GE347 ชีวิตธรรมดาสามัญ [ฟรี]
หนิงฝานกล่าวตอบหยางกู่ว่า แม้จะให้เป็นศิษย์ แต่ไม่อาจให้ติดตามข้างกาย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็จะให้คำชี้แนะในฐานะที่ตนเป็นอาจารย์
แม้คำกล่าวของหนิงฝานจะดูคลุมเครือไปบ้าง แต่ก็ทำให้ชายชราตื่นเต้น และเร่งกล่าวลากลับไปยังเกาะโอสถทันที เพราะชายชราจะแนะนำหนิงฝานให้เป็นนักปรุงโอสถคนสำคัญของเกาะ
อีกเรื่องที่ชายชราต้องทำคือ ป่าวประกาศเพื่อหาคนมาช่วยหนิงฝานกำจัดสมาพันธ์สังหารหมิง
เรื่องจำนวนผู้ช่วยไม่เป็นปัญหา เพราะชายชรารู้จักคนกว้างขวาง มีสหายมากมายโดยเฉพาะกับเหล่านักปรุงโอสถด้วยกัน
เมื่อจัดการเรื่องหยางกู่แล้ว ก็ถึงคราวที่หนิงฝานต้องเริ่มรักษาอาการป่วยของสู่ฉุ่ยหลิง
ขั้นตอนแรกคือเขาต้องนำเศษกระบี่โบราณในร่างนางออกมาก่อน จากนั้นจึงเริ่มรักษาอาการที่ทำให้ร่างกายขาดธาตุโลหะ
ราตรีมาเยือน หนิงฝานปิดห้อง เค้นสมองคิดค้นวิธีรักษานางนับสิบ ก่อนที่จะเลือกออกมาเพียง 3 วิธี
เมื่อตัดสินใจแล้ว หนิงฝานก็มุ่งตรงไปยังห้องของสู่ฉุ่ยหลิง ยามนี้ไม่มีแขกเหรื่อรบกวนแล้ว เพียงแต่นางเองก็ไม่อยู่ห้องเช่นกัน
เมื่อแผนสัมผัสเทพสำรวจกว่าครึ่งเกาะก็ยังไม่พบนาง หนิงฝานมุ่งไปยังสวนบุบผา ที่นั่นมีสตรีอายุ 14 ปี นางมอบผีเสื้อกระดาษให้หนิงฝานตัวหนึ่ง
“ท่านซัวหมิง นายหญิงน้อยกล่าวว่าให้มอบสิ่งนี้วให้ท่าน… นางต้องการให้ท่านตามหานาง” สาวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับหวาดกลัว
“เจ้าคือเหลียนน้อยใช่มั้ย?”
“ขะ...ข้าเอง” นางไม่กล้าเงยหน้า
“เจ้าพับผีเสื้อกระดาษขึ้นมาเองเหรอ?”
“ขะ...ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้า” นางเร่งคุกเข่า ทาสรับใช้อย่างนางไม่อนุญาติให้สื่อสารด้วยผีเสื้อกระดาษ
“อืม… วางใจเถอะ ข้าไม่บอกใครหรอก ผีเสื้อกระดาษของเจ้างดงามมาก”
หนิงฝานลูบศีรษะนางเบาๆแล้วหันมองไปยังทิศทางหนึ่ง ก่อนที่เงาร่างจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อหนิงฝานจากไป นางเงยหน้าขึ้น แต่แววตายังเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อสตรีคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลสังเกตุเห็นว่าหนิงฝานจากไปแล้ว พวกนางก็เร่งมาประครองเหลียนน้อยให้ลุก
“เหลียนน้อย เจ้ากล้าหาญจริงๆ นายท่านซัวหมิงขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม สังหารผู้คนมามากมาย แต่เจ้ายังใจกล้าพูดกับเขาได้”
“ข้าก็ได้ยินว่าท่านซัวหมิงมากราคะ โชคดีนะที่เจ้าไม่ตกเป็นของเขา”
“ที่เขาลูบศีรษะเจ้าเมื่อครู่ เขาประทับตราวิญญาณใส่เจ้าหรือเปล่า?”
