Chapter 69 - Dark Elven City (2)
Chapter 69 - Dark Elven City (2)
”
[ทำการจัดทีมนักล่า]
ซังจินถือดาบไว้ในขณะที่มองดูเหล่านักล่าที่ปรากฏออกมา 'กำแพงเหล็ก' 'ทหารรับจ้าง' 'จอมเวทเขียว' เเละ 'นักดาบระดับสูง'
มันเป็นฉายาที่ยอดเยี่ยม
เพราะว่ามีเพียงผู้ที่เเข็งเเกร่งเท่านั้นที่จะสามารถผ่านการจู่โจมมาได้ คนเเรกที่ซังจินมองคือ'กำแพงเหล็ก' ดูคราวๆเเล้วเค้าน่าจะเป็นคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เเต่ดูเเล้วเค้าเเข็งเเรง
เขาเป็นทหารรับจ้างที่มีผิวขาวมีดาบที่ยาวห้อยมาจากด้านหลัง เค้าตัวสูงเหมือนกำแพงเหล็ก เเละเขามาสายตัวที่คม
'กรีน เมจ' เป็นคนอินเดีย
เขาใช้คถาโลหะ เเละ มีกล้ามเนื้อค่อนข้างมาก ซังจิน ไม่เเน่ใจว่าเขางาเป็นผู้ชำนาญด้านเวทมนต์เพียงเท่านั้น แต่มันค่อนข้างเป็นไปได้ว่าเข้าใช้เทคนิคต่อสู้ได้ด้วย
เนื่องจากเพราะว่าก่อนที่เขาจะอัพสเตตัสไปที่เวทมนตร์เขาคงจะเคยใช้วิธีทางสู้อื่นมาก่อน
ดังนั้นนักเวทย์ส่วนใหญ่ต้องเริ่มต้นจากอาวุธเเละเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนไปถึงระดับเวทมันต์ที่เเท้จริง เเบบเดียวกับซังจิน และคนสุดท้ายคือ 'นักดาบระดับสูง' ซึ่งเป็นชาวเอเชียตะวันออก
แต่ละคนต่างก็ต่างคนต่างมองไปที่คนอื่นๆ พวกเขาได้ตรวจสอบเพื่อทำความเข้าใจว่าเเต่ละคนสามารถทำอะไรได้บ้าง ด้านความสามารถเฉพาะด้าน นอกจากนี้ยังดูว่าพอจะมีใครมีแนวโน้มที่จะกลายไปเป็นฆาตกรได้บ้าง
เมื่อความเงียบผ่านไปได้ 3 วินาที
"มาเริ่มแนะนำตัวกันก่อนเถอะ"
"มาเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวกันเถอะ"
'กำแพงเหล็ก'เเละ 'นักดาบระดับสูง'ต่างก็พูดออกมาพร้อมๆกันและในสิ่งที่พล้ายกัน พวกเขามองไปที่กันและกันและจากนั้นทหารรับจ้างก็พูดออกมาเป็นคนแรก
"ฉันชื่อ ออลเลอร์ลิโม่ โรมาเนลลี ชาวอิตาลี่"
ถัดไปคือจอมเวทเขียว
"ซันจีฟ วาลี ชาวอินเดีย"
ในขณะที่ทุกคนเเนะนำตัวเอง ซังจินก็ได้ตรวจสอบ 'น้ำศักดิ์สิทธิ์เเห่งการล้างบาป' ภายในเสื้อกั๊กของเขา น้ำขายใสได้อยู่ไายในขวดนั้น
'ฉันสามารถใช้ชฉายา....'
