Chapter 72 – Dark Elven City (5)
Chapter 72 – Dark Elven City (5)
”
ซังจินได้กลับเข้าไปหลบในความมืดอีกครั้ง แม้ว่าในตอนนี้ซาดาเมียร์จะไม่เหลือเวลามากนัก แต่ว่าซังจินก็ยังอยากจะรู้เกี่ยวกับต่างหูที่เขาได้รับมา
เขาได้หยิบเอามันออกมาและดูที่หน้าต่างข้อมูล
ทีต - ดวงตาแห่งเจเรมีย์
ทักษะติดตัว
พินิจจิตใจ - อ่านเข้าไปในความคิดเบื้องต้นของคนที่สนทนาด้วย ใช้งานโดยการสัมผัสไปที่ต่างหู ระยะเวลาใช้งาน 10 วินาที
คูลดาว 10 นาที
โชคชะตาจะถูกกำหนดด้วยความคิด การเปลื่ยนแปลงความคิดก็จะทำให้โชคชะตาเปลื่ยนไป
'พินิจจิตใจ? อ่านความคิด?'
มันเป็นทักษะที่เขาต้องการมันตลอดเวลา แม้ว่ามันจะไม่มีส่วนช่วยในการต่อสู้เลย
'มันอาจจะมีประโยชน์ในการช่วยค้นหาความเป็นไปได้ของฆาตกร แต่ว่า...'
เขาก็ไม่แค่ใจว่ามันจะมีประโยชน์อะไรอีกมากกว่านั้น เขาจะต้องลองทดสอบมันดูอย่างน้อยสักครั้งสองครั้ง แต่ว่าในตอนนี้ซังจินจะต้องไปต่อ เขาจึงส่วมใส่มัน
"ส่วมใส่"
"นายท่าน ข้าเหลือเวลาอีก 1 นาทีก่อนที่การอัญเชิญจะหมดลง"
ซาดาเมียร์ได้บอกให้เขารู้ในเวลาที่เหลืออยู่
"เข้าใจแล้ว"
ซังจินได้วิ่งกลับไปในเมืองผ่านเงาต่ออีกครั้ง เพื่อที่จะมุ่งไปสู่เต็นท์ที่บอสลับอาศัยอยู่ เมื่อเขาวิ่งมาได้ครึ่งทางซาดาเมียร์ก็กล่าวออกมา
"มันถึงเวลาแล้วนายท่าน"
"โอเค ขอบใจนายมากสำหรับการทำงานหนัก"
ซาดาเมียร์ได้กลับเข้าไปในตะเกียงหลังจากที่เวลาหมดลง เวทมนตร์ก็ได้หายไป และซังจินและเคนก็ได้หายจากการล่องหน ซังจินจึงคิดวางแผนในใจอย่างรวดเร็ว
'ตั้งแต่ที่ฉันอัญเชิญซาดาเมียร์มาก็คือในตอนที่การจู่โจมเริ่มขึ้น มันก็ได้ผ่านมาแล้ว 15 นาที ในช่วงเวลา 15 นี้ฉันได้จัดการบอสและได้รับชิ้นส่วนลับมา....แม้ว่าหลังจากนี้ฉันจะใช้เวลากำจัดบอสลับไป 10 นาที ฉันก็ยังคงจะมีเวลาเหลืออีกเหลือเฟือ'
เวลาโดยปกติที่ฆาตกรจะโผล่ออกมาก็คือหลังจากบอสถูกกำจัด ซึ่งกลุ่มนักล่าที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คงจะต้องใช้เวลาไปอย่างน้อย 30 นาทีในการกำจัดบอส
'เริ่มจากการจู่โจมถัดไป...ฉันก็อาจจะสามารถใช้หินแสวงหาฆาตกรเพิ่มได้อีกหนึ่งหรอสองอัน'
มันยังไม่จบลง แต่ว่าแผนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเขาได้สำเร็จไปแล้ว
'ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น...ฉันก็ควรจะเห็นว่าฉันจัดการทุกอย่างได้เร็วแค่ไหน ตั้งแต่ที่ฉันยังมีความรู้สึกว่าในการจะล่าฆาตกรจะใช้เวลานานแค่ไหน'
เมื่อซังจินได้วางแผนเสร็จ เขาก็แอบย่องไปทางเต็นท์สีดำที่ๆบอสลับซ่อนอยู่
เขาพยายาทจะหลบอยู่ในความมืดและย่องเข้าไปโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์ และมันก็กำลังผ่านไปด้วยดี
มันทำให้เขาได้นึกถึงในตอนเด็กที่เล่นซ่อนหา หลบเลี่ยงไปจากสายตาของเอลฟ์และเขาไปแปะมัน
แต่เมื่อเขากำลังจะถึงตัวเต็นท์ จากทางขอบที่พักก็ได้มีดาร์คเอลฟ์ลาดตระเวนพบเห็นเขา
"มนุษย์"
ดาร์คเอลฟ์ลาดตระเวนได้ตะโกนออกมาในทันที
'โอ้...เวร...'
