Chapter 73 – Dark Elven City (6)
Chapter 73 – Dark Elven City (6)
”
ซังจินได้พุ่งเข้าไปหาคาเรี่ยนด้วยดาบบลัดเวเจนเพียงข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างจับที่ด้ามจับของมูนสเปค เขาวางแผนที่จะใช้เสียงคร่ำครวญของคนตายเพื่อที่จะสร้างโอกาสในการโจมตีให้เขาล้มลง โดยการใช้บลัดเวเจน
แต่ว่ามันก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เมื่อซังจินเข้าใกล้คาเรี่ยน
"วูบ วูบ"
เขาได้เหวี่ยงดาบออกมาทั้งสองข้าง มันจึงทำให้ซังจินต้องถอยกลับมาในขณะที่ปัดป้องการโจมตีด้วยดาบบลัดเวเจน
จากประสบการณ์ของเขา ผลของเสียงคร่ำครวญของคนตายจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเมื่อเขายืนอยู่ใกล้ศัตรู แต่คาเรี่ยนแข็งแกร่งเกินไปที่เขาจะเขาไปประชิดได้
มันจึงช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะต้องถอยกลับมาในขณะที่เขาป้องกันการโจมตีไปด้วย หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ตะโกนออกมา
"เสียงคร่ำครวญของคนตาย"
เขารีบใช้งานทักษะอย่างรวดเร็วและดึงดาบออกมา
"กรี๊ดดดดด~"
เสียงกรีดร้องที่น่าหวาดหวั่นได้เต็มไปทั่ว และคาเรียนก็ได้ก้าวถอยออกไปพร้อมกับใบหน้าแสดงความประหลาดใจออกมา
ผลของเสียงคร่ำครวญของความตายดูเหมือนจะไม่ได้ส่งผลต่อเขาเต็มทีี แต่ว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นโอกาสทอง
'ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีโอกาสเช่นนี้อีกไหม"
ซังจินได้พุ่งเข้าไปหาคาเรี่ยน แต่ว่า
"แสงสว่างแห่งอิออน"
แสงบางอย่างได้สว่างออกมาภายใต้เกราะของคาเรี่ยน และเขาก็กลับเป็นปกติ
ซังจินรีบแกว่งดาบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า
"เคร๊ง"
คาเรี่ยนได้นำดาบมาไขว้ไว้และป้องกันการโจมตี ซังจินได้กัดฟันแน่นและเหวี่ยงดาบออกมาอีกครั้ง
"เคร๊ง ปัง"
คาเรี่ยนไม่สามารถจะตอบโต้กลับไปได้และทำได้เพียงแค่ป้องกันการโจมตี เขามีโอกาสน้อยมากที่จะสวนกลับ และเมื่อซังจินคิดว่าไม่มีโอกาสที่จะเจาะการป้องกันไปได้เขาก็ถอยกลับมา
'มอนสเตอร์อะไรกัน'
ซังจินได้หอบหายใจออกมาและกดดาบลงด้านข้าง การล้างบาปของโลหิตได้สิ้นสุดลงแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะยอมให้มันดูดหลังชีวิตไปอีก
คราวนี้คาเรี่ยนก็ได้พุ่งเข้ามาหาซังจิน เขาค่อนข้างจะแข็งแกร่งกว่าซังจินเล็กน้อยในด้านวิชาดาบ
ทั้งสองคนนั้นต่างก็ฟาดฟันดาบเฉียดผ่านร่างกาย แต่ว่าก็ไม่มีบาดแผลที่สำคัญเลย และในระหว่างต่อสูอยู่นั้น
'ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้'
เบสโกโร่ได้กล่าวออกมาในความคิดของซังจิน ถ้าหากว่าอย่างน้อยมีเคนหรือซาดาเมียร์ ทุกอย่างมันก็ควรจะง่ายขึ้น แต่ว่าเวลาของพวกเขาได้หมดลงไปแล้ว
แล้วก็ด้วยเหตุผลบางอย่างก็ดูเหมือนว่าซังจินจะต้องการเอาชนะเขาในการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1
"เคร๊ง เคร๊ง แคร๊ก แคร๊ก"
นักสู้ทั้งสองคนได้ต่อสู้กัน และดาบทั้งสี่เล่มก็เข้าปะทะห่ำหันกัน แต่ว่ามันก็ยังไม่มีข้อสรุปเลย ในขuเดียวกันนั้นเอง
'...ฆ่า'
มันเผ็นเสียงที่เขาไม่ได้ยินมันมานานแล้ว เสียงกระซิบของยอนฮัวเรท ซังจินเขาไม่สนใจมันและต่อสู้ต่อไป แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างเบสโกโร่ก็ได้ตอบสนองต่อเสียงนั้น
'เสียงอะไรน่ะ"
เขาก็คงจะได้ยินเสียงของมันเช่นกัน
'ฆ่า...'
