GE344 ชื่อเสียงโด่งดังไม่เสื่อมคลาย [ฟรี]
บุตรสาวทั้งสองไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นมารดา
เป่ยเหยาเพิ่งกลับมาถึงแดนสวรรค์เหนือ นางเร่งรีบมุ่งมายังเขาเมฆาเพื่อมอบผลึกดาราทมิฬให้เป่ยเซี่ยวเหมิน
ผู้เยาว์ของแดนสวรรค์เหนือถูกหนิงฝานสังหารไปมากมาย ดังนั้น นางจึงคิดจะช่วยหนิงฝานเลี่ยงปัญหา
“เซี่ยวเหมิน แม่มีเรื่องจะบอกเจ้า หากเจ้ากลับโลกพิรุณ คนที่ชื่อลู่เป่ยอาจมาพบเจ้า หากอยากขึ้นมายังแดนสวรรค์เหนือ ให้เจ้าช่วยเหลือเขาให้เต็มที่!”
“อืม...” เป่ยเซี่ยวเหมินพยักหน้า...
เกาะปีศาจสำราญคือสถานที่อุดมไปด้วยแร่มากมาย บริเวณนั้นมีสถานที่แห่งหนึ่งที่พลังงานปั่นป่วน หิมะสีดำทมิฬปกคลุมท้องนภา โปรยปรายพรั่งพรม จนทัศนวิสัยที่มองเห็นเหลือไม่เกิน 100 จ้าง ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปไม่กล้าแผ่สัมผัสเทพสำรวจบริเวณนี้
ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวสวมผ้าคลุมดำผู้หนึ่ง เดินอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย สีหน้าสงบนิ่ง แผ่สัมผัสเทพที่ทรงพลังสำรวจพื้นที่กว้างเหลือคณาโดยไม่หวาดกลัวพลังแม่เหล็ก
สัมผัสเทพขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง เป็นระดับสัมผัสที่สูงชั้นกว่าผู้ใดในทะเลส่วนนอก
ทุกย่างก้าว ข้ามผ่านระยะทางแสนไกล เงาร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย ความเร็วระดับนี้ ไม่มีผู้ใดในทะเลไร้สิ้นสุดเทียบได้
หนิงฝานมุ่งตรงไปยังเกาะปีศาจสำราญ แต่เมื่อใกล้จะถึงเกาะ เขากลับชงักฝีเท้า
ไกลออกไป เกาะปีศาจสำราญได้กระตุ้นข่ายอาคมป้องกัน ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากรวมตัว ราวกับเกิดบางอย่างขึ้นบนเกาะ
“หืม? หรืออาการของฉุ่ยหลิงจะรุนแรงขึ้น นักปรุงโอสถจำนวนมากถึงมารวมตัวกันที่นี่… แต่ถึงพวกนั้นจะเป็นนักปรุงโอสผันแปรที่ 3 หรือ 4 ก็ไม่มีผู้ใดช่วยนางได้”
หนิงฝานส่ายหน้า ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นหมอกม่วง ทะลวงผ่านเข้าไปในข่ายอาคมของเกาะ
ณ จุดสูงสุดของเกาะมีภูเขาอยู่แห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นคือสมบัติที่อยู่อาศัยของสู่ลู่ฉาน
ภายในโถงหลัก นักปรุงโอสถที่ถูกเชิญมานับสิบพูดคุยหารือถึงวิธีการรักษาสู่ฉุ่ยหลิง
คนเหล่านี้เป็นนักปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงในทะเลส่วนนอก แต่มีบางคนที่มาจากทะเลส่วนใน
ถัดจากนักปรุงโอสถเหล่านั้นมีที่นั่งสำหรับคนสำคัญอยู่ 4 ที่ สำหรับ สู่ลู่ฉาน ชายชราสวมผ้าคลุมที่ทอจากป่าน ผู้นำนิกายเหยียบเมฆา เหยียนซ่งสื่อ และผู้เยาว์ผู้หนึ่ง
ผู้เยาว์คนนั้นคือสตรีเยาว์วัยสวมอาภรณ์เหลือง ใบหน้าปิดบังด้วยผ้าบาง นั่งหลับตาไม่สนใจผู้ใด
ชายชราปริศนาที่สวมผ้าคลุมป่าน เนื้อตัวดูสกปรกมอมแมม แผ่กลิ่นอายเพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่ดูราวกับได้รับความเคารพจากสู่ลู่ฉานอย่างมาก
ชายชราคือตงสู่ อาจารย์ของสู่ฉุ่ยหลิง บุคคคลสำคัญของเกาะปีศาจสำราญ น้อยคนจะรู้จัก หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญจำเป็น ชายชราจะไม่ปรากฏตัว
“ผู้มีเกียรติทุกท่าน ข้าได้บอกกล่าวถึงอาการบาดเจ็บอันไม่ทราบที่มาของบุตรสาวข้าแล้ว พวกท่านพอจะมีหนทางรักษาหรือไม่?”