การที่จะแทรกซึมเข้าไปโดยที่ไม่มีเวทมนตร์ช่วยมันเป็นเรื่องยาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่เขาพยายามจะลองทำมันดู
ซังจินได้ดึงดาบออกมาและมองไปที่ดาร์คเอลฟ์ที่พุ่งมาหาเขาพร้อมด้วยดาบ มีดสั้น และหอก
****
เบื้องหลังของเขาได้มีศพของดาร์คเอลฟ์จำนวนนับไม่ถ้วนนอนเรียงรายกันอยู่บนพื้น ซังจินได้พูดออกมาในขณะที่เขาเก็บดาบ
"ถ้าหากนายไม่สนใจฉัน มันก็จะดีกว่านี้สำหรับพวกนายน่ะนะ"
มันได้ใช้เวลาไปเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นในการที่เขากำจัดดาร์คเอลฟ์ปกติโดยที่ไม่ใช้เวทมนตร์อะไรเลย
ซังจินรู้สึกว่าหากเขาใช้เวทมนตร์มันก็จะดึงดูดพวกมันมากขึ้น และเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียมานาไป ดังนั้นเขาจึงไม่ใช้มัน
ในตอนนี้คูลดาวของ 'เสียงคร่ำครวญของคนตาย' ก็น่าจะหมดลงแล้ว ซังจินจึงถามขึ้นกับโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์ในตอนนี้เสียงคร่ำครวญของคนตายใช้งานได้หรือยัง?"
[คูลดาวจะหมดลงในอีก 12 วินาที]
มันเป็นการดีที่มันจะพร้อมใช้าน จากนั้นซังจินก็มองไปที่เต็นท์สีดำ บอสลับกำลังรอคอยเขาอยู่ที่นั่น
ในตอนแรกที่เต็นท์ได้มีดาร์คเอลฟ์สองตัวเฝ้าอยู่ แต่ว่าในตอนนี้เขาหายไปแล้ว
ซังจินจำไม่ได้ว่าเขาได้ฆ่าสองคนนั้นไป แต่ว่าสองคนนั้นน่าจะมีส่วนร่วมในก่อนหน้านี้และตายลงอย่างแน่นอน
ซังจินได้หายใจเข้าไปลึกๆก่อนที่จะเข้าไปสู้กับบอสลับ
จากนั้นซังจินก็เปิดผ้าเต็นท์ขึ้นและเข้าไปด้านใน ด้านในของเต็นท์มันเป็นทางเข้าเล็กๆของถ้ำ ซังจินนึกย้อนกลับไปในครั้งแรกที่เขาได้ก้าวเขามาในถ้ำนี้
****
ในครั้งนั้นในเขาอยู่ที่นี่ เขาได้ล่าเคเรนิสสำเร็จด้วยการร่วมมือกันกับคนอื่นๆอีก 4 คน และกลุ่มของเขาก็ได้ออกจากวิหารมาพร้อมกัน ด้วยความเหฌนร่วมกันที่ว่า
"ยังคงมีเวลาเหลืออยู่อีก ดังนั้นพวกเราไปล่าพวกมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่กันเถอะ"
ดังนั้นพวกนักล่าจึงออกมาจากวิหารเพื่อที่จะค้นหามอนสเตอร์ ในตอนนั้นซังจินยังไม่มีความที่คิดว่ามีบอสลับซ่อนอยู่
คงจะต้องขอบคุณโชคของซังจินที่มากกว่าปกติมันได้ทำให้ซังจินสามารถเก็บสะสมผลงานได้จากบทหนึ่งสูีอีกบทหนึ่ง และจากนั้นใครบางคนก็ได้ชี้ออกที่เต็นท์สีดำและกล่าวออกมา
"ที่เต็นท์ดำนั้นมันดูน่าสงสัยนะ นายคิดว่ามันจะมีบอสลับซ่อนอยู่อีกปะ"
เขารู้สึกประหลาดใจ
"บอสลับ มีบอสลับด้วยงั้นหรอ?"
