ตอนพิเศษที่ 1 - จบชีวิตที่โดดเดี่ยว มุ่งสู่งานแต่งงาน [07-07-2020]
ตอนพิเศษที่ 1 - จบชีวิตที่โดดเดี่ยว มุ่งสู่งานแต่งงาน
”
ทั่วทั้งจักรวาลไม่อาจจะเฝ้าสังเกตทั้งหมดได้ง่ายๆ มีโลกได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และถูกทำลายไปอยู่ทุกขณะ มีโลกจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจจะพัฒนาและรวมไปถึงไม่อาจจะเชื่อมต่อกับบันทึกนภาทำให้โลกเหล่านั้นไม่อาจจะผลิตมานาขึ้นมาได้ ถึงแบบนั้นก็ยังมีโลกอีกจำนวนมากที่พัฒนาขึ้นมาอย่างราบรื่นแต่ว่าก็ไม่ได้มีเอกลักษณ์หรือร่องรอยอะไรพิเศษที่ดึงดูดสายตาสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ โลกทั้งหมดเหล่านี้ต่างก็ไม่อาจจะกลายมาเป็นโลกระดับสูง
และกับดักแห่งการฟื้นคืนที่ยูอิลฮานได้ทำไว้ก็ได้แผ่กระจายไปตามโลกเหล่านั้นผ่านโลกที่ใกล้เคียงกันและบังคับให้โลกเหล่านั้นต้องมาหลอมรวมเข้ากับเอิร์ธ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น..."
"นะ นี่คือมานา"
ยูอิลฮานไม่ได้จับเอากลุ่มโลกเข้ามารวมกันแบบมั่วๆ เขาได้ก่อตั้งภูมิภาคพื้นที่แบ่งแยกโลกด้อยวิวัฒนาการ โลกมีวิวัฒนาการและโลกระดับสูงด้วยการใช้ภูเขาและแม่น้ำใหญ่มาเป็นเส้นแบ่งเขต
เนื่องจากความหนาแน่นมานาจะเปลื่ยนแปลงไปตามภูมิภาคพวกนี้ทำให้มอนสเตอร์ที่มีอยู่ในแต่ล่ะภูมิภาคก็จะแตกต่างกันไป
"ในตอนนี้อิลฮานกำลังทำการสร้างอย่างตรงไปตรงมา..."
"ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย ทำไมฉันต้องมาทำงานหกวันแล้วมีเวลาพักแค่วันเดียวกันนะ ในอนาคฉันจะต้องมีเวลาพักหกวันต่อสัปดาห์"
"ถ้าตอนนั้นมาถึงฉันสงสัยจริงๆว่าในหนึ่งวันที่ทำงานนั่นนายจะทำงานขนาดไหนัน?"
โลกที่ยูอิลฮานกำลังสร้างขึ้นค่อนข้างที่จะคล้ายกันกับจักรวาลในอดีต เมื่อเขามองไปที่โลก โลกก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก แต่ว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมองดูทั้งโลกได้อย่างหมดจดนั่นคือยูอิลฮานเท่านั้น
แม้กระทั่งสมาชิกระดับสูงของดราก้อนเนสก็ยังทำไม่ได้ หากพวกเขาตั้งใจจะมองพวกเขาก็จะเห็นแค่มุมๆหนึ่งของโลกโดยที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดมุมๆนั้นจะอยู่ตรงไหน
"น่าทึ่ง ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเวทย์ที่ฉันได้เรียนรู้มาจนถึงตอนนี้... เวทย์เหล่านั้นทั้งหมดได้ถูกผสมกลายมาเป็นธรรมชาติของโลกใบนี้"
"ต่อให้ฉันหลอมรวมโลกทั้งหมดมาเป็นหนึ่งได้ แต่มันก็มีแต่จะทำให้เกิดความโกลาหลที่ไร้จุดจบขึ้นหากว่าฉันเอามารวมมั่วๆ การที่จะกลายมาเป็นโลกในอุดมคติแบบนี้มีแต่ต้องต่อจิ๊กซอว์ที่ล่ะชิ้นๆอย่างระมัดระวังเท่านั้น"
เพราะแบบนี้ยูอิลฮานจึงได้กำลังทำงานหลอมรวมโลกเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาเลยสำหรับคนอื่นๆ ผู้คนของเอิร์ธที่ได้กระจัดกระจายไปตามโลกต่างๆมากมายรวมถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกพวกนั้นได้ถูกอัญเชิญมาที่เอิร์ธอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็ได้ประสบกับความสับสนอยู่พักหนึ่ง
ยังไงก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ พวกเขาต่างก็มองเห็นถึงเมืองลอยฟ้าที่ยูอิลฮานอาศัยอยู่ สำหรับพวกเขาแล้วยูอิลฮานเหมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง พระผู้เป็นเจ้า และนี่ก็เป็นสิ่งที่ยูอิลฮานอย่างให้เป็น
"ผู้คนกำลังมองขึ้นมาที่พวกเรา!"
