Chapter 94 – Black Market Ninth Shopping (5)
Chapter 94 – Black Market Ninth Shopping (5)
”
ซังจินได้ตรวจสอบไปที่หน้าต่างสเตตัสของมูนสเปค
มูนสเปค - ดาบที่ซึ่งมีวิญญาณร้ายสิงอยู่
คาตานะระดับตำนานพิเศษ - ความแข็งแรง SS ความคล่องแคล่ว S พลังจิตใจ A
ทักษะติดตัว
ดูดวิญญาณ(IV) - ฟื้นฟูมานา 4 % ต่อการโจมตีแต่ละครั้ง
การอวยพรแห่งวิญญาณ(I) - จิตวิญญาณแห่งดาบจะปกป้องตัวผู้ใช้
ทักษะใช้งาน
เสียงคร่ำครวญของคนตาย(IV) - วิญญาณร้ายจะออกมาเร่ร่อนเป็นเวลา 10 นาที เพื่อที่จะสร้างความหวาดกลัวให้แก่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียง คูลดาว 20 นาที
ดาบที่มีวิญญาณร้ายสิงสถิตอยู่
หลายสิ่งหลายอย่างได้ถูกเปลื่ยนแปลงไป ซังจินได้เปรียบเทียบกับสถานะในความทรงจำของเขา
'ความแข็งแรงและความคล่องแคล่ว...แล้วรวมทั้งพลังจิตใจด้วยพวกมันทั้งหมดเพิ่มขึ้น การดูดวิญญาณก็เพิ่มขึ้นอีก 2%...การอวยพรแห่งวิญญาณงั้นหรอ? มันอะไรหละนั้น? เสียงคร่ำครวญของคนตายก็เปลื่ยนไปมาก แต่ว่าคูลดาว 20 นาทีเนี้ยนะ? ฉันควรที่จะมีความสุขกับผลกระทบความหวาดกลัวที่มากขึ้นไหมนะ?'
ซังจินได้ตรวจสอบความเปลื่ยนแปลงของไอเมเขาไปทีละอย่าง
'ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกับท่าน เจ้านาย'
เขาได้ยินเสียงของผู้หญิงที่นุ่มนวลดังขึ้นออกมาจากดาบ เขาได้ตกใจในทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ คาร์กอตได้ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของซังจิน
เขาจะต้องเคยได้ยินเสียงเธอมาก่อนในตอนที่เขาทำการตีเหล็ก
'ฉันได้ปกป้องท่านอยู่เสมอ แต่ว่าฉันไม่สามารถจะติดต่อกับท่านได้จนถึงบัดนี้ ฉันคือมูนสเปค เป็นวิญญารที่ถูกผนึกอยู่ในดาบเล่มนี้'
ซังจินได้พูดกับเธอ
"เธอเป็นผีจากสุสาน..."
'ถูกต้อง ท่าน ไม่กลัวการปรากฏตัวของฉันและตัดสินใจเก็บดาบมา คนส่วนใหญ่มักจะวิ่งหนีไปเมื่อเห็นหน้าตาของฉัน...'
'ฉันก็เคยตายมาเช่นกัน'
เขาไม่ได้บอกสิ่งที่เขาคิดออกไปและตอบกลับไปในทันที
"ขอบคุณมาก ฉันได้จัดการศัตรูของฉันจำนวนมากได้ด้วยความช่วยเหลือของเธอ"
'ฉันก็ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น'
ซังจินรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อสังเกตุเห็นว่าคาร์กอตได้มองดูเขาสนทนากับวิญญาณ
"ขอบคุณสำหรับดาบเล่มนี้นะ"
"ใช่แล้ว ไปข้างหน้าและลองเหวี่ยงดาบดูก่อน"
ซังจินได้ทำตามที่คาร์กอตได้บอกออกมา เขาได้ดึงดาบออกจากฝัก
"ว๊าวว..."
