ตอนที่ 12 คุณขู่ฉัน
ระบบการต่อสู่ที่แข็งแกร่งที่อยู่ยงคงกระพัน
ตอนที่ 12 คุณขู่ฉัน
“กริ๊ง”
“ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติสำหรับการอัพเกรดสู่ระดับ 5 และมีพลังต่อสู้ที่ระดับ 20”
เสียงของสตาร์วอร์สก้องดังอยู่ในหูของหนิงเทียนหลินเมื่องูสีเทาตัวนั้นได้ตายลง แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาเองก็กังวลว่าต้องใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อช่วยอัพเกรด การฆ่างูยาวอาจไม่ช่วยอะไร แต่ก็ดูเหมือนจะเพียงพอสำหรับตอนนี้
แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าการเดินเร็ว 4 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นเขาได้ฆ่าสัตว์เล็กๆ เช่น พวกมด และงูสีเทาตัวนั้นก็นับได้ว่าเป็นงูใหญ่ ซึ่งบรรจุวิญญาณดีไว้ เมื่อทั้งสองสิ่งมารวมกันก็ทำให้พลังเพิ่มขึ้นมาถึงระดับนี้
“มันจะผ่านไปและนี่ก็เป็นการยืนยัน” ถึงแม้ว่าหนิงเทียนหลินไม่รู้เลยว่าเขาแข็งแรงที่ตรงไหน แต่คนปกติทั่วไปมีพลังต่อสู้เพียงแค่ 5 คะแนน เขายังคงรู้สึกมั่นใจ อย่างน้อย 1-4 ไม่น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะก่อนที่เขาจะเกิดใหม่ เขายังสามารถเอาชนะเจ้าขโมยนั่นได้อย่างป่าเถื่อน สู้กันแบบตัวต่อตัวโดยไม่ยากเย็นเลย
“ไปกันเถอะ”
หนิงเทียนหลินมองไปที่ซากที่อยู่บนพื้นของเจ้างูสีเทาตัวนั้น เขาไม่ลังเลอีกต่อไปและรีบมุ่งหน้าไปสู่ตึก 6 ชั้นนั้นทันที
…
เมืองจินฉวน
“เป็นยังไงบ้าง?”
“สภาพคล่องของบริษัทถูกถอนไปเท่าไรแล้ว?”
ภายในสำนักงานที่ตกแต่งไว้ค่อนข้างหรูหรา ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ยืนอยู่ที่โต๊ะและเดินกลับไปกลับมา จ้องมองมาที่ผู้อำนวยการที่อยู่ตรงหน้าเขา เสียงเขาดูค่อนข้างวิตกกังวล
“20 ล้านแล้วค่ะคุณหลิน”
ฝ่ายบัญชีสาววัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีกล่าว เธอแต่งตัวอย่างมืออาชีพและค่อนข้างผอม เธอเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ ถึงแม้ว่าคำตอบนั้นจะฉับไวและกระจ่าง แต่เธอก็ยังคงไม่เข้าใจเจ้านายผู้เงียบขรึม ว่า ทำไมเธอถึงต้องถอนเงิน 100 ล้านภายใน 3 วัน
และต้องเป็นเงินสด
คุณก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ
ถึงแม้ว่าสินทรัพย์ทั้งสิ้นของกลุ่มบริษัทหลินจะถึงพันล้านหยวน และถูกจัดอันดับว่าดีในเมืองจินฉวน มันก็ช่างน่าอึดอัดที่ต้องยกเลิกกองทุนสภาพคล่องตั้ง 100 ล้านหยวน
สินทรัพย์ของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ เงินชดใช้กว่า 80 ล้านที่เสียไปกับค่าดอกเบี้ยที่แพงเกินไป ที่เหลืออีก 20 ล้าน เธอซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี ผู้มีอำนาจทางการเงินของกลุ่มบริษัทหลินช่างหมดหนทางจริงๆ
“20 ล้านและ 20 ล้าน...”
ชายวัยกลางคนค่อนข้างกังวล และในขณะเดียวกันก็โบกมือให้หัวหน้าฝ่ายการเงินถอยกลับไป เขาจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกสาวของเขาได้สร้างขึ้น แม้แต่กับลูกเลี้ยงของเขาเอง เขาจะไม่พูดมันออกไป
การพูดออกไปรังแต่จะสร้างความไม่สบายใจ
เช่นเดียวกับสัญญาณเตือน เขาไม่เคยคิดตั้งแต่ตั้น ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะพูดได้ว่าไม่เป็นไร แต่นี่เป็นพวกแก๊งอาชญากร หลังสัญญาณเตือนนี้ หากเขาพลาดทำให้ลูกสาวได้รับบาดเจ็บ เขาก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต
เงินสามารถหาได้อีก แต่ถ้าลูกสาวของเขาตาย มันคงเป็นเรื่องเจ็บปวดที่สุดในชีวิต!
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายหนึ่งได้ส่งรูปภาพมา ภาพปืน แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะบอกเขาว่า หากเข้ากล้าแจ้งตำรวจ พวกมันจะฆ่าลูกสาวของเขา!
“จะไปหาเงินอีก 20 ล้านได้ที่ไหนในเวลาสั้นๆแบบนี้...”
ชายวัยกลางคน นามว่า หลินซวง รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากในตอนนี้ ลูกสาวคือชีวิตของเขา
“กริ๊ง....”
“กริ๊ง....”
“กริ๊ง....”