"พวกเขากำลังตะโกนอะไรซักอย่างอยู่แต่ว่าฉันได้ยินไม่ชัด"
"หากพวกเขาอยากจะให้ฉันตอบ ฉันก็จะตอบ แต่หากไม่ใช่แบบนั้นฉันก็ไม่คิดที่จะติดต่อใดๆกับพวกเขา"
เป้าหมายของยูอิลฮานนั่นก็ผสานโลกและเพิ่มความเข้มข้นให้กับพลังงานทั้งหมด เขากำลังคิดที่จะลบล้างวงจรการเกิดและตายของโลกด้วยการผสานโลกทั้งหมดที่มีศักยภาพเข้าด้วยกัน
และในเมื่อเขาทำได้สำเร็จแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาต้องไปแทรกแซงผู้อยู่อาศัยอีก
"อ่า ดูเด็กๆพวกนั้นสิ ดูเหมือนเด็กๆจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัยแล้ว"
"ฉันตั้งใจเอาไว้แบบนั้นแหละ... เด็กๆคนไหนที่เสียครอบครัวไปฉันจะเป็นคนดูแลเอง"
ยูอิลฮานได้พูดออกมาอย่างขมขื่นก่อนที่จะยื่นมือออกมา ทันใดนั้นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ได้ลอยขึ้นจากมุมหนึ่งของเมืองลอยฟ้าและลดระดับความสูงลง ในอนาคตเด็กๆที่สูญเสียครอบครัวไปจะได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของยูอิลฮาน
เลียร่าที่เฝ้าดูอยู่ได้ถามออกมาอย่างตั้งใจ
"อิลฮานนี่อาจจะเป็นคำถามง่ายๆสำหรับนายนะแต่ว่า... นายไม่คิดที่จะชุบชีวิตคนอื่นๆนอกจากเด็กที่ถูกขับไล่ออกไปในการขับไล่ครั้งใหญ่หรอ?"
"ฉันก็คิดไวแล้วว่าจะมีคนถามแบบนี้"
สำหรับยูอิลฮานที่มีศัยภาพในการทำอะไรก็ได้ในฐานะของคนที่จัดการดูแลทั้งวิญญาณและสสารแล้ว ปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับเขาเลยก็คือการตัดสินใจว่าจะชุบชีวิตใครและไม่ชุบชีวิตใคร
ในตอนเขายังคงเป็นมนุษย์ ยูอิลฮานมีวิธีและข้อแก้ตัวมากมายเนื่องจากว่าเขายังไม่เหมาะสมที่จะจัดการในวิญญาณ แต่สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
เขาเป็นพระเจ้าไปแล้ว และทั้งวิญญาณและร่างกายทั้งหมดอยู่ภายในอาณาเขตของเขา เพราะงั้นเขาสามารถจะเอาแต่ใจไม่สนใจเสียงร้องอะไรใดๆจากคนอื่นๆเลยก็ได้ ไม่มีใครที่จะทำอะไรกับเขาได้แล้ว
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ยูอิลฮานต้องตั้งใจคิดในเรื่องนี้มากๆ
"แต่ดูสิ ตอนนี้ทุกๆโลกได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว จิตวิญญาณดั้งเดิมทั้งหมดก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวแล้วเช่นกัน เพราะงั้นต่อให้ฉันไม่ได้ชุบชีวิตพวกเขากลับมาในร่างเดิม พวกเขาก็จะกลับมาเกิดใหม่บนโลกนี้ในอีกไม่นานเช่นกัน นี่ฉันยังต้องไปแทรกแซงอีกจริงๆงั้นหรอ? ฉันต้องไปแทรกแซงโอกาสหนึ่งในชีวิตด้วยการมอบชีวิตให้ผู้คน ซึ่งการแทรกแซงของฉันจะทำให้การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาสูญเปล่าและลดคุณค่าของพวกเขาลงงั้นหรอ?"