มันช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะอุทานออกมา ใบมีดของมูนสเปคดูน่าประทับใจเป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่ว่าในมันยิ่งดูน่าหวาดกลัวและน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นอีก คาร์กอตได้กล่าวออกมา
"ฉันได้สังเกตุเห็นว่ามีวิญญาณในจณะที่กำลังทำงาน...ดังนั้นฉันจึงได้พยายามลองแก้ไขผลของมันดูเล็กน้อย มันเป็นเหมือนกับบ้านของใครบางคนที่นายรู้อยู่แล้ว"
"ขอบคุณมากๆ"
"แต่ว่า...นายก็รู้...เกี่ยวกับฝักดาบนี้...ฉันยังไม่ได้เริ่มทำมันเลย ดังนั้นมันจึงเหมือนกับในก่อนหน้านี้...ถ้าหากว่านายเพียงแค่รออีกชั่วโมงหนึ่ง ฉันก็จะสามารถทำมันให้นายใหม่ได้นะ"
"ไม่ ไม่ ไม่จำเป็นหรอก ฉันจะใช้อันเก่า"
"นายแน่ใจนะ? มันเก่ามาก"
"ไม่ มันจะไม่เป็นไร ฉันจะชอบมันมากขึ้นถ้าเป็นแบบนี้"
ซังจินได้ส่ายหัวออกมา การปรากฏตัวของมูนสเปคในสภายโทรมๆมันจะดีกว่า ภาพที่สยองขวัญที่พุ่งออกมาจากลายและฝักดาบที่ดูมีอายุมันจะทำให้เป็นเหมือนกับในหนังสยองขวัญมากขึ้น ผลของความกลัวมันจะมากขึ้นโดยที่ไม่คาดคิด
"โอ้? งั้นทำตามที่นายต้องการเถอะ"
"งั้นฉันจะต้องไปแล้ว ฉันจะจ่ายเงินในตอนนี้"
"โอเค"
ซังจินได้ส่งลูกบาศก์ออกไปเพื่อที่จะทำการจ่ายเงิน
"ขอบใจมาก แล้วฉันจะกลับมาอีกครั้ง"
ซังจินได้เดินออกไปหลังจากที่กล่าวลา เขาได้มุ่งหน้าไปยังโรงแรม ในขณะเดียวกันเขาก็คุยกับดวงวิญญาณไปด้วย
"เธอได้ถูกผนึกอยู่ในดาบได้ยังไง?"
'ฉันมักจะมีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อฉันอายุได้ 20 ปี ฉันก็ได้ป่วยและตายลง พ่อแม่ของฉันเสียใจมากกับความตายของฉันและฝั่งฉันไว้ที่สุสาน ฉันนั้นเสียใจกับชะตากรรมของฉัน แต่แล้วฉันก็ได้พบกับสิ่งปลอบใจในสถานที่แห่งนั้น'
ซังจินได้นึกไปถึงถ้าที่เขาไปได้พบกับมูนสเปคมาก มันดูเก่า และมีสภาพอากาศที่แย่ แต่ว่ามันก็ดูเหมือนกับว่าจะถูกตกแต่งมาอย่างดีเมื่อมันถูกสร้างขึ้นในครั้งแรก
'แต่แล้วหลังจากที่ฉันตายวันหนึ่ง เนโครแมนเซอร์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หลุมศพของฉันและร่ายเวทย์แปลกๆใส่ฉัน...'
เนโครแมนเซอร์คนนั้นคงจะเป็นบอสลับที่เขาได้พบเจอในสุสาน
'เขาได้ปิดผนึกฉันเอาไว้ภายในดาบของพ่อฉัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้ถูกขังเอาไว้ภายในดาย'
"อา...เนโครแมนเซอร์นั้น...ฉันได้ฆ่าเขาลงไปแล้ว"
'ใช่แล้ว ท่านได้ฆ่าเขาลงไปโดยที่ใช้ฉัน ขอขอบคุณท่านมากที่คุณได้ทำให้ฉันสามารถแก้แค้นเขาได้'
ซังจินได้พยายามนึกไปถึงเหตุการณ์นั้นในตอนนั้นที่เขาได้รับดาบมาก่อนที่จะสู้กับเนโครแมนเซอร์เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแก้แค้นอะไรนี่เลย
'ฉันอยากจะขอบคุณท่านอีกครั้งหนึ่ง'
"ไม่จำเป็นหรอก ฉันทำมันก็เพราะว่ามันเป็นภารกิต แต่ว่า...ถ้าเธอโอเค? ช่วยต่อสู้ภายในดาบนั้นต่อไปได้ไหม?"
