Chapter 292: มังกรเขาเดี่ยว
งูพิษยักษ์นั้นเป็นงูที่ทรงพลังตัวหนึ่ง!
ด้วยขาที่เพิ่มเข้ามาทั้งสี่ข้าง มันสามารถเดินบนดินและว่ายในน้ำ มันมีความสามารถอันไร้จำกัด
แต่ทว่า คุณสมบัติอสรพิษของมันยังคงมีมากกว่าคุณสมบัติมังกร มันยังคงเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง! มันจำต้องผ่านการเปลี่ยนรูปอย่างสมบูรณ์ เช่นการเข้าสู่ภัยพิบัติ!
ตอนนี้ เกล็ดของงูพิษยักษ์ส่องประกาย มันเป็นหลักฐานว่ามันเก็บคุณสมบัติมังกรมากมายเอาไว้ภายในนั้น มันช่างเหลือเชื่อ
แต่ว่า ก็เป็นเพราะฟางหยวนกลับมาสิงร่าง ในอดีตที่ผ่านมาสิบปี มันได้ดูดซับพลังจากไข่มุกมังกรอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างมหาศาล เมื่อมันร้อง พลังปิศาจของมันก็ระเบิดออกจากร่างกายและทำหน้าที่ราวกับเป็นโล่ ขณะที่สายฟ้าเส้นหนึ่งฟาดเข้าใส่ร่างของมัน ก็เกิดรอยไหม้แต่ไม่ได้ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าจะมีภัยพิบัติสวรรค์ตามมาอีก มันก็คงสามารถรอดพ้นจากทั้งหมดด้วยพลังแข็งแกร่งของมันและเปลี่ยนร่างไปเป็นมังกร!
“ปิศาจอะไรเช่นนี้! เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถกลายร่างเป็นมังกรได้จริง? สำนักซวนเจินจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นได้หรอก!”
นักพรตชราเคราขาวกัดฟันแล้วคว้าเอาของวิเศษที่เปล่งประกายสีม่วงออกมา “ข้าขออัญเชิญปรมาจารย์ทั้งหมดแห่งสำนักซวนเจิน และด้วยความช่วยเหลือจากกรรม ทำลายสัตว์ร้ายตัวนี้เสีย!”
“ฝุบ!”
ของวิเศษชิ้นนั้นหมุนวนกลางอากาศและเกิดเป็นแสงสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้าไป
“ครืน! ครืน!”
เมฆดำชั้นหนึ่งก่อตัวขึ้น เต็มไปด้วยประกายสายฟ้าอยู่ด้านใน เป็นเมฆแห่งภัยพิบัติรวมเข้ากับสายฟ้าตามธรรมชาติ ความรุนแรงของภัยพิบัติเพิ่มขึ้นหลายเท่าในพริบตา
เพียงแค่สายฟ้าเส้นเดียว งูพิษยักษ์ก็กรีดร้องโหยหวนขณะเลือดสาดกระจายออกไป บนร่างปรากฏหลุมใหญ่ที่รอบ ๆ ปากแผลมีรอยไหม้ดำ
“ยันต์สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสมบัติวิเศษของสำนัก! มันมีอยู่อย่างจำกัดและทุก ๆ การใช้งานยังใช้กรรมและพลังชะตาของสำนักเป็นจำนวนมหาศาล...”
เด็กน้อยทั้งคู่ล้วนตกตะลึง
“งูพิษยักษ์ตัวนี้นั้นเผยคุณสมบัติของมังกรออกมาแล้ว หากพวกเราปล่อยให้มันเปลี่ยนร่างได้ มันจะยิ่งมีพลังมากกว่าเดิมมาก พวกเราจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นการคุกคามสำนักของพวกเรา พวกเราต้องสังหารมันเดี๋ยวนี้!”
นักพรตชราคำราม “พวกเจ้าทั้งคู่ รีบลงมือเร็ว!”
“ฆ่า!”