'มันบอกว่าฆ่าหรอ?'
ซังจินกำลังยุ่งกับการต่อสู้เพื่อชีวิตที่รักยิ่งของเขา และผีสองตัวก็ได้คุยกัน จากนั้นซังจินจึงจำเป็นจะต้องใช้ดาบทั้งสองเล่มผลักคาเรี่ยนออกไผและทำบางอย่าง
"อา หุบปาก!"
ในขณะเดียวกันคาเรี่ยนก็ได้ร่ายเวทออกมา
"หอกที่เจาะทั้งลวงทุกสิ่ง ไลท์นิ้งโบลด์"
ซังจินได้กลิ่งไปด้านข้างเพื่อที่จะหลบเวทมนตร์ ในตอนนี้เขาก็นึกออกว่าดาร์คเอลฟ์นักดาบก็รู้วิธีใช้เวทมนตร์ แต่ว่าเขาก็รู้วิธีใช้มันเช่นกัน
'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน...เวทมนตร์ต่อเวทมนตร์'
"ความจริงคือเรื่องหลอกลวง และเรื่องหลอกลวงก็คือความจริง"
เบสโกโราได้ร่ายเวทมนตร์ออกมาแทนเขา และจากนั้นเมื่อเบสโกโร่ร่ายเวท เขาก็เริ่มร่ายอีกเวทหนึ่งออกมา
"จงเผาไหม้ทุกสิ่งในเส้นทาง"
ในครั้งล่าสุดแม้ว่ามันจะมีความคาดเคลื่อนอยู่บ้างในตอนที่ร่ายเวทสองอัน แต่ว่าในตอนนี้ซังจินสามารถจะกะจังหวะมันได้ลงตัวแล้ว
"ภาพลวงตา"
ร่างกายของซังจินได้แยกออกมาเป็นหกคน
"บอลไฟ"
บอลไฟหกลูกได้ถูกยิงออกมาจากซังจินทั้งหกร่าง ทุกๆที่ที่ยิงต่างก็มีทิศทางที่ต่างกัน แน่นอนว่าของจริงมันมีเพียงอันเดียว แต่มันก็แยกออกยากว่าอันไหนคือของจริง
คาเรี่ยนที่ไม่รู้ว่าอันไหนคืออันจริง เขาจึงได้ถอยหลังออกมาเล็กน้อยและใช้ดาบของเขาในการปกป้องร่างกาย
"ตูมม"
คาเรี่ยนโชคดีที่ว่าลูกไฟลูกจริงคือลูกที่อยู่ห่างออกไปที่สุด แต่ส่ามันจะยังคงมีผลกระทบ ไฟมันได้ไหม้ลุกลามมาที่ผ้าคลุมของเขา
นี้มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก ดังนั้นซังจินจึงร่ายเวทมนตร์ออกมาอีกครั้ง
"บอลไฟ"
แต่ว่า
"สะท้อนเวทมนตร์"
เขาได้พึมพัมบางอย่างออกมา และจากนั้นดาบในมือขวาของเขาก็ส่องแสงสีม่วงออกมา เขาได้เฝ้ามองไปที่ลูกไฟทั้งหกลูกที่พุ่งเข้ามา จากนั้นเขาก็สะท้อนลูกไปลูกจริงกลับมา
'อะไรกัน?'
