Chapter 61 – Tahrakhan Plateau (6)
Chapter 61 – Tahrakhan Plateau (6)
”
ซังจินได้เดินเข้าไปหานักล่าสมบัติและสะกิดไปที่ไหล่เขา
"เฮ้ ช่วยใช้ทักษะนักล่าสมบัติที ในตอนนี้เลย"
"อะไรนะ....ใช้อะไร"
นักล่าสมบัติที่แสดงตัวว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์ประสอบในก่อนหน้านี้ดูเหมือนกับว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซังจินกล่าวออกมา
"ทักษะใช้งานนักล่าสมบัตินะ สิ่งที่นายได้โม้ไว้ในช่วงต้นการจู่โจมนั้นนะ"
ในที่สุดเขาก็เข้าใจและหยักหน้าออกมา
"อา....โอเค"
เนื่องจากเขาพึ่งได้รับมันมาในทะเลทรายคูตาลในก่อนหน้านี้ สถานที่เดียวที่เขาจะได้ลองทดสอบมันในก่อนหน้าคือปราสาทของเคาท์เดมิทรี แต่เขาก็ไม่ได้หัวกระโหลกของซังจินและดูติดขัดในตอนที่ซังจินให้เขาใช้ทักษะ ดังนั้นมันจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อน
"อะ...โอเปอเรเตอร์ ฉันต้องการจะใช้ทักษะนักล่าสมบัติ ถ้าหากว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในที่ราบสูงนี้ ช่วยให้คำใบ้ฉันที"
เมื่อเขาพูดจบ โอเปอเรเตอร์ก็ได้ให้คำใบ้ออกมา
[ราชาแห่งที่ราบสูง]
[ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือเมฆ]
[มันได้เฝ้ารอศัตรูเพียงหนึ่งเดียว]
[และนำเอาของขวัญมาให้มันคือชัยชนะ]
[และจากนั้นราชาก็จะมา]
มันเป็นคำใบ้ที่ดูจะงุนงงแปลกๆ ซังจินจึงตบมือขึ้นและพูดออกมา
"ทวนอีกครั้งหนึ่ง"
แต่ลูกบาศก์ก็ไม่ได้ตอบสนองกลับมา ซังจินจึงมองไปที่นักล่าสมบัติและพูดกับเขา
"เฮ้ช่วยทวนอีกครั้งสิ"
"ห๊ะ อะไรนะ"
นักล่าสมบัติดูเหมือนจะยังขาดประสบการณ์ในการใช้ทักษะนี้เป็นอย่างมาก
"ฉันบอกว่าให้นายบอกให้โอเปอเรเตอร์ทวนอีกครั้งหนึ่ง"
เมือซังจินอธิบายออกมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจและพูดกับลูกบาศก์
"อา...โอเปอเรเตอร์ช่วยทวนให้ฉันอีกครั้งหนึ่งที ในสิ่งที่นายพึ่งจะกล่าวออกมานะ"
[ราชาแห่งที่ราบสูง]
[ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือเมฆ]
ลูกบาศก์ได้กล่าวซ้ำออกมาอีกครั้งและซังจินก็ตกลงไปอยู่ในความคิด
'บัลลังกก์เหนือเมฆ...'
ซังจินมองออกไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้มันได้สูงเหนือเมฆอยู่แต่แรกแล้วแต่สถานที่เดียวที่สูงที่สุดในที่แห่งนี้ก็คือเนินเขาตรงกลางที่ราบสูง
และก่อนที่ซังจินจะนึกคำตอบออก เบสโกโร่ก็ได้แสดงความคิดเห็นออกมา
'มันจะต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ ที่ๆสูงที่สุด'
เมื่อตอนที่เขาวิ่งค้นหาออกไปรอบๆ เขาก็ได้ขึ้นไปบนเนินนั้นมาแล้วเพื่อสำรวจพื้นที่ แม้ว่าพื้นที่ราบสูงส่วนอื่นๆจะมีหมอกเใฆบางๆขวางอยู่บ้าง แต่บนเนินพื้นที่นั้นมันไม่มีเมฆอยู่เลย เป็นที่ชัดเจนว่าจุดนั้นเป็นที่ๆอยู่เหนือเมฆขึ้นไปโดยสิ้นเชิง
'เยี่ยม...อย่างน้อยฉันก็รู้สถานที่...'