เด็กทั้งคู่สบตากัน เพียงแค่โบกมือ ปราณดาบสองสายก็ปรากฏขึ้น หนึ่งเขียวหนึ่งม่วง ทั้งคู่ส่งปราณดาบไปที่งูพิษยักษ์
เด็กทั้งสองนั้นเป็นร่างแยกของผู้อาวุโสสำนักซวนเจินอย่างแท้จริง พวกเขายังพกดาบสีม่วงและเขียว แม้ว่าดาบทั้งสองนี้จะเทียบไม่ได้กับสมบัติวิเศษของสำนัก ก็ยังนับเป็นของวิเศษอันทรงพลังและยังเทียบได้กับสายฟ้าแห่งภัยพิบัติ!
ประกายดาบและสายฟ้ารวมเข้าด้วยกันขณะที่พวกเขาเข้าล้อมงูพิษยักษ์
เป็นเรื่องฉุกเฉินแล้ว!
...
“บัดซบ! ทั้งหมดนี่มันเรื่องใดกัน?”
มันเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับฟางหยวนในการระบุตำแหน่งโลกด้วยตนเองและยังร่ายเคล็ดข้ามฝันด้วยตนเอง
แต่ว่า ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเข้าสู่อาณาจักรวารี
สัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงราวกับกำลังจะแยกฟางหยวนออกจากกายเนื้อและยังแยกเขาออกจากอาณาจักรวารี
เรื่องดีก็คือการข้ามมายังอาณาจักรวารีนั้นสำแดงผลไปแล้ว รวมทั้งกายเนื้อของเขาที่ในอาณาจักรนี้ด้วย มันจึงไม่ง่ายนักที่จะแยกฟางหยวนออกไปจากอาณาจักร เขาฝืนแทรกตัวเข้ามาในอาณาจักรแต่มันก็ราวกับเขาถูกกักเอาไว้ในกล่องไม้และหมุนไปรอบ ๆ จิตวิญญาณเขารู้สึกไม่สบายนัก
หลังจากการหมุนวนจบ เขาก็ลืมตาขึ้น เคล็ดข้ามฝันของเขานั้นสำเร็จแล้วเมื่อเขาเข้าสู่ร่างที่ทิ้งเอาไว้
เพียงชั่วสั้น ๆ เขาก็ปรับตัวเข้ากับร่างและข้อมูลต่าง ๆ ก็ผ่านเข้าสู่จิตใจของเขา
“อะไรนะ? ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว?”
“ร่างงูพิษยักษ์ของข้ากำลังรับภัยพิบัติอยู่งั้นรึ?”
ฟางหยวนมองขึ้นไปที่สายฟ้าและรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “มิใช่ว่าหนึ่งเดือนในต้าเฉียนเท่ากับหนึ่งปีที่นี่หรอกหรือ? เหตุใดจึงเป็นสิบปีได้เล่า? นี่เป็นเพราะภัยพิบัติสังหาร?”
แน่นอนว่า เขาจะค่อย ๆ คิดทบทวนเรื่องทั้งหมดนี้อย่างช้า ๆ ในภายหลัง ที่สำคัญที่สุด เขาต้องรอดชีวิตจากภัยพิบัตินี้ก่อน!
“ดีที่ข้านำกรรมที่ข้าได้รับมาด้วย แล้วก็ในเมื่อร่างนี้ได้เริ่มสลายไข่มุกมังกรและดูดซับธาตุมังกรอย่างช้า ๆ ย่อมไม่มีปัญหาใดในส่วนนี้!”
เขาเงยหน้าขึ้นและคิดถึงอย่างอื่นขณะสังเกตเมฆดำที่กำลังสลายไป
ในตอนนี้เอง ประกายแสงสีม่วงปรากฏขึ้นและทัณฑ์สวรรค์ก็ตวัดลงมาอีกครั้งนอกจากนี้ ยังมีประกายดาบอีกสองสายแวบผ่านมา หนึ่งเขียวหนึ่งม่วง และยังแฝงเจตนาสังหารเอาไว้
“บัดซบ!”