'ใช่แล้ว มันจะไม่เป็นไร ในตอนแรกฉันนั้นหวาดกลัว...แต่ว่าตอนนี้ฉันชินกับมันแล้ว....มันสนุกมากที่ได้เห็นทุกๆคนวิ่งหนีฉัน'
"เธอไม่ต้องการที่จะจากไปหรอ?"
'ไม่ อยู่อย่างนี้มันดีอยู่แล้ว ฉันจะจากไปเองเมื่อมันถึงเวลาแล้ว'
คำพูดของเธอมันให้ความรู้สึกแปลกๆ เสียงของเธอมันเป็นเสียงของคนอายุ 20 ปี แต่ว่ามันก็ฟังดูว่าเธอเคยชินอยู่กับความกระหายเลือด
"โอ้ใช่แล้ว ทักษะติดตัวการอวยพรแห่งวิญญาณมันใช้งานยังไงกัน?"
'หลังจากที่ฉันได้กลายร่างมากเป็นวิญญาณแล้วการรับรู้ของฉันก็ดีขึ้นมาก...ฉันไม่เข้าใจมันจริงๆ...มันเหมือนกับสัมผัสที่ 6? ถ้าหากว่ามีสิ่งที่อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคุณฉันก็จะเตือนคุณออกมา'
เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับมันนัก แต่ว่าทักษะนี้มันก็ฟังดูเหมือนจะมีประโยชน์
"จริงหรอ? ขอบคุณมาก"
"ด้วยความยินดี"
ในจณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน เขาก็ได้นึกถึงเบสโกโร่ขึ้นมา
'ฉันมีวิญญาณอยู่สองตนแล้วในตอนนี้...อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็ดูจะสงบมากพอ...พวกเขาจะสามารถพูดกันได้ไหม? ถ้าหากว่าพวกเขาทำได้...เบสโกโร่ก็จะกลายเป็นชายชราที่ไม่สามารถจะละสายตาไปจากหญิงสาวได้...'
แม้ในขณะที่เขาคิดเช่นนั้นเขาก็พูดกับมูนสเปคไปด้วย
"เอาหละ ฉันหวังว่าจะได้ร่วมงานกับเธอตลอดไป"
'ฉันก็เช่นกัน'
ซังจินได้กลับมาที่โรงแรม สิ่งแรกที่เขาพบเมื่อมาถึงโรงแรมเลยก็คือเคนผู้ที่ได้เติบโตขึ้นจนไม่สามารถจะเข้าไปข้างในโรงแรมได้
"โฮ่ง กรรร"
ซังจินได้รู้สึกว่าเคนกำลังพยายามจะถ่ายทอดอะไรบางอย่าง
"อา...ฉันเพียงแค่ไปเอาดาบนี่คืนมา.."
เมื่อเคนได้ยกดาบขึ้นมาโชว์ให้เคนเห็น เคนก็ได้หันมองไปรอบๆ ราวกับว่าเขาสามารถจะมองเห็นในสิ่งที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้
'หืมม...ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินมาว่าสัตว์สามารถมองเห็นผีได้ด้วยดวงตาของพวกเขา...'
