บทที่ 25 + 26
ผู้แปล loop
ในวันถัดมา ณ สำนักงานกิจการทั่วไป
ดงซูบินอ่านข้อมูลการลงทุนในตลาดหุ้นในตอนเช้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน ซึ่งวันนี้เขาใช้เวลาเดินทางและเข้างานได้ตรงเวลาเป๊ะ
ต้าหลินเหม่ยพูดติดตลก:“ซูบิน! ทำไมวันนี้นายมาช้าจัง บอกฉันมาสิ. นายแอบไปออกเดทกับแฟนมาอีกแล้วใช่ไม?”
ดงซูบินยิ้มแล้ววางกระเป๋าไว้บนโต๊ะทำงานของเขา “เลิกแซวเถอะ ฉันยังไม่มีแฟนสักหน่อย” ดงซูบินเองยังไม่เคยออกเดทกับสาวๆมาก่อน ในขณะที่เขาอยู่ในโรงเรียน ดงซูบินถือได้ว่าเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาและมาจากครอบครัวที่ยากจน ไม่มีรถยนต์และบ้าน แน่นอนว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาสนใจเขาในเวลานั้น
“อ๋อ” ฉางจ้วงหัวเราะ “น้องซูบินจ๊ะ ต้องการพี่สาวคอยให้คำแนะนำเรื่องผู้หญิงบ้างไมล่ะ”
ดงซูบินยิ้มและพูดว่า:“ขอบคุณพี่จ้วง แต่ตอนนี้ผมขอผ่านนะครับ”
“ถ้าน้องซูบินสนใจอยากหาสาวๆคุยด้วยก็บอกพี่ได้นะ พี่รู้จักสาวๆเยอะแยะไปหมด และยังสามารถแนะนำให้น้องซูบินได้เลยนะ”
แท้จริงแล้วดงซูบินเองก็ไม่อยากเป็นโสดอีกทั้งเขาอิจฉาคนที่มีแฟนอยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยหน้าตาและภูมิหลังของครอบครัวของเขามันเป็นเรื่องยากที่จะหาแฟนได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปในอาชีพของเขาให้มากที่สุดก่อน เมื่อเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้า เขาก็จะมีเงินและการหาแฟนก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับดงซูบินเอง
10 นาทีต่อมา โจวฉางจูเข้ามาในสำนักงาน มันเป็นสิทธิ์ของหัวหน้าที่จะมาสายได้ ไม่มีใครจะพูดอะไรในเวลานั้น
เกาแพนเหว่ยกำลังรอโจวฉางจูอยู่ เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของโจวฉางจู เขารีบวิ่งไปชงชาในทันที
ฉางจี้เองก็แสร้งทำเป็นทำงานหนัก หลังจากหัวหน้าโจวเข้าไปในสำนักงานแล้ว เขาก็กลับมาขี้เกียจดังเดิม เขาหันไปหาดงซูบิน:“ซูบิน! นายควรจะไปทำความสะอาดสำนักงานนะ อย่ารอจนกระทั่งหัวหน้าเข้ามาสิ เดียวเขาจะด่าพวกเราได้ และถ้าหลังจากนี้นายว่างก็ช่วยถูพื้นด้วย” แท้จริงแล้วสำนักงานจะมีเฒ่าหวังซึ่งเป็นพ่อบ้านที่คอยทำความสะอาดทุกวันอยู่แล้ว เขาจะมีหน้าที่ในการยกน้ำขึ้นมาเติมและทำความสะอาดบริเวณทางเดินและในห้องอยู่เป็นกิจวัตร
ดงซูบินรู้สึกโมโหเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ฉางจี้พูดเพราะว่าเขาเป็นคนที่ทำความสะอาดสำนักงานเป็นคนสุดท้าย และตอนที่เขามาก่อนเขาก็เป็นคนเริ่มทำความสะอาดก่อนด้วย ดังนั้นดงซูบินจึงคิดว่าทำไมถึงต้องเป็นตาของเขาอีกครั้ง? ‘สงสัยว่าหมอนี้กำลังจะพยายามท้าทายฉันอยู่ ถ้าเป็นคำสั่งของหัวหน้าโจว ฉันจะไม่รังเกียจที่จะทำมันเลย แต่หมอนี้เป็นใครจะมาสั่งฉันให้ฉันทำนู้นนี้นั้น อีกทั้งหมอนี้ขอให้ฉันทำงานทั้งหมดของเขาในที่ทำงานและหมอนี้ยังต้องการที่จะเป็นหัวหน้าฉันอีก ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับงานเลย?