ใครอีกคนหนึ่งได้ตอบกลับมา
"อะไรกัน? นายไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้หรือไง?"
ในห้าคน มีนักล่าอยู่สามคนที่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของบอสลับ และในหมู่พวกเขา หนึ่งหรือสองคนก็ได้เคยต่อสู้กับพวกนี้และเอาชนะมาได้ ด้วยความสำเร็จจากที่พวกเขาได้ทำมาในก่อนหน้านี้ ทำให้หนึ่งในพวกเขาแนะนำออกมา
"เราควรจะเข้าไปสู้กับบอสลับในรอบนี้ไหม?"
นักล่าทั้งหาคนมีทักษะที่สูง พวกเราไม่ได้รับความเสียหายอะไรที่มากนักจากการต่อสู้กับบอสหลัก และมีการร่วมมือที่ดี
ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆเดินไปที่เต้นในขณะที่ฆ่าพวกดาร์คเอลฟ์ไปด้วย และเมื่อพวกเขาได้ฆ่าสองตัวสุดท้ายที่ทางเข้า พวกเขาก็เข้าไปภายในเต็นท์
เบื้องหลังของเต็นท์เป็นถ็ำทรงกลม ซังจินและเพื่อนร่วมทีมของเขาได้เข้าไปข้างในนั้นด้วยกัน ครู่หนึ่งภายในถ้ำนี้ก็นำไปในสถานที่ๆมีแสงส่องออกมาอย่างสว่างรุนแรง
และในท้ายถ้ำ พวกเราก็เห็นแสงจากดวงอาทิตย์และใบไม้สีเขียว นี่เป็นที่สิ้นสุดของถ้ำ ทันใดนั้นเองดวงอาทิตย์ก็ได้หายไป ตาของพวกเขาก็มืดลง
ในขณะที่พวกเขากำลังปรับตัวกับแสงที่เปลื่ยนไปอย่างกะมันหัน พวกเขาก็พบกับดาร์คเอลฟ์ที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวในทิศตะวันออก เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะสู้ ดาร์คเอลฟ์ก็ได้พูดกับพวกเขา
"...พวกนายจะไม่วิ่งหนีไปใช่ไหม?"
หนึ่งในนักล่าได้ตอบกลับมา
"นายเป็นใคร? นายเป็นบอสลับใช่ไหม?"