"แต่ว่าท่านจักรพรรดิ"
พัทที่รออยู่สักพักได้พูดขึ้นมา เขาคือคนที่ใกล้ชิดกับความตายและวิญญาณเป็นลำดับสองรองลงมาจากยูอิลฮาน เขาสามารถจะเข้าใจถึงความกังวลของยูอิลฮานเป็นอย่างดี
"ผมคิดว่าฟีเรียเธออยากที่จะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านจักรพรรดิ หากว่าเธอได้ทำการช่วยเหลือใดๆก็ตามให้ท่านจักรพรรดิมาถึงจุดนี้ ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นการดีหรอครับที่ให้เธอกลับมาในตำแหน่งเดิมเป็นรางวัล?"
"...รางวัลสำหรับเหล่าคนที่ได้ช่วยฉันในการขึ้นมาเป็นพระเจ้างั้นหรอ? หรือก็คือให้ยกเว้นผู้คนที่อยู่ในดราก้อนเนสและแบ่งแยกพวกเขากับคนปกติหรอ? นี่คือสิ่งที่นายกำลังจะบอกใช่ไหม?"
"ได้โปรดอภัยให้กับคำพูดของผมด้วยแต่ว่า... ก็ใช่ครับ สำหรับเธอที่ปรารถนาที่จะรับใช้ท่านจักรพรรดิต่อให้เป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของเธอก็ตาม ท่านจะไม่สงสารเธอเลยหรอ?"
ยูอิลฮานได้มองไปที่พีท พีทคือคนที่กลัวการถูกยูอิลฮานเกลียดยิ่งกว่าการตายซะอีกได้ตัวสั่นอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมถอย สถานการณ์แบบนี้ได้ดำเนินไปซักพักก่อนที่ยูอิลฮานจะถอนหายใจหยักหน้าออกมา
"ไม่เป็นไร แค่ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ"
"ท่านจักรพรรดิ!"
"ขอบคุณครับ ท่านจักรพรรดิ!"
เอลฟ์ทั้งสามได้กระโดดขึ้นมาอย่างดีใจ เนื่องจากว่าเขาอยู่ที่นี่แล้ว ยูอิลฮานจึงพูดกับคนอื่นๆเช่นกัน
"ในเมื่อฉันได้ตัดสินใจที่จะแบ่งแยกระหว่างสมาชิกของเรากับคนทั่วไปแล้ว ฉันก็จะต้องทำมันให้มากขึ้น คำพูดของพีทก็ไม่ได้ผิดเลย ทุกๆคนได้ช่วยฉันอยากมากในการมาเป็นพระเจ้า เพราะงั้นฉันจะให้พวกนายทุกคนได้โอกาสในการ 'โกง' เชิญพูดถึงสิ่งที่ต้องการมาได้เลย หลังจากการหลอมรวมโลกเสร็จสิ้นแล้วเรื่องนี้จะไม่ถูกอนุมัติอีกแล้วนะ"
"ถะ ถ้าครอบครัวของเราตายไปถ้างั้นก็ช่วย..."
"โอ้ ครอบครัวของครอบครัวสมิทสันทั้งสองคนได้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเธอสองคนไปเตรียมตัวพิธีแต่งกันได้เลย"
"ฉันอยากจะมีลูก!!! แอ๊กกกกก"
นายูนาได้ถูกสอยร่วงไปอย่างรวดเร็ว ยังไงก็ตามเลียร่าที่เป็นคนจัดการเธอก็ได้แสดงสีหน้าลำบากเล็กน้อย ทุกๆอย่างได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้ว
ตอนที่เธอเป็นทูตสวรรค์และตอนที่ยูอิลฮานยังเป็นมนุษย์ หรือตอนที่พวกเธาทั้งคู่ยังเป็นมนุษย์อยู่ พวกเธอสามารถจะรับมือคนอื่นๆได้อย่างง่ายดายด้วยเพียงมือข้างเดียว.... แต่ในตอนนี้ยูอิลฮานคือพระเจ้าที่่ดูแลโลกทั้งใบแล้ว
"หากฉันยังอยากจะผูกขาดเขาไว้เพียงคนเดียวฉันคงจะโลภเกินไป..."