บอลไปได้เปลื่ยนทิศทางและพุ่งมาทางที่ซังจินอยู่ ดวงตาของซังจินได้เบิกกว้างออกมา และจากนั้นเขาก็กลิ้งตัวไปด้านข้างและตะโกนออกมา
"แข็งตัว"
และช่วงเวลาสั้นๆหลังจากนั้น
"ตูมม"
บอลไฟได้ระเบิดออกมา ถึงแม้ว่าซังจินจะทำให้คาเรี่ยนประหลาดใจในครั้งแรก แต่ว่าในครั้งต่อมาเขาก็สามารถจะแยกของจริงออกและสะท้อนมันกลับมาได้
'พระเจ้า...เพียงแค่ครั้งเดียว...เขาสามารถที่จะบอกได้ว่าอันไหนของจริงอันไหนของปลอม'
โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องดูลูกไฟระเบิดออก หรือไม่ต้องรู้ว่าใครคือผู้ร่ายตัวจริง สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ซังจินได้ยืนขึ้นมาหลังจากที่การแข็งตัวหมดลง เขาดึงดาบออกมา หลังจากที่โดนการสวนกลับล่าสุด ซังจินก็ได้ตัดสินใจ
'ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไปที่จะเอาชนะเขาโดยที่ออมแรงเและไอเทมเอาไว้'
เขาได้ลืมมันไปนานแล้วว่าการจู่โจมเป็นเกมส์ที่เอาชีวิตรอดโดยที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าเขาไม่สามารถจะล้มศัตรูข้างหน้าลงได้ เขาก็จะตาย เมื่อเขาได้เตรียมพร้อมตนเอง เขาก็ถามกับเบสโกโร่
"เบสโกโร่ นายบอกว่าการคลั่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตีแต่ละหลังของฉันใช้ไหม?"
'เพิ่ม 10% ทุกๆครั้งที่ท่านโจมตี'
ซังจินไม่ได้ใส่ใจฟังเขาทั้งหมด ในขณะนั้นซังจินก็ได้หยิบสร้อยยอนฮัวเรทออกมา
"สวมใส่"
เขาได้เก็บส้รอยตัวดางของบาซิลิสลงไป ดวงตาของงูมันเป็นทักษะที่น่าสนใจจะลองกับคาเรี่ยน แต่ว่าเพื่อให้มันแน่นอนและจบลง มันยังมีวิธีที่ดีกว่า นั้นคือการสวมใส่สร้อยคอยอนฮัวเรท
"ฆ่า! ฆ่า!"
เสียงได้เริ่มดังขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ เบสโกโร่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกเกี่ยวกับเสียงนี้เช่นกัน
'ฆ่า! ฉันบอกว่า...ฆ่า...'
มันจะต้องแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เนืองจากว่าภายในสนามรบแห่งนี้มีวิญญาณถึงสองตัว
"ฉันจะ"
เมื่อซังจินได้เตรียมพร้อมเสร็จสิ้น เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
"การล้างบาปของโลหิต"
ทักษะของดาบบลัดเวเจนได่ถูกเปิดใช้งานและดูดเลือดของเขาไปอีกครั้ง ซังจินสังเกตุเห็นว่าคาเรี่ยนดูเหมือนจะตื่นเต้นขึ้นเมื่อเห็นบลัดเวเจนเปล่งแสงสีเลือดออกมา
และสิ่งนี้มันก็เหมาที่จะใช้กับคาเรี่ยน การจะเสียสละเลือดของตนเองเพื่อที่จะให้การโจมตีสั้นๆเป็นการโจมตีที่รุนแรงขึ้นมา เาเรี่ยนได้แสดงออกถึงความระมัดระวังอิกมา
"การป้องกันของความมืด ลบล้างทุกๆสิ่งออกไป โล่แห่งความมืด"
ครู่หนึ่งร่างกายของเขาก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งความมืด สิ่งนี้มันเป็นเวทมนตร์ดำที่ใช้สำหรับเพิ่มพลังป้องกัน ซังจินเคยเห็นใันมาก่อนในชีวิตที่แล้ว
'ฆ่า ฆ่า ฆ่า'
'ไปฆ่ามัน ฉันต้องการจะเห็นเลือดของเอลฟ์'
เสียงของวิญญาณได้ดังขึ้นในหัวของเขา ซังจินจึงตะโกนออกมา
"คลั่ง"
โหมดคลั่งของเบสโกโร่ได้เปิดใช้งาน และในท้ายที่สุด
'ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า'
เขาก็ยอมที่จะใช้ยอนฮัวเรท
"บ้าคลั่ง"
