GE343 สตรีตระกูลเป่ย กล่าวถึงคนเดียวกัน [ฟรี]
“คารวะผู้อาวุโส!”
ชายชราล่าสังหารมาทั้งชีวิต แต่เมื่อได้พบผู้เยาว์อาภรณ์ขาวเบื้องหน้า ตนกลับสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ผู้เยาว์เบื้องหน้าแผ่กลิ่นอายของผู้ที่สังหารขอบเขตตัดวิญญาณมามากมานนับไม่ถ้วน… กลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต กลิ่นอายที่อัดแน่นไปด้วยความชั่วร้าย ทำให้แก่นทองคำของชายชราแทนจะระเบิด
ชายชราคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่ในโลก แม้ตนจะมองเห็นหน้าผู้เยาว์ไม่ชัด แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายพลัง ราวกับเคยพบเห็นมาก่อน
ไม่นานนัก ผู้เยาว์คนนั้นสลายแรงกดดัน ชายชราเห็นใบหน้าของผู้เยาว์คนนั้นชัดขึ้นจึงกล่าว
“ท่านใช่ซัวหมิงหรือเปล่า?”
ผู้เยาว์คนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวผู้นี้คือหนิงฝาน ในแดนอสูรเขาใช้นามว่าลู่เป่ย แต่ในทะเลไร้สิ้นสุด เขาใช้นามว่าซัวหมิง
“ข้ารู้สึกราวกับเคยเจอท่านมาก่อน หากข้าจำไม่ผิด ท่านคือซัวหมิงผู้นั้น...”
ชายชรากล่าว เมื่อคราวอดีต ชายชราร่วมเดินทางมายังทะเลไร้สิ้นสุดร่วมกับหนิงฝาน แต่ชายชรายังคงไม่มั่นใจ เพราะนี่ผ่านมาเพียง 20 ปี เหตุใดจะแข็งแกร่งขึ้นได้มากขนาดนี้
“ข้าเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของคนผู้นี้… อืม… เราน่าจะเคยพบกันบนเรือล่องสวรรค์” หนิงฝานขบคิด เขาหวนนึกถึงคราวที่เข้าสู่ทะเลไร้สิ้นสุดใหม่ๆ ยามนั้นมีชายชราคนหนึ่งพูดคุยกับเขาถูกคอ
แม้หนิงฝานจะหายตัวไปจากทะเลส่วนนอกไปนานถึง 20 ปี แต่ชื่อเสียงของเขายังคงอยู่ไม่จางหาย
“ข้ามีนามว่าซุนปู้ยี่ ข้าจำได้ว่าเราเคยพบกันบนเรือล่องสวรรค์ ยามที่ข้าเดินทางมาทะเลไร้สิ้นสุด”
“ซุนปู้ยี่… ข้ามีเรื่องจะรบกวนถามท่าน หากท่านทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน” หนิงฝานกล่าว แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้ชายชราหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ท่านหมิงกล่าวมาเถอะ หากข้ารู้...ข้าจะตอบท่านโดยไม่ปิดบัง! เหตุใดข้าจะกล้ารับรางวัลจากท่าน!” ชายชราคิดว่า แค่เอาชีวิตรอดจากหนิงฝานได้ก็โชคดีมากแล้ว
“ท่านหมิงจะถามสิ่งใด...” ชายชรากล่าวอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าหนิงฝานจะไม่พอใจ
“ท่านรู้หรือเปล่าว่าข้าเข้าไปในดินแดนโลกล่มสลาย?”
“ข้ารู้...”
“ข้าไม่รู้ว่าข้าเข้าไปในนั้นนานเท่าไหร่… และที่นี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?”
