บทที่ 41 จอมพลกองทัพทหารตะวันตก
วรยุทธนั้นเป็นหัวใจของศิลปะการต่อสู้และมันมีพลังลึกลับ ทักษะวรยุทธทั่วไปนั้นมาจากร่างกาย แต่พลังของมันน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับพลังที่สร้างขึ้นโดยแก่นแท้พลัง ทักษะวรยุทธส่วนใหญ่มักจำเป็นต้องใช้แก่นแท้พลังเสมอ
วรยุทธเป็นเหมือนการอนุญาตให้เหล่าจอมยุทธเสริมความแข็งแกร่งด้วยการใช้วิธีการพิเศษ ทำให้ร่างกายสามารถไหลเวียนด้วยแก่นแท้พลังผ่านเส้นการไหลเวียนที่แปลกประหลาด ซึ่งมันสามารถสร้างรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เพื่อเพิ่มพลัง เพิ่มการป้องกัน เพิ่มความเร็ว และอื่นๆอีกมากมาย
จากมุมมองที่เข้มงวด วรยุทธส่วนใหญ่สามารถเลียนแบบได้โดยใช้แผนผังแบบพิเศษ แก่นแท้พลังนั้นมาจากตันเทียน ซึ่งมันจะผ่านเส้นลมปราณอันซับซ้อนและก่อเกิดเป็นรูปแบบพิเศษจากนั้นก็จะถูกปลดปล่อยออกมาจากทางใดทางหนึ่งของร่างกาย
สิ่งที่เจียงอี้พบก็คือการพบสิ่งลึกลับ จิตใจของเขากลายเป็นแผนผังโดยอัตโนมัติที่ชัดเจนอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะสมบูรณ์ แต่ก็มีส่วนเล็กๆที่เป็นศุนย์กลางนั้นหายไป
เหตุผลที่เจียงอี้เชื่อว่าเขามีความหวังในการทำให้ทักษะต่อสู้นี้สมบูรณ์ นั่นเป็นเพราะว่าเขามีส่วนหน้าและส่วนท้ายของมัน เจียงอี้สามารถอ้างอิงจากส่วนที่มีอยู่เพื่อวิเคราะห์และสรุปส่วนที่หายไปได้
ทั้งหมดเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะปฏิบัติมันออกมา หากมีสิ่งใดผิดพลาด แก่นแท้พลังของเจียงอี้อาจยุ่งเหยิงจนทำให้ลมปราณแตกซ่านและสามารถตายได้
แต่ตอนนี้เจียงอี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น เขาดื่มด่ำไปกับความตื่นเต้นของความสามารถที่เขาค้นพบใหม่ เขาไม่เคยแม้แต่จะนั่งขัดสมาธิก่อนที่จะจดจ่อกับการหาส่วนที่หายไปของฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลัง
นั่นก็เป็นช่วงที่ดึกมากแล้วแต่เจียงอี้ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะนอน หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาลืมตาขึ้น แก่นแท้พลังสีดำของเขาหมดลงและแผนผังในใจของเขาก็หายไป ใจของเขานั้นรู้สึกว่ามันยังไม่ชัดเจนและออกจากสภาวะที่แปลกประหลาด
"ทำความเข้าใจต่อไป!"
เขารวบรวมแก่นแท้พลังสีดำทันทีเพื่อไหลเวียนไปยังสมองของเขา ภายในห้องโถงวรยุทธนั้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นสองสามเท่า นอกจากนี้อักขระที่แตกก็ช่วยเพิ่มความเร็วการบ่มเพาะพลังของเขามากขึ้น เขาไม่กลัวที่จะใช้แก่นแท้พลังสีดำหมด เมื่อเขาสามารถบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำได้ถึงสิบเส้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เจียงอี้จะหยุดการบ่มเพาะพลังเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้ไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนและรู้สึกตื่นตัวมากกว่าคืนที่ผ่านมา
หลังจากที่เขาใช้เวลาสองชั่วโมงในการกักเก็บแก่นแท้พลังสีดำของเขาแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป เขาดูรายชื่อจากผู้ดูแลหยางและเห็นชื่อที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ..เจียงกู้ซุ่ย!
ปัจจุบันเจียงกู้ซุ่ยอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตฉูติ่งและเป็นที่ชัดเจนว่าเจียงหยุนซานต้องการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขา แม้ว่าเจียงกู้ซุ่ยจะไม่สามารถเข้าชิงตำแหน่งการคัดเลือกสำนักจิตอสูรได้ แต่อย่างน้อยเขาก็จะสามารถเข้าสมัครกองทัพทหารตะวันตกได้
เจียงอี้ไม่สามารถปฏิเสธการซ้อมประลองในครั้งนี้ได้ไม่อย่างนั้นมันอาจดึงดูดความสงสัยของตระกูลเจียง เขาเข้ามาอย่างเงียบๆ และสังเกตเห็นสายตาแปลกๆของเจียงกู้ซุ่ย
ใจของเขาตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขาแสดงออกอย่างเฉยชาและไม่พูดแม้แต่คำเดียว โชคดีที่เจียงกู้ซุ่ยดูเหมือนจะไม่ค่อยสงสัย
หลังจากซ้อมประลองเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เจียงกู้ซุ่ยโวยวายด้วยความเจ็บใจหลังจากถูกปรามาสโดยเจียงอี้ และจากนั้นเขาก็ยิ้มก่อนที่จะกล่าวคำอำลา
เจียงกู้ซุ่ยจำข้าได้หรือไม่นะ?
เมื่อเจียงกู้ซุ่ยออกไป เจียงอี้พยายามนึกถึงทุกการเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาของเจียงกู้ซุ่ย แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจียงกู้ซุ่ยจำเขาได้หรือไม่ เมื่อคู่ซ้อมประลองคนต่อไปเข้าสนามประลองมา เขาไม่สามารถคิดอะไรได้มากนัก
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อปัจจุบัน เจียงอี้ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดีแม้ว่าเจียงกู้ซุ่ยจะจำเขาได้ ภายในใจเขาไม่มีความกลัวใดๆ สุดท้ายแล้วตระกูลเจียงจะกล้าฆ่าเขาในโถงวรยุทธหรือไม่?
หลังจากใช้เวลาตลอดทั้งเช้าในการจับคู่ประลองห้าคู่ เจียงอี้ยังคงมีชีวิตชีวาในขณะที่เขากลับไปวิเคราะห์ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังต่อ
วันถัดไปเจียงกู้ซุ่ยไม่ได้มา แต่กลับเป็นเจียงหยูหลางที่มาแทน เจียงหยูหลางมีสายตาที่เฉียบแหลม แต่เขาก็ปกปิดได้ดี เจียงอี้ไม่กังวลอีกต่อไปและเขาวางตัวอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้า
ไม่กี่วันข้างหน้าก็ผ่านไปอย่างสงบสุข เจียงกู้ซุ่ยปรากฏตัวสองครั้งและแสดงความขอบคุณอย่างลึกซึ้งที่สุด เขาอธิบายว่าหนึ่งในกระบวนท่าวรยุทธใหม่ของเขาตอนนี้อยู่ที่ขั้นบรรลุ เขายังบอกให้เจียงอี้เป็นแขกเมื่อไปตระกูลเจียงเมื่อเขาว่างและจะปฏิบัติต่อเขาด้วยการต้อนรับเป็นอย่างดี
เจียงอี้แสร้งทำเป็นใจเย็นและไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว..ในขณะที่เขาสบประมาทอยู่ในใจ ไปเยี่ยมตระกูลเจียงรึ? เขาจะไม่เดินเข้าไปและออกมาด้วยการถูกหามออกมาใช่หรือไม่?
เวลาผ่านไปไวมากจนใกล้ถึงวันของการรับสมัครและคัดเลือก เมืองเทียนอวี่ก็เริ่มคึกคักไปด้วยความตื่นเต้น สมาชิกกลุ่มเล็กๆของเมืองเล็กๆหลายคนมาอยู่ที่เมืองเทียนอวี่แล้ว สมาชิกเผ่าของเมืองใหญ่เหล่านั้นก็อยู่ที่นี่เพื่อรอพิธีคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น พวกเขาต้องการดูว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้มีเหล่าตระกูลชั้นสูงใดๆที่พวกเขาสามารถเข้าร่วมตระกูลได้บ้าง แต่แน่นอนว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อดูงานเทศกาลนี้ด้วย
สองวันก่อนเริ่มพิธีคัดเลือก ที่โถงวรยุทธไม่มีลูกค้ามากนัก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงของตระกูลชนชั้นสูงได้จัดให้เป็นวันหยุดพักผ่อนกับเหล่าคนในตระกูล มันจะช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายและเตรียมตัวให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้
แม้ว่าเจียงอี้ไม่จำเป็นต้องไปซ้อมประลองใดๆ แต่เขาก็ยิ่งขยันมากกว่าเดิม ด้วยการหาตัวต่อตัวสุดท้ายของกระบวนท่าฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลัง เขามองแผนผังในใจของเขาเพื่อวิเคราะห์และหาจุดบกพร่องอย่างต่อเนื่อง เขาพยายามที่จะคาดการณ์ว่าควรใช้อะไรเพื่อบีบอัดแก่นแท้พลังออกมา
ตลอดสองวันนี้เจียงอี้จะกินแต่ขนมปังเมื่อเขาหิว เขาจะหลับทันทีที่เขาหลับตา เขาทำตัวเหมือนคนบ้าคลั่งที่มัวแต่การพยายามทำความเข้าใจฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลัง
ในที่สุด-
คืนก่อนพิธีคัดเลือก เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นมาในที่สุด มีเส้นเลือดในดวงตาที่ทั้งตื่นเต้นและเหนื่อยล้าของเขา หลังจากใช้เวลาราวๆแปดวันในการทำความเข้าใจราวกับว่าไม่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ในที่สุดเจียงอี้ก็จัดแผนผังการไหลเวียนของฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลังเสร็จสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากความสามารถอันลึกลับของแก่นแท้พลังสีดำ
เขาไม่ได้เริ่มการทดสอบใดๆแบบซี้ซั้ว แต่กลับทรุดตัวลงบนพื้นและหลับไป...เขาง่วงเกินไป(แอดก็ง่วงแต่จะตั้งใจทำน้า)! ด้วยสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงเขาจึงไม่กล้าไหลเวียนพลังเพื่อลองท่าฝ่ามือระเบิดแก่นแท้พลัง จะเป็นอย่างไรหากเขาหมุนเวียนโดยเดินลมปราณไม่ถูกต้องและทำให้เส้นลมปราณของเขาแตกซ่าน? ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงทันที
“เอ่อ?”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เจียงอี้กระชากตัวเองขึ้นมาอย่างตื่นตูม เขามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าสายมากแล้ว เขายืนขึ้นอย่างตาลีตาเหลือกและรีบออกไปอย่างบ้าคลั่งและยังไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายเลย
"หมาป่าเดียวดาย เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบเช่นนั้นก็ได้!"
ทันใดนั้นผู้ดูแลหยางก็เดินออกมาจากห้องๆหนึ่ง เขายิ้มและพูดว่า "วันนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มพิธีและการลงทะเบียนก็เท่านั้น การแข่งขันจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้"
"ข้ารู้! แต่ข้าต้องไปลงทะเบียน ... " เจียงอี้ตอบกลับอย่างรวดเร็วและพุ่งออกไปข้างนอก
"เจ้าเด็กโง่!"
ผู้ดูแลหยางหัวเราะ "เจ้าไม่เห็นเหรอว่านี่มันกี่โมงเข้าไปแล้ว? หากเจ้าไปตอนนี้ เมื่อถึงสถานที่นั้นข้าว่าการลงทะเบียนคงจะสิ้นสุดลงแล้วล่ะ ข้าส่งคนไปลงทะเบียนให้เจ้าก่อนหน้านี้ตั้งแต่เช้าแล้ว รับไป นี่คือป้ายของเจ้า!"
“อ่า?”
เจียงอี้รับป้ายสีดำมา เขาเห็นตัวเลขทั้งสาม '536' เจียงอี้โค้งคำนับผู้ดูแลหยางทันทีด้วยกำปั้น "ขอบคุณผู้ดูแลหยาง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในตอนท้าย ข้าน้อย หมาป่าเดียวดายจะไม่ลืมความเมตตาที่ท่านให้ข้า"
"ฮิฮิ!"
ผู้ดูแลหยางไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “หมาป่าเดียวดาย ข้าจะไม่พูดถึงสิ่งที่ไม่จำเป็น มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าประสบความสำเร็จ แต่เจ้าก็ไม่ต้องเสียใจไปแม้ว่าเจ้าจะล้มเหลว ข้าผู้นี้...จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเสียเปล่า เอาล่ะเข้ามาในห้องแล้วข้าจะอธิบายกฎของพิธีต่างๆให้เจ้าฟัง”
"ขอรับ!"
เจียงอี้เพิ่มความกะปรี้กะเปร่าในขณะที่เขาติดตามผู้ดูแลหยางเข้าไปในห้องเล็กๆอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในประตูที่นำไปสู่ห้องลับ
หลังจากขอให้เจียงอี้นั่งลง ผู้ดูแลหยางก็เริ่มพูดหลังจากจิบชา “ข้าคาดว่าเจ้าจะรู้เกี่ยวกับสำนักจิตอสูรแล้วใช่ไหม? สำนักจิตอสูรแห่งนี้เป็นหนึ่งในสามของสำนักที่สำคัญของทวีป มันตั้งอยู่ที่หุบเขาสามหมื่นลี้ซึ่งอยู่ระหว่างชายแดนของอาณาจักรเสินหวู่และอาณาจักรต้าเซี่ย”
“และยังเป็นสำนักเดียวที่รับคนธรรมดาสามัญ สำนักมังกรเวหาและสำนักฮวาเหลี่ยงนั้นนานๆครั้งจะรับศิษย์ใหม่ ส่วนสำนักมังกรเวหานั้นสงวนไว้เฉพาะเหล่าองค์ชายและองค์หญิงแห่งขุนนางชั้นสูงทั้งหกขั้วเข้าสำนัก”
เจียงอี้พยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับทั้งสำนักมังกรเวหาและสำนักฮวาเหลี่ยงอยู่บ้าง ทั้งสองสำนักนี้ได้รับการจัดอันดับให้สูงกว่าสำนักจิตอสูร แต่ไม่ยอมรับบุคคลภายนอก มีเฉพาะสำนักจิตอสูรเท่านั้นที่จะจัดการรับสมัครศิษย์ประจำปีตามเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีสำหรับผู้เยาว์ของเมืองเทียนอวี่ที่พวกเขาจัดพิธีคัดเลือกที่นี่ในปีนี้
ผู้ดูแลหยางหยุดพักครู่หนึ่งก่อนที่จะอธิบายต่อไป “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทั้งสำนักจิตอสูรและกองทัพทหารตะวันตกจัดพิธีของพวกเขาพร้อมกัน จริงๆแล้วมันเป็นกองทัพทหารตะวันตกที่แสดงความเคารพต่อสำนักจิตอสูร มิฉะนั้นแล้วเหตุใด กองทัพทหารตะวันตกที่น่าเกรงขามจะมาที่นี่เพื่อรับสมัครทหารในเมืองเทียนอวี่เล็กๆนี่กัน และแน่นอนว่า...เจ้าไม่ต้องไปคิดถึงการเข้าร่วมกับกองทัพทหารตะวันตกเลยเพราะเขาตัดสินตำแหน่งกันจากภายในแล้ว ดังนั้นโอกาสเดียวของเจ้าคือคว้าที่หนึ่งในห้าจากสำนักจิตอสูรมาให้จงได้”
“ตัดสินใจภายใน? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? จอมพลของกองทัพทหารตะวันตกเป็นคนฉลาดและเป็นเหมือนพระเจ้า และในขณะเดียวกันกองทัพทหารตะวันตกก็ช่างน่าเกรงขามเช่นกัน นี่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่หรือ?”
เจียงอี้กระพริบตาอย่างสงสัย ชายที่ปรากฏอยู่ในใจเขา ชายผู้แข็งแกร่งมากจนเด็กๆทุกคนในอาณาจักรเสินหวู่ต่างนับถือ จอมพลกองทัพทหารตะวันตก!
