บทที่ 35 จัดการทันที!
"ปัง!"
เมื่อเจียงอี้พูดจบ ฝ่ามือของผู้อาวุโสของตำหนักยุทธก็พุ่งตรงไปที่ไหล่ซ้ายของเขา เสื้อคลุมที่ไหล่ซ้ายของเจียงอี้ขาดวิ่นทันที เลือดสดๆสาดกระเซ็นในขณะที่ตัวเขาพุ่งชนกับกำแพง เขาลุกออกมาจากกำแพงและล้มลงสองสามรอบก่อนจะพยายามลุกขึ้นมาใหม่!
ตำหนักยุทธเป็นตำหนักที่ทรงอิทธิพลที่สุดของตระกูลเจียง...พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบด้านการต่อสู้ภายนอกและปกป้องตระกูลเจียง ผู้อาวุโสเจียงหยุนเหมิ่ง ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้อาวุโสในตำหนักยุทธที่กำลังจะครบห้าสิบปีในปีนี้ กำลังการต่อสู้ของเขานั้นเป็นรองผู้อาวุโสและผู้นำตระกูล แต่เจียงหยุนเหมิ่งถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในเมืองเทียนอวี่อยู่มาก อำนาจของเขาจะถูกทำลายโดยเด็กต่ำต้อยเช่นเจียงอี้ได้อย่างไร?
แต่เขาชอบความไม่เกรงกลัวของเจียงอี้ หากไม่เช่นนั้น เขาคงจะใช้ฝ่ามือฆ่าเจียงอี้ไปแล้ว...หรืออย่างน้อยก็คงหักกระดูกที่ไหล่ซ้ายของเด็กคนนี้
ถึงกระนั้น เขายังคงเดินหน้าต่อไปและระเบิดแรงกดดันของเขาออกมา จิตสังหารของเขาห้อมล้อมเจียงอี้ที่กำลังดิ้นรนและตะโกนอย่างเยือกเย็น “ตายจากการถูกข่มเหงงั้นรึ? จะมีความอยุติธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเห็นเพียงแค่เจ้าที่กระทำความผิดในที่สาธารณะ เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าอีกรึ? เอาตัวเด็กเหลือขอนี่ไปที่ตำหนักลงทัณฑ์ซะ!”
“เดี๋ยวก่อนขอรับ!”
เจียงอี้ตะโกนร้องขณะที่เขาพยายามจะยืนขึ้น เจียงอี้สามารถยืนอยู่ภายใต้ความกดดันที่แผ่ออกมาจากเจียงหยุนเหมิ่งด้วยร่างกายที่สั่นสะเทือนของเขาได้และมันกระตุ้นแผลของเขาอย่างรุนแรง
เขาจ้องมองไปที่เจียงหยุนเหมิ่งด้วยสายตาที่แผดเผาและเย้ยหยัน "ผู้อาวุโสตำหนักยุทธ ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นคนยุติธรรม ตรงไปตรงมา และดุร้ายเหมือนเสือ ดูเหมือนว่าข้า เจียงอี้... คงมองท่านผิดไป! ลืมมันเสียเถิดขอรับ เมื่อท่านไม่ต้องการที่จะฆ่าข้า งั้นข้าคงต้องทำมันด้วยตนเอง! หากข้าถูกพาไปที่ตำหนักลงทัณฑ์มันก็เหมือนกับการส่งข้าไปสู่ความตายเช่นกัน!"
ในขณะที่เขากล่าวเสร็จ เจียงอี้หมุนเวียนแก่นแท้พลังไปที่ฝ่ามือของเขาและเตรียมฟาดไปที่หัวของตัวเอง ใบหน้าของเจียงอี้สงบนิ่งในขณะที่เขายังคงจ้องไปที่เจียงหยุนเหมิ่งด้วยสายตาเย้ยหยัน
"ฮะ…."