ฟางหยวนเดือดดาลอย่างหนัก “ใครมันกล้าโจมตีข้า!”
มีประกายสีทองแฝงในดวงตาของเขา เขาต้องการสังหารคนแล้ว
“ไป!”
เขากระตุ้นโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของตนเอง กรรมของมนุษย์เต๋าที่เหลืออยู่ปรากฏขึ้นในรูปดอกไม้สีทอง ดอกไม้สีทองลอยอยู่บนศีรษะของเขาก่อนที่จะหายวับไป
“ซ่า!”
การเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความฝันอันแท้จริงและอาณาจักรแห่งนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกขณะที่ดาบเวทย์สองเล่มปรากฏขึ้นตรงหน้างูพิษยักษ์ “ค่ายกลดาบคู่เพลิงวารี ลงมือ!”
“ฝุบ!”
ดาบธาตน้ำและไฟทั้งสองเล่มลอยออกไป สร้างค่ายกลดาบเล็ก ๆ แล้วเพียงแค่วูบเดียวมันก็กักปราณดาบสีม่วงและเขียวทั้งสองเอาไว้ในค่ายกล
แต่ว่า นี่คือทั้งหมดที่ฟางหยวนทันได้ทำ
ในครู่ถัดมา สายฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงและครอบคลุมลงที่งูพิษยักษ์
“ครืน!”
ทุกอย่างสั่นสะเทือน
ตามมาด้วยเมฆดำที่กระจายออกไปและแสงอาทิตย์ส่องผ่านหมู่เมฆลงมา ฉากทำลายล้างนั้นราวกับเป็นเพียงภาพมายา
“เอ๋? งูพิษยักษ์นั่นตายแล้วใช่หรือไม่?”
นักพรตชราและเด็กสองคนเหลือบมองกัน แล้วพวกเขาก็เดินขึ้นหน้าไป มองเห็นซากของงูพิษยักษ์ดุร้ายที่ยาวกว่าเก้าสิบฉื่อ
ศพนั่นมีสีดำสนิทและยังเต็มไปด้วยรูมากมายบนร่าง ทุกรูนั้นมีรอยไหม้และรอบด้านยังเงียบสงัดอย่างน่ากลัว
“มันเยี่ยมยอดมากที่ยังสามารถรักษาซากศพของตนเองไว้ได้ภายใต้ภัยพิบัติสวรรค์และยันต์สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของข้า!”
เด็กคนหนึ่งกระแอมออกมาและถามด้วยน้ำเสียงงุนงง “แล้วดาบธาตุน้ำและไฟไปไหนแล้วเล่า? ดาบที่กักปราณดาบของพวกเราเอาไว้!”
“เหอเหอ... งูพิษยักษ์นี่นับเป็นปิศาจอันทรงพลัง มันต้องมีของวิเศษใดอยู่กับตัว! พวกเราจะปล่อยให้เสียเปล่าไปมิได้!”
เด็กอีกคนหัวเราะและเดินเข้าไป กำลังจะกรีดเปิดส่วนท้องของปิศาจออก
“เอ๋? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง รีบออกไปจากที่นี่!”
นักพรตชราลูบคาง มองเด็กคนนั้นเดินเข้าไปที่ซากศพ เขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ว่า หยกชิ้นหนึ่งที่ข้างเอวของเขาจู่ ๆ ก็สั่งสัญญาณเตือนที่ทำให้เขาสันหลังเย็นวาบ
“ฝุบ!”
เด็กคนหนึ่งนั้นก้มลงไปและกำลังสำรวจซากศพของงูพิษยักษ์ เขาหลบไม่ทันและถูกดาบกระดูกขาวล่าปิศาจแทงใส่ โดยไม่ร้องสักคำ เขาล้มลงและวิญญาณก็ถูกทำลายไปด้วย ดาบสีม่วงเล่มเล็กหล่นลงพื้นและเสียงกระทบนั้นก็ดังก้องให้ได้ยิน มันยังเปล่งประกายอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติวิเศษและความไม่ยินยอมที่จะถูกทำลายไปทั้งอย่างนั้น
“ศิษย์น้อง!”