ดงซูบิน อดทนมามากเกินพอแล้วและเขากำลังจะระเบิดมันออกมา
จ้วงจื่อซึ่งเป็นเพื่อนกับดงซูบินรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดในสำนักงานและพูดทันทีว่า“เดียวฉันช่วยทำความสะอาดสำนักงานเอง”
ดงซูบินไม่ได้พูดอะไรและหยิบเศษผ้าและทำความสะอาดสำนักงานกับจ้วงจื้อ
ฉางจี้จ้องมองไปที่ดงซูบินและตะโกนสั่งเขาเสียงดัง
ซึ่งตอนนี้ทุกคนในสำนักงานกำลังยุ่งอยู่กับการงานต่าง ๆมากมาย ในตอนเช้า
โดยที่หัวหน้าโจวไปประชุมที่ห้องประชุมชั้นสาม และจะกลับมาในตอนเที่ยง
เวลาประมาณ 02.55 น. แหวน, แหวน, แหวน โทรศัพท์ของสำนักกิจการดังขึ้น ดงซูบินที่ยืนอยู่ที่เครื่องถ่ายเอกสารและใกล้กับโทรศัพท์มากที่สุด เขาเดินไปรับมันและพูดว่า:“สวัสดีครับ สำนักงานกิจการทั่วไปครับ” ฉันหัวโจว “ซูบินนายมาที่ห้องของฉันเดี๋ยวนี้”
"ครับ. ผมจะไปเดียวนี้” ‘ฮ่า! ในที่สุดโอกาสของฉันก็มาถึง!’
ณ ห้องทำงานของโจวฉางจู
โจวฉางจู หัวเราะอย่างมีความสุขและชี้ไปที่แผนภูมิหุ้นบนจอคอมพิวเตอร์ของเขา “ฉันเพิ่งจะขายหุ้นทั้งหมดของฉันและฉันจะซื้อชิปสีน้ำเงินหนึ่งหรือสองใบ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี นายช่วยแนะนำให้ฉันหน่อย” โจวฉางจูไม่ได้พูดถึงหุ้นรถไฟ ต้าชิจากครั้งก่อนเลย และดงซูบินก็ไม่โง่ที่จะพูดถึงเรื่องนั้น
“ได้ครับ แต่ผมขอดูก่อนนะครับ”
“ไปเอาเก้าอี้มานั่งสิ”
"ไม่เป็นไรครับ. เดียวผมยืนตรงนี้ก็ได้ครับ”
ตลาดหุ้นในช่วงเช้านี้ค่อนข้างดี หุ้นที่กำไรสูงสุดคือหุ้นเข้าใหม่ มันเพิ่มขึ้นประมาณ 98.03% และหุ้นที่สองถึงแปดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ส่วนที่เหลือของหุ้นเช่นหุ้นเภสัชกรรมหุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 7%
“เป็นไงบ้าง” โจวฉางชุนถาม “ฉันควรเลือกหุ้นแบบไหน?”