สู่ลู่ฉานกล่าวขึ้น ดึงความสนใจของผู้คนที่กำลังพูดคุย ชายชราเทียบเชิญนักปรุงโอสถและผู้ชำนาญการแพทย์มาเพื่อรักษาบุตรสาว แม้จะไร้หนทาง แต่ก็สมควรเป็นสิ่งที่บิดาพึงกระทำ
“หากท่านใดรักษาบุตรสาวข้าได้ ไม่ว่าเป็นสิ่งใดที่ไม่ขัดต่อบุตรสาวข้า ข้าจะทำให้ท่าน!”
คำกล่าวของชายชราทำให้ผู้คนในโถงหลักสนใจ ในหมู่นักปรุงโอสถที่มา ส่วนใหญ่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 มีบางคนเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 และอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ระดับที่แน่นอน
ผู้ที่ตื่นเต้นไปกับคำกล่าวของสู่ลู่ฉานคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ส่วนนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ไม่สนใจนัก คนเหล่านี้มักจะเย่อหยิ่ง
“ในเมื่อท่านสู่กล่าวไปแล้ว ข้าจะขอเสริมอีกนิด… หากผู้ใดเสนอตัวและรักษาอาการของหลานฉุ่ยหลิงข้าไม่ได้แล้วหล่ะก็...”
แรงกดดันในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นที่ทรงพลังปะทุ เมฆหมอกหนาที่ปกคลุมยอดเขาสลาย ภูเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ทุกคนตกตะลึง สถานที่แห่งนี้คือสมบัติระดับสูง เตาเหยียนซ่งสื่อกลับทำให้มันสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง
ยามนี้ ทุกคนได้ความหวังจากสู่ลู่ฉาน และได้ความกดดันจากเหยียนซ่งสื่อ
“ข้าหวางเว่ย นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 จากตระกูลหวางแห่งทะเลส่วนนอก… ข้าคิดว่าอาการที่แม่นานฉุ่ยหลิงเป็นอยู่ คือโรคที่เกิดจากการขาดธาตุโลหะรุนแรง อวัยวะภายในทั้ง 5 จึงได้รับผลกระทบ ทำให้ปราณในร่างไม่เสถียร… ข้ามีโอสถผันแปรที่ 3 ที่ข้าปรุงขึ้น สมควรรักษาแม่นางฉุ่ยหลิงได่เป็นอย่างดี” ผู้เยาว์อาภรณ์ฟ้าป้องมือกล่าว
คำกล่าวของมันทำให้นักปรุงโอสถบางคนส่ายหน้า ราวกับสิ่งที่มันกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ
หากโอสถผันแปรที่ 3 รักษานางได้จริง เหตุใดสู่ลู่ฉานถึงต้องทุ่มความพยายาม เทียบเชิญนักปรุงโอสถมาด้วย? อีกอย่าง นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ของเกาะปีศาจสำราญมีเป็น 100 คน แต่ยังไม่มีใครรักษานางได้
“คำกล่าวของเจ้าไม่น่าเชื่อถือ...” ชายชราในอาภรณ์ขาวส่ายหน้าพลางกล่าว
“ฮึ่ม! แล้วตัวท่านหล่ะ? ข้าไม่เห็นคุ้นหน้าท่าน อย่างมากท่านก็แค่นักปรุงโอสถระดับล่าง!” หวางเว่ยเย้ยหยัน
“ข้ามีนามว่าหยางกู่ เป็นผู้อาวุโสแห่ง ‘เกาะโอสถ’ ในทะเลส่วนใน” ชายชรายิ้มพลางส่ายหน้า แต่นั่นกลับทำให้คนในห้องโถงทั้งหมดตกตะลึง
สีหน้าสู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ทั้งสองเร่งป้องมือคารวะชายชรา
“ที่แท้เป็นปรมาจารย์หยางแห่งทะเลส่วนในที่เลื่องชื่อ… พวกข้าเสียมารยาทแล้ว!”