“ท่านจากที่นี่ไป 21 ปี 9 เดือน ส่วนเรื่องสำคัญนั้น ข้าเพิ่งกลับออกจากการเก็บตัวฝึกฝน จึงรู้เรื่องราวไม่มากนัก แต่หากจะให้ข้าเล่าคงเสียเวลาท่าน เช่นนั้น ข้าจะสลักทุกลงไปในแผ่นหยกให้ท่านแทน… หากสิ่งที่ข้ารู้เป็นประโยชน์กับท่านข้าก็ดีใจ”
“ขอบคุณ ท่านรีบสลักลงแผ่นหยกเถอะ ผ่านมาตั้ง 21 ปี น่าจะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย” หนิงฝานเป็นกังวล เขามีสตรีสองคนที่เป็นห่วง หนึ่งคือสู่ฉุ่ยหลิง อีกหนึ่งคือชู่ซวนเชียนสื่อ… ยังเหลือเป่ยเซี่ยวเหมินอีกคนถึงความสำคัญจะน้อยลงหน่อยก็ตาม
“ขอรับ! ข้าจะเร่งทำให้เดี๋ยวนี้!” ซุนปู้ยี่กล่าวพลางนำแผ่นหยกออกมา จากนั้นสลักสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 20 ปีที่ตนรับรู้ลงไปอย่างระมัดระวัง
ความจำของผู้เชี่ยวชาญเหนือล้ำค่ามนุษย์ทั่วไปมาก การที่หนิงฝานขอให้อีกฝ่ายบันทึกความทรงจำลงแผ่นหยก ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อันใด
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก ชายชราก็สลักความทรงจำจนแล้วเสร็จ
หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ หงานฝ่ามือ แผ่นหยกที่อยู่ในมือชายชราหายไป ปรากฏอยู่ในมือหนิงฝานแทน
ชายชราตกตะลึง ที่ผ่านมาชายชราไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้มาก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจะทำได้ ความสามารถนี้...เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ!
“ท่านหมิงทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณแล้วเหรอ? เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ท่านยังอยู่ของเขตดวงจิตแรกเริ่มอยู่เลย!”
หนิงฝานไม่สนใจชายชรา เขาแผ่สัมผัสเทพดูสิ่งที่อยู่ภายใน ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นนำขวดโอสถใบหนึ่งออกมา โยนให้ชายชราแล้วจากไปอย่างไร้ร่องรอย
“รวดเร็วมาก! ท่านหมิง...คาดไม่ถึงว่าข้าจะได้เห็นท่านหมิงกับตา!” เมื่อหนิงฝานจากไป ศิษย์ของชายชราเร่งสูดหายใจลึก เมื่อครู่มันรู้สึกราวกับถูกภูเขาทับร่างจนหายใจได้ยาก
“เป็นวิชาด้าวย่างพริบตาจริงๆ! ผ่านไปแค่ 20 ปี… ท่านหมิงบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว!”
แต่เมื่อชายชราก้มมองขวดโอสถในมือ ดวงตาชายชราต้องเบิกกว้างอีกครั้ง
“โอสถก่อดวงจิต!”
ชายชรามีความสุขเป็นอย่างมาก เร่งเก็บขวดโอสถ หันหน้าไปยังทิศทางที่หนิงฝานจากไปพร้อมป้องมือให้ด้วยความเคารพ
“ขอบคุณท่านหมิงสำหรับของขวัญล้ำค่า!”
ศิษย์อาจารย์คู่นี้มาเพื่อหาแร่ไปขาย แม้จะถูกลอบจู่โจมจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับดีจนน่าเหลือเชื่อ
คู่ศิษย์อาจารย์เร่งจากไปอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องที่ได้พบหนิงฝานวันนี้ ทั้งสองไม่กล้าบอกกล่าวผู้ใด
“สหายเก่า...” ไกลออกไป หนิงฝานยืนนิ่งกลางท้องนภา ไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าเข้าใกล้ การที่ได้พบคนรู้จักเก่านับเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แม้โอสถก่อดวงจิตจะล้ำค่า แต่เขาก็ได้มาจากการสังหารศัตรูเป็นจำนวนมาก
หากเป็นในอดีต แค่โอสถก่อดวงจิตเม็ดเดียว ถึงกับทำให้แคว้นขนาดเล็กเกิดสงครามได้
“ครั้งหน้าที่ได้พบเป่ยเหยาและคนอื่นๆ พวกนางคงกลายเป็นสหายเก่า...”