ดงซูบินใช้เมาส์และคลิกที่แผนภูมิของบางส่วน “รอสักครู่นะครับ ผมขอวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ก่อน”
โจวฉางจูค่อยๆจิบชาของเขา “ไม่ต้องรีบ ใช้เวลาในการวิเคราะห์หุ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือหุ้นที่ดีที่สุดและมูลค่าคงที่ที่สุดด้วย”
ตอนนี้ตลาดหุ้นใกล้ปิดแล้วและดงซูบินก็มองไปที่รายชื่อของหุ้นที่ตกของบริษัทหนึ่งที่อยู่ในอันดับต้น ๆของรายการ หุ้นตัวนั้นเป็นของบริษัท ที่ชื่อว่าไห่หนานลับเบิล มันลดลง 10.03% และกำลังจะตกลงไปจุดต่ำสุด ดงซูบินมองที่แผนภูมิและมองผ่านข่าวล่าสุดของ บริษัทแห่งนี้ โดยบริษัทแห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเมื่อไม่นานมานี้และถือหุ้นทางการเกษตร ซึ่งบริษัทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ทำกำไรมากสุดในตลาดตอนนี้ แต่โดยพื้นฐานแล้วบริษัทนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของผู้ถือหุ้นได้ จึงทำให้หุ้นมีมูลค่าลดลงมาเรื่อยๆจนเกือบจะถึงจุดต่ำสุด
โจวฉางจูขมวดคิ้วขณะที่เขามองที่หน้าจอ เขาโบกมือ:“ดูบริษัทต่อไป ฉันไม่คิดว่าบริษัทนี้จะคุ้มที่จะเสียงเพราะดูจากผลของมูลค่าหุ้นมันได้ไม่ดีและก็ใกล้จะปิดตลาดของวันนี้แล้ว ดูหุ้นอื่นดีกว่า”
“ได้ครับ” เมื่อดงซูบินกำลังจะปิดหน้าต่างหุ้นของไห่หนานลับเบิลก็พุ่งสูงขึ้น
มีคำสั่งซื้อ 80,000 หุ้นให้กับบริษัท นี้
ในไม่ช้าคำสั่งซื้ออีก 20,000 หุ้นเข้ามาและยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมดเพื่อขาย เปอร์เซ็นต์การลดลงของราคาหุ้นลดลงเหลือ -7.26%
-6.17% ......
-5.32% ......
-3.78% ......
-2.02% ......
ในพริบตาราคาหุ้นเกือบจะเท่ากับจุดคุ้มทุน
มันเร็วอย่างน่าตกใจ
ดงซูบินไม่ลังเลและพูดว่า“ย้อนกลับ” ในใจของเขา
......
เวลากลับมาเป็น 1 นาทีก่อน
ตาของดงซูบินเบลอและอยู่ตรงหน้าเขาคือแผนภูมิราคาหุ้นไห่หนานลับเบิล
หุ้นนี้ก็ยังคงอยู่จุดต่ำสุดของตลาดก่อนที่จะตลาดหุ้นจะปิดตัวและยังไม่มีสัญญาณของการเคลื่อนไหวใด
โจวฉางจูมองที่จอภาพและพูดว่า: "ดูบริษัทต่อไป ฉันไม่คิดว่าบริษัทนี้จะคุ้มที่จะเสียงเพราะดูจากผลของมูลค่าหุ้นมันได้ไม่ดีและก็ใกล้จะปิดตลาดของวันนี้แล้ว ดูหุ้นอื่นดีกว่า”
หลังจากฝึกฝนมาหลายวันดงซูบินเริ่มจะคุ้นเคยกับพลังพิเศษของเขา เขาชี้ไปที่หน้าจอทันที:“หัวหน้าโจวรีบซื้อไห่หนานลับเบิลนี้ หุ้นจะเพิ่มขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน”
โจฉางจู ตกใจมาก “ฉันบอกนายแล้วว่าหุ้นตัวนี้มันไม่น่าจะไปรอด นายไม่เขาใจรึยังไง?”
ดงซูบิน ตอบทันที:“ไม่ต้องห่วงหรอก มูลค่ามันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ผมไม่หลอกหัวหน้าหรอก”
โจวฉางจูยังลังเลอยู่ “……แล้วนายเอาอะไรมาการันตี?”
“แค่เชื่อผมในครั้งนี้ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”ดงซูบิน พูดอย่างกังวลใจ
เนื่องจากโจวฉางจูไม่ได้ฟังดงซูบินเมื่อวานนี้เขาจึงทำกำไรได้น้อย ตอนนี้ดงซูบินดูเหมือนจะมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้หุ้นที่มีมูลค่าและมันจะเพิ่มขึ้นด้วย เขาขมวดคิ้วและคิดประมาณ 1 วินาทีแล้วพูดว่า:“ดี! ฉันจะซื้อหุ้นของบริษัทนี้” โจวฉางจูกดสั่งซื้อในโปรแกรมซื้อขายออนไลน์ รหัสของเขาถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ของเขาและเขาสามารถเข้าสู่ระบบและทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากซื้อหุ้นแล้วทั้งคู่ก็จ้องมองที่หน้าจออย่างเงียบ ๆ
ราคาหุ้นไห่หนานลับเบิลยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มีคำสั่งขายเกือบ 100,000 หุ้นในคิว
โจวฉางจูดูที่จอภาพและเคาะถ้วยน้ำชาของเขา เขาแตะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
‘ขึ้นมา!’
‘ขึ้นสิ ๆ ขึ้นสิ ๆ ขึ้นสิ!’
ดงซูบินยังคงกำกำปั้นของเขาอย่างหงุดหงิด
1 วินาที……
2 วินาที……
ทันใดนั้นมีคำสั่งซื้อจำนวนมากปรากฏบนหน้าจอ
ตามด้วยการซื้อขาย 20,000 หุ้น
ซื้อขายอีก 7,000 หุ้น
หัวหน้าโจวสามารถเห็นราคาหุ้นของไห่หนานลับเบิลได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าโจวกระแทกโต๊ะอย่างตื่นเต้น “มันขึ้นไปแล้ว ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น!”
ดงซูบินกระโดดด้วยความดีใจ เขาแสดงสีหน้าที่โล่งใจออกมา “มันจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป”
-7.26%
-6.17% ......
-5.32% ......
โจวฉางจูชี้ไปที่จอภาพ:“นี่เป็นหุ้นที่ดีเลย!”
-3.78% ......
-2.02% ......
....
บทที่ 26
ผู้แปล loop
ในตอนเช้า
ดงซูบินได้ดาวน์โหลดโปรแกรมตลาดหุ้นลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงานของเขาเพื่อนำมาวิเคราะห์ตลาดหุ้น
แท้จริงแล้วดงซูบินเองก็ต้องการจะหาเงินเช่นกัน แต่เขาก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเขามีเงินทุนที่จำกัดและกฏระเบียบมากมายสำหรับการที่จะเป็นนักเทรดหุ้นรายวัน ซึ่งการซื้อขายหุ้นนั้นเขาจะต้องรอวันถัดไปจึงจะเบิกได้ซึ่งระบบนี้รู้จักกันในชื่อของ ทีบวกหนึ่ง(T+1) และการ “ย้อนกลับ” ของดงซูบินทำได้แค่กลับไป 1 นาทีก่อนหน้าเท่านั้น เขาอาจจะรู้ว่าหุ้นจะเพิ่มขึ้นในนาทีถัดไป แต่เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตลาดปิด และความเสี่ยงสูงเกินไป
เช่นเดียวกับหุ้นของบริษัท ไห่หนานลับเบิลที่ราคาหุ้นสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดเพียงแค่หนึ่งนาที ทำให้หัวหน้าโจวมีความสุข แต่เมื่อตลาดปิดทำการราคาหุ้นย้อนกลับซึ่งในวันถัดไปมูลค่าของมันลดลงต่อเนื่อง ซึ่งมันทำกำไรไม่มากนักและหัวหน้าโจวเกือบจะขาดทุน
หลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ในวันเดียวนั้นก็มีอยู่ซึ่งมันชื่อว่า ทีบวกศูนย์(T + 0) ซึ่งมันคือใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อ โดยมันจะประกอบไปด้วยใบรับประกันเพียงใบเดียวเท่านั้นอีกทั้งมันยังมีอีกชื่อเรียกว่า- ซีดัลเบิลยูบีหนึ่ง(CWB1)มันเป็นใบสำคัญแสดงสิทธินี้ชนิดหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดีการซื้อหลักทรัพย์ประเภทนี้ก็เหมือนการซื้อปลาที่ตายแล้ว ราคาของมันลดลงหรือเพิ่มขึ้นไม่กี่เปอร์เซ็นทุกวันและเกือบจะไม่มีมูลค่าผันผวนทางใดๆเลย นี่คือสาเหตุที่ดงซูบิน ยอมแพ้ความคิดในการทำเงินผ่านการซื้อขายประเภทนี้ เขาจึงเปลี่ยนไปวิเคราะห์ตลาดหุ้นของโจวฉางจูเท่านั้น แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถรับประกันว่าจะทำเงินให้เขา แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้เขามีความสุข ด้วยวิธีนี้เขาจะได้ใกล้ชิดกับหัวหน้าของเขาโดยตรง
‘ดงซูบิน นายต้องทำงานให้หนัก!’
‘ทั้งหมดนี้เพื่อการเลื่อนขั้น’
“เหอ! ซูบิน! วันนี้นายมาเร็วนะเนี่ย”
"อรุณสวัสดิ์ทุกคน."
“สวัสดีตอนเช้า”
ทุกๆคนค่อยๆถยอยเข้ามาในสำนักงานอย่างช้าๆ
ดงซูบินทักทายเพื่อนร่วมงานของเขาและปิดโปรแกรมการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างรวดเร็ว
ฉางจี้เป็นคนสุดท้ายที่มาถึงสำนักงาน เขาเห็นว่ามีฝุ่นอยู่บนพื้นและพูดว่า:“ทำไมพื้นสกปรกอีกแล้วเนี่ย?วันนี้ไม่มีใครทำความสะอาดหรือยังไงกัน?” เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันก่อนโจวฉางจูหัวหน้าของพวกเขาต้องมาสายเพราะสุขภาพของเขา เกาแพนเหว่ยจึงไม่ได้สนใจกับการทำความสะอาดสำนักงานและมีแต่ดงซูบินที่เป็นคนที่ทำความสะอาด ฉางจี้เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วหันไปที่ดงซูบิน:“ซูบินนายไปแล้วกวาดพื้น”
‘ทำไมต้องเป็นฉันอีกแล้ว’ ซูบินคิดภายในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดงซูบิน ไม่เกี่ยงที่จะทำงานใดๆก็ได้ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อเปรียบเทียบกับวิถีชีวิตความยากจนที่เขามีตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมากับแม่ของเขา
ดงซูบินไม่สามารถยืนดูความหยิ่งพยองบนใบหน้าของฉางจี้ได้
เพราะดงซูบินถูกเขารังแกมาหลายครั้งมากแล้ว จนดงซูบินแทบจะทนไม่ไหว
แต่เมื่อ ดงซูบินจำได้ว่าเขาเพิ่งเป็นเด็กใหม่และฉางจี้มีพวกผู้มีอิทธิพลหนุนหลังเขาอยู่ มันทำให้ดงซูบินได้แต่กัดฟันของเขาไว้และถกแขนเสื้อขึ้น เขาหยิบไม้กวาดและที่ตักขยะมาจากด้านหลังประตูและเริ่มกวาด ดงซูบินรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังของฉางจี้ที่มีต่อเขามากขึ้นในสองวันนี้ เขาสามารถเดาเหตุผลได้ เพราะเด็กใหม่ทำให้เขาเสียหน้าโดยที่เขาทำงานที่รับมอบหมายไม่สำเร็จ ฉางจี้เลยอิจฉาดงซูบิน
ฉางจ้วงและเกาแพนเหว่ย แสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย
ต้าหลินเหม่ย และจ้วงจื้อ ไม่สามารถทนดูต่อไปได้ พวกเขายืนขึ้นและเริ่มช่วยดงซูบินกวาดสำนักงาน
ฉางจี้จ้องมองไปที่ 3 คนนั้นและก็หันกลับไปแชทในบอร์ดปลาสวยงามต่อไป
วันนี้ดงซูบินเหนื่อยมาก เขารู้สึกปวดหลังขณะที่เขาก้มลงกวาดที่มุมห้องสองสามวันมานี้เขาต้องทำความสะอาดสำนักงานทั้งหมดและยังคงต้องทำงานประจำให้เสร็จด้วย ยิ่งไปกว่านั้นฉางจี้ยังสั่งให้ดงซูบินทำหน้าที่เขาแทนด้วย มันทำให้ดงซูบินไม่มีเวลาพักผ่อนเลย
“ซูบินนายไปพักเถอะ ฉันทำเอง” จ้วงจือกล่าว
ดงซูบินหยุดและนวดที่แขนเล็กน้อยก่อนจะกลับไปกวาดต่อและเขาก็ฝืนยิ้ม:“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ.”
ต้าหลินเหม่ยชี้ไปที่ฉางจี้พร้อมกับคางของเธอและกระซิบ:“ไม่มีใครทนไอ้หมอนั้นได้หรอก” แม้ว่าต้าหลินเหม่ยจะเป็นคนปากสว่างและชอบนินทา แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ตอนที่ฉางจี้สั่งดงซูบินมันทำให้เธอก็โกรธ แต่เธอก็ไม่ได้พูดกับฉางจี้ตรงๆ
เพราะฉางจี้เป็นรุ่นพี่ในสำนักงานและยังมีคนที่หนุนหลังอยู่ด้วย มันไม่ดีเท่าไรที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง
10 นาทีต่อมาดงซูบินกวาดสำนักงานและกลับไปที่ที่นั่งของเขา เขายังคงหอบอยู่และกำลังจะทำงานที่เขาค้างอยู่เมื่อวาน
แต่ก่อนที่ดงซูบินจะหยุดพักหายใจ ฉางจี้ซึ่งอยู่ในตู้จกดน้ำชี้ไปที่ถึงเปล่า:“ไม่มีน้ำแล้ว ซูบินไปยกถังน้ำเข้ามา” ฉางจี้ไม่พอใจที่ดงซูบินจ้องมองที่หน้าเขาก่อนหน้านี้ สาเหตุที่ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาคือ พ่อขอฉางจี้สนิทกับกรมการเมืองแม้แต่หัวหน้าหลี่ชิงและโจวฉางจูก็ต้องพูดกับเขาอย่างสุภาพแล้วดงซูบิน คนนี้คือใครที่กล้ามาจ้องหน้าเขา?
ดงซูบินโมโหจัด “ยกน้ำหรอ?” ‘ฉันไม่สนใจนายแล้ว แต่นายก็ยังพยายามหาปัญหามาให้กับฉันอยู่เหรอ?’