จากนั้นซังจินก็ครุ่นคิดไปต่อในประโยคอื่นๆ
"มันได้เฝ้ารอศัตรูเพียวคนเดียวที่จะนำของขวัญมาให้มันคือชัยชนะ"
เขาไม่แน่ใจมากนักเกี่ยวกับคำใบ้คำนี้ ซังจินจึงตัดสินใจหันหน้าไปถามนักล่าสมบัติ
"นายคิดว่ามันจะหมายถึงอะไร"
นักล่าสมบัติได้เบิกตากว้างขึ้นและส่ายหัว ซังจินจึงส่ายหัวและกล่าวเพิ่ม
"ลืมเกี่ยวกับการเป็นนักล่าสมบัติไปเลยและมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่ง หนายจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยหากเป็นเช่นนี้"
ซังจินหันมองไปรอบๆโดยที่ไม่รอให้เขาตอบกลับมา นักล่าคนอื่นๆก็ไม่น่าจะเป็นตัวช่วยได้แน่นอน พวกเขายังคงตกใจกับคำใบ้ของโอเปอเรเตอร์อยู่เลย
ซังจินจึงจำเป็นต้องถามกับเบสโกโร่
"เบสโกโร่ นายคิดว่ายังไง นายได้คิดไหมว่าของขวัญอะไรที่มันอยากได้รับ"
'ฉันไม่แน่ใจ แต่...'
มันเป็นเรื่องน่าขบขันมากที่บอสลับในการจู่โจมรอบก่อนกำลังพยายามจะค้นหาบอสลับในการจู่โจมนี้
'ฉันคิดว่าคำถามหลักก็คืออะไรที่เขากำลังเฝ้ารอ'
"เยี่ยม งั้นไปตรวจสอบที่บัลลังก์ก่อนเป็นอย่างแรกแล้วกัน"
ซังจินได้บอกเบสโกโร่
'โอเค'
นักล่าคนอื่นๆกำลังมองมาที่เขาที่กำลังพูดกับตนเอง หลังจากที่เขาคุยกับเบสโกโร่จบ เขาก็หันหน้าไปหานักล่าคนอื่นๆและกล่าวออกมา
"ฉันจะไม่ไปแตะพวกมอนเตอร์ธรรมดา ถ้าหากว่าพวกนายมีเวลาว่างและความสามารถก็จงไปฆ่าพวกมันซะ และก็สำหรับบอสลับ..."
ขณะที่เขากำลังพูดอยู๋ เขาก็ได้สังเกตุเห็นว่านักล่าคนอื่นๆไม่ได้สนใจเขา พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับกันและกัน พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังกันเองและความไม่ไว้ใจกัน
'พวกเขาดูเหมือนกับว่าจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตมากกว่าเพื่อนร่วมทีมกัน พวกเขากำลังจะไปเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความยากลำบากในการต่อสู้'
"ลืมเกี่ยวกับบอสลับไปซะ เข้าใจนะ"
ซังจินได้ยักไหล่และเดินออกไปจากกลุ่มนักล่าทั้งสี่ เขาได้มุ่งไปสู่เนินเขาตรงกลางที่ราบสูง เบสโกโร่ก็ได้แสดงความคิดเห็นออกมา
'ท่านกำลังทำอะไรก้าวออกมาและไม่แสดความเป็นผู้นำอย่างลูกผู้ชาย? ลูกผู้ชายตัวจริงควรจะรวบรวมนำทีมคนอื่นๆและให้คำแนะนำพวกเขา แล้วก็ถ้าหากท่านต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งนี้ก็แค่พูดออกมา'
มันเป็นคำพูดที่เหมาะสมแล้วสำหรับอดีตอัศวิน เมื่อซังจินได้เดินออกมาไกลจากเหล่านักล่าเขาก็ตอบกลับไป
"ไม่ มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม มันจะยังมีโอกาสอยู่มากมายที่ฉันตะมีโอกาสก้าวเข้าไปนำและควบคุม แต่ว่ามันไม่ใช่ในตอนนี้ มันยังเร็ซเกินไป"
'งั้นหรอ?'
"ใช่แล้ว มันอยู่ที่เวลา ฉันคิดว่าเมื่อเหลือนักล่าเพียงแค่ 100 คน ฉันก็จะต้องเข้าไปเป็นผู้นำและร่วมทีม และถ้าหากว่ามันถึงเวลานั้นฉันก็คงจะต้องการความช่วยเหลือจากนาย ท่านอัศวิน"
หลังจากที่ซังจินได้กล่าวคำชมเชยยกย่องว่าเขาเป็นอัศวิน เบสโกโร่ก็ได้หัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก
'ข้าจะรอวันนั้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ'
****
ซังจินได้ปีนขึ้นไปบนเนินเขาอย่างขยันขันแข็ง ทั้งม้า พรมเวทมนตร์ และแม้แต่รองเท้าก็ได้อยู่ในระยะคูลดาว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเท้า ในบางครั้งบางคราว
"แบ๊ะ ๆ"
แพะก็ได้เข้ามาโจมตีซังจินในขณะที่เขากำลังปีนเขา
"โฮ่ง ๆ"
เคนได้เรียกหาซังจิน
"หืมม มีอะไรหรอเคน นายเห็นอะไรบางอย่างงั้นหรอ"
แต่เคนก็ได้หมุนไปรอบๆ และนั่งลง
"อะไรหรอ...?"
