ตอนที่แล้วบทที่ 32 คลุ้มคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 ยอมตาย

บทที่ 33 ขยะไร้ประโยชน์


ตระกูลเจียงมีลูกหลานมากมาย โดยสายเลือดหลักจะมีสมาชิกมากกว่ายี่สิบคนในขณะที่สายเลือดรองจะมีมากกว่านั้น หากให้คำนวณก็มีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคน เจียงหยูหู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เพราะการคัดเลือกศิษย์ของสำนักจิตอสูรและกองทัพทหารตะวันตก เจียงหยุนซานได้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวให้ลูกหลานทุกคนที่มีศักยภาพและพรสวรรค์ให้แยกตัวออกไปเพื่อบ่มเพาะพลัง

เห็นได้ชัดว่าเหล่ารุ่นเยาว์ที่อยู่ในตำหนักฝึกยุทธแห่งนี้ไม่ได้ถูกนับรวมไปในนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงทำได้แค่ฝึกฝนวิทยายุทธเท่านั้น

แม้ว่าเหล่าลูกหลานที่อยู่ในตำหนักฝึกยุทธแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ในระดับหัวกะทิ แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีสถานะที่สูงกว่าเจียงอี้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเจียงเฮิ่นซุ่ย

หนึ่งในนั้นคือน้องชายร่วมสายเลือดของเจียงเฮิ่นซุ่ย, เจียงกู้ซุ่ย ส่วนอีกคนมีนามว่า เจียงหยูหลางและยังเป็นบุตรชายของรองผู้อาวุโสแห่งตำหนักลงทัณฑ์ เจียงหยุนสือ

ดวงตาหลายคู่จ้องมองมายังเจียงอี้ด้วยความสนุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อหนึ่งที่เขาขานออกมาก่อนหน้านี้คือ เจียงหยูหู่

ทันใดนั้นเองลูกหลานจากตระกูลสายรองผู้ซึ่งมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สามคนหนึ่งก็ลุกขึ้น จากนั้นเขาก็ชี้หน้าและต่อว่าเจียงอี้อย่างรุนแรง

“ไอ้ขยะ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

ปังง!!

โดยไม่ต้องเอ่ยวาจาให้เปลืองน้ำลาย เจียงอี้หวดฝ่ามือไปยังใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างไม่ออมแรงและส่งร่างของเขาลอยไปไกลหลายเมตรก่อนที่จะกระแทกกับพื้นอย่างจัง

“ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับม้าสี่ตัว! ขะ..ขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สี่!”

เจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พวกเขาไม่ค่อยมีความคุ้นเคยกับเจียงอี้มากนัก พวกเขารู้เพียงแค่ว่าชายผู้นี้เคยมีพรสวรรค์มากกว่าเจียงเฮิ่นซุ่ยในวัยเด็ก แต่ที่พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือเจียงอี้ผู้ซึ่งตันเทียนได้ถูกพลังบางอย่างผนึกเอาไว้และยังบรรลุเพียงขอบเขตฉูติ่งขั้นที่หนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ทำไมระดับพลังของเขาถึงได้เพิ่มขึ้นเร็วนัก?

ในทางกลับกัน ทางด้านของเจียงหยูหู่กับพวกยิ่งรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่า เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เจียงอี้ยังเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สองอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ทำไมในเวลาอันสั้นเขาถึงได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึงเพียงนี้?

หรือว่าเขาจะกินเม็ดยาระดับสวรรค์เข้าไป? เมื่อนึกตอนที่เจียงอี้บรรลุเพียงขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สอง เจียงหยูหู่ก็ไม่ใช่คู่มือของเขาแล้ว แล้วในตอนนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกสองระดับ มันก็ช่วยไม่ได้ที่เจียงหยูหู่จะรู้สึกกลัวจนก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

“ข้าบอกว่าข้าต้องการเพียงแค่ขาของเจียงหยูหู่, เจียงเป่าและเจียงซงเท่านั้น คนอื่นอย่าได้สะเออะยื่นมือเข้ามายุ่ง!” เจียงอี้ยังคงยืนกรานด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

