GE341 ส่งลู่หวู่ [ฟรี]
1 วัน… 10 วัน… 100 วันผันผ่าน
หนิงฝานใช้เวลาทั้งหมด 100 วันในการดูดกลืนผลึกดารา 5 หมื่นผลึก
รอบข้างมืดสนิท มีเพียงตัวเขาที่เปล่งแสงดาราระยิบระยับ
“ได้เวลาแล้ว...” หนิงฝานลุกยืนช้าๆ ยามนี้ปราณปีศาจในร่างของเขามีทั้งหมด 83470 เกราะ และปราณปีศาจของเขาก็ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลางแล้ว
ยามนี้ปราณปีศาจและปราณอสูรมีมากเกินกว่า 5 หมื่นเกราะ เหลือเพียงปราณดั้งเดิมเท่านั้นที่ต้องยกระดับ
หากผสานปราณทั้งหมดเข้าด้วยกัน พลังของหนิงฝานสมควรยกระดับถึงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง หากผสานกับวิชาดึงวิญญาณ ระดับพลังของเขาสมควรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
นอกจากปราณปีศาจที่ยกระดับ ร่างกายของเขาก็ยกระดับไปยังขอบเขตกระดูกหยกที่ 3 แต่เมื่อผสานกับร่างกายที่ยกระดับที่ด้วยวิชาแปลงศพ ทำให้หนิงฝานมีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ที่บรรลุขอบเขตกระดูกหยกที่ 4!
นั่นหมายความว่า เขาสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดได้ด้วยมือเปล่า!
แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดคือสิ่งที่ไม่ใช่การยกระดับพลัง
ตาขวาหนิงฝานปรากฏดาราปีศาจดวงที่ 2 นามว่า ‘ดาราเสริมกาย’! สามารถหยิบยืมพลังดาราเพื่อรักษาร่างกายที่บาดเจ็บได้
หนิงฝานชี้นิ้วขึ้นบนท้องนภา ดาราทมิฬ 5 ดวงปรากฏ
แสงดาราทมิฬที่ฉายอาบ ทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการรักษาที่ทรงอานุภาพ เทียบเท่าโอสถผันแปรที่ 5
“หากข้าสร้างดาราแห่งชีวิตได้ล้านดวง ระดับเพิ่มพูน ต่อให้เป็นเซียนก็สังหารข้าไม่ได้! ช่างเป็นวิชาที่ทรงพลังนัก หากข้าแข็งแกร่งขึ้น อานุภาพของวิชาก็ยิ่งเพิ่มพูน”
หนิงฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เดิมทีเขาหมายครอบครองดาราจักรพรรดิเพื่อยกระดับพลัง แต่ยามนี้ดูเหมือนสิ่งที่ได้จะมากกว่านั้นจนคาดไม่ถึง
หากหนิงฝานกลับไปยังทะเลไร้สิ้นสุดยามนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดที่จะทำอันตรายเขาได้ ต่อให้เป็นลู่เจี่ยเฟินพบเขา มันยังต้องถอย
“วันที่ข้าเข้าสู่ทะเลไร้สิ้นสุดครั้งแรก ข้าสังหารคนของวังผนึกอสูรไปมากมายเพื่อช่วยเชียนสื่อ… ตอนนี้ พวกมันไม่นับเป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง ก็ไม่มีผู้ใดสู้ข้าได้!”
“หากกลับสู่ทะเลทะเลส่วนนอก ข้าคงต้องช่วยเยว่เอ๋อร์คืนสู่เกาะมิติเทพ จากนั้น… ก็ถึงคราวที่ข้าต้องกลับบ้าน ข้าจากที่นั่นมานานมากแล้ว”
หนิงฝานมองดาราเหนือศีรษะด้วยสาตาที่อ่อนโยน
เขามีภรรยา มีอาจารย์ และน้องชายที่รออยู่...