สภาพของเจียงกู้ซุ่ยและทุกคนตรงนั้นก็เกร็งขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นเจตนาอันแรงกล้าของเจียงอี้ที่จะปลิดชีวิตของเขาเอง ชายผู้นี้เป็นคนบ้าอย่างแท้จริง เขาไม่เพียงยั่วโมโหผู้อาวุโสตำหนักยุทธ แต่เขายังมีความกล้าที่จะปลิดชีวิตตนเองเนี่ยนะ? พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจียงอี้ถ่ายพลังอย่างสุดกำลังไว้ที่ฝ่ามือในครั้งนี้ และเขาก็ไม่ได้เล่นตุกติกอะไรเลย เขากำลังจะฆ่าตัวตายจริงๆ!
“ฮึ่ม!”
การแสดงออกของเจียงหยุนเหมิ่งเปลี่ยนไป ไม่ใช่เพราะเจียงอี้พยายามจะปลิดชีวิตของเขาเอง แต่เป็นเพราะความเย้ยหยันและโทนเสียงของเจียงอี้ เจียงหยุนเหมิ่งยื่นมือออกมาด้วยความเร็วสูงและหยุดฝ่ามือของเจียงอี้ไว้ เขาโกรธมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในขณะที่เขาอยู่ต่อหน้าเจียงอี้และพูดด้วยน้ำเสียงที่อดกลั้น “ดี ไอ้เจ้าหนูน้อย เจ้ายังพอมีความกล้าอยู่บ้าง จงไปที่ตำหนักลงทัณฑ์และข้าจะช่วยเจ้าเชิญผู้อาวุโสมาทั้งหมด! เจ้าไม่ต้องกังวลเจ้าเด็กเหลือขอ หากผู้อาวุโสทุกคนเหล่านั้นมา ในวันนี้เจ้าคงจะไม่รอดพ้นจากความตายเป็นแน่!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!”
เจียงอี้ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่รุ่งโรจน์ เขาปลดปล่อยความโล่งในใจของเขาออกมา หากเจียงหยุนเหมิ่งมาช้าอีกเพียงนิดเดียว วิญญาณของเขาก็จะไปสวรรค์อย่างแท้จริง เขาใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันและผลที่ตามมาคือ ... เขาชนะการเดิมพันในครั้งนี้
“พาพวกเขาทั้งหมดไปตำหนักลงทัณฑ์ ไปแจ้งผู้อาวุโสและท่านประมุข แค่บอกว่าข้าเป็นคนที่เชิญพวกเขามาที่ตำหนักลงทัณฑ์”
เจียงหยุนเหมิ่งหันหลังและออกไปทันที เขาแสดงออกอย่างรุนแรง วันนี้เขาถูกข่มขู่โดยเด็กเหลือขอคนนี้หรือ? เขารู้สึกไม่พอใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตของเขา
ทั่วทั้งตระกูลเจียงตกอยู่ในความโกลาหล ชายผู้นี้ทำร้ายผู้คนที่ตำหนักฝึกยุทธจริงหรือ? แถมเขายังกล้าทำร้ายลูกชายของหัวหน้าเจียงหยุนเฉอด้วย...ที่สำคัญที่สุดคือเขาทำลายกระดูกสันหลังของเจียงหยูหลงซึ่งเป็นอันดับสองของคนรุ่นเยาว์ของตระกูล...แม้แต่เจียงหยูหลงยังถูกฟาดที่ศีรษะได้เช่นนี้...!
มันไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากขาหรือซี่โครงของใครหัก เพราะสามารถรักษาได้ภายในเวลาประมาณสิบวันหรือสองสัปดาห์หลังจากใช้ยารักษาระดับสูง แต่กระดูกสันหลังและกระดูกกะโหลกเป็นกระดูกที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์และยากต่อการรักษา หากการรักษาแล้วมีความผิดพลาดเพียงนิดเดียว บุคคลนั้นอาจกลายเป็นคนพิการไปเลยก็ได้
การรับสมัครของสำนักจิตอสูรกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากความแข็งแกร่งของเจียงหยูหลงไม่อนุญาตให้เขาเข้าร่วมสำนักจิตอสูรได้ เขาจะต้องเข้าร่วมกองทัพทหารตะวันตกอย่างแน่นอน
สิ่งที่เจียงอี้ทำคือการทำลายอนาคตของเจียงหยูหลงอย่างสมบูรณ์และทำให้ตระกูลเจียงมีความหวังน้อยลง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าความโหดร้ายของชายผู้นี้เป็นอย่างไร แต่คนส่วนใหญ่รีบไปที่ตำหนักลงทัณฑ์เพื่อดูว่าอาชญากรผู้นี้โหดร้ายเพียงใด เขากล้าที่จะยั่วโมโหเจียงหยุนเฉอและผู้มีอำนาจของตำหนักลงทัณฑ์จริงรึ?