ซังจินต้องการจะถามออกไปแต่แล้วเขาก็ได้ถูกขัดจังหวะโดยการที่เคนได้กลับกลายไปเป็นรูปสลักไม้
"อา..."
เขาคงต้องการจะบอกซังจินว่าเวลาได้หมดลงแล้ว
'โอเคๆ ฉันจะเข้าใจมันในครั้งหน้าแน่นอน'
ซังจินคิดขึ้นในขณะที่เขาเก็บรูปสลักไม้ลงไป จากนั้นเขาก็เรียกโอเปอเรเตอร์
"โอเปอเรเตอร์เหลือเวลาอีกเท่าไหร่"
[คุณจะกลับไปที่ตลาดมืดในอีก 48 นาที 12 วินาที]
"หืมม..."
ซังจินตัดสินใจที่จะถามอย่างอื่นกับโอเปอเรเตอร์อีก
"โอเปอเรเตอร์ส่ง หินแสวงหาฆาตกร มาให้ฉันที"
หินทรงกลมที่เปล่งแสงได้โผล่ออกมาจากลูกบาศก์ และซังจินก็หยิบมันขึ้นมา
ทริไบท์ - หินแสวงหาฆาตกร
หินระดับวีรบุรุษ
ทักษะใช้งาน
ค้นหาความยุติธรรม - วาปไปยังดินแดนทีมีฆาตกรอาศัยอยู่ ใช้หนึ่งชาร์จในการใช้งาน
ความโกรธแค้นเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์
และจากนั้นเจาเก็บมันลงไปในกระเป๋าเสื้อ ในตอนนี้เขายังคงเหลือเวลาอยู่อีกเหลือเฝือ
ถ้าหากว่าในมิติแห่งนี้เหลือเวลาอีก 48 นาที มิติอืนก็ควรจะเหลือเวลาอีก48 นาทีเช่นกัน ในเวลานี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะจัดการราชินีฮาปี้ลงไปได้อย่างรวดเร็ว
และตราบใดที่ราชินีฮาปี้ยังคงรอดอยู่ โอกาสที่จะเกิดฆาตกรขึ้นก็จะน้อยเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ยืนยันเวลาที่เหลืออยู่แล้ว ซังจินก็ลุกขึ้นยืนและเดินต่อไป
ที่ราบสูงทาราชานนี้มีมุมมองที่สวยงามกว่าในบทอื่นๆ ถ้าหากว่าไม่มีมอนสเตอร์อยู่ซังจินก็อยากจะอยู่ที่นี่ซักสองสามวันเพื่อพักผ่อน
ในขณะที่เจากำลังมีความคิดเช่นนั้น ซังจินก็ยังคงปืนขึ้นไปจนกว่าจะถึงยอดสุด
'ที่แห่งนี้จะต้องเป็นบัลลังก์ของราชา'
เบสโกโร่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาก่อนที่ซังจินจะขึ้นไปถึง ที่ด้่านขวาภายใต้เนินเขานั้นมีถ้ำเปิดอยู่
ซังจินกระโดดเข้าไปและหยิบเอา 'พงศาวดารสามก๊ก'ออกมาถือไว้และค่อยๆ เดินเข้าไปในถ้ำ แม้ว่าภายในถ้ำมันจะมืดแต่เขาก็มองเห็นมันได้ชัดเนื่องจากทักษะ วิสัยทัศน์ของวิญญาณ แต่ว่า
"มันว่างเปล่า"
'ฉันเห็นแล้ว'
ซังจินได้เดินลึกเข้าไปในถ้ำ ถ้ำมันมีขนาดที่เล็กกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แม้ว่ามันจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องโดยมาตฐานของมนุษย์ แต่ว่ามันก็ดูจะด้อยเกินไปในแง่ของบัลลังก์
'สิ่งที่เขาเฝ้ารอ....อะไรกันที่เขากำลังเฝ้ารอ'
ซังจินมองสำรวจไปรอบๆถ้ำ ในห้องแห่งนี้มันไม่มีอะไรเลบ เว้นเสียแต่โครงกระดูก ซังจินจึงหยิบมันขึ้นมา
'หืมม'
มันมีเพียงแค่เงื่อนงำ และจากนั้นเบสโกโร่ก็กล่าวออกมา
'ท่านคิดไหมว่าเขากำลังเฝ้ารออาหาร?'
"อาจจะใช่"
ซังจินได้มองสำรวจไปที่กระดูกใกล้ๆ มันเป็นกระดูกเล็กๆเป็นส่วนใหญ่ จะมีชิ้นกระดูกใหญ่ๆอยู่น้อยมาก
"มันอาจจะเป็น..."
