บทที่18
ผู้แปล loop
เมื่อวันที่ผ่านๆมาตามปกติแล้ว ดงซูบินเองจะพยายามฝึกฝนในการใช้พลังของเขาให้คุ้นเคย
ซึ่งในเช้าวันพุธหลังจากที่ดงซูบินตื่นขึ้นมา เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากฉูยวน ฉูยวนโทรชวนดงซูบินให้ไปทานข้าวเช้าด้วยกันกับเธอ
เนื่องจากจะมีคนดังแวะมาเยี่ยมที่ทำงานของเธอวันนี้ เธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ด้วยรูปร่างของเธอที่สมส่วนแล้วเมื่อเอาเธอไปเปรียบเทียบกับต้าหลินเหม่ยกับฉางจ้วงแล้วนั้น สองคนนั้นดูเทียบไม่ติดฝุ่นเลยต่อให้เป็นดาวมหาลัยเองก็มิอาจสู้ความสวยงามของเธอได้ ซึ่งดงซูบินเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาความสวยของฉูยวนไปเปรียบเทียบกับใครได้ในตอนนี้
“ฉูยวน” ระหว่างทานอาหารเช้าดงซูบินอดไม่ได้ที่จะชมเธอ “วันนี้เธอดูสวยมากเลยนะ”
แต่หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจในทันที “ทำไมฉันถึงพูดถึงอย่างงั้นออกไป?”
ฉูยวนเธอเองก็ได้แต่เขิน เธอจ้องมองที่ดงซูบินและแสร้งทำเป็นว่าเธอจะตีเขา:“นายต้องการให้ฉันไปตีนายรึไง”
ดงซูบินก็ยังคงทำเป็นนิ่งและทานอาหารเช้าด้วยความรวดเร็ว
“กินช้าๆ ไม่มีใครแย่งนายกินหรอก” ฉูยวนกลอกตาและเช็ดไปที่มุมปากของดงซูบินด้วยกระดาษทิชชู่ และเธอก็ถามด้วยความนุ่มนวลว่า:“เมื่อวานเป็นวันแรกของการทำงานสินะ ในฐานะพี่สาว ฉันเองก็มีคำแนะนำดีๆให้กับนาย นั้นคือ นายจะต้องระวังคำพูดของนายให้มากๆ เพราะมันมีกฏที่ไม่ได้พูดในภาครัฐ อย่างเช่นว่า เมื่อนายเริ่มขัดคอกับหัวหน้า นายอาจจะทำงานอยู่ที่นั้นลำบาก ดังนั้นพยายามพูดให้น้อยที่สุด หากนายจำเป็นต้องประจบหัวหน้า นายก็ทนๆประจบเขาไปก่อน มันจะเป็นผลดีสำหรับนาย นายจำสิ่งที่ฉันพูดได้ไหม”
ดงซูบิน ตอบว่า:“ได้สิ”
หลังอาหารเช้าดงซูบินบอกลาฉูยวนก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปทำงาน
ที่ใต้อพาร์ทเม้นต์เองดงซูบินก็ได้พบป้าซูและลูกชายของเธอ เธอดูเหมือนเธอกำลังจะพาลูกชายของเธอออกไปข้างนอก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะขึ้นแท๊กซี่ เมื่อป้าซูเห็นดงซูบินเธอเบิกตากว้างและยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะพูดว่า “ซูบิน! เธอกำลังจะไปทำงานหรอ แล้วที่ทำงานเป็นอย่างไงบ้าง”ตอนนี้ท่าทางของป้าซูที่มีต่อดงซูบินเปลี่ยนไปมากหลังจากที่ดงซูบินได้เป็นข้าราชการ ซึ่งเธอดูไม่หยิ่งเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ดงซูบินตอบกลับเธอไปว่า:“ไม่มีอะไรมากครับ มันก็มีงานยุ่งๆในช่วงเช้า และ ช่วงบ่ายก็จะว่างๆ”
ณ ขนาดนั้น เสี่ยวตงเองก็มองหน้าดงซูบินด้วยใบหน้าเคร่งขรึมก่อนที่เขาจะเข้าไปในรถแท็กซี่
ป้าซูยังเปิดกระจกลงรถแท็กซี่และกล่าวว่า“อย่างงั้นเราไปก่อนนะ เสี่ยวตงเขาอยากไปเที่ยวตลาดโบราณนะ”
“ได้เลยครับ เดินทางปลอดภัย” ‘ฮ่าฮ่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อฉันเข้ารับราชการ ถึงแม้มันยังไม่ได้เป็นทางการก็ตามเถอะ’
ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายดงซูบิน เขาเดินทางไปขึ้นรถโดยสารสาธารณะเพื่อไปยังสำนักงานสาขาเขตตะวันตก เขายิ้มให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ป้อมยามและเข้าไปในอาคารร่วมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่เขาไม่รู้จัก โดยเขาเดินไปที่อาคารสีเทาและเข้าไปในสำนักงาน หลังจากเอาข้าวใส่ไว้ใต้โต๊ะทำงาน เขาก็หยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วกวาดสำนักงาน
ในอดีตการทำความสะอาดสำนักงานเป็นหน้าที่ของเกาแพนเหว่ย ซึ่งเขาพยายามทำอย่างนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขานั้น“ทำงานหนัก” เพื่อให้หัวหน้าของเขาเห็นถึงความขยันของเขา แต่หลังจากที่หัวหน้าโจวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาแพนหว่ยเองก็ไม่ได้ทำความสะอาดสำนักงานอีกเลย ทำไมอย่างงั้นหรอ? เพราะหัวหน้าของเขาไม่ได้อยู่แถวนั้นแล้ว แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องทำมันอีก?
“โอ้ซูบิน? ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยเนี่ย?” ฉางจี้เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าของเขา
ดงซูบินยิ้ม:“วันนี้รถไม่ค่อยติดนะครับ วันนี้ผมเลยมาถึงเร็วกว่าปกติ”
ในไม่ช้าเกาแพนเหว่ยและฉ้างจ้วงก็เดินคุยกันเข้ามาในสำนักงาน
ต้าหลินเหม่ยเองก็เป็นคนที่ห้าที่มาถึงและ จ้วงจื้อเป็นคนที่หกและคนสุดท้ายคือพี่หยางที่เข้ามาในสำนักงาน
ซึ่งวันนี้ที่เป็นวันพุธค่อนข้างที่จะไม่ค่อยมีงาน เนื่องจากงานส่วนใหญ่ไปกองกันอยู่ที่วันจันทร์และวันอังคารแล้ว ซึ่งตอนนี้ดงซูบินเองก็เห็นว่า ต้าหลิงเหม่ยเองก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือ เขาหยิบผ้าถูพื้นและนำมันไปทำความสะอาดในห้องน้ำด้านนอกทางเดิน และนำมาถูในห้อง นอกจากนี้เขายังถูโถงทางเดินด้านนอกสำนักงาน เพราะมีคนที่ทำให้พื้นที่ตรงนั้นสกปรกซึ่งเต็มไปด้วยน้ำลายและเมล็ดแตงโมงกระจายอยู่เต็มพื้น
ในขณะที่ดงซูบินกำลังทำความสะอาด เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากปลายทางเดิน
เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายอายุ 50 ปีเดินช้าๆมายังทิศทางของเขา ชายคนนั้นกำลังเดินขากะเผลกเล็กน้อย ขาซ้ายของเขาอาจก้าวได้ไกลกว่าขาขวา ซึ่งเขาดูเหมือนว่าเขาจะเดินด้วยจังหวะที่ไม่พร้อมกัน ดงซูบินเองก็รู้ดีว่าบุคคลนี้น่าจะเป็นรองหัวหน้า โจวฉางจู ซึ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเป็นหัวหน้าสำนักงานกิจการที่นี้
ดงซูบินต้องการสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าของเขา และเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา อีกทั้งดงซูบินเองก็ยังคงถูพื้นอย่างขยันขันแข็ง
“คุณคือใครกัน” โจวจางชุนถามอย่างงงงวย
ดงซูบินแสร้งทำเป็นแค่สังเกตุเห็นเขาและดงซูบินก็หยุดซักพักแล้วเช็ดเหงื่อที่ออกจากหน้าผากของเขา:“อ่า……คุณต้องเป็นรองหัวหน้าโจวแน่ๆเลย? ยินดีที่ได้รู้จัก. ผมเพิ่งมาทำงานที่สำนักงานนี้ ผมชื่อดงซูบิน……”
โจวฉางจู ตอบกลับอย่างสั้น ๆ และก็เดินเข้าสำนักงาน:“โอเค”
“รองหัวหน้าโจวผม……” ดงซูบินคิดว่าหัวหน้าจะถามคำถามอื่นกับเขา แต่เขาแค่เดินผ่านดงซูบินไป ดงซูบินคิดในใจว่ามีอะไรผิดปกติกับหัวหน้าหรือเปล่า?