สตรีคนอื่นๆเป็นกังวล แต่เหลียนน้อยส่ายหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อ “ข้าว่า… นายท่านซัวหมิงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เขาชมข้าด้วยว่าผีกระดาษของข้าสวย”
“นี่… อย่าบอกนะว่าเจ้าหลงเสน่ห์เขาไปแล้ว!”
“ข้าว่านางไม่ได้หลงเสน่ห์หรอก แต่หลงจนหัวปักหัวปำเลยมากกว่า”
“ฮ่าฮ่า…”
พวกนางหัวเราะกันอย่างสนุกสนานจนลืมไปว่าหนิงฝานนั้นน่ากลัว
หนิงฝานที่ยืนอยู่บนท้องนภาถอนหายใจ เขาได้ยินที่ทาสเหล่านั้นพูดคุย แม้พวกนางจะเป็นทาส แต่ก็นับเป็นทาสชั้นเลิศ พวกนางบ้างอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ บางอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่ถึงอย่างนั้น พวกนางก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป
หนิงฝานอิจฉาพวกนาง เขาอยากมีชีวิตเช่นนั้น แต่เขาไม่อาจเลือกได้
เมื่อแผ่สัมผัสเทพเข้าไปในผีเสื้อกระดาษ เสียงของสู่ฉุ่ยหลิงก็ดังขึ้น
“น้ำตกคือสายน้ำไหลไม่หวนกลับ… ช่างน่าเสียดาย”
นางกล่าวเป็นปริศนา นางช่างเป็นสตรีเฉลียวฉลาด นางอยากจะเล่นซ่อนหากับหนิงฝาน
หนิงฝานส่ายหน้า คาดไม่ถึงว่านางจะขี้เล่นขนาดนี้ หนิงฝานหลับตา แผ่สัมผัสเทพเข้าสู่ผีเสื้อกระดาษอีกครั้ง เพื่อสัมผัสกับกลิ่นอายเอาแผ่วเบาที่เหลืออยู่ของนาง
กลิ่นอายของฉุ่ยหลิงราวกับกลิ่นหอมของบุบผาที่หอมเข้าไปถึงดวงจิต
บางทีเมื่อชาติที่แล้วนางอาจจะเคยเกิดเป็นบุบผามาก่อน
ภายในทะเลที่ปกคลุมด้วยหิมะโปรย เรือลำน้อยลอยลำ ผู้ที่นั่งอยู่เป็นนั้นคือสตรีที่งดงาม
ยามนี้นางรู้สึกเบื่อหน่าย จึงนั่งเรือลำน้อยที่สู่ลูฉานให้มา เที่ยวเล่นในทะเลโดยรอบเกาะ เรือลำนี้เป็นสมบัติพิเศษ มันซ่อนตัวอยู่ในมิติที่เป็นเอกเทศน์ หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ย่อมไม่มีผู้ใดหาเรือลำนี้พบ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่นางเชื่อว่าหนิงฝานจะหานางพบ นางตกหลุมรักหนิงฝานตั้งแต่แรกพบ เมื่อสามปีที่แล้วนางหมดสติเพราะอาการป่วยของเนางกำเริบ แต่ยามนั้นเอง นางก็ฝันแปลกๆ
ในความฝัน นางคือบุบผาสีม่วงที่งดงาม พลิ้วไหวลู่ลม
โลกในความฝันนี้เป็นของนางเพียงผู้เดียว ไม่มีใครเข้ามาในนี้ได้ แต่อยู่มาวันหนึ่ง กลับมีผีเสื้อขาวตัวหนึ่งบินมา สีขาวกระจ่างราวหิมะ ผิวพรรณละเอียดอ่อนงดงาม เพียงแต่ปีกของมันได้รับความเสียหายจากสายลมและพิรุณ
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ผีเสื้อตัวนั้นยังขยับปีกโบยบินไม่ย่อท้อ
เมื่อผีเสื้อตัวนั้นบินมาถึงบุบผา มันก็ร่อนตัวลงเกาะ ลมหายใจของฝีเสื้อตัวนั้นแผ่วเบา อ่อนแรง สติเลือนลาง แต่มันยังขบฟันขยับปีก ราวกับจะโบยบินไปให้ถึงสวรรค์
บุบผาดอกนั้นเข้าใจว่าเหตุใดผีเสื้อน้อยจึงบาดเจ็บเช่นนั้น เหตุเพราะมันพยายามโบยบินไปให้ถึงสวรรค์จริงๆ
“เจ้าผีเสื้อน้อย… เจ้าคงอยากโบยบินไปให้ถึงสวรรค์ แต่เหตุใดเจ้าต้องพยายามมากขนาดนั้น...”