ด้านนอกตำหนักลงทัณฑ์ถูกล้อมรอบด้วยคนตระกูลเจียง เจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลางถูกนำตัวเข้าสู่ตำหนักลงทัณฑ์ในขณะที่คนอื่นๆกำลังรอการเรียกตัว
เจียงหยุนสือ ผู้พิจารณาคดีวางตัวด้วยใบหน้าที่น่ากลัวราวกับราชาแห่งนรกและผู้อาวุโสก็เดินเข้ามาทีละคน การแสดงออกของเขารุนแรงมาก เขาจ้องมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
ไอ้เด็กนอกคอกนี่เพิ่งออกจากตำหนักลงทัณฑ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากนั้นเขาก็ไปทำร้ายใครบางคนทันทีงั้นรึ? ที่สำคัญที่สุดคือเขาขอให้เจียงหยุนเหมิ่งเชิญหัวหน้าตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะบอกเป็นนัยว่าเขาถูกข่มเหงอย่างไม่เป็นธรรมในตำหนักลงทัณฑ์เช่นนั้นหรือ?
ตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในตำหนักลงทัณฑ์ในฐานะรองผู้อาวุโส เขายังไม่เคยเห็นผู้ใดที่ยโสโอหังและไม่เกรงกลัวเช่นนี้เลย เขาบอกกับตัวเองว่าเขาต้องรักษาความสงบและแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างไร้ที่ติ เขาไม่เพียงคิดแต่ว่าจะต้องลงโทษเจียงอี้ให้ถึงแก่ความตาย....เพื่อฟื้นฟูตำหนักลงทัณฑ์และอำนาจของเขาเอง...แต่เขาก็จะทำมันอย่างเป็นกลางมากที่สุดเพื่อให้ทุกคนไม่สามารถวิจารณ์ได้ด้วย
ตระกูลเจียงมีผู้อาวุโสทั้งหมดสิบคน แต่ผู้อาวุโสเจียงหยุนไฮ่หายตัวไปและผู้อาวุโสหลิ่วก็เสียชีวิตไป ซึ่งหมายความว่าเหลือเพียงแปดคนเท่านั้น ห้านาทีต่อมาพวกเขาเจ็ดคนก็เข้ามา...บางคนมีท่าทางที่ไม่พอใจ บางคนมีสายตาเย้ยหยันและบางคนก็ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงอี้
"ฟึบบ!"
ร่างที่สูงและกำยำโฉบเข้ามาจากด้านนอก ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้ตำหนักลงทัณฑ์ จิตสังหารของเขาก็ได้ปกคลุมทั่วตำหนักลงทัณฑ์แล้ว ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างนอกรีบพากันหลีกทางให้ พวกเขามองเจียงอี้ราวกับว่าเขานั้นเป็นคนตายไปแล้ว
“ฮะ?”
เจียงอี้รู้สึกถึงความกดดันที่พุ่งตรงมาที่เขา ในขณะที่เขาหันไปมองอย่างรวดเร็วการแสดงออกของเขาก็เย็นชาทันทีและผู้นั้นก็อยู่ในความคิดของเขาอยู่แล้ว...เจียงหยุนเฉอ!
เจียงหยุนเฉอไม่ได้เป็นผู้อาวุโสในตระกูลก็จริง แต่เขามีอำนาจมากกว่าผู้อาวุโสส่วนใหญ่ ในฐานะหัวหน้างานของกิจการภายใน เขาจัดการเรื่องความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของตระกูลเจียง
เงินเดือนของคนในตระกูลทั้งหมดต้องได้รับการอนุมัติจากเขา ในใจของชาวบ้านตระกูลเจียง เจียงหยุนเฉอเปรียบเสมือนรองผู้อาวุโสรองของตำหนักลงทัณฑ์ในแง่ของความน่ากลัว
"ฟึบบ!"