เมื่อกลับมายังทะเลไร้สิ้นสุด หนิงฝานเปลี่ยนใบหน้ามาเป็นซัวหมิง ไม่ใช่ลู่เป่ยเหมือนคราวที่อยู่ในแดนอสูร
ศพนางสวรรค์และเยว่หลิงคงพักอยู่ในแหวน พวกนางเหน็ดเหนื่อยและบาดเจ็บจากการตามล่าของอสูรมิติ ยามนี้สมควรที่พวกนางจะได้พัก
“ทะเลไร้สิ้นสุด… ข้าหนิงฝานกลับมาแล้ว!”
ดวงตาหนิงฝานเป็นประกาย เขานำแผ่นหยกที่ได้จากซุนปู้ลี่ขึ้นมาอีกครั้ง ทาบลงบนหน้าผากและอ่านสิ่งที่อยู่ภายในทั้งหมดอย่างละเอียด
ผ่านไปครึ่งชั่วธูปไหม้หมดดอก หนิงฝานลืมตา
“สมาพันธ์นักฆ่าหมิง! ผู้เชี่ยวชาญแห่งทะเลส่วนในจัดตั้งและควบคุมขุมกำลังนี้อย่างลับๆ จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพวกมันมีเพียงหนึ่งเดียว...คือสังหารข้า!”
แววตาหนิงฝานแสดงออกถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจน ขุมกำลังแค่นั้นไม่คู่ควรให้เขาใส่ใจแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นทะเลส่วนใน หรือ 13 ขุมกำลังใหญ่ในทะเลส่วนนอก พวกมันทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
หากเทียบกันแล้ว หนิงฝานใจสนใจเรื่องของเกาะปีศาจสำราญมากกว่า เพียงแต่เรื่องที่สนใจไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอย่างหัวใจแห่งมารดาพิภพ แต่เป็นสู่ฉุ่ยหลิง
ก่อนเข้าสู่แดนอสูร หนิงฝานรู้ว่านางจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 30 ปี ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 20 ปี อาการบาดเจ็บของนางสมควรรุนแรงมากขึ้น หากยังปล่อยทิ้งไว้ นางจะต้องตาย
โชคดีที่หนิงฝานกลับมาพร้อมกับวิชาดาราทมิฬ ยามนี้ ไม่มีอาการบาดเจ็บใดที่เขารักษาไม่หาย
เขารักษานางให้หายเป็นปกติได้ ทั้งยังทำให้นางทรงพลังขึ้นมากได้
สิ่งที่หนิงฝานสนใจในเรื่องราวที่ผ่านมาตลอด 20 ปีมีเพียง 2 เรื่อง
หนึ่งคือเป่ยเซี่ยวเหมินแห่งวิหารสาบสูญ เก็บตัวฝึกฝนจนทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณสำเร็จ
อีกเรื่องคือเรื่องของเกาะมุกหยกฟ้า ก่อนหน้านี้ 3 ปี มีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางกลับมาจากสถานที่ลับแห่งหนึ่ง นามว่า ‘เส้นทางแห่งเต๋าที่สาบสูญ’!