สิ่งที่บุบผากล่าวคือภาษาบุบผา ผีเสื้อน้อยตัวนั้นไม่มีวันเข้าใจ ไม่นานหลังจากผีเสื้อตัวนั้นพัก มันพยายามขยับปีกบิน แต่เมื่อร่างของมันลอยขึ้นไปได้เล็กน้อย มันก็ร่วงหล่นลงทุกครั้ง
บุบผาที่เฝ้ามองรู้สึกปวดใจ จนสุดท้าย บุบผาดอกนั้นได้ยื่นส่งเกสรให้กับผีเสื้อน้อยพลางกล่าว “เจ้าผีเสื้อน้อย ดื่มน้ำหวานจากเกสรก่อนเถอะ พลังของเจ้าจะได้กลับคืนมา”
“เจ้าผีเสื้อน้อย เจ้าเด็ดกลีบดอกของข้าไปเถอะ มันใช้แทนปีกของเจ้าได้”
“เจ้าผีเสื้อน้อย ร่างกายของเจ้าบอบบาง ไม่อาจต้านทานแรงลมได้ ข้าจะมอบปราณธาตุโลหะของข้าให้ ปีกของเจ้าจะได้แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ป้องหันสายลมที่พิรุณโหมกระหน่ำ”
“เจ้าผีเสื้อน้อย เหตุใดเจ้าไม่ชายตามองข้าบ้าง...”
บุบผาที่สงสารผีเสื้อ ได้สละกลีบดอกของตน เปลี่ยนเป็นปีกชิ้นให้ สละปราณธาตุโลหะในร่าง เสริมความแข็งแกร่งให้อย่างลับๆ
หลังจากดูดซับปราณของบุบผามา ครึ่งร่างของผีเสื้อก็กลายเป็นสีดำ...
เหตุที่นางขาดปราณธาตุโลหะ ไม่ใช่เพราะบิดาของนางดูดซับไป แต่เพราะเมื่อชาติที่แล้ว นางได้มอบปราณธาตุโลหะของนางให้กับผีเสื้อน้อยตัวนั้น ทำให้มันโบยบินไปถึงสวรรค์… บุบผาดอกนั้นได้ช่วยชีวิตของผีเสื้อน้อยตัวนั้นไว้
แต่แล้ววันหนึ่ง ผีเสื้อตนนั้นได้ร่วงหล่นลงจากสวรรค์ ร่างไร้วิญญาณของมันร่วงหล่นลงบุบผาดอกนั้นอีกครั้ง
หัวใจของบุบผาแตกเป็นเสี่ยงๆ โศกเศร้า ตรอมใจ เหี่ยวเฉา จะทั่งมันลาจากโลก ติดตามผีเสื้อน้อยตัวนั้นไป
“เป็นความฝันที่เศร้านัก...” สู่ฉุ่ยหลิงถอนหายใจ
“บุบผาน้อย… เจ้าไปอยู่ที่ใด” นางพึมพัม จ้องมองผีเสื้อกระดาษตัวที่บินวนรอบกายนาง
นางคิดว่าตนคือบุบผา… และผีเสื้อกระดาษคือผีเสื้อน้อยตัวนั้น