เจียงหยุนเฉอรีบผ่านฝูงชนเหมือนนกอินทรีและเข้าสู่ตำหนักลงทัณฑ์ เขากางกรงเล็บที่เหมือนนกอินทรีกลางอากาศแล้วพุ่งไปที่ศีรษะของเจียงอี้
เจียงอี้ทำลูกชายทั้งสองของเขาบาดเจ็บและที่สำคัญที่สุดคือการทำลายอนาคตของเจียงหยูหลง เจียงหยุนเฉอจะสามารถยับยั้งตัวเองกับเด็กที่ต่ำต้อยผู้นั้นได้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะฆ่าเจียงอี้ในตอนนี้เลย ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆ
อย่างแน่นอน!
เจียงหยุนสือและเจียงหยุนเหมิ่งมีการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกเมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเฉอต้องการฆ่าเจียงอี้ทันทีที่เข้ามา แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น เพราะมันเป็นลูกชายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ และหากใครเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ก็อาจสร้างความบาดหมางกับเจียงหยุนเฉอได้
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ !"
เมื่อสัมผัสแรงอาฆาตของเจียงหยุนเฉอ เจียงอี้คงไม่สามารถหนีไปทางไหนได้ ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้คงหนีไปไหนไม่พ้น เขาหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัวและไม่สนใจเจียงหยุนเฉอ จากนั้นเขาก็หันไปมองกลุ่มผู้อาวุโส
“ผู้อาวุโสตำหนักยุทธ ท่านไม่ได้บอกข้าหรือว่าข้าจะไม่ตายเพราะถูกกลั่นแกล้งในตำหนักลงทัณฑ์? ตำหนักลงทัณฑ์ยังไม่ทันจะตัดสินความผิดของข้าเลยแต่กลับมีใครบางคนกำลังจะฆ่าข้าซะแล้ว! กฎตระกูลเจียงช่างโสมมนัก ตำหนักลงทัณฑ์ก็ไม่ต่างกัน! ข้า, เจียงอี้…จะไม่ยอมรับความตายเช่นนี้!”
ความรุนแรงของพลังของเจียงหยุนเฉอทำให้เกิดพายุที่ระเบิดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดและผมสีดำของเจียงอี้สะบัดปลิวไปมา บาดแผลจากไหล่ซ้ายของเขาก็มีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาไม่มีนัยแห่งความกลัว แต่กลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ฉากที่เห็นนั้นดูแปลกประหลาดมากจนน่าทึ่ง
“หยุดก่อน!”
“หยุนเฉอหยุด!”
เจียงหยุนเหมิ่งและเจียงหยุนสือนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน คนตระกูลเจียงส่วนใหญ่กำลังมองอยู่ด้านนอกและผู้อาวุโสของตระกูลเจียงเกือบทั้งหมดก็อยู่ที่นี่
หากเจียงอี้ถูกสังหารโดยเจียงหยุนเฉอที่นี่ มันจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอย่างมากในตระกูลเจียงและลดอำนาจของตำหนักลงทัณฑ์และกฎของตระกูลลงไปอยู่ในระดับต่ำถึงขั้นเลวร้าย
"ฮึ่ม!"
กรงเล็บอินทรีของเจียงหยุนเฉอห่างกับเจียงอี้ไม่ถึงครึ่งเมตร ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและจิตสังหารราวกับงูพิษที่กำลังแผ่แม่เบี้ยที่ทำให้ผู้คนกลัวจนตัวสั่น เขาส่งสายตาจ้องไปที่เจียงอี้ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นด้วยเสียงเยือกเย็นของเขา "รู้จักพูดจาดีนี่ ไอ้ลูกหมา ไม่ว่าเจ้าจะเล่นลิ้นแค่ไหน ยังไงวันนี้เจ้าก็หนีไม่พ้นความตายหรอก"
เขามองที่เจียงหยุนเฉออย่างใจเย็นและตอบว่า “ท่านหัวหน้า ข้าเป็นหลานชายของผู้อาวุโสเจียงหยุนไฮ่ ท่านกำลังเรียกข้าว่าไอ้ลูกหมางั้นหรือ? ท่านคงไม่ได้หมายความเช่นนั้นกับผู้อาวุโสด้วยใช่หรือไม่? ฮึฮึ, ไม่น่าแปลกใจที่ลูกชายทั้งสองของท่านเห่าหอนไม่หยุดหย่อนว่า 'ไอ้ลูกหมา' ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้รับการสอนจากท่านสินะขอรับ?”