ลูกหลานส่วนใหญ่ของตระกูลเลือกที่จะถอยออกไป หากเจียงอี้กล้าที่จะสร้างความวุ่นวายในตำหนักฝึกยุทธนั่นก็หมายความว่าเขากำลังพาตัวเองเข้าสู่ปัญหา ดังนั้นมันจึงไม่คุ้มที่จะเข้าไปยุ่งกับคนบ้าเช่นนี้

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี เจียงซงก็รีบวิ่งตรงมาที่ประตู เขามั่นใจว่าเจียงอี้ไม่ได้พูดเล่นและดูเหมือนว่าเจียงกู้ซุ่ยกับเจียงหยูหลางเองก็ไม่คิดที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

แน่นอนว่าเจียงซงในตอนนี้ไม่สามารถพึ่งพาเจียงหยูหู่ได้ ดังนั้นตราบใดที่เขาวิ่งออกไปและตะโกนว่าเจียงอี้ทำร้ายคน เขาจะต้องถูกตำหนักลงทัณฑ์ลงโทษอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามยังมีคนที่รวดเร็วกว่าเขา เจียงซงสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปและมองเห็นท่อนขาที่กำลังหวดเข้ามา เจียงซงตื่นตระหนกและเริ่มกรีดร้องออกมา

“นายน้อยสาม! พี่หลาง! พี่หู่! ช่วยข้าด้วยยย!”

ในขณะที่ร้องขอความช่วยเหลือ เจียงซงก็ยังปลดปล่อยการโจมตีของตัวเองเพื่อต้านทานลูกเตะที่พุ่งเข้ามา

แกร๊กก!

เสียงกระดูกหักดังออกมาให้ได้ยิน ภายใต้พละกำลังจากลูกเตะของเจียงอี้ที่ปราศจากความเมตตา แขนทั้งสองข้างของเจียงซงก็ถูกบดขยี้และหักราวกับกิ่งไม้!

ปังง!

เมื่อร่างของเจียงอี้ลงถึงพื้น เขาก็ทะยานขึ้นไปในอากาศอีกครั้งพร้อมกับส่งลูกเตะหวดไปยังร่างของเจียงซง

“เจียงอี้ เจ้าบ้าไปแล้วรึ?!”

“เจียงอี้ หยุดเดี๋ยวนี้!”

ในฐานะนายน้อยสาม ในที่สุดเจียงกู้ซุ่ยก็ต้องยื่นมือเข้ามา หากเขายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เพียงขาของเจียงซงจะถูกทำลายแต่เขาอาจจะกลายเป็นคนพิการได้เลย

ส่วนเจียงหยูหลาง บิดาของเขาเป็นถึงรองผู้อาวุโสตำหนักลงทัณฑ์ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้ในสถานการณ์เช่นนี้

แกร๊ก!

“อ๊ากกกกกกก!!”

คำตอบที่ทั้งคู่ได้รับก็คือเสียงกระดูกหักตามมาด้วยเสียงร้องอันน่าเวทนาของเจียงซง เจียงอี้ราวกับคนหูหนวก แม้ว่าเจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลางจะตะโกนขึ้นอีกครั้ง แต่เจียงอี้ก็ยังคงกระทืบไปที่ขาข้างที่เหลือของเจียงซง

หลังจากที่ทำลายขาอีกข้างแล้ว เจียงอี้ก็หันหลังกลับมาและกล่าวกับเจียงกู้ซุ่ยด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

“ตระกูลเจียงมีกฎที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร นั่นคือการไม่ดึงคนใกล้ตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง ถูกต้องหรือไม่? หากเจียงหยูหู่และพวกของมันเลือกที่จะมาแก้แค้นข้า ข้าจะไม่มีบ่นแม้แต่น้อย แต่พวกมันกลับลงมือทำร้ายสาวใช้ของข้า! วันนี้ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ก็ตาม ข้าก็จะทำให้พวกมันทั้งสามตัวกลายเป็นคนพิการให้ได้!”