เห็นเช่นนี้ นักพรตชราและเด็กอีกคนก็เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ “เจ้าปิศาจ ตายซะ!”
“ฉัวะ!”
ประกายดาบและเคล็ดวิชาเวทย์ตัดผ่านซากศพออกเป็นชิ้น ๆ
แต่ว่า ภายในซากศพ มีประกายสีทอง เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
เงาร่างนั้นยาวเพียงสามฉื่อ มันเป็นงูสีเขียวทองตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง เกล็ดบนร่างนั้นเป็นสีเขียวที่เปล่งประกายสีทอง บนหัว มีเขาเล็ก ๆ เขาหนึ่ง
เมื่อมันมองมาทางพวกเขา ก็ไม่พบคุณสมบัติของอสรพิษอีกต่อไป กลับมีบรรยากาศทรงพลังราวกับมังกร!
มันไม่ใช่งูอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นมังกร!
การกลายร่างครั้งที่เจ็ดของเคล็ดเก้าขั้นมังกรกลาย! การกลายร่างมังกรเขาเดี่ยว!
มันมีบันทึกเอาไว้ มังกรน้อยที่มีหนึ่งเขานั้นก็คือมังกรเขาเดี่ยว! มันมีร่างของปลา หางของงู มีลวดลายบนตัวและมีหนึ่งเขาบนศีรษะ!
อันที่จริง นี่ก็คือลักษณะของมังกรก่อนที่จะโตเต็มวัย
แม้ว่ามันจะดูอ่อนเยาว์ มันก็ยังคงเป็นมังกรตัวหนึ่ง! มันไม่ใช่ปลาและงูอีกต่อไปแล้ว และคุณสมบัติวิเศษของมันก็ด้วยเช่นกัน! มันสามารถกำจัดพิษได้ และยังให้ความรู้สึกทรงคุณธรรม
“สวรรค์ตาบอดแล้วที่ปล่อยให้เจ้ากลายร่างเป็นมังกรได้!”
นักพรตชราผิดหวังอย่างที่สุด
มังกรนั้นเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งปวง พวกมันสามารถควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศได้ราวกับเทพเจ้า ปิศาจใดที่สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ย่อมนับว่าทรงพลังนัก! เป็นเทพปิศาจ! พวกมันล้วนยอดเยี่ยม
หรือในอีกทางหนึ่ง ตอนนี้ฟางหยวนนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นเทพมังกรแห่งตำหนักมังกรทอง ตามระดับพลังและชนิดของตน
ส่วนหนึ่งนั้นเป็นโชคชะตาที่เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ ผู้ฝึกตนล้วนหลีกเลี่ยงที่จะสังหารมังกรเพราะไม่ให้พลังชะตาตกต่ำลงและอาจจะต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์เสียเอง!
หลังจากผ่านภัยพิบัติมาได้ ตอนนี้ฟางหยวนก็เป็นมังกรตัวหนึ่งแล้วและยังต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง!
“สวรรค์ยุติธรรมต่อทุกชีวิต! ในเมื่อทุกคนได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน เหตุใดข้าจะเป็นมังกรไม่ได้?”
แสงสีทองสว่างเรือง ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดคลุมสีทองปรากฏตัวขึ้น เป็นฟางหยวนนั่นเอง
แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เพียงร่างพลังหยินอีกต่อไป แต่เป็นกายเนื้ออย่างแท้จริง
ปิศาจระดับสูงล้วนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างร่างเนื้อ
ในเคล็ดเก้าขั้นมังกรกลาย ฟางหยวนนั้นจะสร้างร่างเนื้อได้นั้นต้องอยู่บรรลุระดับการกลายร่างครั้งที่เจ็ดเสียก่อน
และร่างเนื้อที่สร้างขึ้นนั้นยังเป็นมนุษย์อายุราวสิบสี่สิบห้าปีและมีรูปลักษณ์งดงาม ไม่เหมือนปิศาจอื่น ๆ
ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและพูดต่อ “ดูพวกเจ้าสิ พวกเจ้าเป็นมนุษย์เต๋า และยังหวาดเกรงผู้อื่นจะมาแบ่งกรรม เจ้าบอกว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรม แต่ที่จริงแล้ว เป็นพวกเจ้าต่างหากที่เห็นแก่ตัว! มนุษย์เต๋าล้วนไม่เอาถ่าน!”