การล้างบาปของโลหิต คลั่ง และบ้าคลั่ง ซังจินได้ใช้มันทั้งสามอันพร้อมกัน จากนั้นซังจินก็พุ่งเขาไปหาคาเรี่ยนเหมือนกับเสือดาว
คาเรี่ยนได้เตรียมตัวตั้งรับซังจินที่ได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนถึงสามเท่า เขาจะต้องนำทุกสิ่งทุกอย่างที่มีมาป้องกันการโจมตีนี้ จากนั้นเขาก็นำดาบมาป้องกันตัวเอง
"เคร๊ง เคร๊ง คลิ๊ก แคร๊ก"
คาเรี่ยนนั้นเป็นสุดยอดนักดาบ เขาสามารถที่จะป้องกันการโจมตีของซังจินได้แม้ว่าซังจินจะมีความเร็วมากขึ้นสามเท่า แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีทั้งหมดของซังจินได้
ดาบได้ทะลุเข้าไปโดนเกราะของเขาหนึ่งครั้ง
"ฟิ่ว~"
มูนสเปคได้ปะทะกับต้นแขนของคาเรี่ยน และนี่ก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ด้วยผลของทักษะคลั่ง ซังจินก็เริ่มจะเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
คาเรี่ยนได้ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อที่จะ้ปองกัน แต่ว่า
"วูบ"
บลัดเวเจนก็ได้เฉียดร่างกายเขาไป เขาจึงคิดขึ้นกับตัวเอง
'มันยังโอเค ฉันยังไปได้รับการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิต'
แต่อันตรายของ 'คลั่ง' มันพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น ทุกๆครั้งที่ซังจินโจมตีสำเร็จ ความเร็วและพลังของเขาก็จะมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เร็วยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นไป และในตอนท้ายคาเรี่ยนได้ถูกโจมตีสามครั้งติดต่อกัน
เมื่อวิญญาณได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอีก
'ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่าาาาา'
'ฆ่ามันซะเค ตัดหัวของมัน และเรามาดูเลือดของมันกัน'
ด้วยเสียงที่บ้าคลั่งนี้ซังจินก็ได้จมลงไปในมัน และสูญเสียสติไป
****
[........ถูกกำจัด]
เมื่อซังจำตั้งสติกลับมา การต่อสู้ก็ได้จบลงแล้ว จากนั้นเสียงเตือนของโอเปอเรเตอร์ก็ตามมา
[คำเตือน พลังยีวิตเหลือครึ่งหนึ่ง]
'หืมมม?'
ซังจินได้รู้าึกประหลาดใจและจากนั้นเขาก็หันไปปิดการ้างบาปของโลหิตในทันที ในตอนนี้เขาได้คิดถึงมัน เขาไม่จำเป็นจะต้องเปิดมันเอาไว้แล้วในตอนนี้
หลังจากที่โจมตีถูกสองหรือสามครั้ง โบนัสการจู่โจมก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญไปทั้งหมด การเปิดใช้งานการล้างบาปของโลหิตในระหว่างที่สูยเสียสติมันอันตรายมาก
'ฉันเพียงแค่โชคดีที่ไม่มีศัตรูรอบๆ...'
ซังจินหันไปมองรอบๆ ศพของคาเรี่ยนได้ถูกตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆจนแทบจะไม่สามารถเรียกว่าเป็นศพได้ ซังจินจึงได้ยกดาบขึ้นมาเพื่อที่จะให้ความเคารพเขา
'เขาเป็นศัตรูที่น่าอัศจรรย์ ถ้าหากว่าปราศจาคไอเทม....ฉันก็ไม่สามารถจะมีหวังที่จะเอาชนะเขาได้เลย'
หลังจากคิดดังนั้นซังจินก็ได้หยิบยอนฮัวเรท
"ยกเลิกการส่วมใส่"
และเก็บมันกลับไปในลูกบาศก์ ส่วนเบสโกโร่นั้นเขายังคงคลั่งอยู่
'ฆ่าพวกมันทั้งหมด ฆ่าพวกมัน'
"ยกเลิกการส่วมใส่"
ซังจินได้ถอดหมวกของเบสโกโร่ออกมาในตอนนี้และถือมันเอาไว้ด้านข้าง จากนั้นเขาก็นั่งลงและถอยหายใจออกมา
"วูวว~...."