หลังจากที่กล่าวจบ เจียงอี้ก็เหลือบไปมองเจียงเป่าและในพริบตา เขาก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เจียงอี้ในตอนนี้ดูไม่ต่างไปจากหมาบ้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น ขาทั้งสองข้างและเสื้อคลุมของเขายังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเจียงซง

“เจียงอี้ หากเจ้ายังกล้าลงมือทำร้ายคนในตระกูลเดียวกันเช่นนี้ วันนี้จะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้!”

“ถูกต้องแล้ว เจียงอี้ หากเจ้ายังกล้าขยับอีกก็อย่าโทษว่าพวกเราไร้ความเมตตา!”

เจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลางเปล่งเสียงตะโกน ในขณะเดียวกันเจียงหยูหู่ก็ยังหลบอยู่ด้านหลังพวกเขา ในตอนนี้เจียงหยูอิงกำลังไปตามพี่ชายของเขามา หากเจียงหยูหลงมาถึงเมื่อไหร่ เจียงอี้ก็จะเหลือเพียงทางเลือกเดียว นั่นก็คือความตาย!

สิ่งที่เจียงอี้กระทำในวันนี้คือการฉีกหน้าตำหนักลงทัณฑ์ แม้ว่าพวกเขาจะเผลอลงมือสังหารเจียงอี้ แต่มันก็ไม่ถือเป็นโทษร้ายแรง อย่างมากสุดพวกเขาก็จะถูกตำหนิเท่านั้น

ปังง!

เจียงอี้เพิกเฉยต่อคำขู่ของเจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลงโดยสิ้นเชิง เขาเพียงแค่เหวี่ยงหมัดออกไปโดยไม่แม้แต่จะใช้ทักษะต่อสู้ แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการกำจัดขยะที่อยู่ในขอบเขตฉูติ่งขั้นที่สองอย่างเจียงเป่า

ในขณะที่กำลังหลบหนี เจียงเป่าก็ถูกกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างรุนแรงและกระอักเลือดออกมากองหนึ่ง เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปนอกเสียจากตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยความกลัว

“นายน้อยสาม! พี่หลาง! ได้โปรดช่วยข้าด้วย ไม่อย่างนั้นข้าตายแน่!”

เจียงกู้ซุ่ยและเจียงหยูหลางยังคงไม่ขยับเขยื้อน มันไม่สำคัญว่ามดปลวกอย่างเจียงเป่าจะพิการหรือตาย แต่มันจะยิ่งเพิ่มความผิดให้กับเจียงอี้ ถึงอย่างนั้นสีหน้าของพวกเขาทั้งคู่ก็ยิ่งดูย่ำแย่กว่าเดิม

แกร๊ก!!

หลังจากที่ทำลายขาทั้งสองข้างของเจียงเป่า สายตาของเจียงอี้ก็จับจ้องไปยังเจียงกู้ซุ่ย, เจียงหยูหลางและเจียงหยูหู่

เจียงหยูหลางไม่สามารถทนต่อการกระทำที่ไม่เห็นหัวเขาได้อีกต่อไป ในที่สุดเขาก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ

“เจียงอี้! นี่เป็นโอกาสสุดท้าย จงหยุดซะ! และรอให้ตำหนักลงทัณฑ์พิจารณาโทษของเจ้า มิฉะนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราไม่สุภาพ!”

พวกเขาทั้งคู่ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นที่ห้า ในสายตาพวกเขา เจียงอี้ไม่นับเป็นภัยคุกคามใดๆ แม้ว่าเขาจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแต่ถึงอย่างนั้นระดับการบ่มเพาะพลังของเขาก็ยังต่ำกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาหักข้าเจียงหยูหู่ต่อหน้าต่อตา?

“วันนี้หากว่าข้าไม่ได้ทำให้เจียงหยูหู่กลายเป็นคนพิการ ทุกคนที่คิดจะเข้ามาขัดขวางก็จงรับผลที่ตามมาให้ดี!”

