ตอนที่ 09 ชนชั้นสูงแห่งแอดเรี่ยน พาร์ท 1
ในตอนใต้ของทวีปซีเหมิงซี่ ไคลด์ ลูซิเฟอร์ และเจ้าหญิงเซราสเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ บริเวณชายแดนอาณาจักรแอดเรี่ยน เมืองนี้มีชื่อว่าเบล
พวกเขาวางแผนที่จะหาที่พักชั่วคราวในเมืองเบลก่อน ตอนนี้ไคลด์มีเหรียญทองสิบเหรียญที่เจ้าหญิงโอเลียให้เขามา ทำให้พวกเขาสามคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นเดือน
ในตอนแรกเจ้าหญิงโอเลียตั้งใจที่จะให้เงินพวกเขามากกว่านี้ แต่ไคลด์ปฏิเสธไปเพราะเขาไม่ตั้งใจที่จะฉวยโอกาสจากเธอ การเป็นทหารรับจ้างจะต้องมีศิลธรรม ไคลด์ปฏิเสธที่จะทำงานกับเจ้าหญิงโอเลียในระยะยาว เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับพี่ของเธอทำให้ไคลด์ตัดสินใจที่จะเดินทางไปตามทางของตน
ในช่วงเวลาก่อนจะจากกัน เจ้าหญิงโอเลียลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะให้ตราเหล็กสีดำ เป็นเหรียญสัญลักษณ์ตัวแทนของอัศวินดำออกัสต้า เจ้าหญิงโอเลียให้ไคลด์ไว้เพื่อปกป้องพวกเขาจากเหล่าอัศวินของอาณาจักรออกัสต้า หากมีใครพยายามถามว่าได้ตรานี้มาจากไหนให้บอกพวกเขาไปว่าใช้เส้นสายระดับสูงเพื่อให้ได้มา
‘’เจ้าหญิงโอเลีย ฉันขอบคุณเธอจริงๆ แต่ดูเหมือนฉันจะไม่เหมาะกับเหรียญตรานี้นะ’’
‘’ไม่ นายคู่ควรกับมันแล้ว ในอนาคตหากมาอาณาจักรออกัสต้าเพื่อตามมาหาฉัน ใช้ตรานี้นะ ฉันจะเก็บเรื่องของนายไว้เป็นความลับ’’
ไคลด์มองดูตราเหล็กสีดำในมือของเขาและจดจำคำพูดของเจ้าหญิงไว้ จนกะทั่งลูซิเฟอร์ดึงแขนของเขา ไคลด์ได้สติ ตอนนี้การหนีมาที่เมืองเบลไม่ปลอดภัยอีกอีกต่อไป เมื่อไม่นานมานี้สมาชิกที่สำคัญของพันธมิตรวิคเตอร์นั่นคืออาณาจักรแซคตัน ส่งทหารกว่า 10,000 นาย ซุ่มโจมตีทหารจากออกัสต้าที่มีกำลังพล 2,000 นาย ผลปรากฎว่าทหารทั้งหมดถูกกวาดล้างจนไม่เหลือ แม้แต่ผู้บังคับบัญชาวอเรนผู้โด่งดังจากการทำสงครามก็ถูกสังหาร แต่มีผู้นำของฝ่ายตรงข้ามอย่างเจ้าหญิงโอเลียได้หลบหนีได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหญิงโอเลียทำได้อย่างไร หลังจากการต่อสู้ของพันธมิตรวิคเตอร์กับพันธมิตรคลาร์กเริ่มขึ้นอีกครั้ง อาณาจักรออกัสต้าได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่ออาณาจักรแอดเรี่ยน เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการโจมตีของอาณาจักรแซคตัน เมื่ออาณาจักรสีขาวแห่งความบริสุทธิ์วินเฟร็ดได้เร่งส่งกำลังสนับสนุนมาช่วยเหลืออาณาจักรแอดเรี่ยน ทำให้กองทัพของอาณาจักรออกัสต้าถอยทัพกลับพร้อมกับนำทาสและทรัพย์สมบัติที่ได้จากการชนะศึกกลับไป
ไคลด์รู้สึกเสียหน้า ในตอนแรกเขาต่อสู้กับอาณาจักรออกัสต้า แต่ในภายหลังเขากลับช่วยเหลือเจ้าหญิงโอเลียที่เป็นเหมือนการช่วยเหลืออาณาจักรออกัสต้าโดยอ้อม เขาอาจถูกมองว่าเป็นนกสองหัว แต่โชคยังดีมีเพียงผู้หญิงสามคนที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพวกเขาไม่เปิดปากพูด คนนอกไม่มีทางรู้เรื่องนี้แน่
‘’พี่ไคลด์ พี่คิดยังไงถึงหาที่ซื้อเสื้อให้พี่สาวเซราสเร็วนักละ หรือว่าจะเปลี่ยนเธอเป็น... (ตุ้บ)! อย่าขยี้หัวฉันสิ’’
‘’เอ่อคุณลูซิเฟอร์ครับ คุณยังเด็กนะครับ อย่าเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่าสิ’’
ไคลด์ขยี้หัวลูซิเฟอร์เพื่อหยุดความคิดของเธอ เจ้าหญิงเซราสยังคงคิดว่าชุดที่เธอใส่ตอนอยู่ในรถม้ามีเสน่ห์ ปลอกคอสีดำรอบคอเธอตัดกับผิวขาว เชือกสีแดงที่มัดรอบตัวเธอทำให้เธอสามารถแสดงสัดส่วนรูปร่างที่แท้จริงได้
เซราสเขินเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงนอกจากพวกไคลด์ การทิ้งยศในฐานะเจ้าหญิงของเธอไม่ได้ทำให้เธอคิดมาก เพราะนั่นเป็นทางออกที่ดีกว่าการถูกจับเป็นทาสของอาณาจักรออกัสต้า นี่ถือเป็นความโชคดีในโชคร้าย
สถานะปัจจุบันของเซราสที่เป็นเจ้าหญิงได้หายไปแล้ว เนื่องจากอาณาจักรอาวน์เลสล่มสลายไป เจ้าชายอีริค เจ้าชายแห่งอาณาจักรแอดเรี่ยนได้ประกาศถอนหมั้นเธอหลังจากที่อาณาจักรอาวน์เลสโดนยึด มันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากถ้าเขาจะยังแต่งงานกับเจ้าหญิงที่ไม่มีประเทศเป็นของตัวเอง พระราชาที่ 6 จากอาณาจักรริชาร์ดได้หนีออกไปจากเมืองพร้อมกับสมบัติและของมีค่าทั้งหมดโดยไม่ห่วงลูกสาวแต่อย่างใด
‘’เจ้าหญิงเซราส อย่าไปสนใจคำพูดของลูซิเฟอร์เลย ฉันจะช่วยเธอตามหาพ่อเอง’’
‘’ไม่ไคลด์ ฉันอยากอยู่กับคุณสองคน ฉันจะตอบแทนด้วยทุกอย่างที่มี เพราะงั้นอย่าไล่ฉันไปเลยนะ แม้ว่านาย... ต้องการ ... จะ...’’
