บทที่ 23
แปล loop
ในเช้าวันนี้ ทุกคนในสำนักงานพยายามออกแบบร่างคำปราศรัยอย่างขมักเขม่น
โจวฉางจูไม่เพียงแต่ขอให้ดงซูบินลองเขียนแบบร่างคนเดียวเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง เขาขอให้ทุกคนในสำนักงานร่างคำปราศรัยโดยหวังว่าหัวหน้าสำนักหยางจะพอใจอันใดอันหนึ่งในร่างนั้น
ดงซูบินเองเขาก็เขียนอย่างมั่นใจ แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบกับหัวหน้าหยางจินหงษ์มาก่อน แต่จากการถูกปฏิเสธของต้าหลินเหม่ยและแบบร่างที่เหลือ เขาก็สรุปว่าหัวหน้าสำนักหยางต้องเป็นคนที่เหมือนกับ“นักวิชาการ”แน่ๆ เพราะเขาดูจุกจิกและเรื่องมากสุดๆ ดังนั้นดงซูบินจึงเขียนแบบร่างโดยใช้ภาษาดอกไม้ที่สุด เขาใส่สำนวนและการอ้างอิงจากวรรณกรรมคลาสิคในร่างของเขาด้วย
ดงซูบินหยุดพิมพ์เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เขามองที่จอภาพของเขาและพยักหน้า
‘นี้แหละ สิ่งนี้ควรจะเป็น ซูบิน ... นี่เป็นโอกาสของนายแล้ว นายจะต้องส่องแสงต่อหน้าหัวหน้าของนายอย่างแน่นอน’ ซูบินพูดในใจของเขา
ดงซูบินขึ้นไปที่ห้องทำงานของหยางจินหงษ์ ด้วยแบบร่างคำปราศรัยของเขา เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตูอย่างมั่นใจ
"เชิญ!."
ดงซูบิน เข้ามาในห้องและก็เห็นหัวหน้าหยางจินหงษ์ ดงซูบินตกใจกับรูปร่างหน้าตาของเขา หยางจินหงษ์ไม่ได้ดูเหมือน "นักวิชาการ" ตามที่เขาจินตนาการเอาไว้ เขาบึกบึ้น แต่ดงซูบินคิดว่ารูปลักษณ์ที่สามารถหลอกลวงกันได้ บางทีเขาอาจมี“นักปราชญ์” อาศัยอยู่ใต้ภาพลักษณ์นี้ก็ได้
หยางจินหงษ์ ขมวดคิ้วบีบคิ้วหนาของเขาเข้าด้วยกัน "คุณคือใคร?"
ดงซูบินตอบอย่างสุภาพ:“ผมชื่อดงซูบิน เป็นข้าราชการใหม่ของฝ่ายกิจการทั่วไปครับ”
“โอ้ แล้วคำปราศรัยของฉันพร้อมรึยัง?” หัวหน้าสำนักหยางยื่นมือออกมา "ขอฉันดูหน่อย."
ดงซูบินตื่นเต้นในขณะที่ถือกระดาษ A4 ไว้เขายืนมันให้กับหัวหน้าสำนักงานหยางและยืนรอใจจดใจจ่อ เขาต้องการสร้างเครดิตในครั้งนี้ และทุกคนในสำนักงานจะมองเขาต่างออกไปเมื่อเขากลับไป
แต่ในเวลาเพียง 3 วินาทีฝันกลางวันของดงซูบินก็แตกสลาย หัวหน้าสำนักหยางโยนร่างกลับมาที่ดงซูบิน
“นายเขียนอะไรของนาย?” หยางจินหงษ์ทำมีสีหน้าเคร่งขรึมและเขาก็กระแทกโต๊ะทำงาน “ขยะ”
ใบหน้าของดงซูบินเปลี่ยนเป็นสีเขียว “อ้า?” หัวหน้าอ่านมันแล้วใช่ไหมครับ?
หยางจินหงษ์ตะโกน:“เกิดอะไรขึ้นกับสำนักงานกิจการ? ฉันแค่ต้องการพูดง่าย ๆ มีอะไรยาก โดยเฉพาะนาย! ฉันต้องการให้นายเขียนคำพูดตามหัวข้อของฉัน นายเขียนอะไรมา?” หยางจินหงษ์จงใจชี้ไปที่ร่างสองสามบรรทัดแรก “การให้เกียรติและหยุดเพื่อให้บรรลุความเจริญรุ่งเรือง นายกำลังพูดเรื่องอะไร ห่ะ? แกกำลังเขียนอะไรอยู่หรอ?”