เขาเป็นศัตรูที่ทรงพลังมาก ส่วนมากบอสลับจะยากที่จะเอาชนะด้วยการร่วมมือของคนห้าคน แต่ว่าคาเรี่ยนแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกนั้นมาก
มันเป็นศัตรูตัวแรกที่สามารถจะปลุกสัญชาตญาณเตือนถึงอันตรายของซังจินได้
'ในตอนนี้ฉันคิดถึงมัน...เมื่อฉันเริ่มซื้อของในร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ...ฉันก็ได้หยุดลงทุนในตัวเอง'
เมื่อบทการจู่โจมดำเนินไปเรื่อยๆ ศัตรูก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และยิ่วไปบทไกลๆ ความแตกต่างมันก็จะยิ่งห่างกันมาก ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถจะเพิ่มความสามารถให้ทันมันตัวเขาเองก็จะพินาศลง
เมื่อซังจินได้รับพงศาวดารสามก๊ก เขาก็รู้สึกว่าเขาพึ่งไอเทมนี้มากเกินไป ซังจินหันไปมองรอบๆ หนังสือมันได่วางอยู่บนพื้นใกล้ๆ
เขาได้ปัดมันทิ้งไปในช่วงเริ่มต้นการต่อสู้เนื่องจากว่าเขาถูกพุ่งเข้าใส่และขัดจังหวะ ซังจินได้เดินออกไปหยิบหนังสือและปัดฝุ่นมัน
เขาได้คิดกับตัวเอง
'หนังสือเล่มนี้มันมีจุดอ่อนที่ชัดเจนมาก...'
การอ่านข้อความในหนังสือมันจะใช้เวลานานเกินไป หึงจากได้รับไอเทมนี้ก็ควรจะให้แท้งดึงความสนใจไว้และอ่านมันโดยที่ไม่โดนขัดขวาง เจ้าของคนก่อนของมันได้ทำเช่นนี้
'สำหรับหนึ่งเหตุผลหรืออย่างอื่น...มันก็ถึงเวลาแลเวที่ฉันควรจะมองหาการพัฒนา'
จากนั้นซังจินก็หันกลับไปถามโอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับเวลาที่เหลืออยู่
"โอเปอเรเตอร์ตอนนี้เวลามันผ่านมาเท่าไหร่แล้วหลังจากการจู่โจมเริ่มขึ้น"
[เวลาได้ผ่านมา 24 นาที 32 วินาทีแล้ว]
"โอเค..."
เขายังคงเหลือเวลาอยู่ และเขาก็ได้เสียพลังชีวิตและมานาไป ซังจินจึงเดินกลับออกไปจากถ้ำ
เขาวางแผนที่จะฆ่าศัตรูบางส่วนเพื่อที่จะเพิ่มพลังชีวิตและมานา มันไม่ควรที่จะมีตัวอะไรที่แข็งแกร่งกว่าคาเรี่ยนแล้วตอนนี้ แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ที่ว่ามันอาจจะมีการเอาจำนวนเข้าสู้
ก่อนที่เขาจะกลับออกไป เขาได้กลับมาใส่ 'ดวงตาของบาซิลิส' และ 'เบสโกโร่' เมื่อเขาได้สวมหมวกคืนมา เบสโกโร่ก็ตะโกนออกมาอย่างยินดี
'เฮ้ เคทำไมท่านไม่มช้ข้าในก่อนหน้านี้หละ? เมื่อร่วมกับทักษะคลั่งมันก็ไม่ควรจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้'
ซังจินได้คิดขึ้นในใจแทนที่จะตอบกลับไป
'เฮ้อ...มันเป็นไอเทมที่ดีนะ...แต่ว่าทำไมมันถึงต้องมีทักษะติดตัวที่แปลกๆด้วย'