“ข้ายังมีมารดาอยู่ด้วย...” เมื่อครั้งที่ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ เขาได้เข้าไปอยู่ในโลกใบหนึ่งที่มีมารดาอยู่ข้างกาย ภาพเหตุการณ์ในยามนั้น เขาไม่เคยลืม
บางที… มารดาของหนิงฝานอาจมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง
“ข้าไม่มีบิดาและมารดาข้างกายยามเด็ก จึงไม่รู้จักความอบอุ่นที่ได้จากพวกท่าน… น่าเสียดายที่ได้อยู่กับท่านแม่น้อยไป แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็อยากจะเจอท่านแม่สักครั้ง”
จิตใจหนิงฝานคืนสู่ความสงบ เขารู้ว่ายามนี้ยังไม่ใช่ยามที่ตนเองจะคิดเรื่องเหล่านี้
เมื่อถึงคราวที่ต้องกลับไป คงมีทั้งคนที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง และคนที่ต้องแยกจาก
การได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับพวกนาง จะเป็นความทรงจำที่หนิงฝานไม่มีวันลืม
เขาไม่เคยพูดคำหวานกับสตรีของตน เขาเพียงแสดงออกอย่างจริงใจกับพวกนาง แม้จะพึ่งพบพานพวกนางได้ไม่นาน แต่เขาก็ไม่อยากแยกจากพวกนางแม้แต่น้อย
ยามนี้ ยังเหลืออีกหนึ่งสิ่งที่หนิงฝานต้องทำ นั่นคือช่วยปลดผนึกให้ลู่หวู่
หากมันหลุดจากพันธะนาการนี้ได้ มันจะโอกาสได้กลับไปเกิดใหม่ และเริ่มฝึกฝนวิชาอีกครั้ง
โลกในห้วงความคิดแตกสลาย ตัวเขาที่ยืนนิ่งอยู่ในวังยักษ์นับร้อยวันลืมตาขึ้นในที่สุด แรงกดดันของเขาเพิ่มพูนเป็นสองเท่า ดูราวกับว่าแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“ตื่นแล้วเหรอ? ดี...ดี… เจ้าบรรลุวิชาดาราทมิฬในเบื้องต้นแล้ว หากเจ้ามีโอกาสฝึกฝนวิชาต่อไป สักวัน เจ้าอาจจะกลายเป็นจักรพรรดิดาราคนใหม่!” ลู่หวู่จ้องมองหนิงฝาน
“ผู้อาวุโสชมข้าเกินไปแล้ว” หนิงฝานรู้ว่าตนเองยังห่างชั้นกับคำว่าจักรพรรดิดาราอยู่มากเกินจิตนาการ
“ก่อนหน้านี้ข้ากล่าวว่าจะช่วยข้าคลายผนึก… ยามนี้เข้าได้สืบทอดดาราจักรพรรดิ สมควรถึงเวลาเติมเต็มคำสัญญาแก่ท่าน!”
“คลายผนึก? ฮ่าฮ่า ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้” ดวงตาลู่หวู่เป็นประกาย มันถูกผนึกมานานแสนนาน ในแต่ละคืนมันต้องทนกับความเจ็บปวดที่ยกจะรับ
หากมันหลุดพ้นจากพันธะนาการ ดวงจิตของมันก็มีโอกาสไปเกิดใหม่ และเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง
สำหรับมนุษย์แล้ว ความตายคือสิ่งที่น่ากลัว แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้ว การถูกทำลายดวงจิตจนไม่อาจเกิดใหม่ได้นั้น เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า
โลกแห่งผู้เชี่ยวชาญคือโลกของคนที่เห็นแก่ตัว แต่อีกมุมก็ยังมีด้านดีอยู่เช่นกัน
“ผู้อาวุโสทนเจ็บสักเล็กน้อย ข้าจะช่วยท่านคลายผนึกเอง!”
หนิงฝานเยียบย่างนภาขึ้นไปบนหลังของลู่หวู่ นั่งลงบนนั้นพลางใช้มือสัมผัสกับผนึกที่อยู่บนร่าง ไม่นาน ปลายนิ้วของหนิงฝานก็ปรากฏเปลวเพลิง ผนึกปีศาจเปล่งพลังต่อต้านและเผานิ้วของหนิงฝาน
อำนาจของผนึกน่ากลัวกว่าที่หนิงฝานคิดไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัว เพราะเขามีวิชาดาราทมิฬช่วยฟื้นฟูนิ้วจนหายสนิทในเวลาอันสั้น
“ผนึกปีศาจนี้ใช้ลงทัณฑ์อสูรที่ทรงพลัง เมื่ออสูรตนนั้นตาย ดวงจิตจะถูกผนึกไม่ให้กลับเกิดใหม่อีกครั้ง ผู้ที่ลงผนึกได้นั้นคือผู้ที่ครอบครองโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ และมีเพียงผู้ครอบครองโลหิตระดับเดียวกันเท่านั้น จึงจะคลายผนึกได้”
ลู่หวู่กล่าวด้วยความขุ่นเคือง มันถูกสลักผนึกลงในร่างเมื่อคราวอดีต ดังนั้นมันจึงต้องทนทุกข์มาจนถึงวันนี้
“ถ้าเจ้าคลายผนึกได้จริง ความเจ็บปวดที่เจ้าว่าย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะข้าทนกับความเจ็บปวดมานับร้อยล้านปีแล้ว!”
แววตาของลู่หวู่หนักแน่นไม่หวั่นไหว แววตาเช่นนี้ หนิงฝานเคยพบเห็นจากความทรงจำของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ แม้จะต้องเผาโลหิตจดแห้งเหือด พวกมันก็ไม่ยอมจำนน นั่นคือจิตใจที่แข็งแกร่งของเผ่าพันธ์ฟู่ลี่
“ท่านวางใจเถอะ… ข้ารับปากลู่ตู้เฉินว่าจะช่วยท่าน ข้าย่อมไม่ผิดคำสัญญา… ผู้ที่ลงผนึกบนร่างท่านมีสายเลือดอสูรที่แข็งแกร่ง จนเกือบหลอมรวมโลหิตของเผ่าพันธุ์จักรพรรดิได้ครึ่งหยด แต่จำนวนแค่นั้นย่อมไร้ค่าในสายตาข้า!”
หนิงฝานขบกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตสีดำลงบนผนึกบนร่างของลู่หวู่ ส่งผลให้ผนึกสั่นเทาอย่างรุนแรง
โลหิตครึ่งหยดแล้วยังไง? หนิงฝานมีโลหิตเผ่าพันธุ์จักรพรรดิถึง 4 หยด ซ้ำยังเป็นโลหิตของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ที่ทรงพลัง
“สลายไปซะ!”
โลหิตสีดำแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำปกคลุมร่างลู่หวู่ เสียงแตกหักดังมาจากผนึกพร้อมกับผนึกที่ค่อยๆสลายไป
ร่างกายลู่หวู่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง มันดูดซับเอาปราณรอบข้างเข้าไป สีหน้าแปรเปลี่ยนตื่นเต้น
ผนึกคลายแล้ว! ดวงจิตของมันจะกลับไปเกิดใหม่ได้อีกครั้งแล้ว!
ลู่หวู่เปล่งเสียงคำรามดังสนั่น แสงสีขาวเป็นสายฉายขึ้นจากร่างลู่หวู่ มุ่งสูงขึ้นไปยังท้องนภา ดวงจิตของลู่หวู่ถูกนำพาขึ้นไปตามลำแสง
“ขอบคุณมาก… ขอบคุณจริงๆ! ข้าเฝ้ารอที่จะไปเกิดใหม่มานานมากแล้ว!”
“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงเติมเต็มคำสัญญาที่ให้ไว้เท่านั้น”
หนิงฝานถอยห่างจากร่างดวงจิตของลู่หวู่พลางมองอีกฝ่ายด้วยความดีใจ
สำหรับคนอื่นแล้ว ความตายเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่สำหรับลู่หวู่แล้ว การที่ตายและได้ไปเกิดใหม่นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่ก่อนที่ดวงจิตของลู่หวู่จะหายไป หนิงฝานนำขวดสุราสองขวดออกมาจากกระเป๋า ขวดหนึ่งถือไว้ อีกขวดโยนให้ลู่หวู่
“ข้าขอให้สุรานี้ส่งท่าน หากไม่ดื่มฉลองคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย!”
ลู่หวู่ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะหัวเราะชอบใจ จากนั้นเปิดขวดและยกสุราจนหมดในคราวเดียว
ยามนี้ สายตาที่ลู่หวู่จ้องมองหนิงฝาน คล้ายกับยามที่มันจ้องมองสหายคนสนิทของตน
“ฮ่าฮ่า… เป็นการฉลองที่ไม่เลว ทุกคนล้วนหวาดกลัวความตาย หวาดกลัวที่จะได้ไปเกิดใหม่ แต่สำหรับข้า การไปเกิดใหม่เป็นเพียงการเดินทางที่ยาวนานเท่านั้น หากมีโอกาส เราคงได้ดื่มสุราร่วมกัน”
ดวงจิตที่สลายหายไปของลู่หวู่ ทำให้หนิงฝานเข้าใจในชีวิตและความตายมากขึ้น
ชีวิตถัดไปของลู่หวู่อาจเกิดเป็นเพียงชาวนา ทหาร หรืออื่นๆ ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะได้กลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
วังยักษ์หม่นแสง เหลือเพียงหนิงฝานที่ยืนอยู่ภายในเพียงลำพัง เขาหวนนึกถึงตำราเล่มหนึ่ง
เขานำตำราที่เก็บไว้นานออกมา ตำราเล่มนี้เขาได้มาจากนิกายกุ่ยเชว่ ภายในตำราว่างเปล่า มีเพียงหน้าปกที่สลักข้อความไว้
เดิมทีหนิงฝานไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ แต่ยามนี้ เขารู้แล้วว่าเป็นผู้ใด เพราะจากลายมือบนหน้าปก เป็นลายมือเดียวกันกับเทพเซียนสื่อเซ่า
“ครั้งหนึ่งเทพเซียนสื่อเซ่าเคยร่วมพิธีส่งศพ...”
“วันนี้ข้าเองก็มีโอกาสได้ร่วมเหตุการณ์อย่างที่ท่านเคยประสบ ข้าได้ส่งผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ ให้เข้าสู่วัฎสงสาร ให้คนผู้นั้นได้มีโอกาสเกิดใหม่”
ขณะที่หนิงฝานกล่าวอยู่นั้น ตำราในมือก็เปล่งแสงสีม่วง มันพลิกเปิดไปยังหน้าแรกด้วยตนเอง กระดาษหน้านี้เดิมไม่มีตัวอักษรใดๆ แต่ยามนี้กลับปรากฏตัวอักษร
ผู้ที่ตายก็เหมือนตะเกียงที่มอดดับ วัฏสงสารก็เหมือนเปลวเพลิงที่จุดต่อชีวิตมนุษย์
แม้จะทรงพลังเพียงใด ยังไม่อาจหลีกพ้นความตาย ทั้งหมดคือสัจธรรม
หนิงฝานขมวดคิ้ว เพราะตัวอักษรที่ปรากฏทั้งหมดนั้น เกิดจากพลังแห่งชีวิต!...