นักพรตชราและเด็กอีกคนที่เหลืออยู่มองฟางหยวนหัวใจกระตุก
ในพริบตานั้น พวกเขารู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นผู้ผิดจริง
“ช้าก่อน... นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาปิศาจของมัน! อย่าได้สับสนไป!”
นักพรตชรามีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วและคำรามออกมา
ขณะที่เขาร่ายคาถา รอบตัวของเขาก็มีแสงปกคลุมราวกับเป็นฟองอากาศ เกิดเป็นเกราะป้องกันรอบตัว
เด็กที่เหลืออยู่ แม้จะเป็นร่างแยกของผู้อาวุโสผู้หนึ่ง แต่มิได้มีระดับการฝึกตนเทียบเท่าปกติ จึงยังยืนอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ฝุบ!”
ฟางหยวนไม่ปล่อยให้โอกาสนี้เสียเปล่าไป เพียงแค่ดีดนิ้ว ค่ายกลดาบคู่เพลิงวารีก็ลอยออกไป สร้างค่ายกลดาบและกักเด็กคนนั้นเอาไว้ภายใน เขาปล่อยปราณดาบจากดาบทั้งสองเล่มและในพริบตา ดาบเวทย์สีเขียวก็หล่นลงพื้นและสั่นไปมา
“เจ้า...”
เห็นฟางหยวนเดินเข้าไปเก็บทั้งดาบสีม่วงและเขียวขึ้นมา นักพรตชราก็เกรี้ยวกราด ดาบทั้งสองยังคงสั่นแต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน นักพรตชรากระอักเลือดออกมาคำโตและเดือดดาลขึ้นไปอีก
แม้ว่าเด็กทั้งสองนี้จะเป็นร่างแยกของผู้อาวุโสที่ฝังเอาไว้ในดาบวิเศษ พลังของพวกเขาในตอนนี้ก็จำกัดนักและยังสูญเสียของวิเศษทั้งคู่ไป
“เจ้าปิศาจ! เจ้ากล้าเอาดาบบินของสำนักข้าไปงั้นรึ?”
นักพรตชรากระวนกระวาย และโบกแขนเสื้อ เชือกสีดำสองเส้นลอยเข้าหาฟางหยวนเหมือนงูดำและรัดรอบดาบสีม่วงและเขียว
ไม่เพียงเท่านั้น นักพรตชรายังร่ายเคล็ดวิชาพยายามปลุกดาบทั้งคู่ขึ้นมาอีกครั้ง
“สมบัติวิเศษของสวรรค์เป็นของผู้ที่เก็บมันไว้ได้... ตอนนี้มันอยู่กับข้า ย่อมต้องเป็นของข้า!”
ฟางหยวนหัวเราะอย่างยินดี
ในเมื่อตอนนี้พวกเขาเป็นศัตรูกัน เหตุใดจึงต้องคืนอาวุธให้พวกมันด้วย?
ตั้งแต่ที่เขาสังหารผู้อาวุโสชิงเฟิง การต่อสู้ระหว่างสำนักนั่นและเขาก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว มีเพียงฝ่ายเดียวที่จะหลงเหลือรอดอยู่ได้
เมื่อคิดดูแล้ว ฟางหยวนก็รีบใช้ดอกไม้แห่งกรรมของตน เมื่อถูกใช้ไป อาการต่อต้านของดาบทั้งคู่ก็เริ่มลดลง
“ดีงามกระไรเช่นนี้!”
ฟางหยวนยินดีมาก “อย่าได้คิดจะนำดาบทั้งสองกลับไปได้เลย!”