ซังจินไม่รู้ชืฉายาจะมีผลอะไร เเต่ไอเทมมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซังจินจึงเก็บไอเทมกลับไปในเสื้อกั๊ก
'ดี...ฉันควรดูให้ดีว่าควรจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับใคร'
เเต่เขาก็ควรจะระมัดระวังให้ดีว่าจะใช้สิ่งนั้นกับใคร เพื่อที่จะรวบรวมเหรียญขาวมันยากเป็นอย่างมาก ในกรณีที่จะมีคนแบบแม็กนั้นมันมีน้อยมาก
เพราะว่าถ้าเราเลือกไว้ชีวิตกับคนที่เห็นเเก่ตัว เค้าก็จะเลือกสิ่งที่เห็นเเก่ตัวเเบบเดิม
"ฉัน ลิเว่ย , ชาวจีน"
ซังจินได้สังเกตุเห็นบางอย่างในตัวของนักดาบระดับสูงในระหว่างที่เขาแนะนำตัว ด้ามดาบสีดำ ผักดาบสีแดง
'เขามีบลัดเวเจน'
นักดาบได้ใช้ดาบเล่มเดียวกันกับตัวของซังจิน มันไม่แปลกเลยเพราะว่าไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถจะซื้อมันได้หากว่ามีเงินเพียงพอ
'แต่ก็เพราะว่าทักษะของมันทีบทลงโทษ...จึงไม่ค่อยมีใครใช้มันได้ดีเท่าที่ควร'
'การล้างบาปของโลหิต' จะดูดพลังชิวิต 100 ต่อวินาที เเม้เเต่ซังจินที่มีพลังชีวิตสูงกว่าเเทงค์ ยังไม่กล้าที่จะคิดใช้มันนานนักนักดาบคนนั้นจำเป็นจะต้องมีความชำนาญเป็นอย่างมากในทักษะนั้น
เรื่องนี้ทำให้ซังจินคิด
'...ใช่แล้ว ในตอนนี้ทุกคนควรจะได้รับไอเทมระดับตำนานอย่างน้อยคนละหนึ่ง'
ซังจินครุ่นคิดความเป็นไปได้ที่ถ้าฆาตกรจะเป็นเจ้าของไอเทมในตำนาน ถ้าพวกเขามีไอเทมในตำนานที่มีทักษะสูงอย่าง'เเกมเเรมธ์' 'มูนสเปค','เบสโกโร่' ถ้าหากว่ามันเป็นแบบ 1 ต่อ 1 มันก็จะไม่เป็นอะไร แต่ว่าหากเป็น 2 ต่อ 1 หรือ 3 ต่อ 1 มันก็จะเป็นอันตรายอย่างแท้จริง
ซังจินได้นึก 'หินเอนชาน' ที่เขาพึ่งจะได้รับมาในก่อนหน้านี้
'มันถึงเวลาเเล้วที่จะก้าวต่อไป ....คำภีย์เวทย์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง เเต่ว่า...'
ซังจินถูกขัดจังหวะความคิดของเขา เมื่อเค้ารู้สึกว่าทุกคนหันมาจ้องมองที่เขา ซังจินจึงหันไปมองคนอื่นๆและกล่าวออกมา
"ดีเลย...เป็นอะไรที่ยุติธรรมดี แต่ว่าการเเนะนำตัวไม่ได้หมายความว่า..."
ในตอนนี้มีใครบางที่เคยใช้งานกับระบบนี้แล้ว มันจึงถึงเวลาที่ซังจินจะบอกความตั้งใจของเขาเเล้ว
"ฉันจะออกไปล่าบอสเพียงคนเดียวและจากไป พวกนายช่วยร่วมมือกันและเพิ่มค่าผลงานจากพวกมอนสเตอร์ปกติไปนะ"
เเต่ละคนต่างก็หันหน้ามาด้วยคำพูดของเขา
'ฉันจะล่าบอสเพียงลำพัง'
'และจากไป'
มันยากที่จะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แม้ว่าพวกเขาจะสับสน ซังจินก็กล่าวออกมาต่อ
"ในตอนนี้ฉันสังเกตเห็นคนที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ก่อนที่ฉันจะออกไปจากบทนี้ ฉันก็อยากจะพูดคุยกับเขาตัวต่อตัว...หรือไม่ก็อะไรทำนองนั้น"
จอมเวทเขียวเป็นคนเเรกที่ตอบสนองต่อเขา
"เรื่องนีมันอะไรกัน? นายหมายถึงอะไรที่จะไปคนเดียว? นายจะไม่ร่วมมือกันหรอ? "
ซังจินเบ้ริมฝีปากก่อนที่จะตอบ
"ใช่แล้ว"
นักดาบระดับสูงได้ตอบสนองซังจินด้วยการชักดาบออกมาและชี้ไปทางซังจิน
"นายเป็นใคร? ฆาตกร?"