"เลียร่า ถ้าเธออยากให้ฉันทำแบบนั้น ฉันก็จะมองแค่เธอ"
ยูอิลฮานได้พูดออกมา คำพูดเหล่านี้คือเรื่องจริง
"ยังไงก็ตาม... ใช่แล้ว ฉันขอโทษ ฉันคิดว่ามุมมองของฉันต่างไปจากเดิมแล้ว ถึงแม้ว่าฉันอยากจะมองแค่เธอเพียงคนเดียว แต่สุดท้ายคนอื่นๆก็ยังเข้ามาในความคิดฉันเช่นเดียวกัน บางทีมันอาจจะเป็นผลย้อนกลับจากการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมาอย่างยาวนานก็ได้ เพราะงั้นฉันก็เลยอยากเก็บพวกเธอทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนของฉัน ฉันอยากกอดพวกเธอเอาไว้แน่นๆไม่ปล่อยไปไหน"
"อ่า"
"อูววว"
ในตอนนี้เขากำลังตัวเกร็งสุดๆแล้ว ยังไงก็ตามเลียร่าก็แค่ยิ้มแห้งๆออกมาราวกับว่าเธอรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ยูอิลฮานที่ตอนแรกเป็นเหมือนกับกำแพงเหล็กกล้าต่อคนอื่นๆนอกจากเธอได้เริ่มที่จะยิ้มให้กับผู้หญิงคนอื่นๆเมื่อไม่นานมานี้
เธอไม่สงสัยอยู่แล้วว่าเขารักเธอมากที่สุด เธอได้ผูกขาดเขาเพียงคนเดียวมาถึงตอนนี้ก็ดีแล้ว เธอคนผู้หญิงคนแรกของพระเจ้าและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
"นายทำอะไรกับอารมณ์ของนายแค่เพราะความต้องการใช่ไหมล่ะ? ผู้คนบอกว่าคนที่ตกหลุมรักก่อนคือผู้แพ้ใช่ไหมล่ะ... เพราะงั้นฉันก็หวังว่านายจะยอมรับความรู้สึกทั้งหมดนั่นของนาย ฉันชอบนายที่เป็นแบบนั้นแหละ"
"พี่สาว... กรี๊ดดดดดด"
เลียร่าได้หันไปหยุดไม่ให้นายูนาพูด จากนั้นก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"กลับกันฉันจะต้องเป็นคนแรกที่ได้เข้าพิธีแต่ง พิธีที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ทุกๆคนได้รู้ว่าฉันคือภรรยาหลวง!!!"
"พี่สาว!"
"เลียร่า...!"
"เลียร่า ฉันรักเธอ!"
ผู้คนที่อยู่นิ่งเงียบด้วยความเป็นกังวลมาตลอดได้ส่งเสียงเชียร์กันออกมา
"เลียร่า... ขอบคุณนะ"
"นายมันเป็นคนที่แย่มาก แต่ฉันก็ยังรักนาย"
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนได้มองสลับไปมาระหว่างยูอิลฮานกับเลียร่า บางคนก็รู้สึกอายในขณะที่บางคนได้เต็มไปด้วยพลังใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทั้งสองคนจะได้เข้าใจกันและกันอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดแล้วข้อตกลงในเรื่องความสัมพันธ์ก็เป็นเอกฉันฑ์แล้ว
โอโรจิที่เฝ้าดูเงียบๆมาตลอดเวลาก็ได้เสริมขึ้นมา
"ในเมื่อท่านมีคนรักอยู่มากมาย มันก็คงยากแล้วล่ะที่นายท่านจะใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอีก"
"โอโรจิ นายอย่าได้ฝันเลย"
น้ำเสียงที่เฉียบคมของมิสทิคได้ทำให้โอโรจิหันมามองอย่างสับสน สีหน้าของเขาไร้ซึ่งเบาะแสใดๆและมองมาราวกับเขาเชี่ยวชาญในสกิลการแสดงแล้ว
"ฝันถึงอะไรงั้นหรอ?"