ขุมกำลังใหญ่ในทะเลส่วนในมีเกาะมิติเทพ ตระกูลซัว เผ่าปีศาจยักษ์ เกาะกระบี่ เกราะเทพสมบัติ วังผนึกอสูร และเกาะโอสถ
เกาะโอสถคือแหล่งรวมโอสถในทะเลส่วนใน มีการค้นคว้าวิชาปรุงโอสถและสมุนไพร จึงกลายเป็นขุมกำลังขนาดใหญ่และมีสถานะสูงส่ง
หยางกู่คือ 1 ใน 10 นักปรุงโอสถที่มีชื่อเสียงที่สุดในทะเลส่วนใน แม้ระดับพลังจะอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น แต่ประสบการณ์การปรุงโอสถกลับมีมายาวนานกว่าพันปี จนยามนี้ มีระดับนักปรุงโอสถอยู่ในระดับ กึ่งนักปรุงโอผันแปรที่ 5
นักปรุงโอสถระดับนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางยังต้องเคารพ ที่สำคัญ นักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 อย่างหวางเว่ย ไม่คู่ควรให้โต้เถียงชายชรา
“ผู้เยาว์เสียมารยาทกับท่าแล้ว! ผู้อาวุโสโปรดให้อภัยข้าด้วย!” หวางเว่ยลนลาน เพราะกลัวว่าหยางกู่จะไม่พอใจ
“อืม… ช่างเถอะ ข้าไม่ถือสาเจ้าหรอก การวิเคราะห์และจัดหาโอสถให้แม่นางฉุ่ยหลิงนั้นจะผิดพลาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้น จะกระทบกับชีวิตของนาง เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี...” ชายชรากล่าวอย่างผ่อนคลาย แม้การชี้ให้เห็นจุดผิดพลาดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ทำให้อับอายเช่นกัน
ส่วนใหญ่ผู้ที่มา มาเพื่อหวังเพิ่งโชค คนเหล่านั้นหวังว่า บางทีพวกมันแต่ละคนอาจจะโชคดี เลือกโอสถรักษาให้นางได้ถูก
แต่เมื่อได้ฟังคำกล่าวของชายชรา พวกมันก็ไม่กล้าคิดเช่นนั้น
“ข้าขอถามผู้อาวุโส… พอจะมีทางรักษาบุตรสาวข้าบ้างหรือไม่?” สู่ลู่ฉานกล่าวถามด้วยความกระวนกระวาย
“ข้าขอโทษที่ต้องกล่าวว่า วิชาโอสถที่ข้ามี ยังไม่อาจรักษาอาการของบุตรสาวท่านได้… เหตุที่ร่างกายของนางขาดธาตุโลหิตมากเกินไปนั้น เป็นเพราะท่านที่ฝึกฝนพลังแม่เหล็กจนแกร่งกล้า จึงได้ดูดซับธาตุโลหะจากนางตั้งแต่ยามที่นางอยู่ในท้องมารดา ที่สำคัญ นางยังถูกเศษกระบี่โบราณปักเจ้าร่าง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้อาการป่วยของนางทรุดหนักลงอีก...”