บางที เมื่อชาติก่อนนางอาจเกิดเป็นบุบผาจริงๆ
นางบังคับเรือน้อยด้วยความเร็วสูง ทะยานจากท้องสมุทรขึ้นสู่ท้องนภา แต่ไม่มีผู้ใดสัมผัสถึงตัวตนของนางได้
แม้นางจะล่องไปบนนภาอย่างไร้ทิศทาง แต่นางเชื่อว่าหนิงฝานจะหานางพบ
*ตึง!*
เรือล่องนภาฝ่าหิมะโปรยปราย ผู้เยาว์คนหนึ่งไล่ตามกลิ่นหอมของบุบผา และร่อนลงบนเรือลำนั้น
ผู้เยาว์คนนั้นสวมอาภรณ์ขาวก็จริง แต่ภายนอกห่มคลุมด้วยชุดคลุมสีดำ
หนึ่งขาวหนึ่งดำราวกับหยินหยาง
“เจ้าไม่ใช่เด็กที่จะออกมาเที่ยวเล่นแล้วนะ!” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขารู้ว่าทะเลไร้สิ้นสุดอันตราย แม้บริเวณนี้จะอยู่ในอาณาเขตของเกาะปีศาจสำราญ แต่ก็นับว่าอันตรายอยู่ดี
[ติดตาม จักรพรรดิปีศาจหนิง ได้ก่อนใครที่ https://laosoofung.com/ ตอนนี้ถึงตอนที่ 352 แล้วนะ]
ในอดีต เป่ยเหยาก็เคยถูกลอบโจมตีที่นางไม่ทันตั้งตัว แม้ที่นี่จะเป็นทะเลส่วนนอก ไม่ค่อยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากทะเลส่วนในมามากนัก แต่ก็ยังเป็นอันตรายอยู่ดี
แม้หนิงฝานจะบ่นกล่าวนาง แต่นางไม่โกรธ นางรู้ว่าที่หนิงฝานตำหนิก็เพราะเป็นห่วงนาง
“ข้าขอโทษที่ข้าเอาแต่ใจ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะหาข้าพบ!”
นางลูบสัมผัสเรือนผมดำขลับ แหงนหน้ามองหนิงฝานด้วยรอยยิ้ม
“ข้าต้องมาหาเจ้าอยู่แล้ว!” หนิงฝานยิ้ม ดูเหมือนนางจะชอบสร้างปัญหาเหมือนกับชู่ซวนเชียนสื่อ
“ท่านยังจำบทกลอนได้หรือเปล่า?” นางเปลี่ยนหัวข้อ พลางเร่งความเร็วของเรือขึ้นอีก
“กลอนบทไหน? ยามที่ข้าพบเจ้า เจ้าอ่านบทกลอนมากมายให้ข้าฟัง”
“ช่างน่าเสียดายที่ท่านจดจำแค่เพียงยามที่พบข้าครั้งแรก… ช่างน่าเศร้า… แม้ข้าจะนับถือและอยากรั้งไว้ แต่กลับยืนกรานที่จะไปต่อ จนสุดท้าย...”