เจียงอี้ยังคงก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความเย็นชา เสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดและจิตสังหารที่เขาปลดปล่อยออกมาทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในตอนนี้ดูน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

“เหอะ! เจียงอี้ เจ้ากล้าทำความผิดอุกอาจเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณชน ข้าเตือนเจ้าแล้วแต่ในเมื่อเจ้ายังคงดื้อดึงเช่นนี้… พวกเรา! ลงมือจำกัดมันซะ!”

เจียงกู้ซุ่ยคำรามในขณะที่พุ่งเข้าหาเจียงอี้เป็นคนแรก ด้วยฐานะของนายน้อยสามแห่งตระกูลเจียงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะอยู่เฉยอีกต่อไป แม้ว่าเจียงอี้จะดูน่ากลัว แต่ต่อหน้าคนนับสิบ เขาจะยังทำอะไรได้?

“ไปหักขาไอ้หมาบ้านั่นและส่งมันไปยังตำหนักลงทัณฑ์ให้พ่อข้าเป็นคนตัดสิน!” เจียงหยูหลางกล่าวขณะที่พุ่งไปหาเจียงอี้จากอีกด้าน

“เยี่ยม!”

นี่คือผลลัพธ์ที่เจียงหยูหู่ต้องการ ไม่ว่าเจียงอี้จะมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้แน่ ต่อไปก็รอเพียงแค่ให้เจียงหยูหลงมาถึงก็เท่านั้น

“ข้าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเจ้า! อย่าได้บังคับข้า ไสหัวไปซะ!”

ประกายแสงสีดำแล่นผ่านม่านตาของเจียงอี้ เขาโคจรแก่นแท้พลังสีดำในขณะเดียวกันก็ปล่อยหมัดมายาทั้งหกหมัดตรงไปยังเจียงกู้ซุ่ย

“หึ! หมัดมายารึ? ข้าก็ทำได้!”

เจียงกู้ซุ่ยแสยะยิ้มและปล่อยหมัดมายาทั้งหกออกไปต้านทานหมัดของเจียงอี้ จากมุมมองของเขา มันยังคงมีความแตกต่างในเรื่องของระดับพลัง ด้วยพละกำลังที่เทียบเท่ากับม้าห้าตัว หากเจียงอี้ยังคงดึงดันเข้ามาปะทะตรงๆก็เพียงแต่จะทำให้ตัวเองขายขี้หน้าเท่านั้น!

ฟึบ!ฟึบ!

แต่ทันใดนั้นเองสีหน้าของเจียงกู้ซุ่ยก็เปลี่ยนไป เพราะจู่ๆหมัดมายาของเจียงอี้ก็เปลี่ยนมาเป็นหมัดจอมพลังและในขณะที่เขากำลังเปลี่ยนรูปแบบทักษะให้ตรงกัน รูปแบบการโจมตีของเจียงอี้ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ฝ่ามือของเขายืดออกและรัดท่อนแขนของเจียงกู้ซุ่ยไว้ราวกับงู ด้วยความเร็วในการเปลี่ยนรูปแบบในพริบตาทำให้เจียงกู้ซุ่ยไม่สามารถตอบสนองได้ทัน

ปังง!

แม้ว่าจะมีความต่างด้านระดับพลัง แต่เจียงกู้ซุ่ยก็ยังลอยกระเด็นออกไปโดยการโจมตีของเจียงอี้ โชคดีที่เจียงอี้ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

“คิดจะเทียบกับข้า? เจ้ามันช่างอ่อนหัดยิ่งนัก… ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้?”

เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดังสะท้อนอยู่ในตำหนัก เจียงอี้ยังคงมุ่งไปข้างหน้า หากผู้ใดกล้าเข้ามาขัดขวาง คนผู้นั้นก็จะถูกกำจัดออกไป เจียงกู้ซุ่ยเองก็เป็นตัวอย่างที่ดี ไม่น่าเชื่อเลยว่าเศษขยะของตระกูลอย่างเจียงอี้จะกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้!