ดงซูบินตอบอย่างหมดแรง:“หัวหน้าสำนักหยาง หัวหน้าอ่านผิด มันคือ 'การรู้จักเกียรติยศและความเข้าใจอันน่าละอายที่จะประสบความสำเร็จ'”
ดงซูบินได้สัมผัสกับความโกรธของหยางจินหงษ์ด้วยประโยคนั้น และเขาก็ระเบิดออกมาด้วยความโกรธ:“มีอะไรผิดปกติ! ฉันมีมาตรฐานการศึกษาระดับประถมศึกษาเท่านั้น และฉันจะไปรู้จักคำยากเหล่านี้ได้ไง!”
ดงซูบินตกตะลึง ‘แย่แน่! นี่เป็นเรื่องตลกหรือเปล่า? ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนประเภท "นักวิชาการ"? เขาไม่มีความคาดหวังสูงในการกล่าวคำปราศรัยของเขา? มาตรฐานระดับประถม ว่ายังไงนะ! เขาเป็นคนที่ไม่รู้หนังสือและไม่ใช่นักวิชาการ!’
‘อึ! ฉันมีปัญหาล่ะ!’
ดงซูบินรู้ว่าเขาได้ทำผิดพลาดกับหยางจินหงษ์และตะโกนทันทีว่า“ย้อนกลับ!”
......
เสียงตะโกนหยุด
มีเพียงการย้อนกลับของเข็มวินาที
“คุณคือใคร” หยางจินหงษ์มองไปที่ดงซูบิน
ดงซูบินรู้ทันทีว่าเป็นเวลาไหนในตอนนี้ เขาโล่งอกและตอบว่า:“ผมชื่อดงซูบิน ผมเป็นข้าราชการใหม่จากฝ่ายกิจการทั่วไป”
“โอ้ คำปราศรัยฉันพร้อมรึยัง?” หัวหน้าสำนักหยางยื่นมือออกมา "ขอฉันดูหน่อย."
ดงซูบินจะไม่ปล่อยให้เขาดูร่างของเขา เขาซ่อนร่างไว้ด้านหลังและคิดหาข้ออ้าง “ผมขอโทษครับหัวหน้าสำนักหยาง ยังไม่พร้อม ผมมาที่นี่เพื่อถามว่าหัวหน้าจะกำหนดส่งเวลาไหน”
หยางจินหงษ์ขมวดคิ้วอย่างใจร้อน:“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันต้องการให้เร็วที่สุดเหรอ?”
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมขอตัวกลับก่อน”
หยางจินหงษ์เดินไปยืนอยู่หน้าหน้าต่างหลังจากดงซูบินเดินออกไป เขาจุดบุหรี่และจ้องมองออกไปข้างนอก เขาเริ่มทำงานที่โรงงานผลิตสารเคมีในเขตชานเมืองของปักกิ่งก่อน แล้วจึงติดตามผู้นำของเขาเพื่อเข้ารับราชการ ระดับการศึกษาของเขาต่ำมากและไม่รู้จักตัวอักษรจีนจำนวนมาก นี่คือสาเหตุที่เขาปฏิเสธร่างคำปราศรัยสำนักงานกิจการทั้งหมดและไม่ได้บอกเหตุผล จะบอกเหตุผลที่แท้จริงให้พวกเขาได้อย่างไร บอกพวกเขาว่าเขามีการศึกษาระดับประถมศึกษาเท่านั้น? เขาไม่รู้หนังสือ? มันน่าอายเกินไปที่เขาจะพูด หากสำนักงานกิจการยังไม่สามารถให้ร่างที่ทำให้เขาพึงพอใจได้ เขาจะต้องมองหาลูกน้องเก่าของเขาจากสาขาตะวันออกเพื่อมาเขียนคำกล่าวปราศรัยให้เขา
ก่อนที่ดงซูบินจะกลับไปที่สำนักงาน เขาก็ได้โยนแบบร่างของเขาออกไป แบบร่างที่ดูโง่เขลานี้ทำให้อาชีพของเขาเกือบเสียไปแล้ว โชคดีที่เขาสามารถใช้ “ย้อนกลับ” ได้ ถ้าไม่ใช่มัน มันคงเป็นจุดจบของชีวิตเขาที่นั่นแล้ว
ต้าหลินเหม่ยและคนอื่น ๆ กลับมาจากทานอาหารกลางวันและเห็นดงซูบินเข้ามาในสำนักงาน เธอถามว่า:“ซูบิน, แบบร่างของนายเป็นอย่างไรบ้าง”
“แอมป์? เกือบเสร็จแล้ว….”