นางหวนนึกถึงความฝัน นึกถึงผีเสื้อตัวนั้น ตัวที่โบยบินไปจากบุบผาดอก และร่วงหล่นลงมาจนทำให้บุบผาดอกนั้นตรอมใจตาย
บุบผาดอกนั้นไม่เคยกล่าวถามผู้ใดว่าผีเสื้อน้อยตัวนั้น บินไปถึงสวรรค์หรือไม่ บุบผาดอกนั้นเพียงเชื่อ...ว่าผีเสื้อน้อยจะไปถึง
“ในอดีตข้าไม่เคยกล่าวถาม ว่าผีเสื้อน้อยตัวนั้นโบยบินไปถึงฝั่งฝันหรือไม่...” นางยิ้ม
“ข้าจะพาท่านไปสถานที่แห่งหนึ่ง… สถานที่แห่งนั้นเป็นที่แรกที่ข้าได้ไป อาจารย์ของข้าเป็นผู้พาข้าไป ท่านบอกว่า ที่นั่นข้าจะได้เห็นชีวิตของมนุษย์… เมื่อยามนั้น ข้ารู้ว่าข้าคือคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก”
“ร่างกายของข้าอ่อนแอ ไม่สามารถทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ และอีก 10 ปีข้างหน้าก็จะถึงวันที่ข้าหมดอายุขัย… มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก แม้จะทำสงครามเข่นฆ่า แต่สุดท้ายก็ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด”
“ยามนั้น ข้าเข้าใจว่ามนุษย์ไม่อาจเลือกโชคชะตาของตนได้ แต่สามารถเลือกในสิ่งที่อยากจะทำได้ ไม่ว่าจะมีโชคชะตาแบบนั้น หากยิ้มรับและใช้ชีวิต ย่อมมีชีวิตที่ดีและมีความสุขเฉกเช่นคนทั่วไป”
นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาที่ซื่อตรง “หากท่านกล้า… ข้าเองก็กล้าเช่นกัน!”
“อืม...” หนิงฝานรู้สึกสงสารมาก มากจนตัวเขากล่าวไม่ออก
หนิงฝานตำหนิตนเองที่ปล่อยให้นางออกมาเพียงลำพัง หากคนที่นางพบไม่ใช่เขา นางอาจถูกสังหารตายเพียงลำพัง
“เจ้าอยากไปที่ไหนข้าจะพาเจ้าไป… แต่พอไปแล้ว...เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะกลับไปให้ข้ารักษาดีๆ”
“ไม่เอา… ข้าอยากจะไปที่นั่น ข้าชอบ”
“แต่ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งเป็นอันตรายกับเจ้า…”
“มีท่านซัวหมิงผู้แข็งแกร่งข้างกาย ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินข้าแน่” นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาซุกซน
“ข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เจ้าคิด แต่หากเจ้าเชื่อแบบนั้น ข้ารับปากว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจ้า”
หนิงฝานส่ายหน้า ยามนี้ เขารู้สึกแค่เพียงว่า จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง และจะทำทุกอย่างเพื่อรักษานางให้หาย ความรู้สึกเหล่านั้นราวกับเมื่อชาติที่แล้ว เขาเคยทำให้นางต้องเจ็บปวด
นางมีความสุขมาก นางเป็นเหมือนบุบผาเดียวดาย แม้จะงดงามแต่ก็คงอยู่อย่างเดียวดายมาตลอด นางอยากมีคนคอยเคียงข้าง
แต่ความสุขนั้นอยู่เพียงชั่วครู่ เพราะสีหน้านางแปรเปลี่ยนตกใจ
หนิงฝานโอบเอวนางแนบกาย ก้าวย่างเหยียบนภา ทะยานออกจากเรือ แล้วเก็บเรือลำนั้นเข้ากระเป๋านาง
“ทะ… ท่านทำอะไร!”
เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษกอดแนบชิด นางจึงตกใจ
“เรือของเจ้าช้าเกินไป!” หนิงฝานกล่าว ปีกคู่ใหญ่ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลัง กระพืดพัดส่งร่างของทั้งสองมุ่งไปเบื้องหน้า 9 หมื่นลี้ในพริบตา
“ในโลกนี้มีความเร็วระดับนี้อยู่ด้วยเหรอ!” นางตกตะลึง
ตงสู่มอบเรือลำนี้ให้นาง มันคือสมบัติที่อยู่อาศัยชนิดหนึ่ง เป็นเหมือนแหล่งหลบภัย เพียงแต่มันไม่ได้เร็วมากนัก แค่เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม
นางยังไม่เคยท่องเที่ยวไปที่ใด เต็มที่ก็อยู่แค่รอบๆเกาะปีศาจสำราญ ดังนั้น นางก็ไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกขังอยู่ภายในเกาะ
และนี่เป็นครั้งแรกที่บุรุษโอบกอดนาง พานางทะยานท่องนภา
ความเร็วระดับนี้สามารถท่องไปทั่วทะเลไร้สิ้นสุดได้ไม่ยาก ซึ่งหากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ย่อมไม่อาจตามความเร็วระดับนี้ได้ทัน
นางเอนกายแนบอกหนิงฝาน สองมือโอบกอดรอบคอ จ้องมองใบหน้าหนิงฝานอย่างหลงไหล
ในสายตาของนางยามนี้ หนิงฝานคือผีเสื้อน้อยตัวนั้น ตัวที่นางเห็นในความฝัน
“เจ้าอยากไปที่ไหน? ในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้มีที่ไหนที่จะได้เห็นมนุษย์ทั่วไปบ้าง?”
“มีเมืองที่อยู่บนเกาะเล็กๆทางตอนเหนือ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้เข้าไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ… เมื่อนานมาแล้วมีผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ได้ครอบครองเกาะแห่งนั้น แต่ได้ขอให้ทุกคนช่วยปิดปากเรื่องการคงอยู่ขอเกาะแห่งนี้ จึงทำให้มันตัดขาดจากโลกของผู้เชี่ยวชาญโดยสิ้นเชิง ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าไปที่เกาะนั้น จะถูกสะกดปราณด้วยข่ายอาคมจากธรรมชาติ ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง” นางกล่าวพลางถอนหายใจ
“แต่เมื่อนานวันไป ผู้ที่คอยคุ้มกันเกาะล้มหาย ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็เริ่มรู้ถึงการมีตัวตนของเกาะมากขึ้น ยิ่งเมื่อได้รู้ความลับของเกาะ รู้ว่าทุกคนใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ จึงอยากเข้ายึดครองเกาะแห่งนั้น”
ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย คาดไม่ถึงว่าจะยังมีสถานที่เช่นนั้นอยู่
บางทีสถานที่แห่งนั้นคงมีผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากที่เบื่อการฆ่าล้างสังหาร และอยากใช้ชีวิตที่เหลือเยี่ยงคนธรมดาสามัญ
ยิ่งขบคิด หนิงฝานยิ่งรู้สึกราวกับเข้าใจบางสิ่ง เขาก้มมองฉุ่ยหลิงที่อยู่ในอ้อมกอด
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณอะไรเหรอ?” นางสงสัย
“ขอบคุณที่เจ้าทำให้ข้ายังเป็นมนุษย์...”
หนิงฝานถอนหายใจ ในช่วง 20 ปีที่จากนางไป เขาผ่านการเข่นฆ่าสังหารมามากมายนับถ้วน จิตใจห่อเหี่ยวเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด จนทำให้เขากลัวว่าตนเองจะกลายเป็นปีศาจร้ายไป การที่นางจะพาเขาไปยังเกาะแห่งนั้น เพื่อชมวิถีชีวิตของมนุษย์ทั่วไป เป็นการทำให้เขาสงบใจได้
ฉุ่ยหลิงไม่กล่าว นางนิ่งเงียบ หนิงฝานยังคงจ้องมองนางไม่วางตา แต่ยิ่งมอง เขายิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับนางราวกับเคยพบที่ใดมาก่อน… แต่ที่ใดที่เขาเคยพบนาง...