ในตอนนี้ หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างวาบขึ้น และสั่นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงสั่นอันดัง ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เมื่อเขามองเห็นเบอร์โทรศัพท์ มันทำให้เขาช๊อค
จากนั้นเขาก็ปรับอารมณ์และค่อยๆยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“คุณหลิน พี่น้องของเราตกลงกันแล้วนะ 1 วัน เราให้โอกาสคุณอีกแค่วันเดียว”
อีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น และพวกมันเริ่มพูด “แต่วันนี้ก็ไม่มีของฟรีนะ ต้องมีดอกเบี้ย พี่น้องของเราบางคนไม่ได้สัมผัสผู้หญิงมาหลายวันแล้ว แกรู้ไหมพวก มันง่ายมากเลยนะที่พวกนั้นจะทำอะไรลงไป”
“ช้าก่อนๆ ฉันจะส่งวิดีโอไปให้ พวกแกต้องชอบมันแน่ๆ เป็นค่าดอกเบี้ย”
อีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่น และพวกมันเริ่มพูดเกี่ยวธุรกิจด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ซึ่งทำให้หลินซวงรู้สึกอึดอัดขึ้นทันทีและตะโกนขึ้นว่า “พวกแกกล้าดียังไง!?”
“ถ้าพวกแกอะไรเจียอี้ ฉันสาบานเลยว่าถ้าฉันสูญเสียครอบครัวของฉันไป ฉันจะจ้างนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดไปฆ่าพวกแกให้ตายรวมถึงครอบครัวของพวกแกด้วย!!”
หน้าของหลินซวงแดงก่ำอย่างโกรธจัด และเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกแย่และในตอนนั้นเองเขาทำได้แต่ขู่ออกไปเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ!”
“ฆ่าครอบครัวพวกเรางั้นรึ?”
“แกรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร? แกรู้หรอว่าครอบครัวพวกเราอยู่ที่ไหน?”
ปลายสายทำเสียงเยาะเย้ยและไม่ได้ใส่ใจต่อคำพูดของหลินซวงเลยสักนิด พร้อมพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า
“ฉันยังลังเลที่จะทำแบบนี้นะ สาวสวยสะพรั่งจะถูกทำลายลงแบบนี้….เงาบาปคงจะติดในใจฉันไปตลอด”
“แต่สิ่งสุดท้ายที่ฉันชอบ คือการขู่นี่แหละ!”
“แกกล้าดีมากนะมาขู่ฉัน เดี๋ยวก็รู้ว่าพี่น้องของฉันจะทำอะไร!”
สิ้นเสียงนั้น โดยไม่รอคำตอบของหลินซวง เขาก็ได้วางสายลงทันที
“กึก!”
หลินซวงที่ถูกวางหูใส่รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขาขว้างโทรศัพท์มูลค่า 20,000 หยวนลงบนพื้นอย่างแรง เขารู้สึกอยากฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ!!
แต่ 3 นาทีต่อมาเขาก็รู้สึกอ่อนแรง นั่งลงไปที่เก้าอี้และโทรหาเลขาของเขาโดยใช้โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“หามือถือมาให้ฉันที เร็วเข้า! ภายใน 5 นาที”
เขาจำเป็นต้องมีโทรศัพท์มือถือใช้ในตอนนี้เพื่อติดต่อกับพวกนั้น ตอนนี้เขาถูกควบคุมโดยคนอื่นซะแล้ว
ในขณะเดียวกัน ที่ตึก 6 ชั้นที่ชานเมืองนั้น
“มันกล้าทำให้ฉันขายหน้า กล้าดียังไงมาขู่ฉัน!?”
“ถุ้ย!”
ชายในชุดสูทคนที่วางโทรศัพท์พร่ำก่นด่าและขากเสมหะลงบนพื้น ในชีวิตเขานี้สิ่งสุดท้ายที่เขารักคือการถูกข่มขู่ ยิ่งโดนข่มขู่เท่าไรเขายิ่งมีเรื่องต้องทำเยอะ
“เจ้านาย ลากผู้หญิงนั่นมาให้ผมทีเถอะ!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไป ให้พี่น้องของเราได้ดับความใคร่หน่อยซิ!”
ชายใส่ชุดสูทสั่งเจ้าคนหน้าบาก
“ได้! คึคึ!”
เจ้าหน้าบากหัวเราะด้วยเสียงประหลาด ดึงประตูให้เปิดออก และเดินเข้าไปในห้องนั้น เขารู้สึกคลั่งมาหลายวันแล้ว และรู้สึกคันหัวใจมานาน!
“เจ้าเด็กคนที่ห้า มันคงจะยากสักหน่อยที่จะต้องร่วมวงกับคนอื่น แกเข้าไปเป็นคนแรกเลยแล้วกัน อ้อ อัดวิดีโอดีๆเลยนะ และให้เจ้าแก่หลินหลินเป็นคนต่อไป”
หัวหน้าของชายในชุดสูทเห็นชายคนที่สามออกมา และหันไปสั่งชายร่างผอมข้างๆ
“ใจเย็นน่าพี่ชาย อดใจรอสักหน่อย รับรองว่าเป็นหนังแอคชั่นบนเกาะเลยล่ะ! ฮ่าๆๆ!”
ชายแก่หัวเราะสัญญา
“ปล่อยฉันไปนะ!”
“แกปล่อยฉันนะ!”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าบากก็มาถึง พร้อมกับแบกเจียอี้ขึ้นบนบ่า ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามบิดตัว ทั้งตบทั้งข่วนหน้าของเจ้าหน้าบากและตะโกนเสียงดังใส่หู ความพยายามนั้นก็ไม่เป็นผลต่อคนพวกนี้เลยสักนิด
“โคร้ม!”
หน้าตาของเจ้าหน้าบากไม่ได้แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย หลินเจียอี้นั่งแข็งเป็นหินอยู่บนโต๊ะกลางห้องนั้น พร้อมด้วยเสียงหัวเราะดังฮ่าๆที่กรอกหูของเธออย่างน่ากลัว “พี่ชาย เชิญก่อนเลย”