เจียงอี้ไม่แม้แต่จะใช้พลังจากแก่นแท้พลังสีดำเพื่อเสริมพละกำลัง เขาเพียงแค่ใช้มันปรับทัศนวิสัยเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะเอาชนะคนที่อยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ยากเย็น

ขอบเขตฉูติ่งขั้นที่ห้าอย่างนั้นหรือ? ในสายตาของเจียงอี้ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากกองขยะ!

ปัง!ปัง!ปัง!

“โอ๊ยย!”

“บัดซบ!”

“ขะ… ข้ายอมแล้ว!”

ร่างแล้วร่างเล่าถูกส่งลอยออกไปคนละทิศคนละทาง ดวงตาของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความกลัว มีบางคนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นโจมตีต่อ พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวต่อปีศาจตรงหน้าอย่างแท้จริง

แม้แต่เจียงหยูหลางผู้ซึ่งบรรลุขอบเขตฉูติ่งขั้นที่ห้าก็สามารถรับมือเจียงอี้ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นก่อนที่จะถูกส่งลอยออกมา เพียงแค่เวลาสั้นๆแต่เจียงอี้ก็ได้ทิ้งรอยฝ่ามือสีแดงไว้บนผิวหนังของเขาแล้ว

“บ้าเอ้ย!”

เจียงหยูหู่ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เห็นเจียงอี้ระเบิดพลังสุดแกร่งออกมา เขาก็ไม่กล้าดูอีกต่อไป เขารีบย่อตัวลงและค่อยๆคลานไปยังประตูอย่างช้าๆเพราะกลัวว่าจะถูกสังเกตเห็น

บ้าจริง! ทำไมท่านพี่ถึงได้มาช้านักนะ? หากยังไม่รีบมามีหวังข้าได้มีสภาพเดียวกับเจียงเป่าและเจียงซงที่นอนกองอยู่บนพื้นแน่!

“เหอะ! ยังพยายามหนีอีกรึ? เจียงหยูหู่ จงมารับความผิดของเจ้าซะ!”

จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจียงอี้จะยอมปล่อยมันไปง่ายๆ พริบตาเดียวเขาก็เคลื่อนที่ผ่านผู้คนด้วยท่าก้าวอันแปลกประหลาด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะท่าก้าวเทวะในตระกูลเจียงโดยไม่สนใจว่าจะถูกเชื่อมโยงกับหมาป่าเดียวดายแห่งโถงวรยุทธหรือไม่

“เจียงหยูหู่ เจ้าจะยอมรับความผิดของตัวเองหรือไม่!?”

แต่ทันใดนั้นเองในช่วงเวลาสำคัญ ที่ด้านข้างของประตูก็ปรากฏคนผู้หนึ่งที่มีร่างกายอันใหญ่โตกำยำ เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังจะลงมือทำร้ายเจียงหยูหู่ เขาก็รีบคำรามด้วยความเดือดดาลในทันที

“ไอ้ลูกหมา! กล้าดียังไงถึงได้ทำร้ายน้องชายของข้า?!”

“เจียงหยูหลง?”

เจียงอี้จ้องมองไปยังคนผู้นั้นและถอนกำปั้นกลับมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้มือกระชากไปที่ผมของเจียงหยูหู่และยกร่างที่อวบอ้วนของมันลอยขึ้นจากพื้น

เขายกร่างของเจียงหยูหู่ จากนั้นเขาก็ถีบไปที่หน้าอกของมันและหัวเราะด้วยความสะใจขณะที่เหลือบมองเจียงหยูหลง

“ข้าไม่เพียงแต่ทำร้ายมัน แต่ข้าจะทำให้มันกลายเป็นคนพิการ!”

“เจ้าต้องการสังหารข้ารึ? ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่?!”

แกร๊ก!

ก่อนที่จะได้พูดจบประโยค เจียงอี้ก็ยกขาของเขาและกระทืบไปบนขาของเจียงหยูหู่อย่างโหดเหี้ยม...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด