บทที่ 6
ผู้แปล loop
สามวันถัดมา
ดงซูบินตื่นเช้าเพื่อลุกขึ้นมาฝึกซ้อมความจำ เขาใช้ “ย้อนกลับ”ไปถึงสามครั้งในการเตรียมสอบ เขาลองใช้หลายวิธีและหลายแง่มุมขณะใช้งาน “ย้อนกลับ” เขาต้องการทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกของการย้อนเวลากลับไปและทำความคุ้นเคยกับพลังนี้ให้มากขึ้น
เวลาผ่านไปและเป็นวันก่อนการสอบ
โรงพยาบาลโรคมะเร็งปักกิ่ง, หอผู้ป่วยมะเร็ง
ดงซูบินเดินทางมาเพื่อจะมาเรียนต่อกับคุณปู่หู ลูกชายของคุณปู่หูเป็นผู้ตรวจในเซี่ยงไฮ้และคุณปู่หูดูเหมือนจะมีประสบการณ์และได้ค้นคว้าคำถามเรียงความเหล่านั้นมาให้ นี่คือสาเหตุที่ดงซูบินบังคับให้เขาจำทุกสิ่งที่ปู่หูพูดและฟังอย่างตั้งใจ บทเรียนเปลี่ยนจากดงซูบินที่เป็นถามคำถาม กลับเป็นปู่หูที่เป็นคนตั้งคำถาม และพูดคำตอบออกมาแทน ดงซูบินก็จำคำตอบของคำถามพวกนั้น คำถามที่ถามโดยคุณปู่หูไม่ได้มาจากเนื้อหา ไม่แน่ใจว่าเขาได้รับคำถามเหล่านั้นจากที่ไหน บางครั้งคุณปู่หูจะเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับกฎและความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ นี่เพื่อให้ดงซูบินเข้าใจว่าหน้าที่ของข้าราชการพลเรือนคืออะไร
“……ข้อมูลที่นำเสนอแก่หลานนั้นเกี่ยวกับพลเมืองของเราที่ทำงานผิดกฏหมายขณะที่อยู่ต่างประเทศ ใช้ข้อมูลเขียนคำแนะนำถึงหัวหน้าสำนักการท่องเที่ยว คำตอบที่ต้องการจะต้องเกี่ยวข้องและนำไปปฏิบัติได้ ต้องกระชับและไม่เกิน 400 คำ ลองตอบคำถามนี้ดู”
ดงซูบินเริ่มตอบ
คุณปู่หูส่ายหัวและชี้ให้เห็นว่าเขาผิดตรงไหนแล้วบอกคำตอบในใจของเขาออกมา
ดงซูบินต้องการเขียนคำตอบของคุณปู่หู แต่เขาก็ถูกหยุดโดยคุณปู่หู “หลานไม่จำเป็นต้องเขียนมันลงไปทั้งหมด หลานต้องเข้าใจทิศทางทั่วไปของคำตอบและจุดสำคัญในการโต้แย้ง เมื่อหลานเข้าใจคำตอบ หลานจะจำคำตอบได้โดยอัตโนมัติ หลานยังมีคำถามอยู่ไหม? ดี. ปู่จะให้หลานอีกหนึ่งคำถามเพื่อทดสอบหลาน จีนมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในทะเลโดยรอบ แต่รายได้ต่อหัวของเราต่ำ ทะเลบ่อเป็นทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มันมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ……”
ตอนบ่าย.
คุณปู่หูไอและถามว่า:“หลานจำทุกอย่างได้ไหม?”
“ได้แล้วครับ” ดงซูบินงรีบหยิบกระดาษทิชชูสองสามชิ้นมาให้คุณปู่หูอย่างรวดเร็ว
คุณปู่หูยิ้มและตบแขนของดงซูบิน:“เพื่อนร่วมชั้นเรียนของหลานก็มาสอบข้าราชการที่ปักกิ่งเหมือนกันใช่ไหม? เก็บทุกสิ่งที่ปู่สอนหลานไว้กับตัวเอง อย่าบอกเพื่อนร่วมชั้นเรียนของหลานล่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ความรู้ของชายชราคนนี้มีจำกัด และนั่นคือทุกสิ่งที่ปู่สามารถสอนหลานได้”
“ผมรู้สึกขอบคุณคุณปู่มากๆเลยครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากปู่มาอย่างมากมาย” ดงซูบินลูบจมูกของเขาด้วยความเขินอาย และพูดต่อ:“ผมไม่ค่อยมีเพื่อนหรอก เพราะผมไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยตลอด เพื่อนร่วมชั้นที่ผมรู้จักก็ไม่สนใจที่จะเป็นข้าราชการ พวกเขาไปทำงานเอกชนกันหมดแล้ว ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงฝันอยากเข้ารับราชการ ขอโทษที่ทำให้ปู่หนักใจในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ผมขอขอบคุณความช่วยเหลือของปูหู. ขอขอบคุณมากเลยครับ.”
ก่อนที่ดงซูบินจะกลับคุณปู่หูตบไหล่ของเขาและพูดว่า: "ขอให้ผ่านการสอบไปให้ได้ อนาคตของจีนจะขึ้นอยู่กับเยาวชนอย่างหลานแล้ว”
ดงซูบินพยักหน้า
ถนนเหอผิงเหนือ
ดงซูบินเดินขึ้นบันไดด้วยเสียงที่ดังและกดกริ่งประตูห้องของเขา
คลิก. แม่ของดงซูบินที่อยู่ในห้อง เธอเดินออกมาเปิดประตู ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงของคนที่เปิดประตูจากเรื่องชั้นสี่ หัวหน้าส่วนซู และครอบครัวของเขาเดินลงบันได แม่ของดงซูบินเห็นพวกเขาและทักทายทันที:“หัวหน้าส่วนซู คุณกลับมาเร็วจังเลย? พวกคุณทุกคนจะไปทานอาหารเย็นข้างนอกเหรอ?” ดงซูบินยังต้อนรับพวกเขาอย่างไม่เต็มใจอยู่ดี
หัวหน้าส่วนซู ไม่ได้พูดอะไรเลยและพยักหน้าอย่างหยิ่งยโส
นางซูก็หัวเราะขึ้นมา:“พรุ่งนี้เป็นการสอบ เราทั้งคู่กำลังพาเสี่ยวตงไปร้านกวางจูเพื่อทานอาหารเย็นกัน”
“โอ้! ร้านนั้นมันแพงมากเลยไม่ใช้หรอ” แม่ของดงซูบินกล่าว
“ร้านกวางจูมันก็ไม่ขนาดนั้น เพราะมันไม่ใช่ร้านอาหารหรูหราอะไรเลย” เสี่ยวตงพูดและจ้องมองที่ดงซูบิน เขาเอื้อมมือไปกดออดของฉูยวนเมื่อไม่มีใครเปิดประตูเขาก็กดอีกครั้ง
แม่ของดงซูบินพูดอย่างรวดเร็ว:“ฉูยวนอาจยังทำงานอยู่”
เสี่ยวตงรู้สึกผิดพึมพำตอบกลับและหันไปหาพ่อแม่ของเขา:“แม่พ่อไปกันเถอะ” ดงซู่รู้ดีว่าเสี่ยวตงนี้กำลังต้องการเจอฉูยวนอยู่ แม้ว่าครอบครัวของฉูยวนจะไม่ดีมาก แต่เธอก็เป็นคนสวย นี่คือสาเหตุที่ครอบครัวของหัวหน้าส่วนซู ไม่ได้คัดค้านลูกชายของพวกเขาที่จะชอบคนที่มีอายุมากกว่าไม่กี่ปี
เมื่อ ดงซูบินเข้ามาในบ้านของเขา หัวหน้าส่วนซู และครอบครัวของเขาเดินต่อไปยังบันได หัวหน้าส่วนซูเตะถุงขยะนอกบ้านของ ดงซูบินโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งแม่ของดงซูบิน วางถุงขยะไว้ตรงนั่นพอดีและถุงมันเปื้อนด้วยอาหารเหลือ รองเท้าและกางเกงของหัวหน้าส่วนซูเลยทำให้เปื้อนติดรองเท้าและกางเกง
ใบหน้าของหัวหน้าส่วนซูเปลี่ยนไปและหันไปหาแม่ของดงซูบิ“เธอทำอะไรลงไปเนี่ย? ทำไมเธอถึงทิ้งขยะไว้ตรงนี้?เธอเจตนาไว้ก่อนแล้วใช่ไหม?”
แม่ของดงซูบินได้ขอโทษทันที:“ฉันขอโทษ……ขอโทษจริง ๆ …. ฉัน… .. กำลังจะนำขยะไปทิ้งที่ชั้นล่าง”
เสี่ยวตงขมวดคิ้ว:“จริงคุณน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้?คุณไม่คิดหรือยังไงว่าทางเดินของเราจะสกปรกขนาดไหน?”
แม่ของดงซูบินตอบ:“ฉันจะล้างมันตอนนี้ ฉันขอโทษ.”
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาถูกดุด่า ดงซูฐินก็โกรธจัด:“แล้วนายล่ะถูกเลี้ยงมายังไง? ถ้าถูกเลี้ยงมาดีนักแล้วใครสั่งใครสอนให้ทิ้งขยะออกจากหน้าต่างบ้านกันล่ะ?” วันนี้ที่ดงซูบินกลับบ้านพร้อมกับแม่ของพวกเขาเกือบจะถูกถุงขยะที่ขว้างออกมาจากหน้าต่างของหัวหน้าส่วนซู ไม่แน่ใจว่าเป็นเสี่ยวตงหรือหัวหน้าส่วนซูที่โยนมันออกมา เพื่อนบ้านทั้งหมดรู้ว่าห้องของหัวหน้าส่วนซูได้ทิ้งถุงขยะออกไปนอกหน้าต่าง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรในฐานะหัวหน้าส่วนซูเพราะเขาเป็นข้าราชการแตกพวกเขาก็เป็นคนธรรมดา
แม่ของดงซูบินดึงเสื้อของลูกชายของเขา:“ซูบินลูกอย่า!”
เสี่ยวตงจ้องมองที่ดงซูบิน:“นายกำลังพูดอะไร ใครคือคนที่ขว้างขยะออกไปนอกหน้าต่าง?”
ดงซูบิน ตอบอย่างเย็นชา:“นายตั้งหากที่ควรรู้ว่ามันเป็นใคร?”
“แกไม่มีสิทธิที่จะมาพูดอย่างงี้ในที่ตรงนี้” หัวหน้าส่วนซูมองที่ดงซูฐิน“แกเอาของสกปรกมาถูกรองเท้าของฉัน และแกยังจะเถียงอะไรอีกไหม?”
“คุณเป็นคนทำตัวเอง……” ดงซูบินกำลังโต้เถียงกันต่อ เมื่อแม่ของเขาดึงเขากลับมา
ป้าซูพยายามทำให้สถานการณ์สงบลง:“พี่ซู! ทำไมคุณต้องเถียงกับเด็กด้วย? เราทุกคนก็เป็นเพื่อนบ้านกัน พอแค่นี้เถอะนะ” ป้าซูหันไปหาแม่ของดงซูบิน“เสี่ยวผิง! เรากำลังจะออกไปทานอาหารเย็นกันดีๆ แต่คุณก็ไม่ควรวางขยะนอกบ้าน นี้ไม่ถูกต้อง. อย่าทำมันอีกล่ะ”
ปอดของดงซูบินกำลังจะระเบิด หัวหน้าซูนั้นเป็นคนที่เตะถุงขยะเองและเขายังมีหน้ามาตำหนิแม่ของเขาอีก?
หัวหน้าส่วนซูใช้ผ้าเช็ดเช็ดส่วนที่เปื้นของเขาและหันหลังให้:“เราไปกันเถอะ! รถรออยู่แล้ว”
เสี่ยวตงมองที่ซูบินและแม่ของเขาด้วยสายตาดูถูกและตามพ่อแม่ของเขาลงบันไดไป
แม่ของดงซูบินยิ้มให้พวกเขาจนกว่าพวกเขาจะลับตาไปจากสายตาของเธอ เธอปิดประตูอย่างรวดเร็วและถอนหายใจ “ ซูบิน เราไม่ควรจะไปทำยังงั้นกับเขานะลูก……
ดงซูบินยังโกรธ:“เขาเป็นคนแบบไหน? เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่มีเหตุผลเลยยังงั้นหรอ?”
“เฮ้อ ......”
ในตอนเย็นฉูยวนกลับมาจากงานแล้วเคาะประตูห้องของดงซูบินเธอถือถุงผักและเนื้อสัตว์มาด้วย
ไม่กี่วันนี้ฉูยวนได้ของเข้าร่วมกับครอบครัวของดงซูบินเธอสนิทกับดงซูบินและแม่ของเขามากขึ้น พวกเขาจะทานอาหารเย็นด้วยกันและจะพูดเล่น มันเป็นเหมือนครอบครัว
“ฉูยวน! หนูควรกินให้มากๆนะ” แม่ของดงซูบินหยิบผักและเอาไปใส่ในชามของเธอ
“คุณป้า …” ฉูยวน ลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วถามอย่างกังวลใจ:“ตอนหนูกำลังเดินทางกลับ หนูได้ยินเสียงผู้หญิงจากชั้นล่างพูดว่า……มันเกิดอะไรขึ้น”
อาคารอพาร์ตเมนต์นี้เป็นอาคารเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1980 ก้ันเสียงไม่ดีมากและเพื่อนบ้านสามารถได้ยินกันอย่างชัดเจน แม่ของ ดงซูบินจับมือของฉูยวน:“ฉูยวนฟังป้านะ หากหนูกำลังมองหาแฟนอย่ามองหาใครที่เหมือนเสี่ยวตรง ป้าไม่ได้พูดลับหลังพวกเขานะ แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นคนพาล……” แม่ของดงซูบินบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อตอนเย็น
ฉูยวนขมวดคิ้วหลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น เธอจับมือของ ลวนเสี่ยวผิงและถอนหายใจ:“หนูรู้ว่าครอบครัวนั้นไม่ใช่คนดี หนูไม่ได้บอกใครเลย ป้ารู้หรือไม่ว่าเสี่ยวตงชอบมาตามตื้อหนูหลายครั้ง แต่หนูก็ปฏิเสธเขา ไม่กี่วันที่ผ่านมาหนูได้พบหัวหน้าส่วนซู ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในวันหยุด เขาชี้มาที่หน้าหนูและพูดว่า อย่าคิดว่าเธอเป็นคนพิเศษเพราะลูกชายของฉันชอบเธอ ถือเป็นเกียรติของเธอที่ลูกชายของฉันชอบเธอ……. เขายังพูดหลายสิ่งที่น่ารังเกียจ หนู… ... ก็ได้แต่ถอนหายใจ….”
ดงซูบินกำกำปั้นของเขา:“เขาคิดว่าเขาเป็นนายกเทศมนตรีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดหรือยังไง”
“อย่าพูดถึงเขาเลย” ฉูยวนยิ้มหวาน ๆ แล้วเอาผ้าเช็ดปากเช็ดข้าวบนใบหน้าของดงซูบิน “พรุ่งนี้เป็นการสอบของนาย นายจะต้องทำให้ดีที่สุดและอย่าให้ตระกูลซูดูถูกนายได้ แสดงให้พวกเขาเห็นว่าไม่เพียงแต่เสี่ยวตงเท่านั้นที่สามารถเข้ารับราชการได้ ซูบินของเราสามารถทำเช่นนั้นได้!”
ดงซูบินสูดหายใจลึก ๆ แล้วตอบว่า:“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะต้องสอบได้แน่นอน!”
ตอนนี้ในเพจลงถึงตอนที่ 26 แล้วนะ