"ใช่แล้ว ฉันมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไม่แน่ใจว่านายเคยรู้จักกับเขามาก่อนหรือไม่"
เขาได้พูดออกมาในขณะที่เดินเข้าไปในโรงแรม ที่ด้านหลังของเขา
"โฮ่งๆ"
เคนได้เห่าออกมา
"โอเค ไว้เจอกันนะเคน"
****
'แว่นตาเดียวของกอเมท...ใช้กับพงศาวดารสามก๊ก...ดวงดาวไร้นาม...'
ดวงดาวไรนามจะมีประโยชนืมากในบทนี้ ใช้ฉายาสุดยอดนักล่าในตอนเริ่ม และเปลื่ยนเป็นนักล่าสมบัติในตอนหาสมบัติ และในตอนท้ายก็ผู้พิพากษาในการล่าฆาตกร
"โอเปอเรเตอร์สวมใส่ฉายาสุดยอดนักล่า"
[เรียบร้อยแล้ว]
หลังจากที่เขาได้เปลื่ยนฉายาแล้วเขาก็หันมาสนใจกับการอัพสเตตัส
"อัพความแข็งแรง 200 แต้ม ความคล่องแคล่ว 2000 แต้ม ความอดทน 1000 แต้ม พลังเวทย์ 1000 แต้ม และก็พลังจิตใจ 3853 แต้ม"
[เรียบร้อยแล้ว]
"สเตตัสของฉันเป็นยังไงบ้างในตอนนี้?"
ฉายา: สุดยอดนักล่า
พลังชีวิต: 108100 มานา: 127990
ความแข็งแรง: 13912 (+4174)
ความคล่องแคล่ว: 14593 (+4378)
ความอดทน: 8315 (+2495)
พลังเวทย์: 6119 (+1836)
พลังจิตใจ: 9845 (+2954)
แต้มที่ยังไม่ได้อัพ: 0
เป้าหมายหลักของการอัพสเตตัสก็คือการพัฒนาขึ้นของค่าความแข็งแรง ความคล่องแคล่วและความอดทน จากนั้นก็ตามมาด้วยพบัวจิตใจและพลังเวทย์ ถ้าหากว่าพลังเวทย์ของเขามากจนเกินไปมันก็จะทำให้เขาใช้เวทย์ได้เพียงไม่กี่ครั้ง
เขาได้รับความช่วยเหลือจากมูนสเปคและแหวนของลิชในการฟื้นฟูมานา แต่ว่าเขาก็ต้องการพลังจิตใจที่สูงเช่นกันเพื่อที่จะใช้เวทย์ที่หลากหลายในการต่อสู้ นอกจากนี้เขายังจะต้องใช้เวทย์ร่วมกับเบสโกโร่อีกด้วย
ในตอนนี้ซังจินได้มองไปที่หน้าต่างสเตตัสของเขาและคิดขึ้น
'ฉันควรจะเริ่มอัพสเตตัสในทันทีได้แล้ว...เพื่อที่คนอื่นๆที่ถูกเลือกก็จะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน'
'ผู้ถูกเลือก' จะได้รับโบนัสสเตตัส 20% จากสเตตัสพื้นฐานของซังจิน ถ้าหากว่าเขาอัพสเตตัสก่อนหน้านี้ คนพวกนั้นก็จะได้รับผลประโยชน์จากสเตตัสของเขา
ความแข็งแกร่งของผู้ถูกเลือกจะเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆกับ เมื่อเขาได้เสร็จสิ้นการวางแผนแล้วเขาก็ได้เตรียมอุปกรณ์ทีละชิ้น
ถ้าหากว่ามีอะไรที่เปลื่ยนไปก็คือมูนสเปคที่เป็นอาวุธตั้งแต่ในช่วงต้นของเขา เขาได้ทิ้งมูนสเปคไว้ข้างตัวตลอดเวลาเนื่องจากเพราะว่ามันมีพลังโจมตีทีต่ำกว่าบลัดเวเจน และมีพลังเวทย์ที่น้อยกว่าอาเทอรร์มิโอ โดยส่วนใหญ่ที่เขาจะใช้มันก็ในตอนที่จะใช้ทักษะเสียงคร่ำครวญของคนตายเท่านั้น แต่ในตอนนี้สเตตัสของมันได้เหนือกว่าดาบอื่นๆทั้งสองเล่มนั้นไปแล้ว
"ไม่ต้องกังวลไป ฉันก็จะค่อยๆอัพเกรดพวกนายเช่นกัน"
เมื่อเขาได้ตรวจสอบสิ่งต่างๆเสร็จแล้ว เขาก็เอาเบสโกโร่ออกมาและสวมใส่ ในที่สุดเบสโกโร่ก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง
'ฉันคิดถึงนายมากนะ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น'
ซังจินได้ส่ายหัวของเขา
"ไม่จำเป็น ขอบคุณ"
'แต่ว่า...ความรู้สึกแบบนี้...'