มันเป็นการตอบสนองที่ดี เขาคงจะพึ่งได้เผชิญหน้ากับฆาตกรมาอย่างยากลำบากในก่อนหน้านี้แน่นอน จากนั้นซังจินก็ตอบกลับไป
"ไม่ใช่ฆาตกร....ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่เเตกต่างกัน ฉันไม่คิดที่จะทำอะไรกับพวกนายเลย เพราะสิ่งที่ฉันจะทำคือออกไปคนเดียว"
นักดาบระดับสูงได้หน้าแดงขึ้นมาในขณะที่เขาตะโกน
"นี้มันไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีเลย แกมันเป็นพวก 'ฆาตกร' ไอเวรเอ้ย!"
ทหารรับจ้างก็ได้หยุดการสังเกตุดูและเข้ามามีส่วนร่วม
"ใช่แล้วก การกระทำของนายมันแสดงออกได้ในทางเดียวคือฆาตกร เพราะดการจู่โจมมันจะต้องร่วมมือกันทั้งห้าคน เเต่ที่คุณพูดออกมาการที่จะออกไปคนเดียว ถ้ามันไม่ใช่คำพูดหรือการกระทำของฆาตกรแล้วมันจะคืออะไร ?"
จากที่พวกเขาพูดมาเหมือนพวกเขาจะไม่รู้จัก"ระบบของฆาตกร"เป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่รู้รายละเอียดเกียวกับฆาตกรมากนัก ซังจินได้ถอนหายใจกับคำพูดของพวกเขา
"ดี...ฉันคิดว่าพวกคุณยังไม่เข้าใจ เเต่คุณก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าวิธีของฉันมันจะปลอดภัยเเละดีต่อพวกคุณทุกคน"
สุดท้ายแล้วโอเปอร์เรเตอร์ได้ประกาศออกมาว่า
[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 1 นาที]
ซังจินเดินตรงไปยังจุดเริ่มต้นของการจู่โจม ซึ่งเป็นทางเเยกหลักที่นำทางไปยังเมืองดาร์คเอลฟ์
"เฮ้! หยุด! "
นักดาบได้พูดออกมาเเต่ซังจินก็ไม่สนใจเเละเดินต่อไป
"นายมันไอชั่ว!"
นักดาบไปสามารถจะยืนอยู่เฉยได้อีกและเขาก็พุ่งเข้าไปหาซังจินพร้อมกับชักดาบออกมา ซังจินมองไปที่เขา เขานั้นรวดเร็ว แต่ว่ามันก็เพียงแค่อยู่ในระดับของนักล่า 'ปกติ' เท่านั้น
ซังจินรู้สึกขำกับวิธีการต่อสู้นี้ของนักดาบ อย่างแรกเลยเขาจึงเริ่มด้วยการผลักออกไป
"เคร๊ง"
นักดาบได้ใช้การต่อสู้แบบสวนกลับการโจมตีไป ถ้าหากว่าเป็นนักล่าคนอื่นๆพวกเขาก็จะไม่สามารถป้องกันเท็คนิคนี้ได้ แต่ว่า
'ปัง!'
ซังจินได้ป้องกันการโจมตีเคาน์เตอร์ได้อย่างง่ายดาย
'ตูม!'
มันเป็นการปะทะที่รุนแรงสามครั้ง แล้วจากนั้นดาบบลัดเวเจนของนักดาบก็ได้หลุดออกไปจากมือและไปปักลงบนพื้นข้างหนักของเขา ตัวของนักดาบได้สั่นสะท้านในทันที
"ได้ยังไงกัน....."
ซังจินจ้องที่เขา
"ฉันบอกคุณเเล้ว ฉันเป็นคนพิเศษ"
"โง่อะไรขนาดนี้..."
นักดาบได้พูดอย่างตะกุกตะกักหนังจากที่เขาสูญเสียความมั่นใจไปหลังจากที่ปะทะกันไปสามครั้ง เขายังคงเชื่อว่าซังจินนั้นเป็นฆาตกรที่ไม่ต้องการจะช่วยเหลือใคร
เห็นได้เลยว่าซังจินรู้สึกขบขันกับเขา
'.....ตอนนี้ฉันคิดว่ามัน...ควรจะให้เขาตีฉันซักครั้งเเละให้เขาเข้าไปในสถานะการเป็นฆาตกร?'