สถานที่แห่งนั้นจะทำให้ผู้ที่เข้ามีอายุที่ยืนยาวราวกับไม่มีวันตาย
หนิงฝานเดาว่าเหตุที่ไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับเกาะมุกหยกฟ้า เพราะมีผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นอยู่
แต่หากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นตาย เกาะมุกหยกฟ้าคงไม่ปลอดภัยกับชู่ซวนเชียนสื่ออีกต่อไป
สตรีที่ทรงพลังก็ไม่ต่างจากกระถางขัดเกลาชั้นยอด มีบุรุษมากมายหมายตาพวกนาง ในช่วงสามปีนี้ สมาพันธ์สังหารหมิงได้เริ่มรุกรานเกาะมุกหยกฟ้า เหตุเพราะพวกมันได้ยินข่าวลือว่ารองผู้นำนิกายชู่ซวนเชียนสื่อ คือสตรีของซัวหมิง
ยามนี้ชู่ซวนเชียนสื่อบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้ว และหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณกลับมาจากเส้นทางแห่งเต๋าที่สาบสูญ นางก็ได้รับการดูแลและการฝึกฝนที่ดี จนยามนี้นางอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดแล้ว
เมื่อนางแข็งแกร่งขึ้น สถานะของนางก็สูงขึ้น ทำให้สตรีหลายคนอิจฉา จึงเปิดเผยเรื่องที่นางเป็นสตรีของหนิงฝานกับสมาพันธ์สังหารหมิง ทำให้พวกมันพุ่งเป้ามาที่นางแทน
แต่โชคดีที่นางยังทุ่มเทเก็บตัวฝึกฝนจนไม่ได้ออกจากเกาะ จึงทำให้พวกมันทำร้ายนางไม่ได้
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา การที่สมาพันธ์สังหารหมิงพุ่งเป้าไปที่ชู่ซวนเชียนสื่อ ทำให้เขาโกรธมา
“ยามนี้นางเก็บตัวฝึกฝนอยู่ คงหายห่วงได้สักระยะ ยามนี้ข้าสมควรช่วยสู่ฉุ่ยหลิงก่อน ค่อยไปดูให้เห็นกับตาว่าสมาพันธ์สังหารหมิงจะเก่งกาจขนาดไหน!”
ร่างหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นหมอกม่วง มุ่งตรงไปยังเกาะปีศาจสำราญอย่างรวดเร็ว
แม้จะเพิ่งกลับมา แต่ดูเหมือนมีหลายเรื่องให้ต้องสะสาง
หากไม่ละเลงเลือดที่นี่ คงไม่มีผู้ใดเกรงกลัว!...
ณ แดนสวรรค์เหนือ ดาราเต่าทมิฬ… สตรีนางหนึ่งเหยียบกระบี่ทะยานเวหาอย่างงดงาม นางฝึกฝนกระบี่อยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าโลกแห่งความว่างเปล่า เป็นจักรวาลกลาง สมบัติของจักรพรรดิเซียนเจี่ยจางเป่ย นางคือเป่ยลี่
นางเร่งออกจากการฝึกฝน มุ่งหน้าไปยังเขาทะเลหมอกเพื่อช่วยน้องสาวของตนทะลวงขอบตัดวิญญาณ
เหตุที่นางรู้เพราะมีผู้ทำนายดวงชะตาบอก
“เซี่ยวเหมินทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว ในที่สุดนางก็ทำสำเร็จ สมควรแก่เวลาที่นางต้องกลับมายังแดนสวรรค์เหนือแล้ว”
เป่ยลี่กล่าวกับตนเอง… ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดนางก็ไปถึงอนุสรณ์จากรึกชื่อ
สถานที่แห่งนั้น มีสตรีนางหนึ่งทำหน้าที่เฝ้า นางถือแส้สีแดง ใบหน้ารูปไข่นักถนุถนอม แต่ยามนี้ นางกำลังประลองกับคนผู้หนึ่ง ซึ่งคนผู้นั้นคือน้องสาวของเป่ยลี่...เป่ยเซี่ยวเหมิน
ดูเหมือนสาวน้อยนางนั้นจะไม่รู้จักเป่ยเซี่ยวเหมิน หากการประลองในครั้งนี้ทำให้เซี่ยวเหมินบาดเจ็บ สาวน้อยคงเดือดร้อนไม่น้อย
เมื่อเห็นเป่ยลี่ สาวน้อยนางนั้นหยุดประลอง เร่งคาวะให้เป่ยลี่
“เซี่ยวเหมิน เจ้าก่อเรื่องอีกแล้ว เจ้าพึ่งบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ ระดับพลังยังไม่เสถียร ทำไมถึงมาประลองแบบนี้? เจ้าก็รู้ว่าเจ้าสู้นางไม่ได้”
“ฮึ่ม! ท่านดูแคลนข้า ถ้าไม่เพราะเรื่องร่างกายข้า ข้านี่แหละแข็งแกร่งที่สุด… ฮึ่ม! เมื่อครู่ข้าผ่านการทดสอบแรกไปแล้ว แต่นางก็เอาแต่พูดชื่อหนิงฝานอยู่ได้น่ารำคาญ”
“เด็กโง่… นายน้อยหนิงฝานเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มาก ศิษย์น้องข้าแค่นับถือเขาจากใจ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้ารำคาญ”
เป่ยลี่หวนนึกถึงหนิงฝาน
“นายน้อยหนิง… น่าแปลก ปกติท่านพี่ไม่ชอบบุรุษไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึงได้สุภาพกับคนที่ชื่อหนิงฝานนัก?”