"บอสลับ? ฉันไม่รู้ว่านั่นคืออะไร...แต่ถ้านายต้องการที่จะท้าทายฉัน ฉันก็ยินดีจะยอมรับมัน"
นักล่าได้หรี่ตาและหันไปสบตากันและกัน พวกเขาได้สังหารดาร์คเอลฟ์มานับไม่ถ้วนจนถึงตอนนี้ แต่ได้มีดาร์คเอลฟ์คนหนึ่ง 'ยอมรับการท้าทายของเขา' มันช่างน่าขบขัน
หนึ่งในนักล่าได้ตอบสนองกลับมา
"แน่นอน พวกเราจะท้าท้ายนาย แต่ว่าพวกเราจะต่อสู้กันเป็นกลุ่ม เพราะว่านี้เป็นวิธีการต่อสู้ของพวกเราที่ทำเป็นประจำ"
ดาร์คเอลฟ์ได้ชักดาบทั้งสองเล่มออกมาจากด้านข้างและกล่าวออกมา
"ไม่เป็นไร ฉันไม่คิดมาก แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบ 5 ลุม 1 ก็ตาม"
ในเวลาเดียวกัน โอเปอเรเตอร์ก็ได้ให้คำเตือนออกมา
[คำเตือน บอสลับ]
[ดาร์คเอลฟ์ที่ถูกเนรเทศคาเรี่ยนปรากฏตัว]
และในห้านักล่าที่ได้ไป 'ท้าทายเขา' สองคนได้ตายลงและคนอื่นๆอีกสามคนก็แทบจะไม่สามารถหลบหนีเขาออกไปจากถ้ำได้
****
มันช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
'ในตอนนั้น ฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่าบอสลับมันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าบอสทั่วไป...'
เมื่อออกมาพ้นถ้ำ แสงแดดก็ได้ส่องมาทักทายเขาอีกครั้ง ต้องขอบคุณวิสัยทัศน์ของวิญญาณ มันไม่ทำให้เขาตาพร่ามัวเหมือนในครั้งที่แล้ว
จากนั้นซังจินก็ได้หยิบ 'พงศาวดารสามก๊ก' ออกมาจากเสื้อและเตรียมพร้อม ,ดาร์คเอลฟ์ได้ยืนรอคอยเขาอยู่เหมือนกับในครั้งก่อน
เมื่อซังจินมาหาเขา ดาร์คเอลก็ได้พูดประโยคเดิมที่ซังจินเคยได้ยินในครั้งก่อนออกมา
"...พวกนายจะไม่วิ่งหนีไปใช่ไหม?"
ซังจินต้องการจะอ่านพงศาวดารสามก๊กก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ แต่ว่าเมื่อเขาเปิดหนังสืออกมาหน้ากระดาษทุกๆก็ว่างเปล่า
ซังจินตกใจมาก
'มันเป็นเพราะยังไม่เริ่มต่อสู้หรอ?'
หนังสือพงศาวดารของสามก๊กมันจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น ดังนั้นเมื่อไม่มีการต่อสู้หน้ากระดาษมันจึงว่างเปล่า
'แต่ว่าถ้าหากฉันยังไม่ใช้มันในตอนนี้ มันก็ยากที่จะหาโอกาสที่จะอ่าน...'
หลังจากที่เคยใช้มันไปบ้าง ซังจินก็รู้สึกว่าเวลาที่ต้องอ่านข้อความทั้งหมดมันเป็นข้อเสียที่สำคัญ แม้ว่าการการอ่านมันจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเช่นนั้น
ในอดีต เขาเคยเห็นเจ้าของหนังสืออ่านมันในขณะที่นักล่าคนอื่นๆซื้อเวลาให้ แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับซังจิน เพราะเขาอยู่ตัวคนเดียว
'ฉันควรจะไปถามในร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ...ถึงวิธีที่ฉันจะสามารถลดเวลาอ่านมันได้'
ซังจินได้ปิดมันในทันที
'ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะสามารถอ่านมันได้ในระหว่างต่อสู้...'
แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรอย่างอื่นกับมันได้อีก
จากนั้นเขาจึงตึดจินใจที่จะใช้เวทมนตร์เปิดก่อน
"จงเผาไหม้ทุกสิ่งในเส้นทาง"
แต่
[คำเตือน การโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตร]
[จะได้รับบทลบโทษจากการจู่โจม]
โอเปอเรเตอร์ได้ประกาศคำเตือนออกมา ซังจินจึงหยุดคำร่ายไว้กลางทาง
'นี้มันอะไรกัน'
จากนั้นดาร์คเอลฟ์ก็ได้ถามออกมา
"นายกำลังทำอะไรกัน? นายต้องการจะท้าทายฉันหรอ?"