มันมีโอกาสที่บลัดเวเจนเล่มนั้นจะกลายมาเป็นของเขา แต่แล้วซังจินก็ได้ลบความคิดนั้นออกไป
'ให้ความสำคัญสถานะฆาตกร' มันเป็นอันตรายต่อสังคมนักล่ามาก 'ฆาตกร' ถ้าหากมันได้เข้ามามีส่วนร่วมในผจญภัย มันจะทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมเหรียญขาวได้ มัขทำให้ทีมไม่สามารถเชื่อใจกันได้
และจากประสบการณ์ คนอื่นๆผู้ที่ให้ความสำคัญกับผู้ที่ติดสถานะฆาตกร ดังนั้นหากว่าเกิดการโจมตีเพื่อนร่วมทีมมันก็จะเกิดสถานะฆาตกรขึ้นโดยอัตโนมัตจากระบบ
'ใช่.....ถึงเเม้ตอนนี้เขาจะอยู่ในความดูเเลของฉัน....เขาก็พยายามที่จะฆ่าฉัน....'
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นักดาบก็ได้ปรบมือเรียกสติกลับมาเเล้วก็ดึงดาบออกจากพื้นด้านหลังของเขา เขาเเละนักล่าคนอื่นๆต่างมองไปที่ซังจินด้วยความสงสัย
'เขาเเข็งเเกร่งมากขนาดไหนกัน?'
มันน่าแปลกใจ
'เขาเป็นคนเเบบไหนกัน?'
ความสงสัยและความเคารพสะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา ซังจินจึงพูดกับทุกคนอีกครั้ง
"ฉันจะอธิบายเกี่ยวกับฉันอีกครั้ง ฉันนั้นเป็นคนที่..ไม่สิ ใช่แล้วฉันเป็นคนที่แปลกๆ...แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล ช่วยเข้าใจไว้ด้วย ถ้านายเพียงแค่ฟังคำแนะนำของฉันและล่ามอนสเตอร์ปกติ จากนั้นมันก็จะไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้น ฉันจะไปแล้วนะ...."
ซังจินได้หยีดอยู่ครู่หนึ่งและจากนั้นก็ถามคำถามที่เขานึกขึ้นได้
"มีใครพอจะรู้เกี่ยวกับบอสลับที่นี่บ้างไหม?"
ในระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ซังจินได้ถามถึงบอสลับ ในตอนนี้ควรจะนักล่าบางคนบ้างแล้วที่อย่างน้อยที่สีดก็เคยได้ยินเกี่ยวกับมัน
"นายไม่รู้งั้นหรอ?"
'กำแพงเหล็ก' ได้ตัวกระตุกขึ้น ซังจินจึงมองไปที่เขา นักล่าคนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าเขารู้เกี่ยวกับบอสลัง
"นายหาใครเจอกันหละ? พ่อค้าลับ คนเฝ้าสุสาน หรือไซครอป"
เขาได้กระตุกขึ้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อพูดถึงไซครอป
"นายทำได้ยังไง...."
'หนึ่งในสี่...'
ซังจินได้กล่าวย้ำออกมาด้วยตนเองทันที
"ฉันจะไปฆ่าเพียงแค่บอสและบอสลับเท่านั้น จากนั้นฉันก็จะหายไป รู้เพียงเท่านั้นก็พอ"
ในที่สุด
[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วินาที 9 9]
การนับถอยหลังได้เริ่มขึ้น และซังจินก็หยิบตะเกียงของซาดาเมียร์ออกมา จากนั้นเขาก็ถูมัน
"เรียกข้าหรือนายท่าน?"