เป่ยเซี่ยวเหมินยืนมือไพล่หลัง จ้องมองเป่ยลี่ที่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา ว่ากำลังมีความสุข
“ท่านพี่… หรือว่าท่านชอบนายน้อยหนิง? แต่ถึงหนิงฝานจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็แค่คนของโลกมนุษย์เท่านั้น...”
“ฮึ่ม! เซี่ยวเหมิน ดูเหมือนเจ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรจากโลกมนุษย์เลย ยิ่งนับวันเจ้ายิ่งเย่อหยิ่งถือดี… ไม่ว่ายังไงข้าก็ชอบเขาอยู่ดี!” เป่ยลี่หน้าแดง
“ก็ข้ารู้ว่าท่านพี่นิสัยเป็นยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านจะชอบคนบนโลกมนุษย์… แต่จะว่าไป ข้าเองก็รู้จักคนอยู่ผู้หนึ่งในโลกมนุษย์ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และเก่งกาจไม่แพ้นายน้อยหนิงของท่าน!”
“นายน้อยหนิงของข้าอะไรกัน… ว่าแต่คนที่เจ้ารู้จักเป็นใคร มีพลังระดับไหน?” เป่ยลี่กล่าวถามด้วยความสนใจ
“เขาชื่อซัวหมิง เป็นผู้เยาว์เหมือนข้าแต่ชอบข่มเหงข้า! แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์มาก แข็งแกร่งมาก แต่ 20 ปีมานี้เขาหายตัวไปที่ไหนไม่รู้… ฮึ่ม คิดถึงแล้วหงุดหงิด!” เป่ยเซี่ยวเหมินกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
แต่การที่นางโกรธให้บุรุษ ทั้งยังจดจำเรื่องราวของคนผู้นั้น แสดงว่านางก็ชอบซัวหมิงผู้นั้นเหมือนกัน!
“เด็กโง่...” เป่ยลี่ดูออกว่าน้องสาวนางก็ชอบซัวหมิงผู้นั้น
“แล้วซัวหมิงผู้นั้นมีอายุกระดูกกี่ปี? แต่ถึงจะเก่งกาจยังไง ข้าก็เชื่อว่ายังเทียบกับผู้เยาว์ในแดนสวรรค์ไม่ได้”
“อืม… เขาแข็งแกร่งขนาดไหนข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาอยู่ของเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง อายุกระดูกไม่ถึง 400 ปี… แต่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน” เป่ยเซี่ยวเหมินกล่าว
“อายุกระดูก 400 ปีบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด… ถือว่าไม่เหลว แต่ยังเทียบนายน้อยหนิงที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณในอายุกระดูกที่ใกล้เคียงกันไม่ได้” เป่ยลี่ส่ายหน้าพลางกล่าว
“ใครบอก! ถึงซัวหมิงจะอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แต่เขาสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้ และเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ด้วย” เป่ยเซี่ยวเหมินกล่าวด้วยความภาคภูมิ ราวกับซัวหมิงผู้นั้นเป็นบุรุษของนาง
“นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5! นายน้อยซัวเองก็ไม่เลว นับเป็นผู้มีพรสวรรค์” เป่ยลี่กล่าว
“ท่านพี่จะเรียกเขาว่านายน้อยซัวไม่ได้! ท่านไม่รู้จักเขา ท่านไปหาหนิงฝานของท่านนู่น… ซัวหมิงเป็นของข้า!” เป่ยเซี่ยวเหมินกล่าวอย่างหนักแน่น ดูเหมือนนางจะชอบซัวหมิงจริงๆ
“เซี่ยวเหมิน อย่าลืมว่าเจ้ามีพันธะผูกพันธ์ของตระกูลอยู่… ว่าแต่แหวนเย่าหยวนของเจ้าไปไหน! อย่าบอกนะว่าให้ซัวหมิงไปแล้ว!” เป่ยลี่ขมวดคิ้ว สีหน้าแปรเปลี่ยนจริงจัง
“ข้ามอบแหวนเย่าหยวนให้ทหารศิลาดูแล… ส่วนเรื่องการมั่นหมาย ข้าจะไม่แต่งงานกับตระกูลนั้นเด็ดขาด!” นางไม่ได้บอกว่านางเสียทั้งทหารศิลาและแหวนเย่าหยวนให้หนิงฝาน
“น้องข้า ถึงเจ้าจะไม่แต่งงานกับตระกูลนั้น แต่เจ้าก็แต่งงานกับซัวหมิงไม่ได้อยู่ดี...”