ชายชราถอนหายใจ “ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ก็ไม่อาจรักษาบุตรสาวเจ้าได้ แต่หากเป็นอาจารย์ข้า...ก็อาจจะพอมีหวัง เพราะท่านเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 นอกจากท่านแล้ว ในทะเลไร้สิ้นสุดคงไม่มีใครช่วยนางได้อีก น่าเสียดายที่อาจารย์ข้าออกเดินทางท่องโลก บุตรสาวของท่านก็คงทนได้ไม่ถึง 10 ปี...”
คำกล่าวของชายชราราวกับอัสนีฟาดลงกลางใจของสู่ลู่ฉาน หากเป็นคนอื่นกล่าว ชายชราอาจไม่เชื่อ แต่เมื่อหยางกู่เป็นผู้กล่าวด้วยตนเอง ชายชราย่อมต้องทำใจ
ตงสู่ที่ฟังเองก็ถอนหายใจเช่นกัน ผู้ที่ตงสู่พอจะรู้จักและน่าจะพอรักษาฉุ่ยหลิงได้นั้น นอกจากหยางกู่ก็มีอาจารย์ของหยางกู่ มีข่าวลือว่าอาจารย์ของหยางกู่ออกท่องโลกไป 100 กว่าปีแล้ว ยามนี้ยังคงไม่กลับมา
อีกคนที่น่าจะพอช่วยฉุ่ยหลิงได้ก็คือหนิงฝาน แต่เขาก็หายตัวไปยังไม่กลับมา ดังนั้นฉุ่ยหลิงในยามนี้ จึงไม่ต่างจากการนอนรอความตาย
นางได้กล่าวไว้ว่า หากนางตาย ให้ฝังร่างของนางเอาไว้ในสวนบุบผา แต่นางก็กล่าวอีกว่า นางอยากจะรอพบหนิงฝาน นางอยากจะพบเขาอีกสักครั้งก่อนตาย
เมื่อหยางกู่กล่าวว่าไม่มีผู้ใดช่วยนางได้ ก็ไม่มีนักปรุงโอสถคนใดกล้าแสดงความเห็นอีก ไม่มีผู้ใดมีวิธีรักษานางที่แท้จริง
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าวางใจได้! ถึงที่นี่จะไม่มีผู้ใดรักษาเจ้าได้ ข้าจะเป็นผู้พาเจ้าไปวิหารพิรุณ ตามหานักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ที่นั่น”
ตงสู่ผุดลุกยืน ชายชรากล่าวกับสู่ฉุ่ยหลิงที่อยู่ไม่ไกล
ชายชราพยักหน้าให้กับสู่ลู่ฉาน มันเองก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไร้หนทาง หากโชคดี ตงสู่อาจพานางไปพบนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ได้สักคน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว สู่ลู่ฉานจึงป้องมือให้กับแขกที่มาพลางกล่าว
“ในเมื่อไม่สามารถรักษาบุตรสาวข้าได้แล้ว ข้าก็ไม่ขอรบกวนพวกท่านอีก… พวกท่านเดินทางมาไกล เชิญพักที่นี่ให้หายเหนื่อยก่อนค่อยกลับ ส่วนตัวข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำ ขออภัยที่ดูแลพวกท่านด้วยตัวเองไม่ได้!”
“ช้าก่อน! นางไม่จำเป็นต้องพึ่งโอสถก็รักษาให้หายได้ แต่นางต้องแต่งงานกับข้า!”