ยักษ์สีฟ้าซาดาเมียร์ได้ปรากฏออกมา จากนั้นซังจินก็สั่งเขา
"ซาดาเมียร์ทำตามที่เราได้พูดกันไว้"
ซาดาเมียร์ได้เริ่มร่ายเวทในทันทีที่ซังจินกล่าวจบ
"เดินในความมืดมิดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ชาโดววอร์ค""
และจากนั้นซังจินก็หายไปจากการมองเห็น
"เดิรในความมืดมิดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ชาโดววอร์ค"
ซาดาเมียร์ก็ยังได้ร่ายมันกับตัวเอง ในขณะนั้นเองที่เขาร่ายจบครู่หนึ่ง
[การจู่โจมเริ่มขึ้นแล้ว]
การจู่โจมได้เริ่มขึ้น และซังจินก็กล่าวกับซาดาเมียร์
"ไปกันเถอะ"
"รับทราบนายท่าน"
****
เมืองดาร์คเอลฟ์มันเป็นสถานที่ๆสมบูรณ์แบบมากในการที่จะใช้ชาโดววอร์ค เพราะในเมืองแห่งนี้มันใต้ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดโดยที่ไม่มีโคมไฟให้เห็นเลยจากด้านบน
แหล่งกำเนิดไฟมีเพียงแค่ก้อนกลมๆขาวๆเพียงเท่านั้น แต่มันก็ยังคงง่ายเป็นอยากมากที่จะหาเงาและหลบอยู่ภายในมัน สิ่งนี้มันจึงทำให้ซังจินไม่ได้ต่อสู้เลย
ยามในเมืองนี้ที่เขาได้พบพวกมันได้สวมใส่ชุดเกราะหนักทั้งตัวหรือแม้กระทั่งกับพวกชาวบ้านธรรมดาก็บังพกมืดสั้นไว้ข้างๆเอวต้นเอง
การจะฆ่าพวกชาวบ้านคนสองคนมันไม่ใช้เรื่องใหญาอะไร แต่ถ้าหากว่าพวกเขาวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพวกการ์ด มันก็จะทำให้เกิดการต่อสู้ที่วุ่นวายขึ้นได้
ซังจินได้เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ส่งเสียงใดๆ เขาหลบผ่านจากโคมไฟไปสู่เงาเรื่อยๆ ในบางครั้งเขาก็นับจังหวะเวลาในตอนที่เขาเคลื่อนที่ผ่านมัน
'5 4 3 2 1'
เขาได้นับมันในใจ การที่เขาได่นับเวลาเช่นนี้มันทำให้ซังจินสามารถกะจังหวะเวลาและเคลื่อนที่ต่อไปได้อย่างสบายใจมากขึ้น และไม่มีข้อผิดพลาด จากนั้นซังจินก็มองเขาไปในเมื่องที่สถานที่ๆวิหารตั้งอยู่
ภายในวิหารนักบวชหญิงเคเรนิสนั่งรอคอยอยู่ จากนั้นซังจินได้วิ่งตัดผ่านแวงสว่างเข้าสู่ร่มเงาต่อไป
'5 4 3 2...'
และแล้วเขาก็ได้มาถึงตึกนี้ แต่แล้ว
"ผู้บุกรุก!"
ซังจินก็ได้ยินเสียงการ์ดพูดออกมา มันได้ทำให้ซังจินประหลาดใจ
'อะไรกัน?'
ยามได้เดินผ่านเขาไปและลงไปที่ด้านล่างของเมือง ที่ๆซังจินพึ่งจะจากมา จากนั้นเบสโกโร่ก็ได้พูดถึงในสิ่งที่ซังจินลืมมันไป
'พวกเขาคงจะพูดถึงพวกนักล่าคนอื่นๆ'
สิ่งที่เบสโกโร่กล่าวออกมามันน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด แต่นี่มันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะว่าซังจินจะได้ไม่ต้องหลบยามอีกต่อไป
"สวิฟพาว"
เขาได้กระซิบออกมา พร้อมกกับกรงเล็บที่ซ่อนอยู่ก็ค่อยๆงอกออกมา และจากนั้น
'5'
เขาก็เริ่มนับขึ้นและวิ่งเข้าไปที่ด้านข้างของสิ่งปลูกสร้าง
'4 3 2 1'
และก่อนที่จะครบ 5 วินาที เขาก็ได้หลบไปในเงาอีกครั้ง เขาอยู่สองวินาทีก่อนที่จะเริ่มทำมันอีกครั้ง
'5 4 3 2 1'
เขาได้วิ่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ และทำมันซ้ำไปเรื่อยๆ
ซังจินได้วิ่งตัดผ่านภายในเมืองดาร์คเอลฟ์ และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้มาถึงวิหารที่เคเรนิสอยู่ เวลามันพึ่งจะผ่านไปเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้นหลังจากที่เริ่มการจู่โจม
จากนั้นอัศวินแก่เบสโกโร่ก็ได้กล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
'ฉันคิดว่าท่านคงจะทำสถิติใหม่ได้ภายในวันนี้'