บทที่12
ผู้แปล loop
ในวันสัมภาษณ์
ดงซูบินกลัวว่าแม่ของเขาและฉูยวนจะตั้งความหวังกับเขา และจะทำให้เขากดดันมากจนเกินไป ซึ่งเขาก็กลัวว่าจะทำให้ทั้งสองคนนั้นผิดหวัง นี่คือเหตุผลที่ดงซูบินตัดสินใจไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ของเขาเลย ดงซูบินตื่นขึ้นแต่เช้าและกินข้าวต้มในหนึ่งชามก่อนจะออกเดินทางไปที่“สนามสอบ” เพียงลำพัง
ไบยูไทม์แมนชั่น
บนที่ชั้น 22 ของอาคารนี้มีสำนักงานอยู่หลายส่วนมาก ที่ประตูของสำนักงานมีป้ายเช่น สำนักงานเฝ้าระวังแผ่นดินไหว สำนักงานศุลกากร ฯลฯ หลังจากถามเส้นทางกับพนักงานต้อนรับ ยูบินก็ถูกพาไปยังสำนักงานที่อยู่สุดทางเดินและเห็นห้องเลขทที่ 2216 ไม่มีป้ายใดๆอยู่หน้าห้องเหมือนสำนักงานอื่นๆ . มีกระดาษ A4 เพียงแผ่นเดียวติดอยู่“ห้องรอผู้สมัคร” ตรงหน้าประตู
ประตูเปิดออกและมีกลิ่นบุหรี่เหม็นๆโชยออกมา
ดงซูบินมองดูนาฬิกาของเขาอีก10 นาทีจะ 9 โมงเช้า เขากำกำปั้นของเขาและเคาะเบา ๆ ไปที่ประตูที่เปิดอยู่
“เข้ามา” มันเป็นเสียงแหบๆของผู้ชายคนหนึ่ง
“อรุณสวัสดิ์ครับ! ผมคือดงซูบิน วันนี้ผมมาเพื่อสัมภาษณ์ครับ”
“โอ้! แสดงเอกสารของนายให้ฉันดูหน่อยสิ”
มีชาย 2 คนในชุดพลเรือนนั่งอยู่ที่โต๊ะ คนหนึ่งสูงและอายุประมาณ 45 ปีส่วนอีกคนตัวเตี้ยกว่าอายุประมาณ 50 ปี ทั้งคู่มองดู เอกสารของดงซูบินและโบกมือให้เขานั่งลง มีเก้าอี้ว่างอยู่ข้างหน้าพวกเขาในตอนนี้ ดงซูบินนั่งลงและทำตัวตรง ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นมากๆหัวใจของเขาเต้นเร็วมากอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากรอซักพักหญิงวัยกลางคนก็เดินเข้ามาจากข้างนอกและนั่งข้างหลังโต๊ะ เธอผมสั้นกว่าชายร่างสูงมาก
“ถึงเวลาล่ะ” ชายร่างสูงหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมา “เริ่มเลยไหม?”
ดงซูบินได้ตอบกลับไป:“……ได ได้ คะ ครับ”
ดงซูบินตอนนี้เขาดูตกอกตกใจ เขาคิดว่าด้วยผลลัพธ์ของเขาจาก เอเอที และการสอบข้อเขียนเขาควรเป็นหนึ่งในสามผู้สมัครที่ดีที่สุด แต่ผู้หญิงจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐที่โทรมาบอกเขาว่าเขาเป็นที่สี่ นั่นหมายความว่าเขาเป็นคนที่สี่ที่ถูกสัมภาษณ์ หากเขาไม่สามารถตอบคำถามของผู้สัมภาษณ์เขาอาจสูญเสียตำแหน่งผู้สมัครให้ลำดับที่ 5 และ 6
จากหน่วยงานที่เขาสมัครมามีการประกาศสรรหาคนเพียง 4 คนเท่านั้นที่จะผ่านเข้าไปทำงานกับหน่วยงานนี้ได้
ผู้สัมภาษณ์ทั้งสามมองหน้ากันและชายร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า:“คุณคิดอย่างไรกับตลาดหุ้นในปีนี้”
นั้นคือคำถามแรกที่ชายร่างสูงคนนั้นเริ่มถามออกมา
ตอนนี้หัวใจของดงซูบินกำลังเต้นเร็วถึงที่สุดเท่าที่มันจะเร็วได้ ดงซูบินเคยเทรนหุ้นมาก่อนในอดีตตอนที่ครอบครัวเขายังมีเงินอยู่ เขารู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้เขายังเฝ้าดูข่าวอย่างสม่ำเสมอและติดตามตลาดหุ้น ดงซูบิน สามารถตอบคำถามนี้ได้หลายวิธี แต่เมื่อเขากำลังจะเปิดปากของเขาเขาจำคำเตือนของคุณปู่หูได้ เขาบอกกับดงซูบินว่าเบื้องหลังทุกคำถามมีความหมายที่ซ่อนอยู่
เขาปิดปากลง. ดงซูบินเกือบจะบอกผู้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการวิเคราะห์ตลาดหุ้นของเขา
ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามนี้ว่าเพราะอาจจะต้องการทดสอบดงซูบินอยู่ก็เป็นได้ หรือว่าพวกเขาต้องการอย่างอื่นนอกจากคำตอบกันแน่
ดงซูบินจัดระเบียบคำพูดของเขาใหม่ในใจของเขาและกล่าวว่า:“ช่วงต้นปีที่ผ่านมาทุกตลาดหลักทำได้ดี ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเช่นกัน จากมุมมองทางเศรษฐศาสตร์……” ดงซูบินเริ่มพูดคุยว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เขาเรียนรู้ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะไม่ได้น่าประทับใจมาก แต่มันก็ยังดีกว่าการตอบซ้ำกับสิ่งที่รายงานไว้ในเอกสารที่เขาอ่านมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พูดอะไรผิด
ดงซูบินต้องการเพียงได้รับเลือกและรักษาตำแหน่งที่ 4 ของเขาเอาไว้ ด้วยวิธีนี้เขาจะยังคงสามารถเป็นข้าราชการพลเรือน
“……นั่นคือความคิดของผมเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น” หลังจากพูดไป 2 นาทีดงซูบินก็หยุดพูด
ชายร่างสูงมองที่เขา:“นั่นคือทั้งหมดหรือ”
ดงซูบินตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบว่า:“……นั่นๆ นั้นคือทั้งหมด” ‘สิ่งที่เขาพูดเขาพยายามสื่อถึงอะไร ฉันไม่ได้ตอบคำถามไม่ถูกอย่างงั้นหรอ?’