"อ๊า"
การหลอมรวมครั้งใหญ่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ในที่สุดเมืองลอยฟ้าก็ได้ไปตั้งอยู่ที่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก และผสานรวมเข้ากับโลก ในตอนนี้โลกทั้งหมดได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
"ว้าว ดูความหนาแน่นมานาสิ"
"บางทีอาจจะมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติก็ได้"
"อ่า ดูทองฟ้ารอบๆสิ อาจจะมีมังกรที่แท้จริงเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติก็ได้"
"ฉันแค่ล้อเล่นนะ แต่ว่ามันกลับเป็นเรื่องจริง!?"
หลังจากยูอิลฮานเสร็จสิ้นงานของเขาแล้ว เขาก็ได้สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธ์ลงไป จากนั้นก็ส่งเสียงให้ดังไปทั่วทั้งโลก
[สวัสดีคุณสุภาพบุรุษ์และสุภาพสตรี...]
***
การแต่งงานของยูอิลฮานกับเลียร่าได้ถูกวางแผนไว้ในวันถัดไป แต่แล้วสุดท้ายก็ล่าช้าไปถึงหนึ่งเดือน
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวมมนุษย์ทุกๆคนมาไว้ในที่ที่เดียว เพราะงั้นยูอิลฮานได้จัดสร้างงานแต่งไว้บนเมฆและร่ายเวทย์ให้ทุกๆคนสามารถจะมองงานแต่งของพระเจ้าได้ นี่คือข้อตกลงระหว่างเขากับเลียร่า
"ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมฉันถึงได้ต้องมาเป็นคนดำเนินงานแต่งนี้"
ลูซิเฟอร์กำลังใส่เสื้อสูทที่ทำให้เขารู้สึกจะไม่สบายตัว แต่ว่าราเซียได้เกาะแขนเขาเอาไว้แน่นและยิ้มออกมา
"มีแค่คนที่มีสติปัญญาอย่างท่านเท่านั้นที่จะจัดงานแต่งให้กับท่านยูอิลฮานได้"
"เธอยิ้มมากไปแล้วนะราเซีย"
"นั่นเพราะท่านในชุดสูทดูเท่มากไงล่ะ"
ลูซิเฟอร์ได้ส่งเสียงขึ้นจมูกออกมา ยังไงก็ตามรอยยิ้มราเซียก็มีแต่จะยิ่งมากขึ้น เธอมีความสุขที่เธอยังรับใช้ซาตานเคียงข้างเขาได้ต่อไป
"แล้วสถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง?"
"เป็นพลังพระเจ้า เป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะเข้าใจ"
"แล้วพระเจ้าก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์และกำลังจะแต่งงานกับใครสักคนงั้นหรอ?"
"บางทีเราอาจจะได้เห็นช่วงเวลาแห่งตำนานก็ได้"
แม้ว่าที่จัดงานแต่งจะใหญ่มาก แต่ภายในที่แห่งนี้ก็ยังมีคนอยู่นับไม่ถ้วน นี่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่ามีตัวแทนมากมายในโลกนับไม่ถ้วนที่อยากจะมามีส่วนร่วมในงานแต่งพระเจ้า และยังมีตัวแทนนับร้อยจากในแต่ล่ะโลกที่อยู่ใต้การปกครองของยูอิลฮาน
"ที่รักกำลังคิดอะไรอยู่หรอ?"
กาเบรียล ยูยงฮานได้มาสะกิดคิมเยซอลที่นั่งอยู่ในมุมๆหนึ่งนิ่งๆโดยไม่พูดอะไร ในที่สุดเธอก็หันกลับมามองสามีของเธอและหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งยักไหล่ออกมา
"ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับลูกชายเราเมื่อก่อน ฉันเป็นห่วงว่าเขาอาจจะไม่เคยได้เดทกับผู้หญิงสักคนไปทั้งชีวิต แต่พอมาตอนนี้มันน่าขำดีนะ มีคนมากมายที่สุดใจและรักเขา"
"ที่รักก็เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายเมื่อก่อนเหมือนกัน ในบางครั้งผมยังสงสัยเลยว่าทำไมคุณถึงมาแต่งงานกับผม"
"โอ้"
คิมเยซอลได้หรี่ตาลง เธอได้หัวเราะและพูดขึ้นมา
"คุณเป็นเพียงคนเดียวของฉันนับตั้งแต่ที่ฉันเจอคุณ"
"นี่คุณประจบผมนี่"
"แต่มันคือความจริง เพราะงั้นมันยิ่งน่าหงุดหงิดไงล่ะ ฉันอยากจะเจอคุณมากๆ แต่คุณกลับหาตัวได้ยากเนี้ยสิ"
"กาเบรียลเป็นชายที่ไม่เคยเห็นคุณค่าตัวเองตลอดเลย เขาเชื่อว่าทุกๆคนไม่มองมาที่เขาและชอบหมกหมุ่นในสิ่งที่เขาทำตลอด นี่แหละทำให้เขาถึงได้น่าดึงดูด"
ยูเรียลที่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆได้กล่าวเสริมขึ้นมา คิมเยซอลที่กำลังซึมซับบรรยากาศกับกาเบรียลที่ไม่ได้รู้เลยว่าสถานการณ์เขาเหมือนกับลูกชาย จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดทอง
"อะแฮ่ม ตอนนี้ฉันมีธุระต้องไปที่อื่น..."
"คุณคิดว่าคุณจะไปไหนกัน งานแต่งกำลังจะเริ่มแล้วนะ"
คิมเยซอลกำลังบีบนวดแขนของเขา ยูเรียลก็ยังมองมาที่คิมเยซอลด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ใช่ว่านี่ถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้วหรอเยซอล? คู่ของเธอได้แต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่ว่าฉันได้รอคอยมาหลายพันล้านปีแล้วนะ"
"...ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ"
เมื่อแขกทุกๆคนได้นั่งลงและฉากภาพสถานที่งานแต่งได้ถูกมองเห็นได้จากทุกๆที่ งานแต่งก็ได้เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากไม่มีใครที่จะขัดพิธีนี้ทำให้คู่บ่าวสาวได้เดินเข้ามาพร้อมๆกัน
"ว้าว"
"งดงามมาก..."
"หืม ฉันมองเห็นเจ้าบ่าวไม่ชัดเลย"
"ไม่มีทาง แม้แต่ในตอนนี้นายท่านก็ยังปกปิดตัวเองอยู่...?"
ยูอิลฮานได้ซ่อนตัวตนอยู่บางๆเพื่อขับเน้นความงามของเจ้าสาวเขา! เลียร่ากำลังใส่ชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ที่ซึ่งดึงดูดความสนใจจากแขกทุกๆคนในฐานะผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลก
ผมสีทองประกายและนัยน์ตาสีแดง แก้มสีชมพูอ่อนได้ดึงความสนใจจากทุกๆคน ชุดที่เข้ารูปอย่างสมบูรณ์แบบไร้ซึ่งจุดเปิดเผยผิวหนังใดๆ ในตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นเทพธิดาแห่งความรักและได้รับสิ่งที่นับได้ว่าเป็นชัยชนะในด้านความรักแล้ว พลังเวทย์ได้ถูกปล่อยออกมาเป็นประกายตามผิวหนังของเธอ เกิดขึ้นมาเป็นม่านพลังโปร่งแสงที่เข้าคู่กับชุดเดรสของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"เธอไม่อาจจะระงับความสุขของเธอได้แล้ว"
"อ๊า น่าอิจฉาจัง... ความอิจฉาเลียร่าของฉันมันมากจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว"
"ฉันด้วยๆ ฉันก็อยากจะแต่งงานกับคุณพ่อทูนหัวเหมือนกัน!"