ฉางจี้ แสดงความคิดเห็นเชิงประชดว่าเขากระตือรือร้นที่จะแสดงออกมากเกินไป แม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักงานก็ยังไม่สามารถเขียนแบบร่างได้ให้ถูกใจได้เลย แล้วดงซูบินที่เป็นเพียงเด็กใหม่จะเขียนมันผ่านได้ยังไง
ฉางจ้วงผลักแป้นพิมพ์ของเธอออกไปจากตัวเธอ:“ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่สามารถเขียนได้อีกแล้ว!”
เกาแพนเหว่ยเกาหัวของเขาด้วยความไม่พอใจ
ต้าหลินเหม่น บ่น:“เขาต้องการพูดแบบไหน? ฉันพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว”
พี่หยางเป็นคนเดียวที่ดูสงบนิ่งที่สุดในสำนักงาน เขายังคงอ่านหนังสือพิมพ์ของเขาอย่างผ่อนคลาย ราวกับว่ามันไม่ใช่ความกังวลของเขา
ดงซูบินไม่มีเวลาคุยกับคนอื่น เขานั่งด้านหลังจอมอนิเตอร์ของเขาและกำลังพิมพ์อย่างดุเดือด เขารู้ว่าสิ่งที่หยางจินหงษ์ ต้องการคืออะไร และเขาสามารถเขียนร่างได้อย่างง่ายดาย ‘สำนวนหรอ? การอ้างอิงจาวรรณกรรมคลาสิคหรอ สิ่งเหล่านั้นจะต้องไม่อยู่ในร่างคำปราศรัยนี้’
‘ง่ายและตรงไปตรงมา’
‘คำพูดจะต้องเรียบง่ายและตรงไปตรงมา’
‘หัวข้อคำปราศรัย: ผู้นำที่รัก หัวข้อนี้สิ่งที่ฉันจะพูดถึงคือ.’ หลังจากพิมพ์เสร็จดงซูบินก็รู้สึกว่ามันผิดและลบทิ้งในทันที ‘ไม่! รองหัวหน้าสำนักหยางอาจไม่รู้จักตัวละครนี้ เขาเปลี่ยนเป็น. ใช่.’ ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดง่าย ๆ
ดงซูบินคิดคำอย่างหนักและพิมพ์ต่อไป
การเขียนคำศัพท์ของโรงเรียนประถมไม่ใช่เรื่องง่าย คำพูดนี้จะต้องเรียบง่ายและเนื้อหาจะต้องตรงไปข้างหน้า มันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับดงซูบิน
"ฮะ? หัวหน้าสำนักหยาง?”
“หัวหน้าสำนักหยาง!”
ต้าหลินเหม่ยและคนที่เหลือหยุดทันทีที่พวกเขาทำ พวกเขาทุกคนรู้สึกถึงขนบนหลังของพวกเขา
หยางจินหงษ์มีสีหน้าหม่นหมองเมื่อเขาถามว่า:“คำพูดพร้อมหรือยัง? เกือบครึ่งวันแล้ว!”
โจวฉางจู เดินออกจากห้องของเขาอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้วครับ และผมกำลังจะส่งพวกมันไปให้คุณ ซูบิน ฉางจ้วงเอาแบบร่างมา”
ถ้าไม่รวมจ้วงจือและพี่หยางก็จะมีทั้งหมด 5 แบบร่าง
หยางจินหงษ์รับร่างและมองแบบผ่านๆ:“ไม่……. ไม่ถูกต้อง……. สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง……นี่คืออะไร? นี่ด้วย…. ไม่สามารถ….” ภายในหนึ่งนาทีร่างทั้งหมดถูกปฏิเสธ “พี่โจว! สำนักงานกิจการทั่วไปของพี่ไม่สามารถทำได้แม้แต่จะเขียนคำพูดง่ายๆได้เลยรึยังไง”
ต้าหลิงเหม่ยและคนอื่น ๆ ก้มหัวลง
“หัวหน้าสำนักหยางเรา……” ถึงแม้ว่าโจวฉางจูจะอายุเยอะกว่า แต่เขาก็ยังก้มหัวลงเนื่องจากหยางจินหงษ์เป็นหัวหน้าของเขา ถ้าหากโจวฉางจูมีปัญหากับเขา โจวฉางจูอาจไม่สามารถเป็นรองหัวหน้าได้นานขนาดนี้ นี่คือสาเหตุที่โจวฉางชุนพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับรองหัวหน้าสำนักคนใหม่ แต่ตอนนี้แผนการของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
เขารู้สึกแย่กับเหตุการณ์นี้ แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงสีหน้าเหล่านั้นออกมาได้ เขาจ้องไปที่ฉางจี้ และคนอื่นๆ ลูกน้องของเขาดูเหมือนจะมีความสามารถและกระตือรือร้นในวันปกติ แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญพวกเขาทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี
“หัวหน้าสำนักหยาง” ดงซูบินดึงร่างของเขาออกมาจากเครื่องพิมพ์ “แบบร่างของผมเสร็จแล้ว”
เกาแพนหว่ยหันไปหาดงซูฐิน และคิดกับตัวเอง ‘คนงี่เง่าคนนี้ไม่กลัวหรือไง? นายมันไม่รู้อะไรเลยหรือยังไง? ถ้าหมอนั้นส่งแบบร่างของเขาในตอนนี้ก็เหมือนส่งตัวเองไปให้ถูกประหาร?