ในขณะที่แขกเหรื่อยกลำลังจะแยกย้าย เสียงของคนผู้หนึ่งกลับดังมา
ผู้ที่กล่าวคือบุรุษรูปร่างผอมบาง นัยตาสีเหลือง ที่ปากมีเขียวอันคมกริบ ระดับพลังอยู่ขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
“ท่านจะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้!” สู่ลู่ฉานอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายกล่าวถ้อยคำเย่อหยิ่ง ชายชราจึงแทบจะหมดความอดทน มันคิดว่ามันเป็นใครถึงจะกล่าวคำเช่นนี้ได้
“น้องชาย เจ้าจะกล่าวเลื่อนลอยเช่นนี้ไม่ได้!” หยางกู่เองก็เริ่มไม่สบอารมณ์เช่นกัน ชายชราเปิดเผยสถานะของตนเพื่อให้ทุกคนเลิกคิดชั่วกับฉุ่ยหลิง แต่กลับยังมีคนกล้ากล่าวไร้สาระ
“ท่านหยางกู่กล่าวได้ดี! โอสถไม่สามารถรักษานางได้จริง”
เมื่อกล่าวจบ บุรุษผู้นั้นก็นำแมลงพิษออกมาตัวหนึ่ง… ศาสตร์วิชาโบราณนั้น มีทั้งวิชาปรุงโอสถและพิษ ทั้งสองสิ่งเป็นได้ทั้งคุณและโทษ แมลงพิษบางชนิดเองก็ถูกจัดอยู่ในจำพวกที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บบางชนิดได้
หยางกู่พอจะรู้จักวิชาพิษอยู่บ้าง แต่เท่าที่ชายชรารู้ ไม่มีวิชาพิษใดที่รักษาฉุ่ยหลิงได้
“ท่านคือผู้ใด แจ้งชื่อของท่านได้หรือไม่?” สีหน้าสู่ลู่ฉานแปรเปลี่ยน
“ข้าคือหนึ่งในคนของสมาพันธ์สังหารหมิง… ฮวั๋งเย่สื่อ ข้ามีโอกาสได้รับแมลงพิษนี้มา ชื่อของมันคือ แมลงพิษขัดเกลาผสาน หากบุตรสาวของท่านกินแมลงชนิดนี้เข้า มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดี”
“อะไรนะ! นี่เจ้ามมีพิษกระถางปรุงโอสถ”
เมื่อได้ยินว่าแมลงขัดเกลาผสาน ตงสู่และสีหน้าอื่นๆแปรเปลี่ยน
แมลงชนิดนี้พิษที่รุนแรง ผลของมันคือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้กับผู้ที่กินมันเข้าไป
หากแมลงตัวนั้นรักษานางได้จริง บางที...อาจจะคุ้มค่าที่ต้องลอง
แต่ยิ่งขบคิด สู่ลู่ฉาน เหยียนซ่งสื่อ และตงสู่ก็ยิ่งไม่พอใจ
“เรื่องขัดเกลาผสานเพื่อช่วยนางเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องเป็นของข้า… ข้าได้ยินมาว่าเกาะของท่านมีสัมพันธ์อันดีกับซัวหมิง ดังนั้น สิ่งที่ข้าต้องการคือ หากซัวหมิงกลับมา พวกท่านต้องไม่สอดมือหากพวกข้าจะสังหารมัน หากท่านให้คำมั่นสัญญาในสิ่งที่ข้าขอ ข้าจะช่วยนาง!”
ฮวั๋งเย่แสดงสื่อเย้ยหยัน แม้ข้อเสนอของมันจะน่าสนใจ แต่เจตนางแอบแฝงของมันก็ยังเป็นสู่ฉุ่ยหลิง มันอยากครอบครองนาง และอยากสังหารหนิงฝาน
แต่คำกล่าวของมันกลับทำให้สู่ลู่ฉานขมวดคิ้ว
“เจ้าขอมากเกินไป! จะให้พวกข้าตัดสัมพันธ์กับซัวหมิง...ไม่มีทาง!”