ฉางจี้มองเขาอย่างเย็นชา:“ใช่ ยกมันมาใส่ที่ตู้กดน้ำ”
พี่หยางเองตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าฉางจี้ทำมากเกินไปแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองผ่านหนังสือพิมพ์ของเขา:“ซูบินเหนื่อยแล้ว นายโทรเรียกพ่อบ้านให้ขึ้นมาทำแทนไป ปกติเขาเป็นคนที่เติมน้ำให้กับตู้กดอยู่แล้ว”พี่หยางไม่กลัวพวกกรมการเมืองอีกทั้งเขาไม่ชอบพวกสองมาตรฐานอยู่แล้ว เพราะเขาเคยมีปัญหากับกรมการเมืองมาก่อน และพี่หยางเองก็แก่พอที่จะไม่กลัวจะมีปัญหากับใครก็ตาม
ฉางจี้ตอบกลับโดยไม่หันหน้าไปทางพี่หยาง“เฒ่าหวังกำลังทำความสะอาดทางเดินอยู่ เขาไม่สามารถมาเติมน้ำได้ในตอนนี้หรอก”
ดงซูบินถามกลับไปว่า:“พี่จี้ไม่แม้แต่จะเรียกเขาแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเฒ่าหวังไม่ว่าง”
“ทำไม?” ฉางจี้จ้องที่ ดงซูบิน“ทำไมฉันบอกให้นายยกน้ำแทนเขาไม่ได้หรือยังไง นายก็รู้กฎที่นี่ดีไม่ใช่หรอ งานเหล่านี้เป็นงานของเด็กใหม่ นายคาดหวังว่าฉันและแพนเหว่ย จะมายกน้ำให้นายหรือยังไง”
ฉางจ้วงพยายามทำให้สถานการณ์สงบลง:“ฉันคิดว่าหัวหน้าโจวจะเข้ามาสำนักงานในไม่ช้า หยุดเถียงกันได้แล้ว”
ต้าหลินเหม่ยมองไปที่ ฉางจี้ด้วยความรังเกียจ:“ใช่แล้วเอกสารที่ผู้อำนวยการหลี่ต้องการจากนายล่ะ? ฉันพบเขาก่อนหน้านี้เมื่อฉันเข้าไป เขาบอกว่ให้เอาเอกสารมาให้เขาโดยเร็วที่สุด”
ฉางจี้ ตอบกลับและหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลออกมาจากโต๊ะของเขาก่อนที่จะหันไปที่ดงซูบินอีกครั้ง:“ฉันไม่เชื่อว่าฉันไม่สามารถสั่งให้นายไปไหนมาไหนได้ ห้ามให้ใครช่วยเหลือไอ้เด็กใหม่นี้ ให้มันยกน้ำด้วยตัวเอง” เขาเดินออกไปและก่อนที่เขาจะไปเขาหันมามองหน้าดงซูบินเขาบอกว่า“ถ้าถังน้ำยังไม่ถูกเปลี่ยนก่อนที่ฉันจะกลับมานายตายแน่!!”
"ได้. ฉันจะรอนาย“ดงซูบินไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาพูดจาเย้ยหยัน:” ฉันจะไม่เปลี่ยนน้ำ ดูสินายจะทำอะไรกับฉันได้บ้าง”
ฉางจี้ตอบด้วยการยิ้มเยาะ:“แล้วจะได้เห็นดีกันคอยดู”
ปัง! ฉางจี้เดินออกจากประตูสำนักงานแล้วเขาก็ปิดประตูด้วยเสียงที่ดังสนั่น
ตอนนี้บรรยากาศในสำนักงานยังคงตึงเครียดและก่อนที่ต้าหลินเหม่ยและคนอื่น ๆ จะพูดอะไรก็ได้ประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
"ฮะ? เกิดอะไรขึ้นกับทุกคน” โจวจางจูเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารของเขา
ฉางจ้วงตอบทันที:“ไม่มีอะไรเลยค่ะ อรุณสวัสดิ์หัวหน้าโจว”
โจวฉางจูพยักหน้ารับและกำลังจะเข้าห้องเมื่อเขาจำบางอย่างได้ “โอ้ซูบิน ตามฉันมาที่ห้องนะ.”
ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
โจวฉางจูหัวเราะและตบหลังของดงซูบิน “นายรู้ได้อย่างไงว่ามันจะเพิ่มขึ้น?”
ดงซูบินหาข้อแก้ตัว:“จากการวิเคราะห์ชาร์ตของผม”
โจวฉางจูหัวเราะอย่างเต็มที่ "ดี. นายมีความสามารถจริงๆ!”