ชายร่างสูงไม่พูดอะไรเลย ผู้สัมภาษณ์ 3 คนเริ่มเขียนอะไรบางอย่าง มันควรจะเป็นความคิดเห็นและการให้คะแนนของพวกเขาให้กับดงซูบินหลังจากนั้นครู่หนึ่งชายร่างเตี้ยถามว่า“ถ้าตอนนี้คุณทำงานกับรัฐบาลและคนของคุณในระดับภาคพื้นส่งคำแนะนำ และแผนกาดำเนินการมากมายผ่านทางอินเทอร์เน็ต คุณมีความคิดยังเกี่ยวกับสิ่งนี้?”
ดงซูบินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่าคำตอบมาตรฐานที่เขาจำได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คำตอบเหล่านั้นคือการตอบคำถามสมมุติเหล่านี้ เขารู้สึกว่าสามารถใช้ตอบคำถามนี้ได้ซึ่งเขาพยายามตอกย้ำคำตอบที่เขาจดจำในใจของเขาทันทีและตอบกลับ:“ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นช่องทางให้ผู้คนสามารถถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกของพวกเขา นี่เป็นช่องทางสำคัญสำหรับรัฐบาล เมื่อหน่วยงานย่อยใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อให้คำแนะนำกับหัวหน้าระดับสูงขึ้นเพื่อพวกเขาก็จะสะท้อนประเด็นที่พวกเขาเผชิญอยู่ ในฐานะที่สูงขึ้น มันทำให้เราจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าพวกเขากำลังทำอะไรและหาวิธีจัดการกับปัญหา……” ดงซูบิน พูดประมาณ 2 นาที “นั่นเป็นคำตอบสำหรับคำถามของนายสินะ”
ชายร่างสูงคนหนึ่งหันไปที่กับกองเอกสารหน้าเขา:“นั่นคือทั้งหมดหรือ”
ยังไม่พอ?
ดงซูบินคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดอีกเล็กน้อยจากคำตอบต่าง ๆ ที่เขาจำได้:“หากหน่วยงานย่อยให้คำแนะนำเกี่ยวกับทัศนคติและโมเดลการทำงานของเรา ผมจะรวบรวมข้อเสนอแนะทั้งหมดเหล่านี้และนำมาประชุมกับทางแผนกทั้งหมด เราควรพิจารณาปรับปรุงการทำงาน ทัศนคติ และการดำเนินงานของเรา ในฐานะผู้ให้บริการเราควรปรับปรุงวิธีการทำงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง……” ดงซูบินยังคงดำเนินต่อไปอีก 2 นาที
ผู้หญิงกับชายร่างเตี้ยกำลังเขียนอะไรบางอย่าง
ชายร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเหมือนกัน:“มีอะไรอีกไหมที่นายอยากเพิ่มเข้ามา?”
ผู้หญิงขมวดคิ้วและมองชายร่างสูงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
คนที่เตี้ยกว่าก็เคาะโต๊ะด้วยปากกาของเขา เขาเฝ้าดูเอกสารอยู่ข้างหน้าเขาและเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ
“เอ่อ!……แค่นั้นแหละครับ” ดงซูบินรู้สึกผิดหวัง
ดงซูบินตอบคำถามต่อไปอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าเขาตอบคำถามได้ดี แต่ชายร่างสูงคนนั้นไม่พอใจกับเขา เขาถามต่อไปว่า เสร็จ? ไม่มีอะไรอีกแล้ว? แล้วที่เหลือล่ะ?” หลังจากคำตอบของดงซูบิน พวกเขาทำให้ดูเหมือนว่าดงซูบินให้คำตอบที่แย่มาก และเหมือนเขาโดนครอบง้ำจากผู้สัมภาษณ์แบบอ้อมๆอยู่
‘ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะดูแย่ขนาดนี้ มันแตกต่างจากสิ่งที่ฉันเตรียมมาทั้งหมดเลย’
‘การสัมภาษณ์ข้าราชการทั้งหมดเป็นอย่างงี้รึเปล่า? ไม่น่าจะเป็นยังงั้นได้.’ ดงซูบินไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัมภาษณ์รูปแบบนี้มาก่อน
หัวใจของดงซูบินตกไปอยู่ที่ตาตุ้ม เขารู้ว่าเขาจะไม่ผ่านสัมภาษณ์แน่ๆ เขาสามารถบอกได้จากผู้สัมภาษณ์ที่สูงกว่าว่า เขาพยายามทำให้สิ่งต่าง ๆ ให้กลายเป็นเรื่องยากสำหรับดงซูบิน
‘เวรเอ่ย’
‘เขาจะไม่สัมภาษณ์ฉันเลยหรอ……’
ตอนนี้ในเพจลงถึงตอนที่ 26 แล้วนะ