หยางจินหงษ์หมดความอดทนและไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่อเขาหยิบร่างจากดงซูบินมาอ่าน
ทุกคนในสำนักงานถอนหายใจในใจและหลับตาและรอการดุอีกรอบ
1 นาที……
2 นาที……
3 นาที……
ไม่มีการด่าใดออกมาจากเขา หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ตกใจ หยางจินหงษ์หัวเราะ เขายกมือขวาขึ้นและตีไปบนตัวเขาสองสามครั้ง “ดูสิ่งที่เขาเขียน นี่คือคำพูดที่ฉันต้องการ”
ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนในสำนักงานพูดไม่ออก
หยางจินหงษ์ตบหลังของโจวฉางจู:“พี่โจว! ดูเหมือนว่าสำนักงานกิจการของพี่เนี่ย ยังมีคนที่มีฝีมืออยู่นะ ไม่เลวเลย……” หยางจินหงษ์หันมามองดงซูบิน เขาพยักหน้า:“ฉันจำได้ว่าชื่อของนายคือดง…… ดงซูบิน ใช่มั้ย ทำได้ดีมาก ในอนาคตนายจะได้รับผิดชอบในการเขียนคำปราศรัยของฉัน”
“ขอบคุณหัวหน้าสำนักหยาง” ความสามารถในการทิ้งความประทับใจให้กับหัวหน้านั้นหายาก ดงซูบินหันหลังให้ตรงเพื่อพยายามดูฉลาดเท่าที่จะทำได้
สำนักงานอยู่ในความสับสนวุ่นวายหลังจากหยางจินหงษ์เดินออกไป
ต้าหลินเหมย่เป็นคนแรกที่ถามว่า: "ซูบิน, นายเขียนอะไร ทำไมหัวหน้าสำนักหยางถึงมีความสุขขนาดนั้น”
ฉางจ้วงหัวเราะ:“ห้องทำงานของเรามีเสือหมอบและมังกรซ่อนอยู่”
เกาแพนเหว่ยจ้องไปที่ดงซูบินด้วยความอิจฉา
ฉางจี้เองก็ไม่ได้ดีใจเช่นกัน ‘ทำไมหัวหน้าสำนักหยางที่จู้จี้จุกจิกขนาดนั้นถึงพอใจกับร่างปราศรัยของดงซูบิน และคนที่เหลือที่ส่งไปมากกว่า 10 ฉบับถูกปฏิเสธจนหมด?’
ดงซูบินไม่สามารถบอกความลับที่เหลือได้ว่าหยางจินหงษ์มีคำที่อยู่ในหัวของเขานั้นจำกัด ถ้าหัวหน้าสำนักหยางรู้ว่าเขาคือคนที่บอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาอาจจะเดือดร้อนได้ ดังนั้นดงซูบินจึงอธิบายว่าหยางจินหงษ์ ชอบคำที่เรียบง่ายและสะอาด
หลังจากที่ทุกคนเห็นแบบร่างบนหน้าจอของดงซูบิน พวกเขาจึงเข้าใจความหมายของคำว่า "เรียบง่ายและสะอาด" นั้นคืออะไร
ต้าหลินเหม่ยรู้สึกประทับใจอย่างมาก เธอยกนิ้วให้ดงซูบิน:“ยอดเยี่ยม”
โจวฉางจูไม่คาดหวังว่าปัญหาจะอยู่ในระดับการศึกษาของหยางจินหงษ์แน่ๆ เขารู้สึกประทับใจในการเก็บรายละเอียดของดงซูบิน เขาตบหลังของดงซูบิน:“ทำได้ดีมาก นายทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม” โจวฉางจูรู้สึกว่าสิ่งที่สำนักงานกิจการขาดไปคือคนอย่างดงซูบิน คนที่จะยืนขึ้นและแก้ไขสถานการณ์ในช่วงเวลาที่สำคัญได้