“หากท่านไม่ยอมรับข้อเสนอข้า… ท่านก็รอดูบุตรสาวของท่านตายได้เลย!” ฮวั๋งเย่สื่อเย้ยหยัน
ข้อเสนอของมันทำให้สู่ลู่ฉานยากที่จะรับได้ ที่สำคัญ ซัวหมิงมีความสำคัญต่อเผ่าปีศาจยักษ์ ชายชราย่อมไม่อาจตัดสัมพันธ์กับซัวหมิงได้
แต่หากไม่ยอมรับเงื่อนไข ชายชราก็ไม่รู้จะช่วยบุตรสาวได้ยังไง
เหยียนซ่งสื่อเองก็ไม่พอใจมาก แต่มันก็ไม่ใช่ผู้ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้
ในขณะที่สู่ลู่ฉานขบคิดอยู่นาน คนผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้น
“สมาพันธ์สังหารหมิงเอย… แมลงขัดเกลาผสานเอย… หากนายท่านซัวหมิงของข้ากลับมา เขาคงช่วยแม่นางฉุ่ยหลิงได้ง่ายๆ” ยู่หลง นักปรุงโอสถแห่งวิหารสาบสูญผู้เป็นทาสของหนิงฝานโกรธแค้น แม้มันจะเพิ่งติดตามหนิงฝานได้ไม่นาน แต่มันก็นับถือหนิงฝานจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเชื่อว่าหนิงฝานจะรักษาสู่ฉุ่ยหลิงได้ และมันก็รู้ว่านางเป็นสตรีของหนิงฝาน
“เจ้าเป็นใคร!” แววตาฮวั๋งเย่สื่อแปรเปลี่ยนเย็นชา หันมองยู่หลงด้วยสายตาอาฆาต
ยู่หลงอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง ยังไม่อาจต่อกรกับฮวั๋งเย่สื่อได้
“ข้าคือผู้รับใช้ของท่านซัวหมิง นามยู่หลง! เป็นถึงคนของสมาพันธ์สังหารหมิง แต่ทำไมไม่รู้จักข้า!”
“ที่แท้ก็ทาสของซัวหมิง… ฮึ่ม!” ฮวั๋งเย่สื่อหันมองสู่ลู่ฉานพลางกล่าว
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หากอยากให้ข้ารักษานาง นอกจากนางจะต้องเป็นของข้าแล้ว ศีรษะของยู่หลงต้องเป็นของข้าด้วย!”
ทันทีที่มันกล่าวจบ สู่ฉุ่ยหลิงที่นิ่งเงียบมานานกลับลืมตา จ้องมองฮวั๋งเย่สื่อด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าคิดลงมือกับคงของนายน้อยซัว! ไสหัวกลับไปซะ! ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีวันยอมเป็นของเจ้า!”
แม้น้ำเสียงของนางจะยังดูอ่อนโยน แต่แสดงออกถึงความโกรธอย่างชัดเจน
“นี่… นี่เจ้ากล้าไล่ข้า! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าอาจารย์ของข้าเป็นใคร! นอกจากข้าแล้ว ก็ไม่มีใครหน้าไหนในทะเลไร้สิ้นที่ช่วยเจ้าได้! หากเจ้าไม่ยอมเป็นของข้า เจ้าก็ต้องตาย!” มันจ้องมองนางด้วยความโกรธ
“ตายแล้วยังไง? อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องทนตกนรกอยู่กับเจ้า ข้าเกลียดคนอย่างเจ้า… รีบไสหัวกลับไปก่อนที่ข้าจะให้ท่านพ่อฆ่าเจ้า!”
“ได้! ในเมื่อเจ้าปฏิเสธและขับไล่ข้า… ข้าจะจดจำความแค้นนี้ไว้ แล้วเจ้าจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับข้า อีกไม่นาน ข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบ!”
มันจ้องนางด้วยสายตาเย้ยหยัน หากมันจัดทัพของสมาพันธ์สังหารหมิงเสร็จเมื่อไหน มันจะทัพมาทำลายที่นี่ แม้ที่นี่จะอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าปีศาจยักษ์ก็ตาม!
เมื่อมันหันกายกลับเตรียมจะจากไป แรงกดดันที่รุนแรงราวกับจะทำให้มิติรอบข้างพังทะลายปรากฏ
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณภายในโถงหลักหายใจได้อย่างยากลำบาง แรงกดดันที่รุนแรงกระแทกเข้ากลางอกของฮวั๋งเย่สื่อ จนมันต้องถอยหลัง 10 ก้าว กระอักโลหิตอย่างรุนแรง อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส
กลุ่มหมอกม่วงประกายปรากฏพร้อมกับเงาร่างของผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาว ที่จ้องมองฮวั๋งเย่สื่อด้วยสายตาเย็นชา
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าต้องการศีรษะของยู่หลง… ทำลายเกาะปีศาจสำราจ… และจะครอบครองแม่นางฉุ่ยหลิง… เจ้ากล้ากล่าวแบบนั้นต่อหน้าข้าอีกครั้งหรือเปล่า?”