แต่เมื่อดงซูบินคิดว่ารองหัวหน้าโจวเป็นคนที่เข้มงวดมากและพูดไม่เยอะ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าโจวฉางจูทักทายสมาชิกที่เหลือในสำนักงานอย่างเป็นมิตร “ขอบคุณที่ทำงานหนักทุกคน ฮ่าฮ่า มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นเมื่อบางตอนที่ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล”
ต้าหลิงเหม่ยพูดติดตลก:“หัวหน้าโจว! คุณยังไม่ไว้ใจพวกเราอีกเหรอ?”
ฉางจ้วงหัวเราะเย้าอย่างเย้ายวน:“ถูกต้อง หัวหน้าโจวตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราเคยสร้างปัญหาให้คุณ?”
เกาแพนเหว่ยเดินไปหารองหัวหน้าโจว:“เดียวผมจะชงชาให้หัวหน้าดื่มสักถ้วยนะครับ”
“หัวหน้าโจวอาการดีขึ้นรึเปล่าครับ?” ฉางจี้ถาม
ดงซูบิน ตกตะลึงและเขาตบหน้าผากของเขา เขาตระหนักว่าทำไมโจวฉางจูจึงปฏิบัติต่อเขาอย่างเยือกเย็น ทุกคนในสำนักงานพูดถึงเขาในฐานะหัวหน้าโจวซึ่งไม่มีคำว่ารองอยู่ในนั้น ดงซูบินกลายเป็นคนโง่ที่ทักทายเขาในฐานะรองหัวหน้าโจว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำพูด แต่ก็มีความแตกต่างอย่างมาก ผู้คนจะรู้สึกดีขึ้นหากไม่มีคำว่ารอง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคุณเคารพหัวหน้าคนนั้น นี่เป็นกฏที่ไม่ได้พูดในภาครัฐ ทุกคนจึงทำสิ่งนี้ออกมา
ที่จริงแล้วดงซูบินก็รู้จักกฎนี้เช่นกัน คุณปู่หูเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังที่โรงพยาบาล แต่ดงซูบินไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริงๆ แต่ตอนนี้เขาได้เข้ามาทำงานในภาครัฐแล้ว และเขาได้ทำให้หัวหน้าของเขารู้สึกขุ่นเคืองในวันที่สองของการทำงาน นี่เป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด ซึ่ง ณ เวลานั้นเขาต้องหาทางกลับไปแก้ไขมัน
ดงซูบินจึงตัดสินใจที่จะตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว:“ย้อนกลับ!”
......
สภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไป
เมล็ดแตงโมปรากฏขึ้นบนพื้นที่สะอาดไปแล้วอีกครั้ง
แตะแตะแตะ มันเป็นเสียงฝีเท้า
“คุณคือใครกัน” ใบหน้าที่ดูซีดจางของโจวจางชุนปรากฏตัวที่ด้านหน้าของดงซูบิน
“แอมป์? คุณต้องเป็นหัวหน้าโจวใช่หรือไหม?” ดงซูบินพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น “ผมเป็นพนักงานใหม่ ชื่อของผมคือดงซูบิน ดีใจที่ได้พบคุณหัวหน้าโจว”
โจวฉางจูยิ้มและพยักหน้า “นายดูกระฉับกระเฉงดีนะ นายพึงเริ่มงานเมื่อวานสินะ? ปรับตัวได้หรือยังล่ะ?”
ดงซูบินตอบกลับเขาไปว่า:“ขอบคุณหัวหน้าที่ถาม ผมเริ่มคุ้นเคยกับงานบางแล้ว”
โจวฉางจูตบไปบนไหล่ของดงซูบิน:“ดีมากๆขยันจริงๆ.”
ตอนนี้การแสดงออกของโจวฉางจูต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ดงซูบินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา ‘เฉียดฉิว’.