เสียงของเซราสค่อยๆ เบาลงเบาลง ใบหน้าที่ร้อนรุ่มของเธอมอบความกล้าให้กับเธอจนเธอกล้าพูด เธอพูดทันทีเมื่อเธอได้ฟังคำพูดของลูซิเฟอร์ จริงๆ แล้วเธอสามารถเป็นเมดแสนพิเศษคอยดูแลพวกเขาได้ เนื่องจากเธอไม่มีเงิน การใช้กำลังเพื่อตอบแทนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ไคลด์ปลอบใจเจ้าหญิงเซราสก่อนจะออกมายืนนอกรถม้า แม้ว่าเขาจะมีร่างกายของหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ แต่การที่จะต้องเผชิญหน้ากับสาวผมบลอนด์สภาพเปลื่อยเปล่าในรถเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ครอบครองร่างกายของหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถเผชิญได้ ถ้าหากเขายังไม่ย้ายวิญญาณของตนเองไว้ในร่างของมนุษย์ ไคลด์คงจะพลาดความสนุกอีกหลายเรื่อง
‘’พี่ไคลด์ ช่วงเซอร์วิสของพี่สาวเซราสกำลังจะจบแล้วหรอ? อย่าขยี้หัวฉันอีกนะ! ฉันผิดไปแล้ว’’
‘’ลูซิเฟอร์ถ้าครั้งหน้าเธอทำอีกเธอไม่โดนแค่ขยี้หัวแน่’’
ภายใต้บทลงโทษสุดแสนสุภาพบุรุษของไคลด์ทำให้ลูซิเฟอร์หยุดล้อเลียนเขา บางครั้งไคลด์คิดว่าลูซิเฟอร์คงเหมาะที่จะเป็นซักคิวบัสมากกว่า
หลังจากที่อาณาจักรแอดเรี่ยนพ่ายแพ้ในสงครามทำให้เศรษฐกิจของพวกเขาตกต่ำลง พวกเขายังต้องจ่ายค่าชดเชยสำหรับสงครามเป็นจำนวนมากให้กับอาณาจักรออกัสต้า ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของพวกเขาย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมเหมือนกับการที่เจอลูกเห็บที่ว่าแย่แล้ว แต่ลูกเห็บดันกลายเป็นพายุหิมะซ้ำเติมพวกเขา
เมืองเบลที่อยู่แถบชายแดนของอาณาจักรแอดเรี่ยนได้รับผลกระทบจากสงครามไปด้วย มีซากปรักหักพังอยู่ทั่วทุกที่ พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาโรงแรมที่พักได้หรือไม่ ไคลด์สังเกตเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนล้อมรอบอะไรบางอย่างอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกเขายืนล้อมรอบชายกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวคล้ายกับเจ้าหน้าที่พลเมืองของอาณาจักรแอดเรี่ยน พวกเขาได้จับกลุ่มกันขายอะไรบางอย่าง
‘’ทุกคน ช่วงเวลาที่จะจับจองเป็นเจ้าของดินแดนของพวกท่านมาถึงแล้ว ตราบใดที่พวกท่านมีเงินก็จะสามารถเป็นเจ้าของดินแดนได้ในราคาเป็นกันเอง โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะทุกท่าน’’
‘’พูดได้ดีนิ แต่การมาลดราคาดินแดนตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร?’’
‘’ดินแดนที่เราขายจะทำให้ท่านเป็นชนชั้นสูงเชียวนะ ยิ่งถ้าพวกท่านมีที่ดินแดนมากจะทำให้พวกท่านมีหน้ามีตาในสังคมมากขึ้นนะ’’
จากสงครามทำให้เหล่าชนชั้นสูงถูกฆ่า บางส่วนยอมทิ้งดินแดนและหนีไปยังประเทศอื่น ดังนั้นอาณาจักรแอดเรี่ยนที่กำลังจะล่มสลายจึงได้ขายดินแหนของเหล่าชนชั้นสูงเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในอาณาจักร
เมื่อเทียบกับเหล่าอัศวิน ตำแหน่งชนชั้นสูงที่ได้จากการซื้อดินแดนนี้เป็นระดับที่ตำสุด และการจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นสิ่งที่ยากมาก พวกเขาต้องซื้อดินแดนที่มีราคาสูงเพื่อให้ได้อันดับที่สูงขึ้น ตำแหน่งชนชั้นสูงนี้ไม่ได้เงินตอบแทนจากทางการ นี่เป็นแค่การขายที่หลอกลวง มีเพียงไม่กี่คนที่หลงเชื่อคำพูดล้อลวงที่เสนอตำแหน่งชนชั้นสูงให้ พวกเขาซื้อที่ดินตามคำล้อลวงนั้น
หลังจากที่ไคลด์ดูการแสดงจบเขาจึงเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อ แต่ลูซิเฟอร์กระโดดออกมาจากรถม้าเพื่อที่จะเข้าร่วมกับความสนุกในครั้งนี้
‘’พี่ไคลด์ดูสิ! พวกเขาขายดินแดนแห่งนี้แค่ 10 เหรียญทองเอง พวกเราก็มีสิทธิ์ซื้อได้นะ’’