ซังจินได้ขุดค้นกองกระดูกและเขาก็ได้พบกับหลักฐานสำคัญ มันเป็นหัวกระโหลกขนาดใหญ่ที่มีเขาสั้นๆยื่นออกมา
"กระดูกนี้...มันใม่ใช่ของฮาปี้และแพะภูเขา"
'แล้วเป็นของอะไร?'
"มันเป็นหัวกระโหลกของควายยักษ์"
ซังจินก็ตรวจสอบกองกระดูกอื่นๆเช่นกั มันไม่มีหัวกระโหลกที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ของฮาปี้และหัวกระโหลกที่มีเขาขนาดใหญ่หมุนวนของแพะอยู่เลย
กระโหลกศีรษะเดียวที่เขาหาเจอมีเพียงแค่กระโหลกของควายยักษ์เท่านั้น
"ฉันคิดว่า...ฉันพอจะรู้แล้วว่าของขวัญคืออะไร"
ซังจินโผล่ออกมาจากถ้ำและค่อยๆปีนลงไปจากภูเขา
"เบสโกโร่ช่วยบอกฉันด้วยถ้าหากนายเห็นควายยักษ์"
ตามคำขอของเขาเบสโกโร่ได้ตอบกลับมาในทันที
'ไปทางขวามือ'
ซังจินไปมองทางขวาเล็กน้อย ในระยะไกลออกไปมันได้มีควายขนาดยักษ์อยู่
ซังจินจึงคิดที่จะใช้เวทมนตร์เข้าใส่มัยแต่แล้วเขาก็เปลื่ยนใจ
"ถ้าหากว่าฉันเผามันจนไหม้เกินไปแล้วราชาไม่ต้องการมัน ฉันจะทำยังไง?"
ซังจินได้ดึงดาบออกมาละกล่าวขึ้น
"อาใช่ การนำไปถวายมันควรจะทำให้มันเป็นชิ้นเนื้อสเต็กบางๆ"
เมื่อควายมันได้ตระถึงการมีอยู่ของซังจินมันก็ร้องออกมา
"มอ~~~"
มันได้พุ่งเข้ามาหาซังจิน ซังจินจึงต้องหลบออกไปทางซ้ายและเหวี่ยวดาบเฉือนเข้าไปที่คอของมันเช่นมาทาดอร์ของสเปน อย่างไรก็ตามมอนสเตอร์ก็ยังคงเป็นมอนสเตอร์
แม้ดาบจะเฉือนเข้าไปแล้วถึงหนึ่งในสามของลำคอ ควายก็ได้หันไปรอบๆและพุ่งเข้ามาอีกอย่างไม่สะทกสะท้าน ซังจินจึงหลบไปด้านอื่นและตัดไปที่คออีกครั้ง
เมื่อควายได้ถูกโจมตีเป็นครั้งที่สองคอของมันก็ขาดลง ไม่มีใครที่จะสามารถรับการโจมตีของซังจินที่คอได้ถึงสองครั้ง ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตสิ่งนั้นจะทรงพลังมากแค่ไหน มันได้พุ่งออกไปข้างหน้าอีกเล็กน้อยก่อนที่จะล้มลง ซังจินเก็บดาบเข้าไปในฝักและเดินไปที่ควายยักษ์
ควายตัวนั้นมันมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ
'ควายตัวนี้มันมีน้ำหนักเป็นตันเลยใช่ไหมเนี้ย'
และในขณะที่เขาคิดเช่นนั้น เขาก็จับไปที่ควายด้วยมือเปล่าๆ การยกมันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ได้รับการยกระดับสเตตัสจากโอเปอเรเตอร์
ซังจินได้แบกควายไว้บนไหล่ของเขาและเดินกลับไปที่ห้องบัลลังก์แห่งราชา มันอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่นั้น
ซังจินได้วางศพไว้ที่หน้าประตูถ้ำ ในตอนที่เขาทำเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
"นายคิดว่า...นี้มันจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องไหม"
'แล้วท่านมีคำแนะนำอื่นๆ อีกไหม'
"ถ้าหากมันไม่มีการตอบสนองกลับมาเพียงเล็ก..."
แต่แล้วโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศออกมา
[คำเตือน บอสลับ]
[แมนติคอร์ปรากฏตัว]
'ที่ไหน?'
ซังจินมองสำรวจไปรอบๆ แล้วจากนั้นเบสโกโร่ก็กล่าวออกมา
'ด้านบน'
ซังจินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จากในระยะไกลออกไปเขาก็สามารถจะมองเห็นหัวของชายชราบนหัวสิงโตและหางของแมงป่องได้ มันบินผ่านอากาศมาด้วยปีกของมัน ซังจินได้เตรียมพร้อมที่จะใช้ 'พงศาวดารสามก๊ก' ในทันที