ซังจินได้รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาในทันที
'...ไม่มีทาง...เขาสามารถตะรู้สึกถึงมูนสเปคได้?'
แต่
'อา สวัสดี ท่านเบสโกโร่ ฉันสามารถจะได้ยินพวกท่านคุยกันได้'
มูนสเปคได้เป็นคนแรกที่พูดออกมา
'โอ้....ฉันเห็นแล้วว่าในตอนนี้คุณผู้หญิงมูนสเปคสามารถจะสื่อสารกันได้ ขอแสดงความยินดีด้วย'
'ขอบคุณมาก'
ในกรณีนี้สถานการณืที่เลวร้ายที่สุดก็คือซํงจินคิดว่าเบสโกโร่กำลังจะคุกคามทางเพศแก่มูนสเปคโดยที่ซังจินได้ติดอยู่ตรงกลางระหว่างนั้น ซังจินได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งนี้ในอนาคต
"ฉันขอห้ามไม่ให้นายพูดเรื่องอื่นๆแบบนั้นอีก มันไม่สามารถจะช่วยได้ถ้าหากว่านายพูดกับฉัน แต่การพูดเช่นนั้นกับอื่นๆโดยไม่มีฉันอยู่มันไม่โอเค"
'โอเค"'
ในตอนนี้ผีทั้งสองตัวได้ยอมรับออกมา ซังจินได้ตัดสินใจที่จะใช้ไม้ตายก้นหีบ
"โดยเฉพาะกัยนายคุณปู่เบสโกโร่ ถ้าหากว่านายฝ่าฝืนกฏนี้ ฉันก็จะขายนายไปในตลาดประมูล"
"โอเค ๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกี่ยวกับหน้า... ฉันหมายถึงสุภาพสตรีที่ทรงสเน่ห์คนนั้นนะ เธอไม่ได้ติดต่อนายมางั้นหรอ?'
ซังจินได้นึกไปถึงนาดา เธอไม่ได้ติดต่อเขากลับมาเลย
"...ใช่"
ซํงจินได้ตอบกลับมาอย่างไม่สบายใจ เขาได้กลับไปที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม
"ดารูปินขอลาเต้วะนิลาและก็เค้กชิ้นนึงสิ"
"รับทราบท่านนักล่า"
เมื่อเขาได้สั่งอาหารเช้าออกไปแล้ว เขาก็ได้เริ่มอ่านข้อมูลเกี่ยวกับการจู่โจมรังมังกรแดง มันมีรายละเอียดเป็นอย่างมาก การจู่โจมัดไปมันจะเริ่มเป็นการจู่โจมแบบ 10 คน
ไม่ว่าซังจินจะแข็งแกร่งแค่ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถเคลียการจู่โจมนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ซังจินได้อ่านข้อมูลนี้ไปในขณะที่เคี้ยวเค้กฃฃและเมื่อได้ถึงเวลาเขาก็ได้ถูกเรียกตัวออกไป
สู่รังมังกรแดง
ตอนนี้กลุ่มลับมีจบถึงตอนจบมีทั้งหมดสามกลุ่มแล้วนะครับ สามารถจะติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ที่เพจนี้เลย > จิ้มเลย <