หนิงฝานไปตามทิศทางที่นางบอก กระทั่งไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง บริเวณนี้มีคลื่นทะเลสงบ เมื่อร่อนลงใกล้ผิวน้ำ เขาสัมผัสได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไร้ซึ่งปราณวิญญาณ ผู้คนที่อยู่ในนี้จะไม่สามารถฝึกวิชาได้
นั่นหมายความว่า สถานที่แห่งนี้ได้ถูกจำลองให้คล้ายกับโลกมนุษย์ เมื่อเข้าไปใกล้ๆเกาะแห่งนั้น หนิงฝานเห็นเรือหาปลาอยู่หลายลำ บนเรือแต่ละลำมีคนหาปลาอยู่ แม้คนเหล่านั้นจะดูคล้ายกับมนุษย์ทั่วไป แต่กลิ่นอายของคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นหนิงฝานและฉุ่ยหลิง คนเหล่านั้นจ้องมองทั้งสองด้วยแววตามุ่งร้าย
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญในทะเลไร้สิ้น ที่อยากสงบใจ ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์มาพัก ไม่อนุญาติให้ใช้พลัง พวกเจ้าต้องปฏิบัติตัวเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป ไม่อย่างนั้น ผู้คุ้มเกาะของเราจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป” คนเหล่านั้นกล่าวเตือน
“หากใครกล้าขวาง ข้าจะฆ่ามันให้หมด!”
“ใจเย็นก่อน… แค่เรานั่งเรือเข้าไป เราก็เข้าเกาะได้แล้ว” ฉุ่ยหลิงกล่าว
หนิงฝานคงชินกับการสังหาร นางแค่อยากพาหนิงฝานมาที่นี่ ให้เขาได้เห็นชีวิต ได้เห็นการดำเนินไปของมนุษย์ เขาไม่ควรเข่นฆ่าสังหารที่นี่
นางชี้นิ้วไปยังเรือลำหนึ่ง หนิงฝานโอบประครองนางลงไปยังเรือลำนั้น
ผู้ที่อยู่บนเรือคือผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่การมาของหนิงฝาน ทำให้ชายผู้นั้นรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรง แต่เมื่อเห็นฉุ่ยหลิง ชายคนนั้นก็จำได้
“เจ้า...”
“ลุงหวาง ข้าเอง ฉุ่ยหลิง!”
นางผละออกจากอ้อมกอดหนิงฝาน ยิ้มให้ชายผู้นั้นอย่างงดงามจนชายผู้นั้นทำตัวไม่ถูก
“ฉุ่ยหลิง… ที่แท้เป็นเจ้า เจ้าเติบโตขึ้นมากเลยนะ ป่านนี้เจ้าคงกลายเป็นนายหญิงน้อยแล้ว”
“แน่นอน เพราะครั้งล่าสุดที่ข้ามาที่นี่ ก็เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว!”
“โอ้!! นี่ผ่านไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าฮ่า ข้าใช้ชีวิตอย่างสงบที่นี่จนไม่รู้คืนวันแล้ว”
ชายคนนั้นวางอุปกรณ์หาปลาลง จ้องมองสำรวจหนิงฝานราวกับมองหลานชายคนหนึ่งด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
“อืม… ฉุ่ยหลิงเจ้าช่างตาถึง คนผู้นี้คือผู้มีพรสวรรค์สูงส่ง… ว่าแต่ อีกไม่นานก็ถึง 7 ค่ำเดือน 7 แล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทุกคู่รักจะจัดงานแต่งงานกัน”
“งานแต่งงาน?” นางตกใจ แต่นางหันหน้าไปมองหนิงฝานแล้วกล่าวถาม “เจ้าอยากชมงานด้วยหรือเปล่า?”
“อืม...” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยามนี้เขากำลังสำรวจผู้คนโดยรอบ
หากมีใครคิดร้ายกับนาง เขาสามารถสังหารคนเหล่านี้ได้ในพริบตา แต่ที่นี่คงจะกลายเป็นทะเลโลหิต
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของหนิงฝาน ฉุ่ยหลิงรู้ว่าเขากังวล การจะทำให้เขาผ่อนคลายคงเป็นเรื่องยาก แต่ช่างเถอะ… ขอแค่ได้อยู่กับเขาก็พอแล้ว...