ดูเหมือนว่าจะต้องรอให้การ 'ท้าทาย' ของเขาเริ่มขึ้นเขาถึงจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตร
'น่ารำคาญจริงๆ'
ซังจินได้บ่นออกมาในใจในขณะที่ตอบกลับ
"ใช่แล้ว ฉันต้องการท้าทาย"
"...คนเดียว?"
ซังจินหยักหน้ารับ
"ใช่แล้ว"
"เข้าใจแล้ว มาสู้กัน"
ดาร์คเอลฟ์ได้ดึงดาบคู่ของเขาออกมาจากด้านข้าง เมื่อเขาได้ดึงดาบออกมาโอเปอเรเตอร์ก็ประกาศขึ้นในทันที
[คำเตือน บอสลับ]
[ดาร์คเอลฟ์ที่ถูกเนรเทศคาเรี่ยนปรากฏตัว]
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ซังจินจึงเริ่มเปิดพงศาวดารสามก๊กอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในคราวนี้มีตัวอักษรโผล่มาอยู่
"ซังจินพยายามที่จะเข้าไปข้างในปราสาท แต่ว่าม้าก็ไม่ยอมก้าวออกไป เพื่อที่จะค้นหาอาการที่แปลกประหลาดของม้า..."
แต่แล้วเขาก็ไม่มีเวลาอ่านมันอีกต่อไป เมื่อดาร์คเอลฟ์ได้พุ่งเข้ามาหาเขา
ซังจินจึงรีบปัดหนังสือไปด้านข้างและเอาดาบออกมาปะทะกับดาบดาร์คเอลฟ์
"เคร๊ง"
เสียงการปะทะกันของเหล็กได้ดังออกมา ทั้งสองคนกำลังพยายามที่จะเข้าปะทะกันด้วยดาบทั้งสี่เล่ม แต่ว่าก็ไม่มีใครที่มีพลังเหลือกว่ากัน เบสโกโร่จึงกล่าวออกมา
'ผู้ชายคนนี้....เขาแข็งแกร่งจริงๆ'
และทันทีที่ซังจินกล่าวจบ นักสองคนก็ได้พลักกันและกันให้แยกออกจากกัน จากนั้นก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง
ซังจินได้ใช้มือหนึ่งโจมตีจากข้างบนลงล่าง ในขณะที่ใช้อีกมือฟันแทยงขึ้นจากล่างขึ้นบน มันเป็นการโจมตีที่ดูจะไร้รูปแบบที่ไม่สามารถจะทำได้หากไร้ซ่ง 'แกมแรมธ์' ซึ่งมันเป็นการใช้ดาบคู่ที่สมบูรณ์แบบ
แต่ว่าคาเรี่ยนต้องตอบสนองป้องกันได้ราวกับว่าเขาก็ได้ส่วมใส่แกรมแรมธ์อยู่ จากนั้นก็ปะทะกันก็เริ่มที่จะรุนแรงอันตรายมากยิ่งขึ้น
ฟัน ป้องกัน สวนกลับ ปัดป้อง มันได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีและการโจมตีที่มากกว่าสิบครั้งได้เกิดขึ้นมา ซังจินจินได้ผลักศัตรูออกไปอย่างสุดแรง จากนั้นเบสโกโร่ก็แสดงความคิดเห็นขึ้น
'พวกนายนี้มันสุดๆไปเลย'
นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมห้าคนในตอนนั้นถึงได้แพ้เขา มันเป็นเพราะว่าเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ซังจินไม่อยากจะยอมรับมัน แต่ว่ามันก็ยากทีจะเอาชนะเขาด้วยวิถีดาบเพียงอย่างเดียว ซังจินจึงเก็บดาบมูนสเปคกลับเขาไปในฝักและพูดออกมา
"การล้างบาปของโลหิต"
ใบมีดเล็กๆได้โผล่ออกมาที่ดาบจับและดูดเลือดของซังจิยไป
"เมื่อได้ดูดเลือดของซังจินใบมีดก็เริ่มที่จะส่องแสงสีเลือดออกมา เมื่อคาเรี่ยนเห็นเช่นนั้นเขาก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น