""เธอไม่เกี่ยว""
ทุกๆคนต่างก็หลงไหลไปกับความงดงามของเจ้าสาว และยิ่งมีคนมองหาเจ้าบ่าวไม่เจอมากยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาสั้นๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนิรันดร์เจ้าบ่าวก็ได้เผยตัวออกมาและก้าวขึ้นมายืนบนแท่น
ลูซิเฟอร์ที่เป็นผู้ดำเนินงานได้มองไปที่ทั้งสองคนและพูดออกมา
"ความรักคือความงดงามที่ไร้ขีดสุด แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นสิ่งที่มืดมนและน่าเศร้าพร้อมๆกัน การแต่งงานคือพิธีกรรมการสาบานปฏิญาณตนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นงานที่เหมือนกับเต็มไปด้วยความโกหก หลอกลวง และปลิ้นปล่อนเช่นเดียวกัน ลองดูสิ เจ้าบ่าวที่อยู่ตรงหน้าฉันในตอนนี้กำลังจะรับเจ้าสาวอีกนับไม่ถ้วนในอนาคตอันใกล้นี้"
"เฮ้ เปลื่ยนคนดำเนินงานที"
ยูอิลฮานได้ค้านออกมา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ดำเนินงานสำรองแล้ว ลูซิเฟอร์ได้พูดคำพูดต่อไป
"แต่ถึงแบบนั้น คนทั้งสองที่ยืนอยู่จุดนี้ก็รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ฉันขอแสดงความนับถือในจิตใจดีงามของเจ้าสาว รวมไปถึงความไร้ยางอายของเจ้าบ่าวด้วยเช่นกัน"
"นาย! ไว้มาเจอกันหลังจบพิธีนะ"
"บ่าวสาวของเราได้มีการเชื่อมโยงกันอย่างแข็งแกร่ง ไม่มีใครที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้ เพราะงั้นไม่ว่าใครที่อยากจะร้องเรียนอะไรก็ตามจงหุบปากไปตลอดการหรืออยากจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งก็เข้ามา"
ไม่มีใครอยากจะเอาชีวิตไปทิ้ง และดูเหมือนคนที่นี่ก็เลือกที่จะหุบปากไปตลอด หลังจากนั้นคู่บ่าวสาวก็ได้กล่าวต้อนรับแขก หลังจากนั้นก็เหมือนกับฉากประชดที่ผู้อาศัยบนโลกได้กล่าวอวรพรให้กับพระเจ้าของพวกเขา ในท้ายที่สุดลูซิเฟอร์ก็ได้เริ่มกล่าวช่วงสุดท้าย
"นี่คือเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เป็นงานแต่งของพระเจ้า พระเจ้ายูอิลฮานน่าจะรู้ถึงเรื่องนี้เป็นอยากดี และในตอนนี้ถึงเวลามอบของขวัญแต่งงานให้กับเจ้าสาวของเขาแล้ว"
"...ฟู่"
ยูอิลฮานได้หยิบเอาแหวนเล็กๆออกมาถือด้วยมือที่สั่นเล็กน้อยอย่างเป็นกังวล แหวนนี้เป็นแหวนที่ทำขึ้นมาจากโลหะที่ลึกลงไปมีออร่าสีแดงเข้มอยู่ภายใน เมื่อเห็นแหวนอันนี้ดวงตาเลียร่าได้เบิกกว้างขึ้นมา
"อิลฮาน นี่นาย..."
"ที่งานแต่งล่าช้าก็เพราะฉันมัวแต่ทำเจ้าสิ่งนี้ ฉันได้ใช้โลหะทั้งหมดที่แตกต่างกันในโลกรวมไปถึงหัวใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทำมันขึ้นมา"
นี่คือสิ่งของที่ไม่อาจจะประเมินค่าได้ แหวนแต่งงานนี้คือสิ่งที่เขาใช้เวลาทั้งเดือนของเขาในการสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง แหวนวงนี้คือตัวแทนของโลกทั้งใบ
ยูอิลฮานรู้สึกอายเล็กน้อยทำให้เขาต้องเกาหัวและพูดออกมากับเธอ
"เธอจะเป็นที่หนึ่งสำหรับฉันตลอดไปเลียร่า ถ้าเธอต้องการฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอด ฉันรักเธอเลียร่า"
"อ่า..."
แหวนได้พอดีนิ้วของพวกเขาอยางสมบูรณ์แบบ นี่ได้สื่อถึงว่ายูอิลฮานได้ประกาศออกไปว่าเลียร่าจะยืนเคียงข้างเขาอย่างเท่าเทียมกัน เลียร่าได้ลูบแหวนของน้ำตาคลอ
"ฉันก็รักนายเหมือนกัน!"