„
แต่ในขณะที่พวกนางพูดคุยกันอยู่นั้น กลิ่นอายขอบเขตหลีกหนีความจริงปรากฏ แสงสีม่วงพุ่งตรงมายังเขาทะเลหมอก
“ท่านแม่? ท่านมาที่นี่ได้ยังไง!”
“ข้ามีของมาให้เจ้า เป็นสิ่งที่จะช่วยรักษาเจ้า...” เป่ยเหยาปรากฏกายอย่างงดงาม นางกับทำให้สิ่งต่างๆรอบกายหม่นหมองเพราะไม่อาจเทียบความงามนางได้
เป่ยเหยาพับแขนอาภรณ์ นำผลึกดาราสีดำประกายออกมาให้เป่ยเซี่ยวเหมิน
“เหมินเอ๋อร์ พอเจ้ากลับไปที่โลกพิรุณแล้ว ให้เจ้าดูดซับสิ่งนี้ มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเจ้า”
“ขอบคุณท่านแม่!”
นางรู้สึกขอบคุณมารดาของนางมาก เพราะในที่สุด ร่างกายของนางก็จะเป็นปกติแล้ว
“พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?” เป่ยเหยากล่าวถาม
“กำลังคุยกันว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน… ข้าเชียร์ซัวหมิง ส่วนท่านพี่เชียร์หนิงฝาน!” เป่ยเซี่ยวเหมินแลบลิ้นราวกับเด็ก
“ใครบอกว่าข้าชอบหนิงฝาน...” เป่ยลี่แค่เสียงพลางกล่าว
“ข้าว่าบางที ซัวหมิงและหนิงฝานที่เจ้าพูดถึง อาจจะเทียบกับคนผู้หนึ่งไม่ได้”
“ใครเหรอท่านแม่?” เป่ยเซี่ยวเหมินเพิ่งขึ้นมาจากโลกพิรุณ เป่ยลี่เพิ่งออกจากการเก็บตัวฝึกฝน จึงไม่รู้ว่าในแดนสวรรค์เหนือมีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้น
“ตอนนี้เหล่าผู้ถูกเลือกของแดนสวรรค์เหนือ ยอมสยบให้กับผู้เยาว์ผู้หนึ่ง… คนผู้นั้นอยู่ในโลกมนุษย์ เอาชนะซื่อฉวน สังหารหลินซู ต่อสู้กับอสูรมิติเพียงลำพัง… ทั้งกลายเป็นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งดาราสมุทร… คนผู้นั้นชื่อลู่เป่ย เป็นผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด!” เป่ยเหยากล่าวพลางแสร้งทำเป็นรู้จัก
“น่าแปลกที่ท่านแม่ชื่นชมมนุษย์...” เป่ยลี่และเป่ยเซี่ยวเหมินประหลาดใจ
น่าเสียดายที่พวกนางไม่รู้ ว่าคนที่พวกนางกำลังกล่าวถึง คือคนคนเดียวกัน!
และตอนนี้ คนผู้นั้นก็กลับสู่ทะเลไร้สิ้นสุดเงียบๆ และกำลังจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่อีกครั้ง...