้และไม่มีทางเลือก ถ้าคุณไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าคุณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นเข็มขัดของเจ้าผู้ชายในชุดสูทคนที่ออกคำสั่งว่ามันดูป่องๆ ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงสีดำโผล่ออกมาเพียงนิดหน่อย แต่หนิงเทียนหลินก็มั่นใจว่ามันคือปืน
ปืนพกสีดำ
คนพวกนี้มีปืน
ถ้าคุณไม่เริ่มก่อน ก็จะต้องเป็นเขาที่ต้องตาย
“มือซ้ายและมือขวาของฉันรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว มือข้างซ้ายก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดเลยแม้แต่น้อยด้วย”
คุณก็รู้ คนเราไม่สามารถถนัดทั้งมือซ้ายและมือขวาได้ บางคนก็ถนัดมือซ้าย บางคนก็ถนัดมือขวา แต่บัดนี้เขาเองไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
หากว่ามือซ้ายของเขาไม่ได้ถูกใช้บ่อยๆ มันก็เหมือนกันกับมือข้างขวาแหละ