"อืมม เอาล่ะ.... เฮ้ๆ ไอนั่นนะ ที่หลังจากพูดจบ"
เลียร่าไม่อาจจะห้ามใจได้อีกและเข้าจูบยูอิลฮาน เพราะแบบนี้เองทำให้พิธีได้วุ่นวายขึ้นมา ลูซิเฟอร์ได้ตะโกนออกมาอย่างรำคาญ
"พวกเขาทั้งคู่คือพระเจ้าและภรรยาของพระเจ้า เพราะงั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบนี้จะต้องเชื่อฟังและทำตามทั้งสอง! ตำนานบทใหม่จะเริ่มต้นขึ้น ณ จุดนี้! เฮ้! โยนช่อดอกไม้! ให้ตายสิ โยนช่อดอกไม้บ้าอะไรแบบนี้!"
เลียร่าที่ถูกกระตุ้นด้วยนิสัยลูซิเฟอร์ได้โยนช่อดอกไม้ไปข้างหลังของเธอและเข้าโจมตียูอิลฮานอีกครั้ง ยูอิลฮานได้ตัดสินใจเทเลพอตพวกเขาไปในห้องส่วนตัวในป้อมปราการลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว
ถึงจะไม่มีใครคาดคิดว่างานจะไปด้วยดี แต่สุดท้ายพิธีก็ได้จบลงด้วยความวุ่นวายและร่องรอยของคู่บ่าวสาวก็ได้หายไปหลังจากช่อดอกไม้ได้ลอยออกมา
"เอาล่ะนะ"
จู่ๆช่อดอกไม้ก็ลอยค้างอยู่กลางอากาศ คนที่ทำแบบนี้ก็คือเอิลต้า จิตสังหารได้พวยพุ่งออกมาจากร่างเธอ
"เราควรจะมาตัดสินกันว่าใครจะเป็นคนต่อไป?"
"...เสียใจด้วยนะ แต่ฉันจะไม่ยอมเสียที่สองไป"
คังมิเรย์ได้ยืนขึ้นและมองตรงไปด้วยสีหน้ามั่นใจ นายูนาได้หัวเราะออกมาแต่บนมือของเธอได้มีประกายพลังศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นมาแล้ว
"ฉันจะเป็นคนต่อไปจากพี่สาวเลียร่า"
"ไม่ ฉันต่างหาก"
"ฉันคิดว่าฉันคือคนที่เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงของที่รักคนแรกนะ"
ริมฝีปากของเฮเรียน่าได้ยกยิ้มขึ้นมาอย่างชั่วร้าย เธอไม่สนว่ายูอิลฮานจะมีภรรยามากแค่ไหน แต่ว่าเธอต้องการจะจัดลำดับชั้นให้ชัดเจน!
คนที่จะมีส่วนร่วมในการสู้ครั้งนี้ต่างก็เป็นผู้ทรงพลังกันทั้งนั้น สำหรับฟีเรียหรือเอริเซียต่างก็ไม่อาจจะยืนบนการแข่งขันนี้ได้เพราะพวกเธอไร้พลัง พวกเธอได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ พีทได้เดินไปร้องไห้อยู่ในมุมๆหนึ่งเท่านั้น ความเป็นจริงช่างโหดร้ายและเย็นชาอยู่เสมอ
"ดีล่ะ พวกเรากำลังจะเข้าสู่ช่วงถัดไปอย่างราบรื่น"
ลูซิเฟอร์ที่กำลังทำสีหน้าแปลกๆกว่าเมื่อก่อนได้หยิบไมโครโฟนขึ้นมาอีกครั้ง
"การแย่งชิงตำแหน่งภรรยาคนที่สองของพระเจ้า! ใครจะเป็นคนต่อไป? การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!"
"เฮ้ นี่นายลูซิเฟอร์!"
แน่นอนว่าใครจะเป็นคนที่สองไม่ได้สำคัญอีกแล้ว
ที่ชัดเจนคือยูอิลฮานจะไม่มีวันพูดคำว่าโดดเดี่ยวได้อีกแล้ว