“ไอ้…”
เจียงหยุนเฉอโกรธจนตัวสั่น เขาถูกดักด้วยคำพูดของเจียงอี้และไม่โต้ตอบชั่วขณะ จิตสังหารพุ่งออกมาจากร่างของเขาอีกครั้งและอยากจะส่งเจียงอี้ลงนรกไปซะ
ตึกๆๆ!
ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากข้างนอก คนตระกูลเจียงทั้งหมดส่งเสียงต้อนรับด้วยความเคารพ "คารวะท่านประมุข คารวะผู้อาวุโสสอง!"
เจียงหยุนเฉอระงับความโกรธของเขาทันทีและมองออกไปข้างนอกพร้อมกับเจียงอี้ ชายวัยกลางคนซึ่งสวมเสื้อคลุมสง่างามเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ที่ดูผ่านประสบการณ์มามากมายที่มีผมหงอกและหลังคดงอ
เมื่อเจียงอี้เห็นผู้อาวุโสผู้นั้น หัวใจของเขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมด คนที่สนิทกับผู้อาวุโสคือผู้อาวุโสสองซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องคุณธรรมและศักดิ์ศรีของเขา ตอนนี้ผู้อาวุโสสองอยู่ที่นี่ เจียงอี้ก็น่าจะสามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้
เจียงอี้ไม่ได้เป็นคนโง่เขลาและตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากตายเช่นกัน เขาฉลาดจริงๆ สัญชาตญาณพิเศษของเขาจะมาจากไหนถ้าหากว่าเขาไม่ฉลาด
วิธีหยาบคายและความใจร้อนที่เขาเดินออกจากบ้านของชุนหยาก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการทั้งหมดของเขา การเห็นเจียงเสี่ยวนู๋ถูกกระทำในครั้งนี้ทำให้เขาโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
เขาพร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างและเขาตัดสินใจที่จะสร้างความเสียหายและแก้แค้นเจียงหยูหู่ เจียงเป่า และเจียงซง เขาต้องการให้ทุกคนในตระกูลเจียงรู้ว่าใครก็ตามที่กล้าแตะเจียงเสี่ยวนู๋จะต้องรับมือกับ…ความโกรธเกรี้ยวของเจียงอี้!
เหตุผลที่เขากล้าสร้างความเสียหายที่ตำหนักฝึกยุทธ และรอให้เจียงหยูหลงปรากฏตัวขึ้น รวมถึงการทำให้เจียงหยูหลงอยู่ในสภาวะบาดเจ็บสาหัส หรือแม้กระทั่งการเดิมพันชีวิตต่อหน้าผู้อาวุโสตำหนักยุทธ...ทุกอย่างถูกจัดขึ้นให้ดูใหญ่โต ทำให้ตระกูลเจียงทั้งตระกูลวุ่นวายและได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสทั้งหลาย ซึ่งเขาจะมีโอกาสรอดชีวิตออกไปได้
อุบายของเจียงอี้เป็นไปด้วยดี!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เจียงอี้ประหลาดใจก็คือหัวหน้าตระกูลเจียง เจียงหยุนซาน เขาเดินเข้ามาและจ้องไปที่เจียงอี้และประกาศทันทีว่า “ที่นี่มีอะไรจะต้องตัดสิน? ข้ามีข้อมูลทั้งหมดที่ข้าต้องการ ด้วยความโหดร้ายที่บ้าคลั่งเช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นความหายนะ จัดการมันเดี๋ยวนี้!”