แม้จะเป็นเพียงคำกล่าว แต่นั่นกลับทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่อยู่ภายในโถงหวาดกลัว
ปราณปีศาจที่ทรงพลังปกคลุมยอดเขา บดบังแสงตะวัน แต่นั่น กลับทำให้น้ำตาของฉุ่ยหลิงไหลริน… ซัวหมิงกลับมาแล้ว… ในที่สุดเขากลับมาแล้ว...
สีหน้าสู่ลู่ฉานและเหยียนซ่งสื่อแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง พวกมันสัมผัสถึงการปรากฏตัวของหนิงฝานไม่ได้แม้น้อย ดูเหมือน 20 ปีที่ผ่านมา เขาจะทรงขึ้นกว่าเดิมมาก
ตงสู่เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ชายชราคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ แต่ชายชรากลับรู้สึกว่า หนิงฝานไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเลยแม้แต่น้อย
“นอกจากเด็กนี่จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ยังให้ความรู้สึกอันตรายใหญ่หลวงกับข้า… เขาเก่งขึ้นขนาดไหนกันแน่!”
ฮวั๋งเย่สื่อสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันรู้สึกราวกับมันเป็นเพียงเรือลำน้อยลอยคว้างกลางมหาสมุทรอันไพศาล มันรับรู้ได้ทันทีว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก หากเป็นเช่นนี้ สมาพันธ์สังหารหมิงของมันย่อมไม่อาจทำอะไรซัวหมิงได้
ในช่วง 20 ปีมานี้ ชื่อเสียงของซัวหมิงไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
ในช่วง 20 ปีมานี้ สมาพันธ์สังหารหมิงได้ก่อตั้ง รวบรวมผู้เชี่ยวชาญมากมายเพื่อหมายสังหารหนิงฝาน
แต่ในช่วง 20 ปีนี้… ซัวหมิงกลับทรงพลังขึ้นอีกหลายเท่าเช่นกัน
“ไหนลองพูดคำพวกนั้นอีกครั้งซิ!”
หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ร่างของฮวั๋งเย่สื่อไม่อาจทนแรงกดดันได้อีก จนระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต เหลือเพียงดวงจิตที่เร่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด แต่หนิงฝานกลับคว้าเอาไว้ได้
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดตกตะลึง ซัวหมิงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
เพียงก้าวเดียวก็สังหารขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้ในพริบตา เรื่องเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นทำไมได้...
แม้จะรู้ว่าฮวั๋งเย่สื่อเป็นคนของสมาพันธ์สังหารหมิง แต่หนิงฝานสังหารมันโดยไม่ลังเล
“จะ...เจ้าคือซัวหมิง เหตุใดเจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อให้เป็นอาจารย์ซื่อกู่ข้าก็ทำแบบนี้ไม่ได้!”
“ซื่อกู่?” แววตาหนิงฝานเป็นประกาย เขารู้จักคนผู้นี้
มันคือคนของวังผนึกอสูร เคยเป็นศัตรูกับเขามาก่อน คาดไม่ถึงว่าผ่านมา 20 ปี มันยังคิดสังหารเขาอยู่
ซื่อกู่ไม่รู้ว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ตัวผู้นำวังผนึกอสูรอย่างลู่เจี่ยเฟินนั้น รู้ดีว่าหนิงฝานแข็งแกร่งขนาดไหน มันไม่กล้าคิดร้ายกับเขาแน่
“ลู่เจี่ยเฟินตาย… หรือไม่มันก็ยังไม่กลับวังผนึกอสูร… ช่างเถอะ อ่านความทรงจำเอาก็รู้”
หนิงฝานอ่านความทรงจำของฮวั๋งเย่สื่อ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดกล้าปริปาก ซัวหมิงโหดเหี้ยม! ถึงกลับกล้าอ่านความทรงจำโดยไม่เกรงกลัวสมาพันธ์สังหารหมิง
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนคิดในยามนี้คือ อย่ายั่วยุซัวหมิง!...