อาจเป็นเพราะท่านจอมพลกองทัพทหารตะวันตกมีแซ่เจียงเหมือนกันหรือเพราะผู้อาวุโสที่ครั้งหนึ่งเคยรับใช้อยู่ในที่ประทับของจอมพลกองทัพทหารตะวันตกเมื่อท่านยังหนุ่ม
เจียงอี้เคารพนับถือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่เจียงอี้
จอมพลกองทัพทหารตะวันตกเป็นวีรบุรุษในหัวใจของชาวบ้านอาณาจักรเสินหวู่ทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะเขาและกองทัพทหารตะวันตกของเขา อาณาจักรเสินหวู่นี้กูคงจะถูกโค่นล้มจนไม่เหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้แล้ว
จอมพลกองทัพทหารตะวันตกเริ่มต้นอาชีพของเขาเมื่ออายุสิบสามปี เมื่ออายุสิบห้าปี ชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเป็นหัวหน้ากองทหารตะวันตกเมื่ออายุสิบแปดปีและนำกองทัพหนึ่งแสนคน
เขาทำลายกองทัพทหารเหนือที่แข็งแกร่งถึงสามแสนคนที่บุกเข้ามาในอาณาจักรเสินหวู่ ซึ่งทำให้ทั้งโลกตกตะลึง สองปีต่อมาเขาได้รับยศจอมพลของกองทัพทหารตะวันตก
ตั้งแต่นั้นมาเขาพบเจอกับการต่อสู้เล็กน้อยและการต่อสู้ที่สำคัญอยู่หลายสิบครั้งซึ่งทั้งหมดนี้เขาได้รับชัยชนะ ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาอยู่ที่อันดับสูงสุดของวีรบุรุษทุกคน
ก่อนที่เขาจะอายุสี่สิบปี เขาเป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยมของทวีปนี้และไม่มีใครเทียบได้ เขาเป็นเหมือนพระเจ้าและเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรเสินหวู่แห่งนี้ด้วย
นี่คือเหตุผลที่เจียงอี้สงสัยในตอนที่ผู้ดูแลหยางอธิบายว่ากองทัพทหารตะวันตกนั้นมืดมน มันเหมือนกับการทำลายชื่อเสียงของวีรบุรุษในใจของเขาไปเลย
ผู้ดูแลหยางหัวเราะและส่ายหัว “หมาป่าเดียวดาย เจ้ายังเด็กและโง่เขลานัก น้ำที่สะอาดเกินไปจะไม่มีปลาใดๆอาศัย และถึงแม้ว่าจอมพลกองทหารตะวันตกรู้เรื่องนี้ เขาก็คงไม่ยอมเข้าร่วม เอาล่ะ หยุดขัดจังหวะข้าและให้ข้าอธิบายเจ้าให้จบก่อน”
การแสดงออกของผู้ดูแลหยางนั้นดูเคร่งเครียดในขณะที่เขาอธิบายด้วยเสียงที่สุขุมนุ่มลึกว่า "การรับผู้เข้าคัดเลือกของสำนักจิตอสูรนั้นง่ายมาก! มีสองวิธี....อย่างแรกคือการแข่งขันแบบนัดเดียวตกรอบ และการแข่งขันแบบแพ้คัดออก"
“วิธีแรกคือการท้าดวลผู้เข้าร่วมอย่างมีเกียรติและซื่อตรง ทุกคนสามารถขึ้นมาบนสนามประลองเพื่อท้าดวลเจ้าและเจ้าจะต้องชนะการประลองร้อยรอบ วิธีนี้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเจ้าชนะการประลองร้อยรอบแล้ว เจ้าจะได้ตำแหน่งหนึ่งในห้านั่นทันที”
“วิธีที่สองคือการจับคู่และต่อสู้ ผู้ชนะจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและผู้แพ้จะถูกกำจัดไปเรื่อยๆจนกว่าจะเหลือผู้เข้าร่วมเพียงห้าคน และแน่นอน...หากมีคนห้าคนที่ได้ตำแหน่งจากวิธีแรกหมดแล้ว การแข่งขันแบบแพ้คัดออกจะเป็นโมฆะทันที! ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่ามีผู้เข้าร่วมมากกว่าสองพันคนและในหมู่พวกเขามีอย่างน้อยหนึ่งร้อยคนที่อย่างต่ำพวกเขาอยู่ขั้นที่เจ็ดของขอบเขตฉูติ่ง…คำแนะนำของข้าคือเจ้าอย่าคาดหวังกับมันสูงนัก”
เจ้าไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนไร้มลทินได้
[สวัสดีปีใหม่นะทุกคน ขอให้ทุกๆคนมีความสุขมากๆน้า แล้วก็ขอให้เป็นปีที่ดีขึ้นในทุกๆเรื่องน้า]